แค่แวบแรกก็ประทับใจ...ทุ่งนา ภูเขา ลำธาร สะพาน ใครบ้างจะไม่ชอบ ยิ่งมาปรากฏโฉมสู่สายตาปานสาวสะพรั่งร่างสะโอดสะอง ไม่ชำเลืองมองก็ให้มันรู้ไป!
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ได้ขึ้นชื่อว่า ถ้าศรัทธาอะไรเข้าให้แล้ว พลังบางอย่างในใจย่อมปะทุออกมาด้วยเสมอ เหมือนดั่งชาวบ้านกุงไม้สัก แห่งเมืองสามหมอกได้แสดงออกมา
สะพานไม้ไผ่สานยาวร่วมๆ 500 เมตร ทอดตัวผ่านทุ่งนาอันเขียวขจีไปยังสวนธรรมภูสมะ มีฉากหลังเป็นภูเขา คือ สิ่งก่อสร้างที่ยืนยันและนอนยันได้ว่าทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น ก็เพราะความศรัทธาในพระพุทธศานาล้วนๆ โดยมีมูลเหตุแห่งการสร้าง ก็เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ใช้เป็นเส้นทางสัญจรลงมาบิณฑบาตรในหมู่บ้าน
เมื่อสะพานเกิดจากความศรัทธาและความมุ่งมั่นในระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 2 เดือน การตั้งชื่อให้สะพานจึงได้หยิบยกเอาภาษาไทใหญ่คำว่าซูตองเป้ อันหมายถึง ความสำเร็จ มามอบให้กับมัน ฉะนั้นสะพานแห่งนี้ก็ไม่ต่างอะไรกันกับ สะพานแห่งความสำเร็จ
วัสดุที่ใช้ในการสร้างสะพานนี้ ได้จากการบริจาคเสาบ้านเก่าของคนในหมู่บ้าน แล้วนำมาตอกลงเป็นเสาสะพานทีละต้นๆ บ้างก็สูง บ้างก็เตี้ยกันไป ตามสิ่งของเท่าที่ชาวบ้านจะมี และก็ไม่ต้องแปลกใจเลย ที่ตรงเสาจะมีร่องรอยขีดต่างๆ เป็นรอยตำหนิไปหมด ก็อย่างที่บอกไปวัสดุทั้งหมดไม่ได้ซื้อมาจากร้านค้า แต่ทว่าเป็นของชาวบ้านเอง
ในวันที่เมฆหมอกปกคลุมทะมึนฟ้าฝนไม่เป็นใจ ผมสะพายกล้องลงจากรถตรงทางเข้าหมู่บ้าน แถวๆวัดกุงไม้สัก ก่อนจะค่อยๆ เดินมายังสะพานซูตองเป้ โดยเป้าหมายอยู่สวนธรรมภูสมะ
ระหว่างทาง ด้วยความที่สะพานเป็นสะพานไม้ไผ่สาน บ้างช่วงอาจจะมียุบบ้างตามอายุไขของไม้ไผ่ แต่ก็ไม่ถึงยักถึงกับอันตรายไป ใครใคร่อยากนั่งสูดอากาศสัมผัสความบริสุทธิ์ที่ในเมืองไม่มี กรุณาระวังเสี้ยนจะตำดาก
เดินพอเหงื่อซึมนิดๆ ก่อนถึงสวนธรรมภูสมะ จะมีแม่น้ำสะงาให้ได้หยุดพักชมวิว และยิ่งเมื่อเดินใกล้ถึงสวนธรรมภูสมะเมื่อไหร่แล้วมองหันกลับหลังมา ก็ยิ่งรู้สึกว่าวิวแถวนั้นมันสวยมากๆ
ด้านบนของสวนธรรมภูสมะ ไม่มีอะไรใหญ่โตมโหฬาร ทุกอย่างบนนั้นคือความเรียบง่ายแบบพุทธศาสนา องค์ประกอบมีแค่เพียงลานกว้าง กับ เจ้าพาราซูตองเป้ หรือ พระพุทธสามัคคีอธิฐานมหาจักรพรรดิ์ ประดิษฐานอยู่กลางลาน และซุ้มเล็กๆ 2-3 หลัง ถัดไปด้านหลังดอยกันหน่อย ก็เป็นเขตสังฆาวาส มีการจัดแบ่งเป็นกุฏิที่พัก โรงครัวและหอฉัน
ลั่นชัตเตอร์จนเพลิน ก่อนลากลับผมกวาดสายตามองบริเวณนั้นอีกรอบ เพื่อซึมซับบรรยากาศอันเงียบ สงบ แล้วจากนั้น ก็ค่อยๆ โบกมือบ๊ายบายในใจ ว่าถึงคราวต้องออกเดินทางต่อไปตามแบบวิถีของตนเอง
สองเท้าเล็กๆ กำลังจะก้าวผ่านไป แต่ที่นี้ยังมีอีกหลายก้าวบนสะพานศรัทธาอันยิ่งใหญ่ ที่ค่อยเชื่อมโยงกันระหว่างพุทธศาสนาและศรัทธาของชาวบ้านครับ