ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
พฤศจิกายน 27, 2024, 05:13:10 AM
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: ประกาศ  โพสหัวข้อเดียวซ้ำๆ กัน รับสิทธิ์ โดนลบกระทู้ และโชคดีได้รับสิทธิ์แบนฟรี 90 วันครับ


จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ  |  วัดในจังหวัดเชียงใหม่  |  หัวข้อ: วัดดอนจั่น แหล่งเพาะเมล็ดพันธุ์สำหรับเด็กยากไร้ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: วัดดอนจั่น แหล่งเพาะเมล็ดพันธุ์สำหรับเด็กยากไร้  (อ่าน 3663 ครั้ง)
Dockaturk
Hero Member
*****
กระทู้: 811



ดูรายละเอียด อีเมล์
« เมื่อ: เมษายน 10, 2016, 12:38:17 AM »


หน้าร้อนแบบนี้ ถ้าไม่หนีไปเล่นน้ำ ตากแอร์ หรือ กินอะไรเย็นๆ ก็เห็นจะมีการเข้าวัดนี่แหละครับ ที่พอจะช่วยเยียวยา และบรรเทาความร้อนรุ่มลงได้บ้าง

ร้อนรุ่มในที่นี่คือ ทั้งภายนอกและภายในใจกันครับ

ภายนอก คือ วัดส่วนใหญ่ มักจะมีอากาศที่ร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้ ส่วนภายใน คือ วัดมันสงบ พาลทำให้เรารู้สึกสงบลงไปด้วย

ไม่กี่วันก่อนแดดร้อนเปรี้ยงๆ    มีโอกาสไปเที่ยววัดดอนจั่นกันครับ จากสี่แยกแอร์พอร์ต ผมวิ่งรถมุ่งหน้าไปทางสันกำแพง ถึงแยกสะพานดอนจั่นก็วนออกซ้ายลอดใต้สะพาน ขับไปอีกหน่อยว้ายมือมีป้ายเข้าวัดดอนจั่น 5 นาที ขับเข้าไปก็เป็นอันว่าถึง

วัดดอนจั่น ตั้งอยู่บ้านดอนจั่น หมู่ที่ 4  ตำบลท่าศาลา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ มีเนื้อที่ 4 ไร่ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2460 ได้พระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2470 มีเจ้าอาวาสเท่าที่ทราบนาม คือ รูปที่ 1 ครูบาอินตา คันธวังโส รูปที่ 2 พระเงิน มหาวันแจ่ม รูปที่ 3 พระอธิการอานันท์ อานันโท ตั้งแต่ พ.ศ. 2529 เป็นต้นมา ภายในวัดมีโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต เด็กกำพร้า เด็กยากจน เด็กด้อยโอกาศ เปิดสอน พ.ศ. ๒๕๒๘ นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนประถมตั้งอยู่ในที่ดินวัด ส่วนอาคารเสนาสนะประกอบด้วย อุโบสถ ศาลาการเปรียญ วิหาร กุฏิสงฆ์ โรงฉัน หอพระไตรปิฏกและหอระฆ้ง โดยรายละเอียดก็จะขอเล่าดังต่อไปนี้

จากด้านหน้าวัดตรงประตู มีรูปปั้นของคชสีห์ เป็นสิงห์ผสมที่มีกายเป็นสิงห์ และมีช่วงหัวเป็นช้าง ตามตำรากล่าวว่าคชสีห์มีพลังเทียบเท่าช้างและสิงห์รวมกัน ซึ่งนับได้ว่าเป็นสัตว์ที่น่าเกรงขาม นอกจากนี้คชสีห์มีลักษณะคล้ายสัตว์หิมพานต์อีกชนิดหนึ่งชื่อทักทอ

ในเรื่องรามเกียรติ์ได้กล่าวถึง คชสีห์ 3 ตัว ว่าใช้เทียมรถศึกให้มูลพลัมซึ่งเป็นอุปราชนครปางตาล ครั้งยกทัพไปช่วยทศกัณฐ์แต่ถูกศรหนุมานสิ้นชีวิต ส่วนในประวัติศาสตร์ไทยนั้น คชสีห์ เข้ามาเกี่ยวข้องตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยใช้เป็นสัญลักษณ์ประจำตำแหน่งเสนาบดีตั้งแต่สมัยอยุธยา มาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

จากลักษณะที่เป็นราชสีห์ผสมกับช้าง (คช) ซึ่งคติไทยถือว่า ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติใช้ในราชสงคราม ดังนั้นตราคชสีห์จึงสอดคล้องกับข้าราชการที่ออกสงครามอันหมายถึงทหารนั่นเอง ซึ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้นทั้งพลเรือนและทหาร ต้องถูกเกณฑ์ไปราชการสงคราม และรับราชการเหมือนกัน ส่วนในทางสถาปัตยกรรมที่อยู่ตามวัดวาอาราม น่าจะสร้างเพื่อความเชื่อในฐานะที่คชสีห์ ช่วยปกป้องสิ่งที่ไม่ดี ออกไปจากวัด ด้วยความน่าเกรงขาม จากพลังที่มีอยู่ในตัว ซึ่งก็คือพลังเทียบเท่าช้างและสิงห์รวมกัน


* DSCF0666659_16.JPG (404.13 KB, 800x533 - ดู 781 ครั้ง.)

* DSCF0666659_17.JPG (306.31 KB, 800x533 - ดู 747 ครั้ง.)

* DSCF0666659_13.JPG (437.71 KB, 800x533 - ดู 895 ครั้ง.)

* DSCF0666659_5.JPG (357.42 KB, 800x533 - ดู 855 ครั้ง.)

* DSCF0666659_7.JPG (579.99 KB, 800x533 - ดู 838 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 10, 2016, 12:44:18 AM โดย ironear7 » บันทึกการเข้า
Dockaturk
Hero Member
*****
กระทู้: 811



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 10, 2016, 12:40:09 AM »


จากนั้นเข้ามาด้านในจะเจอรูปปั้นพระพิฆเนศสององค์ เป็นเทพในศาสนาฮินดู นับถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความรู้ เป็นผู้มีปัญญาเป็นเลิศ ปราดเปรื่องในศิลปวิทยาทุกแขนง เป็นหัวหน้านำคณะข้ามความขัดข้อง (ผู้เป็นใหญ่เหนือความขัดข้อง) มีรูปกายเป็นมนุษย์เพศชายอ้วนเตี้ย ท้องพลุ้ย มีเศียรเป็นช้าง มีงาข้างเดียว (ถูกขวาน ปรศุรามหักเสียงา) สีกายสีแดง (บางแห่งว่าผิวเหลือง นุ่งห่มแดง) มีสี่กร พระหัตถ์หน้าขวาถืองาช้าง พระหัตถ์ซ้ายถือขันน้ำมนต์ เป็นกะโหลกศีรษะมนุษย์ พระหัตถ์หลังขวาถือ ตรี พระหัตถ์ซ้ายถือบาศ (บ่วง) หนู นับเป็นสหายของพระพิฆเนศวร ไม่ใช่เป็นพาหนะ

ทางด้านฝั่งซ้ายมือ มีวิหารหลวงเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ภายในมีพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเก้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีพระนามเดิมว่า เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ฉะนั้น ไม่ต้องงงกันกับชื่อของวิหารหลวงกันนะ และถัดขึ้นไปอีกหน่อยจากวิหารหลวงเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ มีองค์สมเด็จพระร่วงเจ้าองค์ใหญ่ วาจาสิทธ์

ใกล้ๆ วิหารวัด มีพระบรมราชานุสาวรีย์ พระเจ้าตากสินให้กราบไหว้บูชา แถมบริเวณด้านหน้าจะมีองค์พญาครุฑให้เช่าบูชากันครับ ว่ากันว่าองค์พญาครุฑสามารถประทานพรให้ได้ทุกเรื่องตามที่จะปรารถนา เนื่องด้วยมีฤทธิ์เทียบเท่ากับองค์พระนารายณ์ โดยสิทธิอํานาจพญาครุฑสัตว์กายสิทธิ์ที่ไม่มีผู้ใดสามารถฆ่าให้ตายได้มีอายุยืนเสมือนว่าเป็นอมตะนั้น นับเป็นเรื่องลี้ลับ โดยอํานาจพญาครุฑสามารถจําแนกได้ 8 ประการ ดังนี้ 1.เป็นมหาอํานาจอันยิ่งใหญ่ เป็นสิทธิอํานาจอันเฉียบขาด 2.สามารถลบล้างอาถรรพ์และคุณไสยได้ทั้งปวง ภูติผีปีศาจเกรงกลัว ไม่กล้าเข้าใกล้ 3.เป็นสื่อนําความเจริญรุ่งเรือง ยศถาบรรดาศักดิ์มาสู่ชีวิตและหน้าที่การงาน 4.ปกป้องคุ้มครอง ป้องกันภัยเป็นคงกระพัน 5.เป็นเมตตามหานิยม 6.นําความร่มเย็นเป็นสุขมาให้ 7.ทํามาค้าขายดี เป็นสื่อนําโชคลาภนานาประการ 8.สัตว์ร้าย เขี้ยวงาสารพัด งูเงี้ยวเขี้ยวขอ อสรพิษ ไม่กล้าก้ำกรายเข้าใกล้ เพราะเกรงตบะบารมีขององค์พญาครุฑเป็นที่สุด

สำหรับวิหารของวัดดอนจั่น และอุโบสถ เป็นรูปทรงล้านนาแบบดั้งเดิม ด้านหลังมีองค์เจดีย์ศิลปะล้านนาสวยงาม เป็นทรงปราสาท รูปทรงสี่เหลี่ยม ซ้อนชั้น คล้ายรูปทรงปราสาทหรือที่อยู่ของกษัตริย์ เจดีย์รูปทรงนี้เชื่อว่าพัฒนาการมาจากเจดีย์ทรงศิขรของอินเดีย ในช่วงต้นของวัฒนธรรมล้านนา นิยมสร้างเจดีย์ทรงปราสาทที่มีการซ้อนชั้นมีซุ้มประดิษฐานโดยรอบทุกชั้น ประกอบไปด้วยองค์ประกอบ 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ ส่วนฐาน ส่วนเรือนฐาน และส่วนยอด สำหรับส่วนฐานนั้นทำเป็นฐานรูปสี่เหลี่ยมเช่นเดียวกับกับเจดีย์ทรงกลม เรียกว่าฐานเขียง และมักทำซ้อนชั้น 2-3 ชั้น เหนือขึ้นไปเป็นส่วนเรือนธาตุรูปทรงสี่เหลี่ยม มีช่องเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปทั้งสี่ด้าน เหนือขึ้นไปเป็นส่วนยอดซึ่งมักจำลองเอาส่วนยอดของเจดีย์ทรงกลมมาใช้ในลักษณะ เดียวกัน


* DSCF0666659_4.JPG (554.45 KB, 800x533 - ดู 941 ครั้ง.)

* DSCF0666659_1.JPG (509.58 KB, 800x533 - ดู 832 ครั้ง.)

* DSCF0666659_2.JPG (464.76 KB, 800x533 - ดู 771 ครั้ง.)

* DSCF0666659_3.JPG (418.13 KB, 800x533 - ดู 833 ครั้ง.)

* DSCF0666659_8.JPG (526.48 KB, 800x533 - ดู 761 ครั้ง.)

* DSCF0666659_10.JPG (282.75 KB, 800x533 - ดู 815 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
Dockaturk
Hero Member
*****
กระทู้: 811



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 10, 2016, 12:42:19 AM »


หลังจากพุดคุยเรื่องศาสนสถานภายในวัดเสร็จ มาว่าถึงอีกเรื่องที่สำคัญภายในวัดแห่งนี้กันครับ คือโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต เด็กกำพร้า เด็กยากจน เด็กด้อยโอกาศ เปิดสอน โดยมีพระอธิการอานันท์ อานันโท หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า พระครูปราโมทย์ประชานุกูล (พระประชานาถมุนี) เจ้าอาวาสวัดดอนจั่น เป็นคนดูแล

โครงการนี้ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2528 ด้วยความที่ท่านมีจิตเมตตา โอบอ้อมอารี และชอบช่วยเหลือผู้อื่น จึงอยากให้วัดดอนจั่นเป็นที่พึ่งของคนยากจน เป็นศูนย์กลางการเรียนของชุมชน เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กด้อยโอกาสในสังคม รวมถึงเด็กที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ที่รัฐบาลไม่สามารถจัดระบบการศึกษาเข้าถึงพื้นที่ได้ ใน 13 จังหวัดภาคเหนือ ได้เรียนหนังสืออย่างต่อเนื่อง

นับตั้งแต่ พระครูปราโมทย์ประชานุกูล ก่อตั้งโครงการเพื่อการศึกษาเด็กด้อยโอกาส เด็กยากจนและเด็กกำพร้า เพื่อรับอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่เด็กใน 13 จังหวัดภาคเหนือ โครงการนี้ได้ช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสให้ร่ำเรียนที่โรงเรียนวัดดอนจั่น จนจบการศึกษาไปแล้วปีละ 50 คน ปัจจุบันเป็นเวลานานกว่า 25 ปี มีเด็กจบการศึกษาในระดับประถม มัธยมศึกษา ปวช. และ ปวส. มากกว่า 1250 คน

เด็กๆ ที่เข้ามาอยู่ที่วัดดอนจั่น ล้วนมาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจน  แตกแยก พ่อแม่แยกทางกัน หรือเสียชีวิต เพราะติดเชื้อเอชไอวี ติดยาเสพติด ติดคุก พระครูปราโมทย์ประชานุกูล ในฐานะเจ้าของโครงการ ถือเป็นกำลังหลักในการระดมทุน และรับบริจาคเงิน-สิ่งของจากผู้ใจบุญ และผู้มีจิตศรัทธาในแนวทางการทำงานของท่าน เด็กที่เข้ามาอยู่ในโรงเรียนวัดดอนจั่น จะได้รับการช่วยเหลือด้านปัจจัยสี่ ตั้งแต่ที่พักพิง เสื้อผ้า อาหาร 3 มื้อ รวมไปถึงได้รับการศึกษา ตั้งแต่ระดับประถม มัธยม หรือสาขาวิชาชีพระดับ ปวช. ปวส. และทุนเรียนต่อระดับปริญญาตรี
วัดดอนจั่น ได้อาศัยผู้ที่เลื่อมใสและศรัทธาแนวทางการทำงานของพระครูปราโมทย์ประชานุกูล ช่วยเหลือด้วยการบริจาคเงินและสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นที่เด็กๆ ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งเสื้อผ้า เครื่องอุปโภค-บริโภค อาหาร 3 มื้อ รวมถึงงบประมาณจัดซื้อที่ดิน สร้างอาคารเรียน หอพัก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาวัดดอนจั่นอาศัยงบประมาณจากผู้บริจาคในการดำเนินงานทั้งหมด โดยไม่เคยได้รับการช่วยเหลือหรือได้รับงบประมาณจากรัฐบาลแม้แต่บาทเดียว

พระครูปราโมทย์ประชานุกูล บอกว่า ไม่รู้สึกกังวลที่ต้องรับผิดชอบชีวิตเด็ก-เยาวชน 620 คน แม้วันหนึ่งต้องถึงเวลาละทิ้งทุกอย่างก็ไม่กังวล เพราะเชื่อว่าจะมีผู้เข้ามารับช่วงทำงานต่อ แต่ปัญหาอยู่ที่บุคคลที่เข้ามาทำงานนั้นจะได้รับความเชื่อถือศรัทธาเช่นตนเองหรือไม่ และจะทำให้โครงการนี้เป็นที่พึ่งพิงของเด็กด้อยโอกาสได้อย่างไรต่อไป

เรียกได้ว่า นี่คือการปลูกต้นไม้พันธุ์ดีให้แก่สังคม เป็นเมล็ดพันธุ์ที่จะพัฒนาประเทศชาติ


* DSCF0666659_6.JPG (511.74 KB, 800x533 - ดู 737 ครั้ง.)

* DSCF0666659_12.JPG (457.88 KB, 800x533 - ดู 749 ครั้ง.)

* DSCF0666659_14.JPG (435.78 KB, 800x533 - ดู 896 ครั้ง.)

* DSCF0666659_15.JPG (420.31 KB, 800x533 - ดู 766 ครั้ง.)

* DSCF0666659_11.JPG (451.55 KB, 800x533 - ดู 722 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 10, 2016, 12:43:38 AM โดย ironear7 » บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ขึ้นบน พิมพ์ 
จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ  |  วัดในจังหวัดเชียงใหม่  |  หัวข้อ: วัดดอนจั่น แหล่งเพาะเมล็ดพันธุ์สำหรับเด็กยากไร้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  




Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.5 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.079 วินาที กับ 20 คำสั่ง