ตอนที่ 3เมื่อพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระอรหันต์ตาทั้งหลายก็ได้เสด็จไปยั้งเมืองอังครัฐนคร หรืออำเภอจอมทองปัจจุบัน ล่วงกาลเวลาผ่านไปเมื่อนับพ.ศ.เกิดขึ้นที่วัดพระพุทธบาทแก้วข้าวแห่งนี้ได้พระเถระเจ้าองค์หนึ่งมีชื่อว่า พระมหาธรรมราช ตรงกับพ.ศ.1000 พระธรรมราช ได้มาอยู่จำศีลภาวนา เป็นผู้ที่มีบุญญาธิการมาก ท่านมหาเถระธรรมราชได้สร้างวัตถุบูชายังสารรูปของพระพุทธเจ้าองค์เล็กไว้ห้อยคอ พระมหาเถระธรรมราชก็ได้ตั้งจิตอธิฐานให้สำเร็จคำอธิฐาน ร้อนไปถึงพระพรหมชินนะปัจจะระบนสวรรค์ พระพรหมชินนะปัจจะระได้นำก้อนแก้วมณีโชคมาถวายทานให้ท่านมหาเถระธรรมราช มีหลายสี พระมหาเถระธรรมราชก็ได้ให้ช่างมาแกะสลัก ไม่มีช่างคนไหนแกะได้คำอธิษฐานของพระมหาธรรมราช ร้อนไปถึงพยาอินตาบนสวรรค์ พระยาอินตาก็ได้มอบหมายให้เทวดาประจำวันทั้งเจ็ดปลอมเป็นชีผ้าขาวไปขออนุญาตจากพระมหาธรรมราช
เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ชีผ้าขาวทั้งเจ็ดคนช่วยกันแกะสลักก้อนแก้วมณีโชคหลากหลายสีองค์ใหญ่เอาบูชาไว้กับบ้านเรือน องค์เล็กเอาห้อยคอ แกะสลักได้เจ็ดวันได้พระรูปแก้วมณีโชค 8400 องค์ พระมหาเถระก็ได้ทำพิธีสวดมนต์เทศนาธรรม พระมหาเถระและชีผ้าขาวบอกให้ชาวบ้านทำบอกไฟจุดขึ้นมาบนท้องฟ้าได้ 108 ลูก ชีผ้าขาวพากันขึ้นนั่งบนหัวบอกไฟแล้วจุดขึ้นไปบนท้องฟ้าอันกว้าง ชีผ้าขาวก็หายไปในอากาศ ชาวบ้านชาวเมืองหากันแตกตื่นส่งเสียงร้องสาธุ สาธุ สาธุ เป็นโกลาหลทั่วทั้งเมือง
พระมหาเถระทำนายไว้ว่าในข้างหน้าจะได้เป็นมหานครมีนามว่า พิสดารนคร อยู่ต่อมาลุถึงพ.ศ.1200 ปี ก็มีเจ้าแม่จามเทวี มาสร้างเมืองใหม่นามว่า พิสดารนครตามที่พระมหาเถระได้ทำนายไว้แล้ว พระมหาเถระนำเอาพระแก้วมณีโชค 8400 องค์ บรรจุในไห 56 ไห ขุดฝังดินลึก 7 ศอก ให้พยานาค มีนามว่า พระยาสีเสน เป็นผู้ดูแลรักษา มาจนถึงสมัยสมเด็จโต พรหมรังสี ได้ออกเดินธุดงค์มาถึงวัดพระพุทธบาทแก้วข้าว หลวงปู่สมเด็จโต พรหมรังสี เอาแก้วมณีโชคไปห้าไห และได้เก็บไว้บนเพดานอุโบสถวัดระฆัง
อยู่ต่อมาปลายปีพ.ศ.1200 มีข้าศีกพม่ายกทัพทหารมาล้อมรอบเมืองพิสดารนคร ช่วยกันขุดรอยพระพุทธบาทเพื่อยกไปเมืองตองอู พม่า เจ้าแม่จามเทวีรู้ข่าวก็นำอาอาหารจากนครหริภุญชัยมาสู้รบขับไล่ สนามรบคือ แพะดินแดง หรือหมู่บ้านแพะดินแดงปัจจุบัน จนได้ชัยชนะ เจ้าแม่จามเทวีได้นำทหารมาบูรณะซ่อมแซมยังรอยพระพุทธบาท และสิ่งปลูกสร้างทั้งหลายได้คืนดังเดิม แล้วก็ได้สร้างเจดีย์สูง พระเจ้าโท้ เป็นอนุสรณ์สถานประกาศชัยชนะในครั้งนั้น
อยู่ต่อมาจนถึงพ.ศ.2452 มีเจ้าแม่ดารารัศมี ครองราชย์นครเชียงใหม่ มาถวายดอกไม้เงินดอกไม้ทองยังรอยพระพุทธบาทแก้วข้าว ตรงกับวันที่ 30 มีนาคม 2452 เวลาเที่ยงถึง 16.00 น. แล้วเสด็จไปยังบ้านพักรับรองท่าเดื่อ อ.ดอยเต่า
ต่อมาพ.ศ.2467 ครูบาศรีวิชัย พร้อมด้วยลูกศิษย์ศรัทธาทั้งหลายมาบูรณะสร้างวิหารใหญ่ครอบรอยพระพุทธบาทแก้วข้าวตามที่ได้เห็นมาจนถึงทุกวันนี้
ต่อมาพ.ศ.2468 ครูบาขาวปี๋ (ครูบาอภิชัยขาวปี) พร้อมด้วยลูกศิษย์ศรัทธาผู้ใจบุญทั้งหลาย ได้ช่วยกันปรับปรุงพื้นที่ในเขตพุทธาวาสให้ราบเบียงมาจนถึงทุกวันนี้
ต่อมาพ.ศ.2538 ก็มีครูบาทอง สิริมงฺคโล เจ้าคณะอำเภอฮอด พร้อมด้วยคณะสงฆ์ศรัทธาช่วยกันบูรณะเปลี่ยนดินขอหลังคาวิหาร ช่อฟ้าใบระกา ไฟฟ้าและน้ำประปาเข้าสู่วัดพระบาทแก้วข้าว มาถึงพ.ศ.2546 ครูบาทอง สิริมงฺคโล ให้แม่ชีศรีบุตร สุปินตา พร้อมคณะได้เข้ามาพัฒนาฝึกสอนกรรมฐาน ยุบหนอ พองหนอ ในแนวสติปฐาน4 มีกาย เวทนา จิต ธรรม เป็นบ่อเกิดปัญญาสว่างขจัดยังกองทุกข์ให้สิ้นสุดไป มีพระอธิการอินถา เดชวโร เป็นเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
ทั้งนี้ ในแต่ละปีจะมีประเพณีสรงน้ำพระพุทธบาทแก้วข้าว วันเพ็ญเดือน 6 เหนือ (ก.พ.-มี.ค.)ซึ่งถ้าหากใครมีโอกาสแวะผ่านมาเที่ยวทาง อ. ฮอด ก็สามารถแวะมานมัสการรอยพระพุทธบาทกันได้ครับ