นึกไม่ออกว่าตัวเองทำความรู้จักกับชามตราไก่กันตอนไหน รู้แต่ว่ามันเป็นชามที่มีเอกลักษณ์อย่างโดดเด่น ด้วยลวดลายของตราไก่ ยิ่งตอนเด็กๆ เวลาผมไปบ้านเพื่อนคนไหนแทบจะ 80 เปอร์เซ็นต์ที่ส่วนใหญ่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ของชามตราไก่อย่างเลี่ยงมิได้ อาจจะด้วยคุณภาพที่คับแก้วของเนื้อชาม ใช้กันอย่างทนทาน มันจึงได้รับความนิยมกันอย่างมากยิ่งเวลาเอามาใส่ต้มไก่ซดกันนะ ผมรู้สึกว่าต้องใช้ชามตราไก่เท่านั้น เพราะมันถึงจะได้อารมณ์และความรู้สึกอย่างเต็มเปี่ยม ในการดื่มด่ำความอร่อยจากต้มไก่รสแซบตักจากหม้อร้อนๆ
กาลเวลาผ่านล่วงเลยไปตามกฎธรรมชาติ มารู้สึกตัวกันอีกทีวันนี้ก็ให้นึกได้ว่า นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่เจอชามตราไก่ใส่ต้ม ใส่แกง จนล่าสุดสดๆร้อนๆ มีโอกาสไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี จังหวัดลำปาง โอ้วแม่เจ้า ที่แท้ต้นตำหรับมันอยู่นี้เอง ผมไม่ยักรู้ว่าก่อนว่า ชามตราไก่ มันมีตำนานมาก่อนนะเฟ้ย
เรื่องเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2498 นายอี้(ซิมหยู) แซ่ฉิน ได้ค้นพบแร่ดินขาว ครั้งแรกที่บ้านปางคำ อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง ซึ่งหลังจากการค้นพบแร่ดินขาวอันสำคัญ นายอี้เลยได้ก่อตั้งโรงงานเซรามิคแห่งแรกของจังหวัดลำปาง เพื่อผลิตชามตราไก่ส่งขายไปทั่วประเทศจนสร้างรายได้และชื่อเสียงให้กับจังหวัดลำปางอย่างมาก
หลังจากนั้นในปี พ.ศ.2508 นายอี้(ซิมหยู) แซ่ฉิน ได้ก่อตั้งโรงงานธนบดีสกุล เพื่อผลิตเซรามิคสำหรับตลาดในประเทศ ด้วยกรรมวิธีการผลิต แบบดั้งเดิม ตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบ จนถึงการเผาด้วยเตามังกร (เตาฟืนโบราณ) มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่ง ณ ตอนนี้ เตามังกรโบราณของโรงงานธนบดีสกุล จะถูกอนุรักษ์ไว้เพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์เซรามิคในอนาคตอันใกล้
ต่อมาบริษัท ธนบดีอาร์ตเซรามิค จำกัด ได้เริ่มต้นเมื่อ พ.ศ.2533 จากนายพนาสิน ธนบดีสกุล ทายาทรุ่นที่ 2 ของนายอี้(ซิมหยู) แซ่ฉิน โดยนายพนาสินได้เป็นผู้เริ่มต้นผลิตรูปลอกเซรามิคสีบนเคลือบแห่งแรกของภาคเหนือ และปัจจุบันมีชื่อเสียงในด้านผู้ผลิตเซรามิคของตกแต่งบ้านคุณภาพสูง ที่มีดีไซน์สวยงาม ส่งออกไปยัง 67 ประเทศทั่วโลก
ส่วนบรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์ก็จัดแสดงกันอย่างเรียบง่าย ได้ใจความ ด้านหน้าก่อนทางเข้ามีรูปปั้นของนายอี้(ซิมหยู) แซ่ฉิน ตั้งตระหง่านอยู่ และชามตราไก่ใหญ่ๆ สองชามเบ้อเริ่มเทิม พอสับตีนเข้าไปในด้านใน ก็จะมีส่วนของการจัดแสดง แร่ดินขาว ห้องครัวที่แสดงสภาพของชามตราไก่ในสมัยก่อนที่เอาไว้ใช้ในครัวเรือน ความเป็นของโรงงานธนบดีสกุล และบริษัท ธนบดีอาร์ตเซรามิค และภาพถ่ายเครือญาติของายอี้(ซิมหยู) แซ่ฉิน
หลุดจากส่วนแสดงตรงนั้น ออกมาก็จะเป็นในส่วนภาคของการผลิต สิ่งที่เราเห็นอยู่เบื้องหน้าก็จะเป็นช่างฝีมือเซรามิคหลากหลายกำลังขยันขันแข็งในการทำงาน ทั้งจากช่างปั้น ช่างเขียนลาย และคนเผาชาม ซึ่งไอ้เตาเผาก็จะมีทั้งสองแบบคือแบบแรกเป็นเตาฟืนโบราณที่รอวันโละ และอีกอันของใหม่ที่เป็นเตาแก๊ส
ผลิตภัณฑ์ของที่นี้เท่าที่สังเกตดูจากงานที่เสร็จแล้ว พบว่างานเขามีคุณภาพดีครับ ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ การใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ผสมผสานกับทักษะของช่างฝีมือที่มากด้วยประสบการณ์ งานประเภทสินค้าของขวัญ และของที่ระลึก เลยดูสวยเด็ดขาดบาดใจกันจริงๆ
ใครชอบเที่ยวพิพิธภัณฑ์ แถมยังอยากรู้ถึงความเป็นมาของชามตราไก่ระดับตำนาน ขอบอกว่าไม่ควรพลาดแวะมาชมด้วยประการทั้งปวงครับ