ท่องเที่ยวเชิงเกษตร สัมผัสวิถีชีวิตชาวปกาเกอะญอที่ บ้านแม่กลางหลวงการทำนาคืออาชีพหลักของคนทุกเผ่าพันธุ์ในเอเชียอาร์คเนย์มาแต่เก่าก่อน ในบ้านเรา ไม่ว่าจะไปทางไหน ก็มักเห็นนาข้าวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ทุ่งนาที่เราเคยรู้จักกันดีตั้งแต่ครั้งปู่ย่าตาทวด เริ่มมีบาทบาทมากขึ้นทุกๆ วันในเชิงการท่องเที่ยว จากที่เคยเป็นเพียงกิจกรรมทางเกษตรรูปแบบหนึ่ง กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม ที่เน้นการศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวนา นาข้าวในภาคเหนือประเทศ มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกับท้องนาในที่ราบลุ่ม เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสลับกับที่ราบเล็กๆ ทำมีพื้นที่จำกัด ชาวนาต้องปรับพื้นที่บริเวณไหล่เขาให้เป็นนาข้าว โดยทำเป็นขั้นบันได เกิดทัศนียภาพสวยงามแปลกตา เราไปทำความรู้จักกับนาขั้นบันไดที่ได้ชื่อว่าสวยงาม และมีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ที่บ้านแม่กลางหลวงกันนะคะศูนย์ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านแม่กลางหลวง
บ้านแม่กลางหลวง หรือเรียกตามภาษาปกาเกอะญอว่า "แม่กลางคี" ตั้งอยู่ในเขตลุ่มแม่น้ำ ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง บริเวณนี้เป็นที่ตั้งบ้านเรือนของชาวเขาเผ่ากระเหรี่ยงรู้จักกันในชื่อ ชาวปกาเกอะญอ อันหมายถึง ผู้มีความสมถะและเรียบง่าย ซึ่งบริเวณบ้านแม่กลางประกอบด้วยชุมชนย่อย 4 แห่ง ได้แก่ บ้านอ่างกาน้อย บ้านแม่กลางหลวง บ้าหนองล่ม และบ้านผาหมอน ซึ่งยังคงยึดถือความเชื่อ และปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมดั้งเดิมของชนเผ่ามาตราบจนทุกวันนี้ทิวทัศน์นาขั้นบันไดสีเขียวหน้าฝน
ชาวบ้านส่วนใหญ่ยึดอาชีพการเกษตรทำมาหาเลี้ยงชีพ โดยเฉพาะการทำนาข้าว และปลูกกาแฟ นาข้าวมีลักษณะเป็นนาขั้นบันได ซึ่งเป็นกิจกรรมตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์เคยเสด็จมายังโครงการหลวงอินทนนท์ ทรงให้ความรู้ และแนะนำอาชีพให้กับชาวบ้านในแถบนี้ การทำนาขั้นบันได เป็นกิจกรรมทางการเกษตรที่เหมาะกับพื้นที่บนภูเขา ส่งเสริมให้ครอบครัวชาวปกาเกอะญอมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของชาวปกาเกอะญอ
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยี่ยมชมหมู่บ้านแม่กลางหลวง จะได้สัมผัสวิถีชีวิตของผู้คน ที่ยังคงพึ่งพาธรรมชาติ ได้เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ยังคงดำรงตามวิถีดั้งเดิม ซึ่งสืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ นาขั้นบันไดหมู่บ้านแม่กลางหลวง เป็นพื้นที่นาในหุบเขาขนาดใหญ่ เมื่อใกล้ฤดูดูเก็บเกี่ยว ข้าวในนาจะเริ่มตั้งทอง และชูรวงเหลืองอร่ามทั่วทั้งหุบเขา กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ให้มาช่วงกลางเดือนตุลาคม พฤศจิกายน แต่สำหรับผู้ชื่นชอบสายฝน และความเขียวขจีทองท้องทุ่ง อยากชมทุ่งนาสีเขียวชอุ่ม กระตุ้นความสดชื่น เสริมสร้างความกระปรี้กระเปร่าแล้วล่ะก็ ขอแนะนำให้มาเยือนที่นี่ในช่วงเดือนสิงหาคม กลางตุลาคมจะดีที่สุด เพราะเป็นฤดูฝนพรำ ไม่เพียงแต่ผืนนาเท่านั้นที่เป็นสีเขียว แต่ป่าไม้โดยรอบก็เขียวขจีสบายตามากๆบ้านพักเล็กๆ ริมน้ำ สงบเงียบดีมากๆ :)
นักท่องเที่ยวที่อยากใช้ชีวิตดื่มด่ำกับธรรมชาติ สามารถพักค้างคืนในหมู่บ้านได้ มีโฮมสเตย์ไว้คอยบริการผู้มาเยือน เลือกได้หลากสไตล์ ไม่ว่าจะบ้านหลังน้อยกลางทุ่งนา หรือบ้านริมลำธารชุ่มช่ำ ราคาไม่แพง ประมาณ 500 -1,200 บาทต่อคืน ใครอยากนอนเต็นท์ ก็นำเต็นท์มากางที่ลานแค้มปิ้งได้ ราคาคนละ 30 บาทต่อคืน หรือจะเช่าเต็นท์จากชาวบ้านที่นี่ คิดคนละ 150 บาท ต่อคืนพร้อมเครื่องนอนครบถ้วนชมทิวทัศน์สวยๆ ปิดท้ายกันนะคะ :)
บ้านแม่กลางหลวงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง ที่ผู้มาเยือนจะได้ใกล้ชิดธรรมชาติบริสุทธิ์ และวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวกระเหรี่ยง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการค้างคืนก่อนเดินทางไปยอดดอยอินทนนท์ ผู้สนใจสามารถเดินทางมาที่นี่ได้ โดยใช้ถนนหมายเลข 1009 จากอำเภอจอมทองมายังบ้านแม่กลางหลวงระยะทางประมาณ 32 กิโลเมตร จุดสังเกตสำคัญคือทุ่งนาในเขตหุบเขาสองข้างทาง ที่เห็นแล้วคุณจะรู้ได้ทันที เตรียมตัวเลี้ยวซ้ายเข้าสู่บ้านแม่กลางหลวงได้เลยค่ะเรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา