ว่ากันด้วยเรื่องลาบคำนิยามแบบวิชาการหน่อย มันคือเป็นอาหารท้องถิ่นทางภาคอีสานและภาคเหนือ (รวมถึงประเทศลาวและสิบสองปันนา) โดยนำเนื้อมาสับให้ละเอียดแล้วคลุกกับเครื่องปรุง ซึ่งเนื้อที่มาทำลาบเป็นเนื้อหลายชนิด เช่น เนื้อไก่ เนื้อเป็ด เนื้อวัว เนื้อควาย เนื้อปลา เนื้อหมู และเนื้อนก นอกจากนี้ยังสามารถลาบสัตว์จำพวก กวาง เช่น ละมั่ง กระจง เก้ง หรือแม้แต่บึ้ง ก็นำมาลาบได้เช่นกัน (แล้วแต่จะสะดวกสรรหามาทำเอา) โดยลาบนั้นนิยมกินคู่กับข้าวเหนียว และมีผักสดเป็นเครื่องเคียง
ขีดเส้นวงกลมโฟกัสให้ใกล้เข้ามาหน่อย เฉพาะเรื่องลาบทางภาคเหนือ จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือมีพริกลาบ หรือน้ำพริกลาบ ที่ประกอบด้วยเครื่องเทศต่างๆ ที่คั่วให้สุก โดยเฉพาะมะแขว่นเป็นส่วนผสมหลัก ใช้ปรุงรสลาบ ทำให้ลาบของภาคเหนือมีลักษณะเฉพาะ ลาบที่ปรุงไม่สุกเรียก ลาบดิบ ส่วนลาบที่ปรุงสุกแล้วเรียกลาบคั่ว (นำไปคั่วกับน้ำมันพืชเล็กน้อย หรือไม่ใส่น้ำมันก็ได้ตามชอบ)
อย่างกรณีของลาบหมู เป็นอาหารที่นิยมทำกินกันในโอกาสพิเศษ หรืองานเลี้ยงหรือในเทศกาลต่างๆ ส่วนประกอบหลักของลาบหมู ที่ถูกนำมาทำ คือเนื้อหมูสด นำมาสับให้ละเอียดคลุกเคล้ากับเลือดสดและเครื่องในต้มหั่นซอย ปรุงด้วยเครื่องปรุงอันประกอบด้วยพริกแห้งเผา และเครื่องเทศต่างๆ
ส่วนอาหารทางภาคเหนืออีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายลาบคือ หลู้ นิยมใช้เลือดสดๆ ของหมู วัว หรือควาย ถ้าใช้น้ำเพี้ยแทนเลือด เรียกว่า หลู้เพี้ย
ที่ต้องเอ่ยร่ายยาวกันซะขนาดนี้ ก็เพื่อเป็นการเติมข้อมูลก่อนเข้าเรื่องที่จะเขียนครับ ซึ่งเรื่องที่ผมจะเขียนนั้น มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับลาบล้วนๆ ชนิดไม่มีอย่างอื่นมาผสม แบบว่าเดินหน้าไปทางไหนก็มีแต่กลิ่นลาบคละคลุ้งกันไปหมด
กลิ่นลาบคละคลุ้งที่ว่า มาจากงานมหกรรมลาบเมือง ครั้งที่ 40 ประจำปี 2558 ที่บริเวณลานเอนกประสงค์ อุทยานการค้ากาดสวนแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ครับ โดยงานนี้เป็นงานที่คอลาบมักจะมาชุมนุมกันทุกปี เพื่อสืบสานวัฒนธรรมอาหารพื้นเมือง อันเป็นเอกลักษณ์ของล้านนา และส่งเสริมการท่องเที่ยวก่อนเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ปี 2558 ซึ่งงานมหกรรมลาบเมือง มีชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดเชียงใหม่ เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดงานกัน ร่วมกับอุทยานการค้ากาดสวนแก้ว บริษัทสิงห์พัฒนา จำกัด และองค์กรพันธมิตร จัดขึ้น
งานจัดกันเมื่อวันเสาร์ที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา โดยได้ฤกษ์ยามเป็นเวลาประมาณช่วงบ่ายโมงไปจนถึงเย็น ซึ่งผมนั้นถือโอกาสแว่บไปกันประมาณช่วงบ่ายสาม เพราะคิดว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาเริ่มที่ดีที่สุดของงาน และพอไปถึงบรรยากาศก็คึกได้ใจกันเลยทีเดียว
เดี๋ยวมาเล่าต่อกันครับว่าในงานมันคึก และกลิ่นลาบกระจัดกระจายน่ารับประทานขนาดไหนอ่านต่อ ตอนจบ ได้ที่ ลิงค์นี้ >>
http://www.tripchiangmai.com/chiangmaiboard/index.php/topic,8355.msg39259/topicseen.html#msg39259