นี่คืออีกหนึ่งวัดเก่าแก่ในเมืองสามหมอก...วัดก้ำก่อ ที่ในเวอร์ชั่นภาษาไทยใหญ่แปลว่า "ดอกบุนนาค" สร้างเมื่อ พ.ศ. 2433 ใครเดินไปหน้าวัดอย่างแรกเลยจะเจอสิงห์คู่ศิลปะไทยใหญ่ 2 ตัวยืนขนาบซ้ายขวา ถัดไปฟากถนนเป็นเจดีย์สมส่วนขนาดย่อม ส่วนอีกฟากหนึ่งเป็นทางเดินหลังคาคลุม มีซุ้มประตูหลังคาซ้อนชั้นตกแต่งลวดลายฉลุสังกะสีอย่างวิจิตรบรรจง ทางเดินสายนี้นำเข้าสู่ศาลาข้างในมีพระพุทธรูปศิลปะไทยใหญ่-พม่า อันสวยงามให้สักการะบูชา
ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของวัดก้ำก่อ มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบไทใหญ่ คือมีการสร้างวัดโดยฝีมือของช่างชาวไทใหญ่ที่ได้เข้ามาอาศัยและได้ศรัทธาในวัดนี้ สิ่งปลูกสร้างที่โดดเด่น คือมีซุ้มประตูทางเข้าไปสู่ศาลาการเปรียญ หรือที่เรียกว่า ส่างหว่าง เป็นเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมของอาคารทางพระพุทธศาสนาในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตามแบบสถาปัตยกรรมไต(ไทใหญ่) จะมีเฉพาะอาคารวัดเท่านั้นไม่มีในอาคารบ้านเรือนของชาวบ้านทั่ว ๆไป
หนึ่งในความเชื่อสมัยก่อนเล่ากันว่า เมื่อจะเข้าไปในวัด ชาวบ้านจะนิยมถอดรองเท้าไว้แล้วเดินเข้าวัดทาง ส่างหว่าง เนื่องจากเชื่อกันว่าถ้าสวมรองเท้าเข้าไปในวัดนอกจากจะไม่เคารพสถานที่แล้ว เวลาเดินออกจากวัดนั้นยังจะมีดินมีทรายติดรองเท้าไปด้วยถือว่าเป็นบาปมาก และเพื่อไม่ให้นำสิ่งสกปรกสิ่งไม่ดีไม่งามทั้งหลายเข้าไปในวัด และในขณะเดียวกันก็จะไม่เอาอะไรออกจากวัดไป ดังนั้นเมื่อเรายืมสิ่งของจากวัดเช่น ถ้วย จาน ฯลฯ ของวัดไปใช้ในงานบุญต่าง ๆแล้ว เวลาส่งคืนวัดหากสิ่งของใดขาดไปต้องรีบเอาสิ่งนั้นในบ้านมาใช้แทนหรือไม่ก็ซื้อใหม่มาใช้แทนทันที โดยจะถือว่าสิ่งของของตนไปอยู่ในวัดดีกว่าสิ่งของในวัดมาอยู่ในบ้านของตน
ถัดจากวัดก้ำก่อ ไปอีกหนึ่งวัดใกล้กันที่ผมอยากแนะนำคือ วัดหัวเวียง ที่อยู่ติดกับตลาดสดตัวเมืองแม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะในยามเช้าหลังจากหาอาหารพื้นเมืองแล้วเติมพลังแล้ว ขอบอกว่าไม่ควรพลาดในการแวะมาชมครับ
วัดหัวเวียงเป็นอีกวัดศิลปะแบบไทใหญ่ ซึ่งมีเอกลักษณ์ที่มีหลังคาซ้อนกันหลายชั้นโดยยกจั่วขึ้นและมีหลังคาขนาดเล็กว่าทิ้งชายครอบลงมา ถ้ามีสองจั่วและซ้อนหลังคาสามชั้นเรียกว่า เจตบุน ส่วนอาคารสามคอจั่วและซ้อนหลังคาเป็นสี่ชายเรียกว่า ยอนแซก หากสูงไปกว่านั้นนิยมสร้างเป็นยอดปราสาทโดยซ้อนหลังคาขึ้นไปห้าหรือเจ็ดชั้น ส่วนชายของหลังคานิยมประดับสังกะสีเจาะฉลุเป็นลวดลายสวยงาม สังกะสีฉลุส่วนที่ประดับเหนือหลังคาเรียกว่า ปานถ่อง ส่วนสังกะสีฉลุส่วนที่ห้อยลงมารียกว่า ปานซอย
โดยในวัดหัวเวียงมีสิ่งที่น่าสนใจคือ พระเจ้าพาลาละแข่ง เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่องฝีมือช่างมัณฑะเลย์ องค์พระหล่อจากทองเหลือง ส่วนพระพักตร์มีส่วนผสมของทองอยู่ส่วนหนึ่ง ทำให้พระพักตร์แวววาวอยู่เสมอ ส่วนอีกอย่างนึงเป็น วิหารพระเจ้าพาลาละแข่ง ที่สันนิษฐานว่าสร้างในคราวเดียวกับการสร้างวัด โครงสร้างทั้งหมดของวิหารใช้ไม้เป็นวัสดุ ลักษณะเด่นคือหลังคาแบบเรือนยอดทรงปราสาทซ้อนห้าชั้น ตอนบนสุดประดับด้วยฉัตรโลหะหลังคามุงกระเบื้องไม้และมีสังกะสีลุประดับตามศิลปะไทยใหญ่
มาแม่ฮ่องสอนเดินเที่ยวตลาดสดเมืองแม่ฮ่องสอนเสร็จ แล้วรวบมาเที่ยววัดหัวเวียงกับวัดก้ำก่อ ถือเป็นอีกหนึ่งทริปที่เข้าท่าไม่หยอกเลยทีเดียว สำหรับใครชอบวัดไทใหญ่ในแบบศิลปะพม่า