หนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงของ อ.ปาย ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่พลาดที่จะไปเยี่ยมชม กราบไหว้สักการะ คือ วัดน้ำฮูผมมีโอกาสมาที่นี้กันสองครั้ง ซึ่งไอ้สองครั้งที่ว่าก็ต่างกรรมต่างวาระ เพราะครั้งแรกมา พากันมาแบบเมาๆ เหมือนแก๊งเดอะแฮงโอเวอร์ ส่วนครั้งที่สองนิดีหน่อยตรงที่มากันแบบเป็นงานเป็นการ
เสร็จจากรับประทานอาหารจีนยูนนานตรงหมู่บ้านสันติชล ก็เป็นอันตรงดิ่งแวะมากันที่นี้ โดย วัดน้ำฮู นี้จะตั้งอยู่ที่ ต.เวียงใต้ ห่างจากตัวอำเภอปาย ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งวัดนี้เชื่อกันว่าถูกสร้างขึ้นโดยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระพี่นางสุพรรณกัลยา ดังนั้นภายในวัดแห่งนี้ จึงมีพระเจดีย์อนุสรณ์สถานของพระพี่นางสุพรรณกัลยาตั้งอยู่ด้านหลังโบสถ์
ตอนเข้ามาภายในบริเวณวัดผมสังเกตเห็นอย่างนึงที่สะดุดตากันเลยก็คือ รูปปั้นไก่ถูกตั้งวางไว้เรียงรายบนกำแพงวัดหลายตัว ซึ่งก็มีทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กสลับสูงต่ำกันไป
เมื่อเห็นดังนั้นก็เลยเกิดความสงสัย ถามพี่ที่มาด้วยกันว่าทำไมที่นี้มีรูปปั้นไก่ด้วย แกเลยตอบกลับมาในสำเนียงชาวร็อคว่า ก็ที่นี้มีศาลของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชตั้งอยู่ ซึ่งไอ้กีฬาชนไก่นิเป็นกีฬาที่พระองค์ทรงโปรดปรานอย่างมาก
พอได้ยินดังนั้น ผมเลยถึงบางอ้อกันเลยว่า มิน่าล่ะ ไก่มันเต็มไปหมด ทั้งในศาลและบนกำแพงวัด
หลังคลายข้อสงสัยไปแล้วเรื่องไก่ ก็มาดูในส่วนของวัดกันบ้าง สิ่งที่น่าสนใจของวัดนี้อยู่ตรงที่ภายในโบสถ์ของวัดนั้นเป็นสถานที่ประดิษฐาน องค์หลวงพ่ออุ่นเมือง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ปางมารวิชัย ลักษณะเป็นพระพุทธรูปสิงห์สาม (ศิลปะเชียงแสน-ล้านนา) อายุเก่าแก่ร่วม 500 ปี ทำด้วยโลหะทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 28 นิ้ว สูง 30 นิ้ว เป็นพระพุทธรูปองค์เล็กที่ประดิษฐาน อยู่ด้านหน้าของพระพุทธรูปองค์ใหญ่อีกทีหนึ่ง
ซึ่ง องค์หลวงพ่ออุ่นเมือง นั้นมีลักษณะอันเป็นคุณสมบัติที่แปลกกว่าพระพุทธรูปทั่วไป ประการหนึ่งคือ พระเศียรส่วนบนกลวง พระโมฬีสามารถเปิดออกได้ และภายในจะมีน้ำขังอยู่ โดยน้ำจะซึมออกมาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสาเหตุของการที่น้ำซึมขึ้นมานั้น ไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่เมื่อสอบถามกับทางวัดแล้ว มีผู้สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากวัสดุที่ใช้ทำพระพุทธรูปก็เป็นได้ และจากสาเหตุการไหลออกมาของน้ำ จึงเป็นมาของชื่อวัดว่า วัดน้ำฮู ซึ่งคำว่า ฮู คือ รู นั่นเอง
ปัจจุบันทางวัดจะอัญเชิญพระอุ่นเมือง มาประดิษฐานเป็นพระประธานในโบสถ์ โดยในทุกๆ 10 วัน โดยมีการเปิดพระเศียร และตักน้ำข้างในออกมา ซึ่งน้ำที่มีอยู่ด้านในพระเศียรมีปริมาณเพียงแค่หนึ่งช้อนชาเท่านั้น
จากนั้นทางวัดจะนำน้ำที่ได้จากพระเศียรนั้นมาผสมกับน้ำเปล่า เพื่อนำมาทำเป็นน้ำมนต์ไว้ให้ประชาชนที่ต้องการน้ำศักดิ์สิทธิ์จากองค์พระได้นำกลับไปใช้สอยตามปรารถนา โดยจะไม่อนุญาตให้ประชาชนทั่วไปปีนป่ายขึ้นไปตักน้ำจากพระเศียรของพระด้วยตัวเองอย่างเด็ดขาด
หากใครใคร่อยากเข้าชมความอัศจรรย์ของ องค์หลวงพ่ออุ่นเมือง อย่างใกล้ชิดในโบสถ์นั้น ทางวัดจะเปิดให้เข้าชมได้เฉพาะในฤดูหนาวเท่านั้น ซึ่งถ้ามานอกฤดูกาล นักท่องเที่ยวต้องขออนุญาตจากเจ้าอาวาสเพื่อเปิดโบสถ์ก่อน
และเมื่อทราบกันดังนี้ ใครที่มีโอกาสไปแอ่วเมืองปาย ก็อย่าได้ลืมแวะไปนมัสการหลวงพ่ออุ่นเมือง ที่วัดน้ำฮู้กันด้วยล่ะครับ คุณผู้อ่านที่รัก