นั่งรถไฟ เชียงใหม่-ลำปาง ด้วยตั๋วฟรี

[artisty_artii]

ได้ข่าวมาระยะนึงว่ารถไฟสายเหนือได้เปิดเส้นทางแล้วหลังจากปิดปรับปรุงไปซักพัก
คราวนี้จะกลับบ้านเลยขอกลับแบบนั่งรถไฟไปดีกว่า
ก่อนอื่นเลยปรับแผนเดิมจากฝากรถที่อาเขต มานั่งรถแดงจากหลัง มช มาสถานีรถไฟ
เพราะจะกลับหลายวัน เอารถไปฝากคงเสียตังค์ค่าฝากเยอะกว่าค่ารถแดงแน่
ตีรถมาแต่เช้าเลยค่ะตั้งแต่ประมาณ 7 โมง (แอบเช็คเวลาเดินรถทางเน็ตแล้วว่ามีเที่ยวไปลำปางประมาณ 9 โมงครึ่ง)
เสียค่ารถแดง 50 บาท แค่นั้น

(ทริคเล็กน้อยสำหรับมือใหม่หัดโบกรถแดง : ถ้าโบกจากโซน มช. ไปอาเขต หรือสถานีรถไฟ ราคากลาง ๆ อยู่ที่ 50 บาท ต่อคนค่ะ ใครได้ราคา 40 บาทถือว่าโชคดีมาก แพงสุดที่เคยเจอคือ 60 บาท ถ้ารีบมากก็ให้ ๆ ไปเถอะค่ะ แต่ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ต่อที่ 50 บาทดู ถ้า 70 ขึ้นไปนี่ถือว่าแพงมากแล้ว)

[artisty_artii]

โบกรถมาถึงสถานีประมาณ 8 โมงกว่า นายสถานีถามว่าจะไปรถแอร์หรือรถพัดลม
หนาว ๆ อย่างงี้ไม่ลังเลเลยค่ะ ขอรถพัดลมดีกว่า ต่อให้เป็นตั๋วเสียตังค์ก็ยอม 
สรุปคือ ได้ตั๋วรถไฟฟรีค่ะ เที่ยว 9.30 น. ก่อนได้ตั๋ว ต้องแสดงบัตรประชาชนด้วยนะคะ

เกร็ดความรู้ : รถไฟฟรีก็คือรถไฟชั้น 3 ที่ไม่เสียค่าบริการ (โดยปกติชั้น 3 ถ้าเป็นเที่ยวเชียงใหม่-ลำปาง 23 บาท)
แต่ค่อนข้างเสียเวลา !! 5555    เพราะ
1.ความล่าช้าของขบวนที่มาถึงสถานี
2.ความล่าช้าของการเดินทาง จากการรับทุกสถานีย่อย (รับแม้กระทั่งสถานีระดับตำบล)

ดังนั้น ถ้าใครมั่นใจว่าจะโดยสารรถไฟฟรี ขอให้เผื่อเวลาจะถึงจุดหมายปลายทางแบบบวกเพิ่มไปอีก 1.5-2 ชั่วโมง โดยประมาณ 

[artisty_artii]

ทริคอีกอย่างที่ควรทราบคือ การเช็คเวลารถไฟค่ะ เช็คทางออนไลน์ได้ที่
http://www.railway.co.th/checktime/checktime.asp

และควรมาถึงกำหนดที่รถจะออกอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ถ้าหากโบกรถแดงมา
รถไฟล่าช้าก็จริง แต่รถแดงที่มาส่งเรา บางทีก็เสียเวลาไปกับการแวะส่งผู้โดยสารหลายจุด

ที่สถานีก็มีจุดให้บริการความรู้เรื่องเที่ยวรถอยู่เยอะพอควรค่ะ
นอกจากจุดจำหน่ายตั๋วแล้ว ข้าง ๆ กันนั้นก็มีใบปลิวแจกด้วย หยิบเองได้เลย (แผ่นสีฟ้าๆอย่างในภาพ)
หรือป้ายไฟก่อนถึงชานชาลา บอกเวลาแบบวันต่อวัน
และจอมอนิเตอร์บอกเที่ยวรถและหมายเลขชานชาลา (เผื่อว่าพลาดฟังเสียงประกาศ)
เรียกได้ว่าที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ ค่อนข้างจะมีจุดบริการผู้โดยสารโดยละเอียดพอควรเลยทีเดียว

[artisty_artii]

ทริคอีกอย่างที่ควรรู้ คือ รถไฟฟรีเป็นอะไรที่เอาแน่นอนไม่ได้ที่สุดค่ะ
มีประกาศจากลำโพง แต่มอนิเตอร์จะไม่แจ้งว่าชานชาลาไหน
บางทีแล้วในตั๋วระบุว่าชานชาลานึง แต่มาถึงจริง ๆ ตู้ขบวนจะอยู่อีกชานชาลานึง
(ที่จริงก็เกือบพลาด เพราะในตั๋วบอกหมายเลขชานชาลา4 แต่มาจอดจริงคือชานชาลา3
และในตั๋วเป็น กซข.74 แต่ตู้จริงเป็น กซข.111x (จำตัวท้ายไม่ได้ แต่รู้ว่าเป็นเลขตองข้างหน้า))
แต่โชคดีที่จากประสบการณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ บ่อย พอจะจำได้ว่า รถไฟฟรีจะเป็นตู้ที่ลักษณะที่นั่งหันหน้าเข้าหากัน
เบาะจะสีเขียวตุ่น ๆ มีราวโหน (ชั้น3 ที่เสียตังค์จะไม่มีราวให้โหน)

ถ้าเป็นมือใหม่เพิ่งขึ้นรถไฟ ให้ถามกับตำรวจรถไฟหรือ จนท.แถวนั้นไปเลยค่ะว่าใช่หรือไม่ใช่เที่ยวที่เราจะไป
พนง. ทุกคนยินดีบริการอยู่แล้ว ตอนที่เราใหม่ ๆ ก็อาศัยวิธีนี้แหละ 

[artisty_artii]

รถไฟฟรีเป็นแบบค่อนข้างฟรีสไตล์ค่ะ เลือกที่นั่งได้ตามใจชอบเลย
ลักษณะที่นั่งจะมี 2 แบบ คือ ถ้าติดกับประตูทางเข้าออก จะเป็นที่นั่งหันข้าง
อีกแบบจะเป็นหันหน้าเข้าหากัน เบาะนึงนั่งได้ 2 คน

ที่ไปวันนั้นคนไม่ค่อยเยอะ สงสัยยังมีอีกมากที่ไม่รู้ข่าวว่ารถไฟสายเหนือเปิดเส้นทางแล้ว หรือไม่ก็ไม่ชอบเดินทางตอนเช้า อากาศมันเย็น อิอิ 

[artisty_artii]

ถึงจะเป็นรถไฟฟรี แต่ก็ต้องยื่นตั๋วให้ตรวจนะคะ จะมาลักไก่ขึ้นนั่งเลยไม่ได้ 

[artisty_artii]

การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลา 3 ชั่วโมง (3เท่าของรถตู้หรือรถยนต์ส่วนบุคคลเลย )
แต่สนุกมาก ได้เห็นวิวข้างทางแบบละเอียดดี
ละเอียดในแบบที่ว่าจอดทุกสถานีย่อย เห็นความยากลำบากของรถจักรที่ดับกลางทางเพราะความร้อนสูง
เห็นทั้งเขาสูง ทั้งเหวลงลึกใต้รางแบบชวนใจหวิว สุดยอดจริง ๆ
หิวก็ซื้อข้าวบนรถได้ จะมีคนแบกถาดมาขาย ทั้งกับข้าว ทั้งน้ำ ทั้งขนม
(มีไม่มากเท่ารถไฟที่เสียตังค์ แต่ก็พอแก้หิวได้สำหรับคนเดินทางเช้า ๆ)
แนะนำจริง ๆ ค่ะไว้เป็นอีกทางเลือกนึงสำหรับคนรักการเดินทางแบบสะพายเป้สะพายกล้อง
อาจจะถึงจุดหมายปลายทางช้าหน่อย แต่จะได้ภาพถ่ายที่มีความหมายหลายรูปเลย

[parsuk]

ขอบคุณ รีวิว ดีๆครับ

[gariphn]

นั่งกันเมื่อยตูดเลยทีเดียว ระยะทางขนาดนั้น