วัดสวนดอก พระอารามเก่าแก่คู่เมืองเชียงใหม่ สายใยพระธาตุดอยสุเทพวัดบุปผาราม ชื่อนี้เราอาจจะไม่คุ้นเคยนัก แต่ถ้าเอ่ยชื่อ วัดสวนดอก หลายๆ คนคงต้องร้องอ๋ออย่างแน่นอน วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่อีกแห่งหนึ่ง มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจ และศิลปวัตถุ โบราณวัตถุที่ทรงคุณค่ายิ่ง ตั้งอยู่นอกเขตกำแพงเมืองเชียงใหม่ทางทิศตะวันตก โดยมีประตูสวนดอกเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างเมืองเชียงใหม่เก่ากับที่ตั้งของวัดในอดีตวัดสวนดอก ตั้งอยู่บนถนนสุเทพ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ มีฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1914 โดยพญากือนา หรือพระเจ้ากือนาธรรมมิกราช กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งราชวงศ์มังราย โดยอุทิศถวายพระราชอุทยานซึ่งเต็มไปด้วยต้นพะยอม เรียกกันว่า สวนดอกไม้พะยอม เพื่อสร้างพระอารามให้เป็นที่จำพรรษาพระมหาเถระสุมน พระราชทานนามพระอารามแห่งนี้ว่า วัดบุปผาราม ต่อมานิยมเรียกสั้นๆ ว่า วัดสวนดอก แทนพระธาตุเจดีย์วัดสวนดอกเคียงคู่กับวิหารหลวงทรงล้านนาขนาดใหญ่
พระมหาเถระสุมน สำคัญอย่างไร ทำไมพญากือนาจึงมีความศรัทธา และอุทิศถวายพระราชอุทยานให้สร้างเป็นพระอาราม... พระมหาเถระสุมน เป็นพระสงฆ์ที่พญากือนาอาราธนามาจากกรุงสุโขทัย และเป็นผู้ประดิษฐานพระพุทธศาสนาลังกาวงศ์ในแผ่นดินล้านนา การเดินทางมาล้านนาในครั้งนั้น พระมหาเถระสุมนได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาด้วย ต่อมาพระบรมสารีริกธาตุได้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งบรรจุไว้ในพระธาตุวัดสวนดอก อีกส่วนหนึ่งให้ช้างอัญเชิญขึ้นไปประดิษฐานไว้บนดอยสุเทพ สร้างพระธาตุครอบไว้ ปัจจุบันคือพระธาตุดอยสุเทพนั่นเองพระธาตุเจดีย์วัดสวนดอกสัดส่วนงดงามมาก
เมื่อล้านนาตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า วัดสวนดอกไม่ได้รับการดูแลจึงกลายเป็นวัดร้างไป จนกระทั่งต่อมาในรัชสมัยพระเจ้ากาวิละ พระองค์ทรงบูรณะพระอารามแห่งนี้ขึ้นใหม่ ในปี พ.ศ. 2450 พระราชชายาเจ้าดารารัศมี ทรงสร้างกู่เพื่อบรรจุพระอัฐิของเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ และพระประยูรญาติที่วัดสวนดอกแห่งนี้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2475 ครูบาศรีวิชัยและเจ้าแก้วนวรัฐพร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันบูรณะวัดสวนดอกครั้งใหญ่ ปัจจุบันวัดสวนดอกกลายเป็นวัดที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการศึกษาของคณะสงฆ์ในภาคเหนือ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ วิทยาเขตเชียงใหม่วิหารหลวงหลังใหญ่มากๆ
หน้าบันวิหารหลวงหลังต้องแสงอาทิตย์ยามเย็นสวยงามมากๆ
บรรยากาศภายในวิหารหลวง
พระวิหารหลวงสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2475 โดยเจ้าแก้วนวรัฐ และครูบาศรีวิชัย เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กสถาปัตยกรรมล้านนาขนาดใหญ่มาก กว้าง 25 เมตร ยาวถึง 66 เมตร หน้าบันเป็นลายปูนปั้นพรรณพฤกษาและเทพพนมที่สวยงาม จุดเด่นของวิหารหลังนี้คือเป็นวิหารโถง ไม่มีฝาผนัง มีแต่เหล็กดัดกันขโมยโล่งๆ (ในอดีตคงไม่ได้ติดเหล็กดัดกันขโมย) ภายในประดิษฐานพระประธาน พระเจ้าค่าคิง พระพุทธรูปปางสมาธิ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระเจ้ากือนาธรรมมิกราช ด้วยทองสำริด ขนาดหน้าตักกว้าง 2 เมตร สูง 2.5 เมตรพระธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากกรุงสุโขทัยส่วนหนึ่ง
บรรลังก์พระธาตุประดับด้วยกระจกสีลายดอกไม้ น่ารัก แปลกตามากๆ
พระธาตุเจดีย์ตั้งอยู่หลังวิหารหลวง ศิลปะล้านนาอิทธิพลสุโขทัย สร้างเมื่อปี พ.ศ. 1916 โดยพระเจ้ากือนาธรรมมิกราช เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุจากกรุงสุโขทัย พระธาตุสูง 48 เมตร ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมยกสูงมีทางขึ้นทั้งสี่ด้าน แต่ละมุมมีเจดีย์ประจำอยู่ โดยรอบยังมีเจดีย์บริวารอีก 7 องค์ องค์เจดีย์ทรงระฆังคว่ำแบบลังกาอิทธิพลสุโขทัย บุหุ้มด้วยทองจังโก บัลลังก์โดดเด่นด้วยกระจกสีรูปดอกไม้ เหนือขึ้นไปประดิษฐานพระพุทธรูปยืนล้อมรอบอยู่ใต้ปล้องไฉน ส่วนยอดเป็นฉัตร 7 ชั้น พระอุโบสถ ภายในประดิษฐานพระเจ้าเก้าตื้อ
พระเจ้าเก้าตื้อ พระพุทธรูปสำคัญของวัด
ภาพจิตรกรรมภายในพระอุโบสถ
พระอุโบสถ อยู่ทางทิศใต้ของวัด ต้องเดินลึกเข้าไปข้างในนิดหน่อยนะคะ เดินจากวิหารหลวงประมาณ 100 เมตร เป็นอาคารปูนสถาปัตยกรรมล้านนาขนาดไม่ใหญ่นัก พื้นหน้าบันประดับกระจกสีฟ้า และลายปูนปั้นพรรณพฤกษา ภายในประดิษฐาน พระเจ้าเก้าตื้อ พระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะเชียงแสน ฝีมือช่างล้านนาและสุโขทัย หล่อด้วยทองสำริด หน้าตักกว้าง 3 เมตร สูง 4.70 เมตร สร้างโดยพระเมืองแก้ว เมื่อปี พ.ศ. 2047 แต่เดิมตั้งใจจะสร้างให้เป็นพระประธานในวิหารวัดพระสิงห์ แต่เมื่อหล่อเสร็จไม่สามารถชักลากพระพุทธรูปองค์นี้เข้าไปในเมืองได้ จึงประดิษฐานให้เป็นพระประธานในพระอุโบสถแห่งนี้แทนกู่ครูบาศรีวิชัย
รูปปั้นครูบาศรีวิชัย ผู้บูรณะวัดสวนดอก
กู่ครูบาศรีวิชัย อยู่ทางทิศใต้ของพระวิหารหลวง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2490 เพื่อบรรจุอัฐิของท่าน และเป็นอนุสรณ์ในคราวที่ท่านได้บูรณะวัดสวนดอกเมื่อปี พ.ศ. 2475 อีกด้วยกู่เจ้าหลวงเชียงใหม่ หรือกู่เจ้านายฝ่ายเหนือ
กู่เจ้าหลวงเชียงใหม่ หรือกู่เจ้านายฝ่ายเหนือ อยู่ทางทิศตะวันออกของพระเจดีย์ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2452 เพื่อบรรจุอัฐิของปฐมกษัตริย์จนถึงกษัตริย์พระองค์สุดท้าย รวมถึงพระประยูรญาติในสกุล ณ เชียงใหม่ และผู้สืบเชื้อสายสกุลเจ้าเจ็ดตนMonk Chat สำหรับชาวต่างชาติที่อยากเรียนรู้พระพุทธศาสนา
วัดสวนดอกถือเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่หากใครมีโอกาสมาเที่ยวเชียงใหม่ต้องมาเยือนให้ได้สักครั้ง นอกจากความสำคัญทางประวัติศาสตร์แล้ว เลดี้ ดาริกาขอการันตีในความงามสง่าของพระธาตุวัดสวนดอก ที่กล้าการันตีก็เพราะว่าโดยส่วนตัวแล้วชอบเจดีย์วัดสวนดอกมากๆ ค่ะเรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา