เรื่องผีสางนางไม้ ไม่ว่าจะผ่านไปกันกี่ยุคกี่สมัย ก็ยังมีผู้คนให้ความสนใจ ใคร่รู้ พยายามหาข้อพิสูจน์กับมัน และก็มีบางทีที่เรื่องเหล่านี้ มีอิทธิพลส่งผลกระทบไปยังสภาพความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันอย่างเรื่องราวของวัดต่อแพ ที่อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ก่อนที่วัดจะมีสภาพออกมาเป็นเช่นอย่างทุกวันนี้ ใครจะไปนึกล่ะครับว่ามีเรื่องผีๆสางๆ มาเกี่ยวข้องกันด้วย
เรื่องมันมีอยู่ว่าวัดต่อแพ เดิมคือวัดร้างที่สันนิฐานว่าเป็นวัดของชาวละว้าที่สร้างมาเป็นเวลานานแล้ว ภายหลังเมื่อมีคนอพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ จึงพบวัดต่อแพซึ่งมีซากเจดีย์เก่ามีต้นไม้ใหญ่ขึ้นกลางเจดีย์ แต่ในตอนนั้นยังไม่มีใครกล้าเข้ามายังบริเวณนี้เพราะเล่ากันว่ามีผีดุมาก (ชนิดที่ชาวบ้านบางคนกล่าวว่า เวลานำช้างมาเลี้ยงทีไร ช้างจะแตกตื่นวิ่งหนีไปเสียทุกที) ต่อมาชาวบ้านได้นิมนต์เจ้าอาวาสวัดต่อแพเก่า (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งศูนย์เด็กเล็ก ) ให้มาทำการบูรณะวัด โดยมีศรัทธาบ้านเมืองปอน บ้านขุนยวม และบ้านต่อแพ ร่วมกันสร้างศาลาการเปรียญขึ้นมาเมื่อราวปี พ.ศ. 2461
หลังการสร้างศาลาการเปรียญขึ้นมาเป็นอาคารหลังแรกของวัดต่อแพในปี พ.ศ. 2461 ( เจดีย์ยังไม่ได้รับการบูรณะ ) ได้มีปรากฏการณ์บางอย่างเกิดขึ้น คือทุกวันขึ้น 14 และ 15ค่ำ จะมีดวงไฟส่องสว่างลอยออกมาจากเจดีย์องค์ดังกล่าว แต่ไม่มีใครสนใจ จนวันหนึ่งมีเณรไปเล่นที่รอบเจดีย์ โดยขุดคุ้ยกองอิฐเก่าที่ฐานเจดีย์นั้นก็ได้พบผอบเงิน เมื่อแกะดูข้างในมีพระธาตุเม็ดเล็ก ๆ ขนาดข้าวสาร มีแสงระยิบระยับไปหมด เจ้าอาวาสทราบดังนั้นจึงสั่งให้เก็บไว้ที่องค์เจดีย์ตามเดิม
ครั้นข่าวการพบพระธาตุได้กระจายไปยังที่ต่าง ๆ ทั้งในหมู่บ้าน ต่างบ้านจนไกลไปถึงเมืองมะละแหม่งและร่างกุ้งในสหภาพพม่า ก็มีผู้คนมาทำบุญกันมากมายอีกทั้งถวายเงินเข้าวัดเป็นจำนวนมาก จากนั้นจึงมีผู้คิดจะสร้างเจดีย์องค์ใหม่เพื่อครอบองค์เก่า แต่ไม่มีใครกล้าตัดต้นไม้ที่ขึ้นกลางเจดีย์ แม้ว่าจะมีหมอผีหลายคนรับอาสาทำพิธีตัดให้ แต่ก็ไม่สำเร็จสักคน ทั้งนี้เนื่องจากเวลาที่ทำพิธีอยู่นั้น เมื่อหมอผีนำขวานไปฟันติดกับต้นไม้แล้วมี การจุดธูปเทียนบอกกล่าวพร้อมกับอธิฐานว่าถ้าอนุญาตให้ตัดต้นไม้ขอให้ขวานติดอยู่ดังเดิม แต่ครั้นรุ่งเช้าขวานก็จะกระเด็นไปตกที่อื่นอยู่เช่นนั้นเสมอ
จนวันหนึ่งเจ้าอาวาสฝันว่า เจ้าของเจดีย์จะอนุญาตให้ตัดต้นไม้ก็ต่อเมื่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำยวม ซึ่งอยู่ติดกับวิหารให้ก่อน เจ้าอาวาสจึงเรียกชาวบ้านมาช่วยกันสร้างสะพานและทำพิธีอีกครั้งหนึ่ง เมื่อทำพิธีเสร็จเจ้าของเจดีย์ก็มาเข้าฝันเจ้าอาวาสอีกว่า บัดนี้พวกผีสิงสถิตอยู่ในเจดีย์ได้ข้ามแม่น้ำยวมไปอยู่ดอยคูเวียง ซึ่งเป็นวัดร้างอีกแห่งหนึ่งบนเขาแล้ว ชาวบ้านจึงได้ออกเงินกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ จากนั้นการตัดไม้ก็สำเร็จลงและเจดีย์องค์ใหญ่ก็ถูกสร้างขึ้นครอบเจดีย์องค์เก่าดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน และภายหลังได้มีการสร้างวิหารขึ้นอีก
สำหรับสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของวัดต่อแพ อย่างแรกเลยคือ ศาลาการเปรียญซึ่งเป็นอาคารสถาปัตยกรรมพม่าผสมไทใหญ่ที่สวยงามที่สุดในอำเภอขุนยวม ตัวอาคารซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกนั้นได้รับการก่อสร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง หลังคาซึ่งมีหลายชั้นแยกออกจากกันเป็นหลัง ๆ และมุงด้วยสังกะสีที่ได้รับการสลักลวดลายอย่างสวยงาม
วัดต่อแพมีวัตถุโบราณล้ำค่าหลายอย่าง เช่น ผ้าม่านประดับพลอด ตู้พระธรรมซึ่งนำมาจากเมืองมะละแหม่งแกะสลักอย่างสวยงามจำนวน 2 ใบ และพระพุทธรูปล้ำค่าอีกหลายองค์ นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีอาคารที่เก่าแก่อีกหลายหลัง อย่างจองซอนหรือศาลาสรงน้ำพระ ซึ่งใช้เป็นที่สรงน้ำพระในเทศกาลสงกรานต์ของชาวไทใหญ่ ตลอดจนวิหารและเจดีย์เก่าแก่ สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2463 และถานหรือส้วมพระสงฆ์สมัยโบราณที่สร้างขึ้นอย่างวิจิตรพิสดาร มีหลังคาลดชั้นและลวดลายแกะสลักไม้ปัจจุบันนี้ยังใช้งานได้ดี
อนึ่ง วิหารและเจดีย์ของวัดต่อแพจะอยู่ในบริเวณเดียวกัน โดยเจดีย์และวิหารของวัดต่อแพซึ่งสร้างขึ้นใหม่นี้ สร้างตามแบบศิลปะพม่าผสมกับไทใหญ่ โดยองค์เจดีย์มีฐานกว้างประมาณ 12 x 12 เมตร แต่ละทิศมีซุ้มพระประจำ และมีความสูงประมาณ 20 เมตร แต่ละทิศมีซุ้มพระประจำ และมีสิงห์ทั้ง 4 มุม อนึ่ง ฉัตรทองซึ่งมีระฆังห้อยหลายชั้นนั้นเมื่อลมพัดจะเกิดเสียงดังกังวานไปทั่ว
นับว่าสิ่งก่อสร้างทั้งวิหารและเจดีย์ของวัดต่อแพ ต่างก็เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านต่อแพ ตลอดจนชาวอำเภอขุนยวมโดยทั่วกัน และสำหรับความงดงามอาจกล่าวได้ว่า วิหารของวัดต่อแพ อาจจะเป็นวิหารที่สวยงามที่สุดในจังหวัดแม่ฮ่องสอนก็เป็นไปได้