กลุ่มพิพิธภัณฑ์กลางเวียงเชียงใหม่ ตอนที่ ๑ หอประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่พิพิธภัณฑ์คือแหล่งการเรียนรู้สำคัญ ในประเทศชั้นนำของโลก เด็กๆ จะได้รับการสนับสนุนให้เข้าพิพิธภัณฑ์ เพื่อศึกษาเรียนรู้เรื่องราวที่ตนสนใจ ทศวรรษหลังมานี้วงการพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทยซบเซา ไม่มีใครสนใจเข้าพิพิธภัณฑ์ ไม่ใช่เพราะว่าบ้านเราขาดศิลปวัตถุ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจ แต่ต้องยอมรับว่าหน่วยงานพิพิธภัณฑ์หลายแห่งของรัฐถูกละเลยจากส่วนกลาง และขาดความรู้ในการจัดแสดงเรื่องราว หรือศิลปวัตถุ โบราณวัตถุให้น่าสนใจดึงดูดผู้เข้าชมบริเวณกลางเวียงเชียงใหม่ถือเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของเมือง อนุสาวรีย์สามกษัตริย์เปรียบเสมือนหัวใจของเมือง แต่เดิมบริเวณกลางเมืองเป็นที่ตั้งของหอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ (อาคารศาลาว่าการมณฑลพายัพ หรือศาลากลางจังหวัดหลังเก่า) นักท่องเที่ยวคนไหนมาเที่ยวเชียงใหม่ครั้งแรก ก็คงไม่พลาดมาเยี่ยมชมที่นี่ฉันรู้สึกชื่นชมการจัดการพื้นที่ประวัติศาสตร์บริเวณกลางเมืองให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ของชาวเชียงใหม่ และนักท่องเที่ยว เพราะทุกวันนี้นอกจากจะมีหอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่แล้ว ยังมีศูนย์เรียนรู้ใหม่เพิ่มขึ้นอีก ๒ แห่ง คือ หอประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่ และพิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา ซึ่งเลดี้ ดาริกาจะขอนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังเป็นตอนๆ ไปค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์แต่ละแห่งคือ ๒๐ บาท (ผู้ใหญ่ชาวไทย) ๑๐ บาท (เด็กชาวไทย) ๙๐ บาท (ผู้ใหญ่ต่างชาติ) และ ๔๐ บาท (เด็กต่างชาติ) หรือจ่ายราคาเหมาเข้าชมได้ทั้งสามแห่งเพียง ๔๐ บาท (สำหรับนักท่องเที่ยวไทย) และ ๑๘๐ บาท (สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ) ซึ่งถือว่าคุ้มมากสถานที่แห่งแรกที่อยากนำเสนอคือ หอประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่ อาคารทรงล้านนาประยุกต์ ตั้งอยู่ด้านหลังศาลาว่าการฯหลังเก่า ภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชุมชนล้านนาในอดีต โดยแบ่งการนำเสนอได้ถึง ๑๖ เรื่อง แต่ละล้วนจัดแสดงได้อย่างน่าสนใจ ทั้งศิลปวัตถุที่นำมาจัดแสดง และสื่อที่ใช้บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ด้วยเสาไม้แกะสลักใช้ประกอบพิธีเลี้ยงผีของชาวลั้วะ
แผนที่แสดงเส้นทางการค้าระหว่างเชียงใหม่กับเมืองโดยรอบ
เมื่อเดินเข้ามาภายในตัวอาคารชั้นแรก ห้องนี้จัดแสดงเกี่ยวกับตำนานเมือง ความสำคัญของชนเผ่าลั้วะในฐานะผู้อยู่อาศัยเดิมบนแผ่นดินล้านนา เส้นทางการค้าขายระหว่างเมืองเชียงใหม่กับเมืองใหญ่น้อยโดยรอบ ภาษาและวรรณกรรมล้านนา รวมไปถึงกฎหมายฉบับแรกของล้านนาที่เรียกว่า มังรายศาสตร์ เรื่องราวของธรรมชาติ และความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติเครื่องแต่งกายของชาวลั้วะ
การแต่งกายของชาวพม่า
เดินขึ้นมาด้านบนเป็นส่วนจัดแสดงเรื่องราวยุครุ่งเรือง และยุคเสื่อมของอาณาจักรล้านนา การค้าขายทางน้ำ ที่เคยรุ่งเรื่องมากในอดีตก่อนมีทางรถไฟสายเหนือ ยุคที่ล้านนาตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ซึ่งกินเวลายาวนานถึง ๒๐๐ ปี ยุคเสื่อมของเมืองเชียงใหม่ และช่วงเวลาที่เชียงใหม่กลายเป็นเมืองร้างถึง ๒๐ ปี การคมนาคมสมัยใหม่ โดยเฉพาะทางรถไฟที่เชื่อมเชียงใหม่กับกรุงเทพฯ ยุคฟื้นฟูเมือง และเรื่องราวในช่วงที่ล้านนาตกอยู่ใต้การปกครองของสยาม จนถึงช่วงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือรูปเก่าหาชมยากจำนวนมาก บอกเล่าเรื่องราวเชียงใหม่ในอดีตแต่ละช่วงสมัยนิทรรศการเกี่ยวกับการคมนาคมสมัยใหม่
ภาพถ่ายเก่าหาชมยากของเมืองเชียงใหม่
เดินออกมาจากอาคารหลักสู่ส่วนจัดแสดงที่ ๓ ห้องนี้ทำให้ฉันตื่นเต้นเป็นพิเศษ ห้องนี้เป็นโถงจัดแสดงแหล่งขุดค้นทางโบราณคดีแนวกำแพงโบราณ ซึ่งค้นพบทั้งหมด ๒ แห่ง แนวกำแพงทั้งสองแห่งนี้คาดกันว่าน่าจะเป็นแนวกำแพงของ วัดพระแก้ว ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นวัดในพระราชวัง ตามแบบวัดพระแก้วในพระบรมมหาราชวังที่กรุงเทพฯ การจัดแสดงซากกำแพงโบราณภายในอาคาร และโบราณวัตถุที่ค้นพบไว้ในพื้นที่เดิมที่ขุดค้นได้นั้น สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ได้ดีมาก ซึ่งพบน้อยมากในพิพิธภัณฑ์ไทยแหล่งโบราณคดีแนวกำแพงโบราณ
จัดแสดงได้น่าสนใจมากๆ ค่ะ :)
ฉันเชื่อว่ารูปแบบการจัดแสดงเป็นส่วนสำคัญยิ่งที่จะทำให้เรื่องราวแสนน่าเบื่อหน่ายกลายเป็นเรื่องน่าสนใจ เปลี่ยนโบราณวัตถุเก่าๆ ที่ดูไร้ค่าให้กลายเป็นสมบัติมีชีวิต นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเชียงใหม่ และเยาวชนรุ่นหลัง ขอแนะนำให้มาเที่ยวที่นี่กันเยอะๆ นะคะ รับรองว่าคุณจะลืมภาพลักษณ์พิพิธภัณฑ์เก่าๆ ไปเลยทีเดียวเรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา