ตะลอนเที่ยววัดเชียงใหม่ วัดศรีมุงเมือง

[konhuleg]

เกือบสองปีแล้ว ที่ผมไม่ได้แวะมาเที่ยววัดศรีมุงเมือง บ้านลวงเหนือ ใน อ.ดอยสะเก็ด จำได้เมื่อครานั้นมา มีเพื่อนร่วมเดินทางเป็นคณะสื่อมวลชนของเชียงใหม่หลายแขนง ทั้งหนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ ทีวี วันนั้นทั้งวันที่พากันตะลอนเข้านั้นออกนี้ในดอยสะเก็ด ผมได้เรียนรู้ ได้รู้จักอะไรหลายๆ อย่างมากกับการมาเที่ยว

ด้วยความที่มาแบบ Exclusive หน่อย เลยได้ลงรายละเอียดกันเยอะ ทั้งเรื่องราวความเป็นมาเป็นไปของบ้านลวงเหนือ – ใต้ วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชาวไทลื้อ รวมทั้งเรื่องราวของวัดศรีมุงเมือง ซึ่งผมกำลังจะปูทางเล่าให้ฟังกันตอนนี้

วัดศรีมุงเมืองตอนนั้นที่ไปยังมีศาสนสถานหลายอย่างสร้างไม่เสร็จนะครับ แต่ถึงยังสร้างกันไม่เสร็จ ก็พอจะเห็นภาพลางๆ แล้วว่าถ้าเสร็จ วัดแห่งนี้จะเป็นวัดที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก

จากประวัติของวัดนั้นบอกเอาไว้ว่า วัดก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.1944  โดยพระเจ้าสามฝั่งแกน เดิมวัดชื่อ "ปุรณฉันท์" แปลว่า มุงเมือง  เพราะมีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่กลางหมู่บ้าน จากนั้นก็เลยเปลี่ยนมาเป็นศรีมุงเมือง ต่อมา พ.ศ.2449 ได้เปลี่ยนเป็นธรรมยุตินิกาย วัดแรกของจังหวัดเชียงใหม่  โดยอาศัยหลักฐานจากใบวิสุงคามสีมาที่พระราชทานโดย รัชกาลที่ 5 ลงวันที่ 30 กรกฎาคม 2449 สมัยพระนพีสีพิศาลคุณ (มหาคำปิง   คนฺธสาโร) เป็นเจ้าอาวาส

สำหรับสิ่งที่น่าสนใจภายในวัดนั้น เริ่มจากตรงประตูทางเข้าวัดด้านหน้ากันเลยครับ มีรูปปั้นพญาสิงห์หลวง ประดิษฐานบนแท่นหน้าประตูวัดศรีมุงเมือง  ที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ในปี 2557 เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระศรีอริยเมตตรัย และเป็นขวัญกำลังใจแก่สาธุชนทั้งหลาย และถวายเป็นบุญบารมีปกป้องรักษาพระศาสนาและประเทศไทย โดยเป็นแบบหล่อโลหะ กว้าง 2 เมตร ยาว 3 เมตร สูง 5 เมตร ซึ่งเป็นโลหะที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ไม่เคยมีที่ใดจัดสร้างมาก่อน

ทั้งนี้ ในวันที่ทางวัดได้ทำพิธีอัญเชิญเข้าสู่วัดนั้น เมื่อทางโรงงานได้นำพญาสิงห์มาถึง ทางเข้าวัดในวันที่ 3 พ.ค. 57 เวลา 03:00 น ได้เกิดเหตุอัศจรรย์มีฝนตกลงมา ตลอดรุ่งถึงสว่าง ซึ่งถือว่าเป็นฝนห่าแรกของปีที่ไม่ตกมานานมากแล้ว พอวันที่ 5 พ.ค.57 ได้ทำพิธีสมโภช และบรรจุหัวใจ พญาสิงห์ โดย พระราชปริยัตโยดม วัดจองคำ อ.งาว จ.ลำปาง เวลา 17:09 น ขณะที่หลวงปู่ได้ทำพิธี ดังกล่าว และ แผ่เมตตา เบิกเนตร ใส่หัวใจพญาสิงห์หลวง ได้เกิดเหตุ อัศจรรย์ แผ่นดินไหว สะเทือนไปทั่วบริเวณ และ หลังจากเบิกเนตร บรรจุหัวใจเสร็จแล้ว ได้เกิด ฝนปรอยๆลงมาทั่วบริเวณงาน ตลอดรุ่งของวันดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งเมื่อเห็นดังนั้น ทางวัดจึงจัดสร้างมงคล ที่ระลึกพญาสิงห์หลวงมหาอำนาจวาสนาบารมีขึ้น เพื่อให้สาธุชนได้นำไปสักการะบูชาเพื่อความรุ่งเรือง

ไว้มาต่อกันอีกตอนกับหลากเรื่องที่น่าสนใจภายในวัดศรีมุงเมืองครับ

[konhuleg]

เล่าเกริ่นๆ กันไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่ถึงครึ่ง มาต่อกันส่วนที่เหลือครับ

หลังจากเล่าถึงเรื่องของพญาสิงห์หลวงตรงประตูทางเข้าวัดแล้ว เขยิบกันเข้ามาด้านในวัด จะเห็นพระวิหารหลวง ของวัดศรีมุงเมืองกันครับ โดยบันไดทางขึ้นวิหารจะมีรูปปูนปั้นเป็นสัตว์ในตำนานอย่าง “พญาลวง” (ที่ไม่ใช่พญานาค หลายคนเข้าใจเป็นแบบนั้น แต่ที่จริงเป็นสัตว์ที่มีลักษณะหลายอย่างผสมกันทั้งมังกร พญานาค เหยี่ยว วัว กวาง เป็นต้น) เด่นสง่าชูหัวทั้งสองฝั่งราวบันได ซึ่งถือว่าพบเห็นกันยากพอสมควรกับสถาปัตยกรรมแบบนี้ของวัดใน จ .เชียงใหม่ อีกอย่างที่น่าสังเกตของ ชื่อหมู่บ้านเท่าที่ผมสันนิษฐานเอาเอง น่าจะมาจากชื่อพญาลวง ก็เลยตั้งชื่อเป็นหมู่บ้านเมืองลวงไปเลย ฝั่งเหนือก็เมืองลวงเหนือ ฝั่งใต้ก็เมืองลวงใต้ (เพราะสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ทางศาสนา จะมีแต่พญาลวงล้วนๆ รวมทั้งตุ๊กตาไม้ที่เป็นสินค้าโอท็อปทำขาย)
 
อนึ่ง ”ลวง” ในที่นี้ ไม่ใช่ลวงหลอกนะครับ ฮ่าๆ

เข้ามาด้านในวิหารกันครับ ต้องบอกว่าเป็นวิหารที่สวยงามมาก ลวดลายทองต่างๆ เต็มไปด้วยความประณีต บรรจงทำออกมาอย่างวิจิตรงามตา ยิ่งพอมาถูกแสงไฟในวิหารกระทบลงไปด้วย ยิ่งทำให้ดูสง่างามมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากลวดลายทองที่เห็นในวิหารแล้ว สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ มีพระประธาน ประดิษฐานในวิหาร 5 องค์ ด้วยกัน

ด้านหลังวิหารหลวงมี พระธาตุเจดีย์นพีสีพิศาลมงคล เจดีย์ศิลปะแบบพม่า (ไทลื้อ) สร้างเมื่อปี พ.ศ.1944 เป็นเจดีย์ที่เก่าแก่ที่สุดองค์หนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่

อีกแห่งที่เพิ่งสร้างเสร็จกันใหม่ๆ หอไตรกลางน้ำ สิ่งปลูกสร้างที่มีลักษณะเป็นหอสูงสำหรับเก็บคัมภีร์พระไตรปิฎกหรือหนังสือธรรมทางพุทธศาสนา หรือจารึกความรู้เรื่องอื่นๆ เช่นเรื่องตำรายาโบราณ วรรณคดีโบราณ เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นของสูง เป็นของศักดิ์สิทธิ์ และหาได้ยาก และนิยมสร้างไว้กลางสระน้ำในวัด ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้มดปลวกและแมลงสาบขึ้นไปกัดแทะทำลายคัมภีร์เหล่านั้น ส่วนใหญ่นิยมสร้างเพื่อมุ่งบุญกุศลเป็นสำคัญ ด้วยถือคติว่าสร้างไว้เก็บรักษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญ จึงนิยมสร้างอย่างวิจิตรงดงาม มีรูปทรงพิเศษแปลกตาด้วยฝีมือที่สุดยอดในยุคสมัยนั้นๆ

ที่สุดท้ายเป็น กุฏิเจ้าอาวาสครับ ข้างในมีโฮงหลวงไทลื้อ ที่สร้างโดยไม่ได้ใช้ตะปูซักดอก แต่อาศัยการตอกลิ่ม เข้าสลักแทน

นอกจากวัดศรีมุงเมืองแล้ว ในบ้านลวงเหนือ ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างน่าสนใจในเชิงของการท่องเที่ยวแบบวัฒนธรรมของชาวไทลื้อ เอาเป็นว่าใครไม่เคยมาเที่ยวอะไรแบบนี้ ก็น่าลองมาสัมผัสกันดูซักหนครับ