เที่ยวชมพรรณไม้ที่ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์มาถึงเชียงใหม่ ไปถึงอำเภอแม่ริม สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวมือเก่ามือใหม่ไม่ควรพลาด และมักจะไม่พลาด เพราะถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์การท่องเที่ยวเชียงใหม่ ครั้งที่แล้วเลดี้ ดาริกาพาเพื่อนๆ มาภายในสวนพฤกษศาสตร์นี้กันแล้ว ถ้ายังจำได้...พามาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติกันยังไงล่ะคะ มาถึงสวนพฤกษศาสตร์ทั้งทีเลดี้ ดาริกา แม้จะเคยมาหลายครั้ง แต่ก็นานแล้ว เลยอยากจะขอสำรวจว่าที่นี่เปลี่ยนไปมากแค่ไหน มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง พร้อมกับพาเพื่อนๆ มือใหม่ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์กับจังหวัดเชียงใหม่ ไปทำความรู้จักที่เที่ยวเจ๋งๆ แห่งนี้กันค่ะสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ตั้งอยู่บนถนนสายแม่ริม สะเมิง ในเขตอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่รวบรวม จัดแสดง และวิจัยพรรณไม้ที่พบในประเทศไทย และพรรณไม้อื่นๆ จากต่างประเทศ ถือเป็นสถานที่สำหรับศึกษาหาความรู้สำหรับคนรักต้นไม้ และเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยววิวสวยๆ จากลานชมวิวของสวนพฤกษศาสตร์
สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้เดิมเรียกกันว่า สวนพฤกษศาสตร์แม่สา ตามสถานที่ตั้งซึ่งมีลำห้วยแม่สาไหลผ่าน ถือได้ว่าเป็นสวนพฤกษศาสตร์แห่งแรกของประเทศไทย มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 3,500 ไร่ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๓๗ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ได้รับพระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้พระนามของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถมาเป็นชื่อได้ สวนพฤกษศาสตร์แม่สาจึงมีชื่อใหม่ว่า สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ นับแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบันเรือนกระจกจัดแสดงพรรณไม้ด่าง
เรือนกระจกจัดแสดงพรรณไม้น้ำและบัวชนิดต่างๆ
พื้นที่ภายในการดูแลของสวนพฤกษศาสตร์แบ่งการจัดแสดงออกเป็นโซนๆ ตามลักษณะของพืชพรรณต่างๆ อาทิ สวนกล้วย สวนสมุนไพร สวนไม้เลื้อย สวนไม้ดอกสีขาว แต่ละพื้นที่ตั้งอยู่ค่อนข้างห่างกัน ใครมีกำลังขาดีอยากทดสอบร่างกายอาจจะเหนื่อยกันหน่อย แต่รับประกันว่าผอมแน่ๆ และอาจใช้เวลาค่อนวันในการเที่ยวชม หากใครชำนาญเส้นทางลาดชัดจะขับรถหรือมอเตอร์ไซค์ก็จะสะดวกมาก หรือจะใช้บริการรถรางของทางสวนพฤกษศาสตร์ก็ได้นะคะเรือนกระจกจัดแสดงพรรณไม้ในเขตทะเลทราย (ทนแล้ง)
มาเที่ยวสวนครั้งนี้ เลดี้ ดาริกาเห็นความเปลี่ยนแปลงไป คือแปลงปลูกพรรณไม้หลายแห่งถูกทิ้งร้าง อาจจะด้วยเนื่องจากพื้นที่ที่กว้างใหญ่ และเป็นภูเขาทำให้ดูแลได้ไม่ทั่วถึง แต่ก็เห็นความตั้งใจของเจ้าหน้าที่ที่กำลังพยายามฟื้นฟูและปรับปรุงสวนต่างๆ ให้กลับมาน่าสนใจ มารอบนี้เลดี้ ดาริกามีโอกาสแวะเข้าชมสวนกล้วย แหล่งรวมพืชประเภทกล้วยหลากหลายสายพันธุ์ มี่ตั้งแต่กล้วยที่เรารับประทานกันได้เป็นผลไม้ ไปจนถึงกล้วยป่า และกล้วยที่นิยมปลูกกันเป็นไม้ประดับ ภายในเรือนกระจกไฮไลท์จำลองระบบนิเวศป่าเขตร้อนชื้น
มีทางเดินสำหรับชมเรือนยอดของต้นไม้ด้วย
ขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาเห็นทางสวนพฤกษศาสตร์โปรโมทผึ้งร้อยรัง มีลักษณะเป็นต้นไม้สูงใหญ่มีผึ้งมาทำรังอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นระบบนิเวศที่น่าทึ่งมากทีเดียว ตำแหน่งของที่ตั้งต้นไม้นี้อยู่ด้านหลังแปลงปลูกกล้วยไปเล็กน้อย อีกความเปลี่ยนแปลงที่น่าเสียดายคือ ต้นเบาบับ ต้นไม้บวมน้ำจากออสเตรเลียไม่อยู่แล้ว ไม่แน่ใจว่าถูกย้ายไปไว้ที่อื่น หรือตายไปแล้ว เพื่อนๆ คนไหนพอจะทราบข้อมูลก็เอามาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะเรือนจัดแสดงกล้วยไม้นานาชนิด
ไฮไลท์สำคัญของสวนพฤกษศาสตร์ที่ใครมาเที่ยวก็ต้องแวะเวียนมาเยี่ยมชม กลุ่มเรือนกระจกขนาดใหญ่บนยอดเขา ถูกจัดสรรไว้เพื่อจัดแสดงพรรณไม้ประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เรือนไม้กินแมลง เรือนบัว เรือนไม้ด่าง เป็นต้น ที่น่าสนใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวคงจะหนีไม่พ้นเรือนกระจกขนาดใหญ่ที่สุดซึ่งจำลองระบบนิเวศของป่าเขตร้อนเอาไว้ที่นี่ได้อย่างงดงาม อากาศภายในเรือนกระจกชุ่มชื้น และมืดครึ้มแบบป่าเขตร้อนชื้น ใกล้ๆ กันนั้นเป็นเรือนกระจกสำหรับจัดแสดงพรรณไม้ทะเลทรายจำพวกกระบองเพชร และแคตตัส น่าสนใจไม่แพ้กันเลยทีเดียวก่อนกลับออกไป เที่ยวสวนพฤกษศาสตร์จนทั่วและเมื่อยล้า จะแวะนั่งพักผ่อนในสวนริมน้ำตกแม่สาน้อย เอาเท้าแกว่งน้ำให้สบายใจ นี้อาจจะเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ สำหรับวันหยุดของใครหลายคน สูดอากาศบริสุทธิ์ให้ชุ่มปอดสักเฮือกสองเฮือกใหญ่ สร้างพลังใจ และก้าวต่อไปจุดอำนวยความสะดวกและบริการนักท่องเที่ยวด้านบน
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์เปิดทุกวันตั้งแต่ 8:30 17:00 น ผู้ใหญ่เสียค่าเข้าชม 40 บาท นักเรียน นักศึกษา 20 บาทเรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา