ใครผ่านไปผ่านมาย่านถนนคนเดินท่าแพ คงจะพอสังเกตเห็นร้านอาหารในย่านนั้นกันนะครับ ว่ามีให้เลือกกันหลากหลายร้านมาก ซึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวหน้าใหม่ การจะจิ้มเลือกไปซักที่ว่าจะแดกอะไรดีกันว่ะ คือเรื่องยากในระดับบังคับให้จิ้งจกยักคิ้วซ้ายมือก็น่าเข้า ขวามือก็น่าเข้า ร้านนู้นก็บรรยากาศดี ร้านนี้ก็ทำเลเหมาะ
.
พูดถึงเรื่องทำเลเหมาะแล้ว สำหรับร้านอาหารหรือร้านค้าอื่นๆ ผมถือว่าใครยึดครองดินแดนแห่งนั้นได้ คุณมีชัยไปกว่าครึ่งแล้วครับ ในเรื่องของธุรกิจ
ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างร้านหนังสือซีเอ็ด ถ้าใครเป็นหนอนหนังสือเดินเข้าออกร้านกันเป็นประจำ พอจะสังเกตนะครับ ว่าทุกสาขา พิกัดร้านมันมักจะอยู่ตรงด้านหน้าประตูทางเข้าห้าง ใครเดินผ่านไปมาก็หากันได้ง่ายสะดวก แถมยังเป็นด่านแรก ร้านแรก ให้ทุกคนได้เจอะเจอกัน
และก็เช่นกันที่ผมเก็บเอาเรื่องนี้มาคิด เมื่อสังเกตเห็นร้าน The Coffee Club ร้านกาแฟดังสัญชาติออสเตรเลีย บุกยึดพื้นที่ปากทางเข้าถนนคนเดินท่าแพ หรือตรงหัวถนนราชดำเนิน แน่นอนใครได้พิกัดร้านอยู่ตรงนั้น ขอบอกว่าทำเลมันดีโคตรๆ
The Coffee Club เท่าที่จำได้ น่าจะเปิดบริการกันตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ร่วมๆแล้วก็ประมาณซัก 4 เดือน เป็นแบรนด์จากออสซี่ ที่สาขาแรกเปิดในควีนส์แลนด์ ปี 1999 เหตุเพราะ เจ้าของร้านอยากดื่มกาแฟตอนกลางคืน แต่เสือกหาดื่มกันไม่ได้ ว่าแล้วก็เลยเปิดมันเป็นคอฟฟี่ช้อปตอนกลางคืน จากนั้นก็มาเปิดเป็นร้านอาหารตอนกลางวัน เพราะด้วยสันดาน เอ้ย นิสัยของคนออสซี่มักจะนั่งดื่มกาแฟกันกลางแจ้งและกินอาหารไปด้วย ปัจจุบันก็ขยายสาขาไปมากกว่า 220 สาขา ทั้งในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ส่วนในไทยสาขาแรกประเดิมกันที่พัทยา ที่อื่นเท่าที่นึกออกเห็นจะมีที่สมุย สนามบินสุวรรณภูมิ สี่แยกเอกมัย และล่าสุดเนี่ยแหละที่เชียงใหม่ ตรงประตูท่าแพ
จะบอกไปว่า The Coffee Club เป็นร้านกาแฟแบบเต็มตัวก็ไม่เชิง เพราะมันเป็นทั้งร้านกาแฟและร้านอาหารตะวันตกในร่างเดียวกัน แถมยังอร่อยเหาะกันทั้งกาแฟและอาหารด้วยนะเธอ
มาว่าเรื่องกาแฟกันก่อนเลย เบื้องหลังความอร่อยของกาแฟอร่อยที่นี้มาจากบาริสต้า ที่มีความสามารถเฉพาะตัวและฝีกฝนกันมาอย่างดี ส่วนกาแฟนั้นก็เป็นเมล็ดกาแฟสองสายพันธุ์ ระหว่างอาราบิกาที่ให้รสชาติเข้มข้นออกเปรี้ยวเพิ่มความสดชื่นจากโคลัมเบีย และจากบราซิลที่มีกลิ่นหอมรสชาติปานกลาง นำมาผสมกับโรบัสต้า ที่ใช้ของพรีเมี่ยมจากอินเดีย ช่วยให้รสชาติกลมกล่อมเข้ากันอย่างลงตัว โดยใช้มาตรฐานเดียวกับที่ออสเตรเลีย
เมนูเครื่องดื่มพระเอกของร้านเลย Iced Coffee และ Iced Chocolate ความอร่อยมันอยู่ตรงที่ใส่ไอศกรีมวานิลลาแทนน้ำแข็ง โป๊ะด้วยวิปปิ้งครีมมาแต่งหน้า รสชาติของบอกว่าเนียน นุ่ม อร่อยลงตัวไปซะหมด สองแก้วนี้ใครชอบกาแฟก็จิ้มไปที่ Iced Coffee หรือใครหลงใหลในรสชาติช็อคโกแลต ถึงแฟตฉันจะทานต่อเลือกไปโลด Iced Chocolate
กาแฟร้อนตัวท็อปของร้านก็มีเป็น Cappuccino รสหอมกรุ่น หรืออีกอันที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวอย่าง Melloccino ที่ได้คาปูชิโน่+มาร์ชเมลโล่ มาผนึกกำลังให้อารมณ์นุ่มๆ ได้กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นถึงใจ หรือใครไม่ฝักใฝ่กาแฟและเครื่องดื่มประเภทนม ต้องเจ้านี้ Mango Frappe ได้รสมะม่วงแท้ หวานเปรี้ยว สดชื่นเย็นใจ ถ้ามาแล้วไม่สั่ง ขอแนะนำว่าพลาดยิ่งกว่า ไม่ได้ดูละครหลังข่าวตอนจบ
เสร็จจากเครื่องดื่มมาว่ากันเรื่องอาหารกันบ้าง ขอเริ่มจาก Chicken Burger with Chilli Sauce เบอร์เกอร์ไก่กับซอสพริก เสิร์ฟมาพร้อมเฟรนฟรายส์ ให้อารมณ์เผ็ดจัดจ้านนิดๆจากซอส ทำนองฝรั่งทานได้ คนไทยทานดี หรือถ้ายังสะใจโจ๋ไม่พอก็ตามด้วย ซอสพริกในถ้วยเล็กๆ ที่ร้านให้มาด้วยก็ยังได้
Barramundi Asian Coleslaw ปลากะพงขาวย่าง โป๊ะหน้าด้วยผักหลายชนิด เนื้อปลานุ่มกำลังดี มีน้ำราดรสหวานๆ เปรี้ยวๆ อีกจาน Watermelon and Feta Salad เผ็ดจัดจ้าน หวาน เปรี้ยว เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยทั้งจากกุ้ง ฟีต้าชีส แตงโม และผักหลากหลายชนิด
Spanish Potato Hash จานนี้เหมาะสำหรับคนกระเพราะใหญ่ เพราะมันให้ความอิ่มกันอย่างเต็มเปี่ยม จากมันฝรั่งผัดเนยและไส้กรอก Chorizo ไส้กรอกรมควันในสไตล์สเปนที่โดดเด่นด้วยกลิ่นของพริกและเครื่องเทศ มี Poached egg (ไข่ตุ๋นน้ำ) มาเป็นเพื่อนข้างเคียงในจาน
ตบท้ายกันด้วยของหวานล้างปากตามสเต็ป Chocolate Mud Cake เค้กนุ่มลิ้น ให้รสช็อคโกแลตอย่างถึงลูกถึงเมีย ใครชอบช็อคโกแลตมากๆ อย่าได้พลาดกันเชียว
อนึ่ง ทั้งนี้เมนูแนะนำทั้งหมดในร้านจะปรับเปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ ถ้าจำไม่ผิดปีนึงน่าจะ 3-4 ครั้ง สลับสับหน้าหมุนเวียนเปลี่ยนมาให้ลูกค้าลองความอร่อยกัน
อาหารอร่อยได้มาตรฐานแลดูดี บรรยากาศในร้านอบอุ่น ผ่อนคลาย ตกแต่งแบบโมเดิร์นในโทนสีเข้ม นิถ้าหากชายหนุ่มท่านใดกำลังมองหาร้านอาหารอยากจะไปนั่งดินเนอร์กันกับสาวๆ ถือว่าร้านนี้เข้าท่าไปเลยล่ะครับ แถมร้านยังเปิดบริการกันเต็มที่ขี้เต็มกางเกงกันทุกวัน ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าลากยาวถึงห้าทุ่ม
ข้อแนะนำส่งท้าย หากใครจะลองแวะไปทาน ผมขอแนะนำว่าไปกันในวันปกติน่าจะเหมาะที่สุดครับ เพราะถ้าขืนไปในวันที่มีถนนคนเดินวันอาทิตย์ คนมันเยอะ แถมพลุกพล่านกันด้วย ที่จอดรถก็หากันลำบาก ฉะนั้นวันธรรมดาเนี่ยแหละ สบายที่สุดกันแล้ว
ด้วยความปรารถนาดีจากใครบางคน ที่อยากให้ใครหลายๆคน ได้พบกับประสบการณ์ดีๆอัตราความกะซวกลิ้น 7.5/10
ราคา 6/10
บรรยากาศร้าน 6.5/10
ความสะอาด ถูกหลักอนามัย 7/10
ผู้เขียน