เที่ยวเชียงใหม่ฉุกเฉินฉบับมนุษย์ออฟฟิศ

[Dockaturk]

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจในระดับชาวบ้านกันนะครับ ว่าเชียงใหม่ถ้าเทียบกับในจังหวัดอื่นในภาคเหนือ หรือแม้กระทั่งระดับประเทศ ขี้หมูขี้หมา 1 ใน 5 ก็ต้องติด เป็นเมืองที่น่ามาเที่ยวอย่างแน่นอน ชนิดที่ยอมกระโดดเตะเสาไฟฟ้าขาหักเป็นสองท่อนเป็นเดิมพัน และไม่ต้องกันไปเสิร์ชในกูเกิ้ลเพื่อหาสถิติตัวเลขอะไร

แน่นอน เมื่อมันเป็นที่หมายตาของนักท่องเที่ยวทุกหมู่เหล่า ไม่ว่าจะหน้าเก่าและหน้าใหม่ที่ยังไม่เคยมาสัมผัส (กรุณาอย่าได้หัวเราะคิกคัก ว่า ว๊ายยยยย อะไรแก ไม่เคยมาเชียงใหม่เหรออออ) ทั้งนักท่องเที่ยวต่างประเทศ และในประเทศ ทุกคนก็อยากจะใช้เวลาดื่มด่ำกับเมืองแห่งนี้ ว่าโอ้ว มันมีอะไรดี ทำไมใครๆ ก็มากัน และถ้าฉันมา ฉันต้องไปเที่ยวที่ไหนบ้าง เพื่อซึมซับความเป็นเชียงใหม่อย่างถึงลูกถึงเมีย ต้องกินอะไร ต้องซื้ออะไรเป็นของฝาก อะไรที่ห้ามพลาดบ้าง และอีกสารพัดอย่างชนิดที่นับนิ้วมือทั้งสองข้างก็ไม่หมด

จากประสบการณ์ของคนต่างถิ่นแบบผมที่มาตะบันชีวิตที่นี้เกือบจะ 4 ปี ไปมาก็หลายที่แทบจะครบทุกอำเภอ พอจะบอกได้ว่าหากคุณมีเวลาเท่านี้ ควรหนีไปเที่ยวในเชียงใหม่มุมไหน และมุมไหนก็ไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ ส่วนอาหารการกิน และของฝาก และภารกิจอื่นๆ อันนี้เดี๋ยวจะทยอยไล่เขียนรายละเอียดเป็นการส่งท้ายกัน

แต่ก่อนจะไปลงในเนื้อหาว่าความกันตรงนั้น ต้องมาโฟกัสกันก่อนว่าบทความนี้เหมาะสำหรับมนุษย์ออฟฟิศที่หยุดเสาร์ อาทิตย์ กันนะครับ รวมทั้งนักเรียน นักศึกษาที่วันหยุดมีแบบนี้เหมือนกัน ฉะนั้น เอาสั้นๆ ง่ายๆ เราจะตีเป็นว่า คุณมีว่าทั้งหมดคือ 2 วัน กับ 1 คืน ให้ได้ผจญภัยในนครพิงค์แห่งนี้

กรณีถ้ามีหยุดเยอะกว่านั้น เช่นมันเป็นวันหยุดราชการต่อเนื่องกัน 3 -4 วัน อันนี้จะเพิ่มเติมให้ทีหลังกันครับ ว่ามีอะไรน่าสนใจที่จะยัดใส่ลงไปให้คุ้มค่าทุกนาทียิ่งกว่าดูทีวีสีช่องเจ็ด

เมื่อจำแนกความเป็นเชียงใหม่ออกเป็นส่วนๆ นั้น จะเห็นได้ว่ามีหลากแง่มุมให้ได้สัมผัสกัน เอาอย่างที่เที่ยวหลักๆ ที่ต้องเน้นเลยล่ะคือ วัด พิพิธภัณฑ์ ที่เที่ยวแนวธรรมชาติ ตลาด ถนนคนเดิน ของกินของเน้นกินง่าย หาง่าย ๆม่ใช่แนวดิ้นรนต่อสู้นัก แต่กินแล้ว อร่อยก็แคปหมู น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว ข้าวซอย เทือกนี้ ส่วนของฝาก ก็จะมีทั้งของที่ระลึก ของกิน ของใช้บ้างตามแต่สะดวกกัน และอีกอันคืออะไรที่ห้ามพลาดเมื่อมาถึง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับ 3 หัวข้อที่ร่ายมา

เอาเป็นว่าได้เวลาปฏิบัติการเที่ยวเชียงใหม่แบบฉับไวในแบบฉบับมนุษย์ออฟฟิศกันครับ

[Dockaturk]

คำว่ามนุษย์ออฟฟิศนั้น คงไม่ต้องลงลึกอะไรมากนะครับ เอาแค่สำคัญที่รู้คือ หยุดเสาร์- อาทิตย์ พอ ฮ่าๆๆ ที่เหลือไม่เกี่ยวกับเรา ก็ไม่ต้องเล่าให้เปลืองหน้ากระดาษ

หลังตัดสินใจแล้วล่ะว่าฉันจะมาตะลอนทัวร์ในเชียงใหม่ 2 วัน 1 คืน ฉะนั้นก่อนอื่นก็ต้องหาที่พักกันครับ และที่อยากจะแนะนำเลยนั้น ขอเน้นเป็นในเมือง เหตุผลก็คือ มันสะดวกยังไงล่ะ

แบบว่าไปไหนมาไหนนั้นมันง่ายกว่าที่ต้องไปพักไกลๆ และก็ไม่ต้องห่วง มีโรงแรมให้เลือกนอนเยอะแยะและสามารถสัมผัสความเงียบสงบ กับธรรมชาติได้ ส่วนใครจะอยากได้ห้องแนวไหนกับการสัมผัสการตกแต่ง จะแบบโมเดิร์น หรือล้านนา ก็ค่อยหากันอีกที ส่วนใครไม่ซีเรียสเรื่องพวกนี้นัก ประเภทมีห้องก็นอนๆ ไป ก็ข้ามไปได้เลย ฮ่าๆๆ
เมื่อได้ที่พักหลับนอน เอาล่ะ ต่อมาก็วางแผนเที่ยวกัน โดยมีเช้าวันเสาร์เป็นเวลาปักหมุด และผมขอแนะนำให้ไปดอยอินทนนท์ก่อนเลย

ดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย เที่ยวได้ทุกฤดู (แต่ฤดูหนาวสวยสุด) เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย เหตุผลเหล่านี้คือสิ่งที่ต้องไปให้ได้ครับ ชนิดที่ว่าผมยอมตัดดอยสุเทพออกไปเลย

วิธีไปมีทั้งเหมารถสองแถว นั่งรถโดยสารเอา รถยนต์ส่วนตัว รถยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์เช่า เลือกเอาตามสะดวก ระหว่างทางขึ้นดอยมีให้แวะก็ไล่ไปตั้งแต่ น้ำตกแม่ยะ น้ำตกใหญ่ที่ใหญ่และสวยที่สุดในอุทยาน มีน้ำตกแม่กลาง อันนี้เหมาะพักรับประทานอาหารได้ มีน้ำตกวชิรธาร เอาแค่น้ำตก 3 ที่นี้ ก็อ้วกแตกแล้ว

นอกจากนี้ระหว่างทางยังมี สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ที่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้ดอก ไม้ประดับ พืชเมืองหนาวนานาชนิดให้ได้ชม พระธาตุนภเมทนีดลและพระธาตุนภพลภูมิสิริ พระธาตุที่ทางกองทัพอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ ร่วมใจสร้างถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา เมื่อปีพุทธศักราช 2530 กิ่วแม่ปาน เส้นทางเดินป่าระยะทาง 3 กิโลเมตร ที่วิวทิวทัศน์สวย (เดินได้ช่วงหน้าหนาวไปจนสิ้นเดือนมีนา) และลากยาวไปจนถึงยอดดอย ซึ่งจะมีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติระยะสั้นๆ ไม่ถึงกิโลเมตร อันเป็นป่าดึกดำบรรพ์ที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์

ขาลงมีเวลา ก็แวะซื้อของฝากตามรายทางของชาวบ้านที่นำผลผลิตทางการเกษตรมาขาย ก่อนสุดท้ายต้องรีบกลับเข้ามาถึงในเมืองถึงตอนค่ำ เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศของถนนคนเดินวัวลาย 1 ในถนนคนเดินที่มีสีสัน แถมระยะทางนั้นถือว่าเดินได้สบายๆ เรื่อยๆ คนไม่ค่อยพลุกพล่าน และไม่จำเป็นต้องเดินจนสุดถนน เพราะของก็ซ้ำๆ กันหมดไม่มีอะไรเยอะ

[Dockaturk]

ก่อนเดินหรือหลังเดิน (แต่ก่อนเดินก็น่าจะดีกว่านะ เพราะถนนคนเดินมีถึง 5 ทุ่ม) อยากแนะนำให้ไปสัผัสบรรยกาศการกินขันโตกของชาวเหนือกันครับ ที่ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ ใกล้ถนนวัวลาย ซึ่งนอกจากการได้สัมผัสถึงวัฒนธรรมการกินแล้ว ยังจะได้สัมผัสรสชาติอาหารพื้นเมืองที่นี้ไปในตัวด้วย อย่างไส้อั่ว แคปหมู น้ำพริกหนุ่ม ไก่ทอด แกงฮังเล เป็นต้น พร้อมทั้งมีการแสดงของชาวล้านนาเอามาบำเรอเพื่อเพิ่มอรรถรส

ตกดึกมาหน่อย ใครสายย่ำราตรี ขอเน้นไปที่ย่านนิมมานเหมินทร์ เรื่องไลฟ์สไตล์การเที่ยวคงไม่สามารถอธิบายแนะนำได้หมด แต่เอาเป็นว่า จะสายแดนซ์ สายนั่งดื่มพูดคุย หรือสายฟังเพลง ย่านนี้มีครบรสแบบครบถ้วนกระบวนความครับ

เช้าวันอาทิตย์ (อันสดใส ถ้าไม่เมาหรือเมื่อยมากไป) อยากให้ไปใส่บาตรทำบุญกันครับ และที่แนะนำเลย คือตลาดประตูเชียงใหม่ตั้งแต่เช้าตรู่ ไปเพื่อดู ไปเห็น ว่าคนแถวนี้มีวิถีชีวิตกันยังไงด้วย และหลังจัดการมื้อเช้าจนอิ่มหนำสำเร็จ ก็ได้เวลาลุยต่อในวันที่สอง ซึ่งเป็นวันสุดท้าย โดยมีจุดโฟกัสอยู่ในเมืองแทบทั้งหมด

เอาวัดก่อนเลยครับ ขอแนะนำวัดเจดีย์หลวง กับความอลังการงานสร้างของพระธาตุที่มีความสูงที่สุดในภาคเหนือ วัดพระสิงห์ เป็นประดิษฐานพระสิงห์ (พระพุทธสิหิงค์) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา พระพุทธรูปเป็นศิลปะเชียงแสนรู้จักกันในชื่อ "เชียงแสนสิงห์หนึ่ง" และวัดศรีสุพรรณ กับอุโบสถเงินหลังแรกของโลกื (คืนวันเสาร์ตอนไปเดินถนนวัวลาย สามารถเดินรวดเข้าไปชมได้ หากอยากประหยัดเวลาในวันอาทิตย์)

หอศิลป์ พิพิธภัณฑ์เน้นไปด้วยกัน 3 ที่ ในตัวเมืองเลย พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ หอประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่ ดูครบ 3 ที่นี้ รับรองรู้เชียงใหม่ขึ้นเยอะเป็นหลายกอง

เที่ยวเสร็จจนถึงราวบ่ายสาม แวะมาตลาดวโรรส หรือ กาดหลวง เป็นที่สุดท้าย เรามาเพื่อตะลุยหาซื้อของฝากกัน ทั้งเสื้อผ้า ของที่ระลึก ของกิน ผลไม้ ดอกไม้ ผลิตภัณฑ์งานฝีมือต่างๆ แถวนี้เรียกได้ว่ามีให้ช็อปกันครบถ้วน ไม่มีขาดตกบกพร่องแน่นอน

และทั้งหมดนั้น คือ ไกด์บุ๊คแนะนำเที่ยวเชียงใหม่ฉุกเฉิน ในแบบฉบับมนุษย์ออฟฟิศครับกระผม

ปล.หากมีเวลาเพิ่มมาอีก 1 วัน สามารถไปเที่ยวสวนราชพฤกษ์ ไนท์ซาฟารี พระธาตุดอยสุเทพ เพิ่มเติมได้ แต่ถ้าอยากได้มากกว่านี้ โดยเฉพาะเน้นในที่ต่างอำเภอ อาจจะอยู่กันเป็นอาทิตย์ เผลอๆ อยู่เป็นอาทิตย์อาจจะไปยังไม่ครบหมด ก็ขนาดผมมาอยู่จะ 4 ปี นี่ก็ยังไปไม่หมดกันเลย ฮ่าๆๆ ใครไม่เชื่อก็ลองอยู่ยาวๆ แบบผมได้นะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกัน