นมัสการพระอัฐิธาตุสุดยอดเกจิทั่วฟ้าเมืองไทยที่ วัดสันติธรรมวัดสันติธรรม ตั้งอยู่บนถนนหัสดีเสรี ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ เดิมชื่อ วัดสันติธรรม นครเชียงใหม่ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๒ โดย ท่านเจ้าคุณพระญาณสิทธาจารย์ หรือรู้จักกันดีว่า หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร สร้างขึ้นบนพื้นที่วัดเก่าแห่งหนึ่งไม่ปรากฏชื่อ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ วัดนี้ได้รับอนุญาตให้เป็นวัดอย่างเป็นทางการ จึงเปลี่ยนชื่อเป็น วัดสันติธรรม จนถึงปัจจุบัน บริเวณวัดร่มรื่น วัดมีอายุไม่มากนัก ปูชนียสถานต่างๆ สร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ จึงมีสภาพใหม่ ไฮไลท์ของวัดนี้คือพิพิธภัณฑ์พระธาตุบูรพาจารย์ เป็นอาคารปูน ๒ ชั้น สถาปัตยกรรมแบบชาวไทใหญ่ร่วมสมัย หลังคาซ้อนกัน ๔ ชั้น บริเวณจั่วมีพระนามาภิไธยย่อของสมเด็จพระสังฆราชฯ ชั้นบนเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุจาก ๕ ประเทศ พระอรหันตธาตุ และอัฐิธาตุพระอริยสงฆ์ทั่วประเทศไทย หลายๆ คนอาจจะไม่เข้าใจว่าธาตุต่างๆ เหล่านี้คืออะไร อาคารพิพิธภัณฑ์พระธาตุบูรพาจารย์
พระบรมสารีริกธาตุแห่งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า
พระบรมสารีริกธาตุ คือ ส่วนต่างๆ ของร่างกายพระพุทธเจ้า ทั้งกระดูก ผม เล็บ ฟัน ฯลฯ พระองค์ได้อธิษฐานไว้ก่อนปรินิพพาน ให้คงเหลือไว้หลังจากการถวายพระเพลิง เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธบริษัท มีลักษณะแตกต่างจากคนทั่วไป ถ้าไม่สังเกตดีๆ จะดูคล้ายกับก้อนกรวดหรือเม็ดแก้วใสๆ ส่วนพระอรหันธาตุ และพระอัฐิธาตุพระอริยสงฆ์ จะเรียกว่าพระธาตุ มีลักษณะเช่นเดียวกับพระบรมสารีริกธาตุ ชาวพุทธเชื่อกันว่าพระอรหันต์หรือพระสงฆ์ที่บำเพ็ญเพียรจนบรรลุเป็นพระอรหันต์ และเมื่อละสังขาร กระดูกที่เหลือจากการชาปนกิจจะกลายเป็นพระธาตุเราลองไปสำรวจชั้นบนของพิพิธภัณฑ์กันบ้างนะคะ ประตูทางเข้าเป็นลายรดน้ำรูปเทวดา ตรงกลางเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันต์ธาตุอยู่บนธรรมมาสศิลปะล้านนา รอบๆ เป็นตู้กระจกที่เก็บพระธาตุของพระอริยสงฆ์ทั่วประเทศทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ เช่น พระธาตุหลวงปู่สิม เจ้าอาวาสผู้ก่อตั้งวัด พระธาตุหลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว เป็นต้น ส่วนชั้นล่างเป็นห้องจัดเก็บหนังสือธรรมะสำหรับพระภิกษุ สามเณร รวมไปถึงประชาชนทั่วไปพระอุโบสถ
พระอุโบสถ สถาปัตยกรรมล้านนา สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๕ โดยหลวงปู่สิม ท่านสร้างตามกำลังทรัพย์ที่มี ไม่เคยเรี่ยไร หรือสร้างเครื่องรางของขลังเพื่อหาทุนทรัพย์ ถ้าหมดทุนก็หยุดสร้าง จนกระทั่งแล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ รวมใช้เวลาสร้างถึง ๑๘ ปี พระอุโบสถมีขนาดความกว้าง ๑๔ เมตร ยาว ๒๘ เมตร สูง ๓๐ เมตร หลังคาซ้อนกัน ๓ ชั้น หน้าบันเป็นลายปูนปั้นรูปพรรณพฤกษาสีทองบนพื้นสีฟ้า หน้าบันด้านหลังเป็นลายปูนปั้นพุทธประวัติ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยสันติเจดีย์ ถอดแบบมาจากเจดีย์เหลียมเวียงกุมกาม
สันติเจดีย์ ตั้งอยู่ด้านหลังพระวิหาร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๔ เป็นเจดีย์เหลี่ยมศิลปะละโว้ถอดแบบมาจากพระเจดีย์ของวัดเจดีย์เหลี่ยม ฐานล่างสุดเข้าไปด้านในได้ องค์เจดีย์เป็นเรือนธาตุลดหลั่นกันลงไป ๕ ชั้น แต่ละชั้นมีซุ้มจระนำประดิษฐานพระพุทธรูปปางยืนด้านละ ๓ ซุ้ม รวมทั้งสิ้น ๖๐ ซุ้ม ชั้นที่๑ ประดิษฐานพระปางห้ามพระสมุทร ชั้นที่ ๒ ประดิษฐานพระปางอุ้มบาตร ชั้นที่ ๓ ประดิษฐานพระปางห้ามญาติ ชั้นที่๔ ประดิษฐานพระปางรำพึง และชั้นที่ ๕ ประดิษฐานพระพุทธรูปประทับยืน แต่ละมุมมีเจดีย์บริวารประจำอยู่ ส่วนยอดเป็นฉัตรสีทอง นอกจากนั้นเจดีย์ชั้นที่ ๒ ยังถูกใช้เป็นแท็งก์เก็บน้ำด้วยนะคะ นับว่าเป็นแนวคิดที่แปลกไม่เหมือนใครจริงๆ การมากราบไหว้พระธาตุบูรพาจารย์ นอกจากเพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตนเองแล้วนั้น ยังให้ข้อคิดคติเตือนใจว่า แม้ว่าเราจะตายจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ถ้าตอนที่เรายังมีชีวิตอยู่ทำแต่คุณงามความดี มันจะคงอยู่ตลอดไปมิเสื่อมคลายเรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา