ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
พฤศจิกายน 27, 2024, 03:25:42 AM
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: ประกาศ การกระทำใดๆ  เพื่อที่จะให้กระทู้ตัวเองมาอยู่อันดับต้นๆ ประจำ หากพิจารณาแล้วว่า ไม่เกิดประโยชน์กับผู้เข้าชม  ก็รับสิทธิ์โดนแบนเหมือนกันครับ


จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ  |  แนะนำที่เที่ยว เส้นทางสาย บ่อสร้าง-สันกำแพง-แม่ออน-แม่กำปอง  |  หัวข้อ: "แม่กำปอง" ขอลองซักตั้ง! ฉบับเต็ม 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: "แม่กำปอง" ขอลองซักตั้ง! ฉบับเต็ม  (อ่าน 3660 ครั้ง)
konhuleg
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: มิถุนายน 20, 2015, 06:54:07 AM »


บ้านแม่กำปองก่อนมา…

มีหลายอย่างจินตนาการในหัวผม จากข้อมูลที่ได้รับมา พอประมวลผลได้ว่า มันคือแหล่งท่องเที่ยวในเชิงวัฒนธรรม + ธรรมชาติ เป็นหมู่บ้านท่ามกลางหุบเขา บรรยากาศดี มีที่พัก รีสอร์ท โฮมสเตย์ ให้เลือกพักเยอะแยะ พร้อมกับจิบกาแฟหอมกรุ่นละเมียดละไมไปกับกลิ่นไอของป่าไม้และขุนเขา คลุกเคล้ากับการเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่

บ้านแม่กำปองในช่วงระหว่างเดินทางมา…

แม่เคยบอกผมว่า อยากให้ซื้อรถยนต์ เวลาไปทำงานจะได้สะดวก ไปเที่ยวที่ไหนไกลๆ ไปถ่ายรูปจะได้ง่าย ไม่เหมือนกับขับมอเตอร์ไซค์ที่ทั้งใช้เวลานานและก็เมื่อยก้นสุดๆ

ผมปฏิเสธแม่บอกยังไม่จำเป็น ผมยังพอใจกับการขับไอ้สองล้อนี้ และก็ดูเหมือนว่าผมยังมีมันเป็นเพื่อนในการเดินทางไปอีกนาน

ไม่มีเงินซื้อรถ นั่นก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผล

ผมพาเจ้าสองล้อคู่ใจมาเพื่อพิสูจน์ว่ายังคงจะอยู่ด้วยกันจนตายไปข้าง จุดหมายปลายทาง อย่างที่เกริ่นไป คือบ้านแม่กำปอง

แดดร้อนตอนบ่ายๆ อาจทำให้ใครหลายคนเบือนหน้าหนีกับการขับมอเตอร์ไซค์มาเที่ยวแบบนี้ อุณหภูมิระดับ 30 กว่าองศาเซลเซียส มีผลพอจะทำให้มือกับหน้าเราไหม้เกรียม ถ้าไม่ใส่อะไรป้องกัน

จากตัวเมืองเชียงใหม่มาตามทางหลวงหมายเลข 1317 มุ่งหน้ามาทาง อ.แม่ออน ผ่านบ้านห้วยแก้ว แล้วเลี้ยวแยกขวา (สังเกตป้ายเอา) ขับกันมาเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ถึง (มีป้ายบอกเป็นระยะๆ) รับรองว่าไม่มีหลง ถนนที่ใช้วิ่งตลอดเส้นทางส่วนใหญ่เป็นถนนลาดยางและเทคอนกรีตทั้งหมด ฉะนั้นหมดกังวลเรื่องความลำบากของเส้นทาง แต่สำหรับใครที่ไม่มีรถส่วนตัวคงจะลำบากหน่อย เพราะบ้านแม่กำปองไม่มีรถสาธารณะผ่านซักคัน เรื่องวิธีแก้ไขนั้นก็ง่ายๆ เหมารถจากตัวเมืองมา หรือไม่ก็เช่ามอเตอร์ไซค์ รถยนต์ขับมาเองได้ ทางขับมาถือว่าไม่ระห่ำ และไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะในการขับรถที่สูงส่ง


ระหว่างทางมาผมไมได้ขับยิงยาวกันรวดเดียวครับ แต่ยังแวะเที่ยวมาตลอดระหว่างทางด้วย ไม่ว่าจะเป็นศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก ผาน้ำลอด แต่ละที่ก็ใช้เวลาราวๆ  15 นาที ด้วยกันในการซึมซับบรรยากาศของป่าเขา ลำเนาไพร จนสุดท้าย ก็ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเห็นจะได้ก็เป็นอันว่าถึงบ้านแม่กำปองแล้วเรียบร้อย เพราะเห็นป้ายของหมู่บ้านออกมาทักทายกัน

แล้วตอนหน้าจะพาไปรู้จักและสำรวจบ้านแม่กำปองว่าเป็นอย่างไรบ้าง มีสถานที่เที่ยวตรงไหนน่าสนใจ สิ่งที่ผมคิดไว้ก่อนเดินทางมา กับตอนมาเจอจริงๆ จะมีอะไรตรงกันบ้าง ตามคลิกไปอ่านกันแบบรัวๆ เลยครับ


ตอน 2 http://www.tripchiangmai.com/chiangmaiboard/index.php/topic,8539.0.html#.VYSr6Pntmko


* 17710_1080269162001560_8583584947391468151_n.jpg (142.03 KB, 800x533 - ดู 916 ครั้ง.)

* 20150615_161342.jpg (305.33 KB, 800x600 - ดู 853 ครั้ง.)

* 20150615_175552.jpg (319.17 KB, 800x600 - ดู 779 ครั้ง.)

* 20150615_161409.jpg (372.3 KB, 800x600 - ดู 1268 ครั้ง.)

* 20150615_161430.jpg (325.83 KB, 800x600 - ดู 797 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 10, 2016, 09:55:47 AM โดย art57110 » บันทึกการเข้า
DDjung
Sr. Member
****
กระทู้: 374



ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 23, 2015, 10:36:20 AM »


มาเกาะขอบล้อไปเที่ยวด้วยคน
บันทึกการเข้า
konhuleg
บุคคลทั่วไป


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 10, 2016, 09:49:13 AM »


บ้านแม่กำปองเมื่อมาถึง...

สภาพทั่วไปจากข้อมูลจริง นี่เป็นหมู่บ้านเก่าแก่อายุมากกว่า 100 ปี ลักษณะสำคัญของหมู่บ้าน คือ มีลำห้วยไหลผ่านหมู่บ้านหลายสาย ซึ่งเป็นลำห้วยสาขาของห้วยแม่กำปอง ตั้งแต่ในอดีตบริเวณใกล้ลำห้วยจะพบดอกไม้ชนิดหนึ่งมีสีเหลืองแดงผสมกัน มีขนาดเล็ก ชาวบ้านเรียกชื่อดอกไม้นี้ว่า “ดอกกำปอง” ส่วนชื่อหมู่บ้านนั้นมาจากการที่นำเอาชื่อดอกไม้รวมกับชื่อแม่น้ำ จนออกมาได้ว่า “บ้านแม่กำปอง”

กลุ่มคนที่มาตั้งถิ่นฐานในบ้านแม่กำปองนั้น กลุ่มแรกเป็นกลุ่มคนพื้นเมือง จากอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ที่ไม่มีที่ดินทำกินจึงอพยพขึ้นมาประกอบอาชีพเก็บเมี่ยง เพื่อนำเมี่ยงที่เก็บได้ไปแลกซื้อข้าวและอาหาร โดยต้นเมี่ยงที่ชาวบ้านเก็บในตอนแรกนั้นเป็นต้นเมี่ยงที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ ต่อมาเมื่อมีการอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานเพิ่มมากขึ้น จึงมีการสร้างวัดคันธาพฤกษาขึ้น เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวด้านจิตใจ ต่อมากลุ่มชนเผาขมุจึงอพยพย้ายถิ่นเข้ามา เพื่อรับจ้างเก็บเมี่ยงให้กับคนพื้นเมือง นานวันเข้าก็แต่งงานกับคนเมือง และมีการผสมกลมกลืนทั้งทางสายเลือด และวัฒนธรรมจนกลายเป็นคนเมืองทั้งหมด

ลักษณะการตั้งถิ่นฐานของบ้านแม่กำปองนั้น จะเริ่มต้นที่บริเวณปางกลางก่อนจะมีการขยายไปตั้งบ้านเรือนยังบริเวณปางนอก ปางขอน ปางโตน และปางใน มีพื้นที่หมู่บ้านทั้งหมดประมาณ 6.22 ตารางกิโลเมตร หรือ 3,887.50 ไร่ สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ดอน (Upland Area) ส่งให้มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี

ในส่วนของลักษณะวัฒนธรรมของบ้านแม่กำปอง เป็นวัฒนธรรมล้านนา ซึ่งเป็นอัตตลักษณ์ของคนพื้นบ้านภาคเหนือ โดยมีลักษณะการพูด การกิน ภาษา และขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง นอกจากนี้วิถีชีวิตของชาวบ้านแม่กำปอง ยังมีจุดเด่น คือ เป็นชุมชนที่มีการทำเมี่ยงเป็นอาชีพหลัก ซึ่งอาชีพดังกล่าวปัจจุบันเริ่มลดน้อยลง และหาดูได้ยาก

สำหรับกิจกรรมการท่องเที่ยวในชุมชนจะเป็นแบบ Homestay ซึ่งหมู่บ้านแม่กำปองนั้น ได้เริ่มเปิดดำเนินการในเดือนเมษายน ปี 2542 ซึ่งมีชาวบ้านเข้าร่วมโครงการในระยะแรกจำนวน 5 หลังคาเรือน ก่อนที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 ธันวาคม 2543 ปัจจุบันมีบ้านที่สามารถให้บริการในลักษณะของ Homestay ได้ทั้งหมดจำนวน 12 หลัง ในส่วนของกิจกรรมการท่องเที่ยวอื่นๆ ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านจะเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการการท่องเที่ยวของชุมชน

และจากสรุปข้อมูลเท่าที่ผมเห็นนั้น พอจะบอกได้ว่าที่นี่เป็นที่เที่ยวในเชิงอนุรักษ์ ถ้าคุณคิดจะมาพักผ่อนบ้านแม่กำปอง คุณจะได้สัมผัสการพักแบบโฮมสเตย์ การเรียนรู้วัฒนธรรมของชุมชน รวมทั้งเสพบรรยากาศของความเป็นธรรมชาติที่นี้

แล้วตอนหน้าผมจะพาไปเสพเรื่องราวของธรรมชาติภายในหมู่บ้านกันบ้างครับ




* de_001.jpg (290.93 KB, 800x600 - ดู 468 ครั้ง.)

* de_002.jpg (290.03 KB, 800x600 - ดู 493 ครั้ง.)

* de_003.jpg (334.72 KB, 800x600 - ดู 503 ครั้ง.)

* de_004.jpg (343.75 KB, 800x600 - ดู 475 ครั้ง.)

* de_005.jpg (413.63 KB, 800x600 - ดู 473 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
konhuleg
บุคคลทั่วไป


อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 10, 2016, 09:52:21 AM »


จากการขับรถภายในหมู่บ้านแม่กำปอง จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่จะมีที่พักสลับกับบ้านของชาวบ้านภายในชุมชนกันครับ รวมทั้งร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ เอาไว้ค่อยบริการกัน ส่วนไอ้เรื่องสถานที่เที่ยวธรรมชาติที่ผมจะพาไปเที่ยวนั้น อันนี้เราต้องขับเลยจากหมู่บ้านแม่กำปองขึ้นเขามาอีกครับ โดยสถานที่แรกที่จะพาไป คือ น้ำตกแม่กำปอง

น้ำตกแม่กำปอง มีต้นกำเนิดจากแหล่งน้ำธรรมชาติในเขตบ้านแม่กำปอง น้ำตกลดหลั่นลงมากันเป็นระดับรวม 7 ชั้น ในวันที่ผมไป ดูเหมือนว่าน้ำจะน้อยไปหน่อย และดูบรรยากาศมันเหงาๆ พิลึก น้ำก็ไม่ค่อยจะใส่ด้วย ฉะนั้นผมเลยใช้เวลาไม่มากับตรงนี้ เพื่อดินทางขึ้นเขาต่อไปยังที่อื่น

ระหว่างทางที่ขับรถจากน้ำตกแม่กำปองมาขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ปลายทางผมไม่รู้หรอกครับว่าจะพาตัวเองจะจบที่ตรงไหน เรียกได้ว่าขับรถไปเรื่อยๆ ไปตายเอาดาบหน้า เท่าที่รู้คร่าวๆ ตอนขับรถผ่านมานั้น รู้แต่ว่าเส้นทางนี้สามารถทะลุไปยังอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จ.ลำปางได้ และอีกอย่างที่ผมขับมาเรื่อยๆ แบบนี้ เพราะต้องการที่จะหามุมถ่ายภาพ ว่ามุมที่มันมองเห็นหมู่บ้านแม่กำปองแบบทั้งหมด มันอยู่ตรงไหน

ยิ่งขับไปก็ยิ่งรู้ว่าชักเริ่มจะห่างไกลออกไปทุกที่ จนสุดท้าย ผมพาตัวเองมาสุดยังเขตแดนจะข้ามไป จ.ลำปาง ว่าแล้วก็เลยจอดรถสำรวจดูแถวนั้นกันครับ

แม่เจ้า เจอจุดชมวิวด้วย แต่ต้องเดินเท้าขึ้นไปประมาณ 200 เมตรด้วยกัน โดยจุดชมวิวที่ผมว่านั้น ก็คือ กิ่วฝิ่น

เดินมาถึงต้องบอกเลยว่าคุ้มค่าทุกนาทียิ่งกว่าดูช่อง 7 สี กันเลยครับ เพราะวิวตรงนี้มันสวยระดับประทับจิต

บริเวณตรงกิ่วฝิ่น เป็นจุดชมวิวที่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,517 เมตร ด้วยกันครับ เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่จซ. 7 (ดอยล้าน)กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์พืช ตั้งอยู่เขตรอยต่อระหว่าง จ.ลำปาง และ จ.เชียงใหม่ ซึ่งในวันที่ท้องฟ้าเปิดสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ถึง 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน โดยสภาพอากาศนั้นจะมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี แต่ช่วงเดือนธันวาคม – มกราคม จะหนาวเย็นที่สุด นอกจากจะมีดอกนางพญาเสือโคร่งแล้ว หากเราไปทาง อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนช่วงประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ ที่นั่นก็จะมี ดอกเสี้ยว ที่จะแข่งกันผลิบาน ออกดอกขาวโพลนไปทั่วทั้งภูเขา และมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ไปทั่วดอยล้าน ซึ่งสามารถขับรถชมดอกเสี้ยวบานได้ตลอดเส้นทางแจ้ซ้อน-ป่าเหมี้ยง เป็นระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร

ส่วนตอนหน้าตอนสุดท้าย จะพาลุยป่าแถวกิ่วฝิ่น และเก็บตกข้อมูลบางอย่างของบ้านแม่กำปองตอนขากลับลงมาครับ




* dh_001.jpg (131.96 KB, 599x800 - ดู 472 ครั้ง.)

* dh_002.jpg (339.88 KB, 800x600 - ดู 469 ครั้ง.)

* dh_003.jpg (380.27 KB, 800x600 - ดู 428 ครั้ง.)

* dh_004.jpg (298.43 KB, 800x600 - ดู 464 ครั้ง.)

* dh_005.jpg (191.59 KB, 800x600 - ดู 442 ครั้ง.)

* dh_006.jpg (187.33 KB, 800x600 - ดู 461 ครั้ง.)

* dh_007.jpg (264.12 KB, 800x600 - ดู 467 ครั้ง.)

* dh_009.jpg (183.91 KB, 800x600 - ดู 444 ครั้ง.)

* dh_008.jpg (237.09 KB, 800x600 - ดู 457 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
konhuleg
บุคคลทั่วไป


อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 10, 2016, 09:54:32 AM »


ผมใช้เวลาประมาณ 10 นาทีด้วยกัน ในการเสพบรรยากาศโดยรอบของกิ่วฝิ่นครับ และด้วยความที่ตะวันยังอยู่สูงมาก เวลายังเหลืออีกบาน ผมเลยลองเดินไปสำรวจตามเส้นทางที่เลยจากกิ่วฝิ่นขึ้นไปตามทิวเขา โดยอยากรู้ว่ามันมีอะไร และจะไปสิ้นสุดตรงไหน แบบว่าเผื่อจะมีอะไรดีๆ ให้ดู ยิ่งช่วงนี้เพิ่งดูหนังเรื่อง Into The Wild (2007) มา อัตราความอยากไปผจญภัยเลยยิ่งมีมากขึ้น (ใครยังไม่ดู ไปหามาดูได้เลยครับ เป็นหนัง Road Movie ที่ดูแล้วได้ข้อคิดและรแงบัลดาลใจเยอะ)

จากจุดชมวิวกิ่วฝิ่น ทางเดินขึ้นไปตามแนวเขามีลักษณะเป็นป่าดิบเขาครับ ภูมิอากาศจะหนาวเย็นและมีความชื้นสูงตลอดทั้งปี ซึ่งป่าดิบประเภทนี้จะไม่มีไม้วงศ์ไม้ยางชึ้นอยู่เลย ป่าชนิดนี้สามสรถพบกระจายอยู่ตามยอดเขาสูง ทั้งทางภาคอีสานและภาคเหนือ โดยเฉพาะทางแถบเทือกเขาทางฝั่งตะวันตกของภาคเหนือ ลักษณะโครงสร้างที่แท้จริงของป่าชนิดนี้ สามารถพบเห็นได้จากป่าบริเวณยอดดอยอินทนนท์ รวมทั้งตรงกิ่วฝิ่น ดอยม่อนล้านอีกด้วย

เดินชมนกชมไม้ไปเรื่อย ด้วยระยะทางน่าจะประมาณ 2 กิโลเมตร เมื่อเห็นว่าหนทางข้างหน้าไม่มีท่าทีที่จะสิ้นสุดลง กระผมเลยตัดสินใจเดินกลับลงมายังกิ่วฝิ่น หลังจากได้สัมผัสทะเลหมอกที่ไหลเป็นทางยาวสอดแทรกไปตามแนวป่าอย่างสมใจ

ถึงกิ่วฝิ่น เลยถ่ายรูปเล่นอีกรอบในช่วงพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน พลางคิดว่าถ้าโอกาสหน้ามีเวลาว่างจะมาเที่ยวอีกรอบแต่จะเปลี่ยนจากช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงตอนเช้าแทนเอา

ขากลับลงมาจากบ้านแม่กำปอง ผมยังเหลืออีกหนึ่งภารกิจซึ่งก็คือ การมาเที่ยววัดคันธาพฤกษา วัดในหมู่บ้านแม่กำปอง ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจมาอย่างยาวนานเป็นการส่งท้าย

วัดคันธาพฤกษา มีมีวิหารที่ทำด้วยไม้สักทอง แกะสลักลวดลายวิจิตรงดงามครับ และงานสถาปัตยกรรมที่สำคัญของวัดอีกที่เป็นโบสถ์ที่ใช้ประกอบพิธีกรรม ทางศาสนา โดยปลูกไว้กลางน้ำและมีน้ำเป็นใบเสมา ในภาคเหนือเหลือเพียง 2 แห่ง คือ ที่ อำเภอแม่แจ่ม และ ที่วัดคันธาพฤกษา ตำบลห้วยแก้ว อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นโบสถ์กลางน้ำที่มีความสวยงาม สงบ ในสภาพภูมิอากาศที่เย็น และมีความชื้นตลอดทั้งปี

เกือบหกโมงเย็น ก็ได้เวลาที่ผมต้องกลับบ้าน กิจกรรมที่ผ่านมาครึ่งวัน กับการตะบันชีวิตในบ้านแม่กำปอง เป็นอะไรที่สุข และสบายใจ กับการไปพักผ่อน เหมือนเราได้ให้เวลากับตัวเองได้หยุดพัก คิดเองหนักหัวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตประจำวัน แล้วปล่อยใจไปกับธรรมชาติ

และทั้งหมดนั้นก็คือ “บ้านแม่กำปอง” ตอนผมเจอแล้วครับกระผม...


* dn_001.jpg (305.77 KB, 800x600 - ดู 434 ครั้ง.)

* dn_002.jpg (299.59 KB, 800x600 - ดู 427 ครั้ง.)

* dn_003.jpg (324.47 KB, 800x600 - ดู 441 ครั้ง.)

* dn_004.jpg (310.18 KB, 800x600 - ดู 449 ครั้ง.)

* dn_005.jpg (312.45 KB, 800x600 - ดู 487 ครั้ง.)

* dn_006.jpg (268.84 KB, 800x600 - ดู 487 ครั้ง.)

* dn_007.jpg (282.7 KB, 800x600 - ดู 460 ครั้ง.)

* dn_008.jpg (295.91 KB, 800x600 - ดู 462 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ขึ้นบน พิมพ์ 
จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ  |  แนะนำที่เที่ยว เส้นทางสาย บ่อสร้าง-สันกำแพง-แม่ออน-แม่กำปอง  |  หัวข้อ: "แม่กำปอง" ขอลองซักตั้ง! ฉบับเต็ม « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  




Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.5 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.084 วินาที กับ 20 คำสั่ง