พระธาตุดอยกองมู นมัสการพระธาตุ นั่งกินลมชมพระอาทิตย์ตกดินกลางเมืองแม่ฮ่องสอนการเดินทางไปเมืองแม่ฮ่องสอนในอดีตลำบากยากเย็นอย่างไร ทุกวันนี้แม้เทคโนโลยีจะทำให้ทุกๆ พื้นที่ในโลกนี้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่การเดินทางไปเมืองในหุบเขาที่ต้องผ่านโค้งกว่าพันโค้งก็ยังคงลำบากยากเย็นพอสมควรอยู่ดี สำหรับคนรักการเดินทางแบบลุยถึงไหนถึงกันแล้ว คงจะไม่พลาดมาเยี่ยมเยือนแม่ฮ่องสอนแน่ๆแม่ฮ่องสอน อาจเป็นปลายทางที่นักท่องเที่ยวหลายๆ คนมองข้าม เมื่อพูดถึงเมืองในหุบเขาแห่งนี้ ปาย อำเภอที่เคยเล็ก และเงียบสงบของจังหวัดแม่ฮ่องสอนดูจะเป็นที่รู้จักกันมากกว่าในหมู่นักท่องเที่ยว ทั้งๆ ที่เมืองแม่ฮ่องสอนมีสิ่งที่น่าสนใจไม่ได้น้อยไปกว่าเมืองไหนๆ ในภาคเหนือเลย หรือนี่อาจเป็นข้อดีที่ทำให้เมืองในหุบเขาอย่างแม่ฮ่องสอน รอดพ้นจากกองทัพนักท่องเที่ยวที่นำรายได้มหาศาลมาให้ แต่ก็ต้องแลกกับความเสื่อมโทรมลงตามการใช้งานพระธาตุดอยกองมูทั้งสององค์ ศิลปะไทใหญ่-พม่า สัญลักษณ์สำคัญของเมืองแม่ฮ่องสอน
มาถึงแม่ฮ่องสอนทั้งทีก็ต้องขึ้นไปสักการะพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองบนยอดเขากลางเมือง พระธาตุดอยกองมู คำว่า กองมู เป็นภาษาไทใหญ่แปลว่า พระเจดีย์ ดอยกองมู จึงหมายถึงยอดเขาที่มีพระเจดีย์ตั้งอยู่ ดังนั้นการเรียกชื่อ พระธาตุดอยกองมู จึงดูเหมือนชื่อที่มีความหมายซ้ำซ้อน แต่ก็เป็นชื่อเรียกกันจนติดปาก และเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยว เดิมชาวแม่ฮ่องสอนเรียกพระอารามบนเขาแห่งนี้ด้วยคำง่ายๆ ว่า วัดปลายดอยอีกมุมหนึ่งของวัดพระธาตุดอยกองมู งดงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทใหญ่-พม่า
เราใช้เวลาอ้อยอิ่งขับมอเตอร์ไซค์ชมบรรยากาศเมืองแม่ฮ่องสอนกันพอสมควร เพราะตั้งใจจะขึ้นไปนมัสการพระธาตุในช่วงบ่ายคล้อย ถือโอกาสชมพระอาทิตย์ตกบนยอดดอยไปด้วย ซึ่งไม่เพียงแค่เราเท่านั้น แต่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนแม่ฮ่องสอนต่างรู้ดีว่าที่นี่คือจุดชมพระอาทิตย์ตกที่งดงามที่สุดในเมืองแม่ฮ่องสอน จึงมีนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มใหญ่อยู่รอชมพระอาทิตย์เป็นเพื่อนให้หายเหงาไฮไลท์ของวัดแห่งนี้คือพระเจดีย์ก่ออิฐถือปูนสีขาวสององค์ศิลปะแบบพม่า-ไทใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดดอย ตามประวัติกล่าวว่าวัดแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2403 โดยนายจองต่องสู ชาวไทใหญ่ พระเจดีย์องค์ใหญ่สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระธาตุของพระโมคคัลลานะ ซึ่งพระอูเอ่งต๊ะก๊ะ พระชาวไทใหญ่ นำมาจากเมืองมะละแหม่ง ประเทศพม่า ต่อมาในปี พ.ศ. 2417 พญาสิงปนาทราชา เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรกได้สร้างพระเจดีย์ขึ้นอีกองค์หนึ่ง มีขนาดเล็กกว่าองค์แรก เพื่อบรรจุพระธาตุของพระสารีบุตร ซึ่งพระอูเอ่งต๊ะก๊ะ เจ้าอาวาสรูปแรกของวัดอัญเชิญมาจากเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า วิวเมืองแม่ฮ่องสอน ฉากหลังเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน มองจากพระธาตุดอยกองมู
ลักษณะโดดเด่นของวัดพระธาตุดอยกองมูนั้นเหมือนกับวัดอีกหลายๆ แห่งในแม่ฮ่องสอน คือรูปแบบสถาปัตยกรรมไทใหญ่แปลกตา เนื่องจากชาวไทใหญ่เป็นประชากรส่วนใหญ่ของเมืองแม่ฮ่องสอน ที่อพยพย้ายถิ่นมาจากรัฐฉาน ประเทศพม่า และตั้งถิ่นฐานอยู่ในระแวกนี้มาเป็นเวลาช้านานหลายร้อยปีแล้ว แตกต่างไปจากพระธาตุเจดีย์ที่พบเห็นทั่วไปในภาคเหนือ ที่ส่วนใหญ่จะสร้างตามแบบศิลปะล้านนาพื้นถิ่น"Before Sunset ก่อนตะวันจะลับเหลี่มภูผา" ร้านกาแฟบรรยากาศดีบนดอยกองมู
จากด้านบนของดอยกองมู จะมองเห็นเมืองแม่ฮ่องสอนย่อส่วนในมุมสูง เป็นกลุ่มบ้านเรือนหลังเล็กๆ จำนวนไม่มากกระจุกตัวอยู่ใกล้ๆ กัน มีหนองจองคำ และวัดจองกลางตั้งอยู่เกือบศูนย์กลางของเมือง มีลักษณะสถาปัตยกรรมโดดเด่นจากรูปแบบบ้านเรือนหลังอื่นๆ ไกลออกไปเล็กน้อยคือนาข้าวสุดลูกหูลูกตา สีเหลืองอร่ามพร้อมเก็บเกี่ยว เมืองแม่ฮ่องสอนตั้งอยู่บนพื้นที่ราบขนาดเล็ก โอบล้อมด้วยขุนเขาสูงตระหง่าน สลับซับซ้อน ราวกับเมืองลับแลในตำนานที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก คนไม่มาก รถราเยอะ เมืองมีขนาดเล็ก สงบงาม เหมาะสำหรับการพักผ่อนเงียบๆ อย่างยิ่งระเบียงริมขอบเขา จิบกาแฟ ชมพระอาทิตย์ยามเย็น
กาแฟยามบ่ายคล้อย
บริเวณลานจอดรถด้านทิศตะวันตกบนยอดดอยมีร้านกาแฟเล็กๆ ดีไซน์เก๋ไก๋ตั้งอยู่บนขอบเขา มีระเบียงยื่นออกไปเล็กน้อย พร้อมกับโต๊ะเล็กๆ กับร่มคันใหญ่สีสวย สร้างบรรยากาศแปลกตา เหมาะกับการนั่งทอดอารมณ์ไปกับภาพทิวเขาสุดลูกหูลูกตาด้านหน้า Before Sunset ก่อนตะวันลับแนวเหลี่ยมภูผา แค่ชื่อก็น่าสนใจแล้ว ประกอบกับบรรยากาศที่งามจนลืมไม่ลง ยั่วใจให้หลายคนลงหลักปักฐาน หย่อนกายบนเก้าอี้ ให้แสดงอาทิตย์สุดท้ายของวันโอบไล้ พร้อมๆ กับเลื่อมเงาของขุนเขาที่ค่อยๆ ทะมึนลงไปตามแสงตะวัน หากใครต้องการวิวมุมที่สูงขึ้นไปอีก โล่งกว้างเหมาะกับการถ่ายรูป จากลานพระเจดีย์ขึ้นไปบนยอดเขาอีกเล็กน้อย ที่นั้นเป็นลานชมพระอาทิตย์ตกที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งแนวทิวเขาสลับซับซ้อน ช่วงพระอาทิตย์กำลังตกดิน
พระอาทิตย์ตกดิน บรรยากาศดีมากค่ะ
อำลาไปด้วบรรยากาศพระธาตุดอยกองมูยามค่ำ
เราซึมซับบรรยากาศบนวัดหลังพระอาทิตย์ตกอีกเล็กน้อย แรงศรัทธาของผู้คนไม่ได้ลับหายไปตามแสงตะวัน พระเจดีย์ทั้งสององค์ ประดับด้วยดวงไฟส่องสว่างท่ามกลางไอหมอกยามเย็นที่ทำให้ท้องฟ้ามืดครึ้ม จากพื้นล่าง เรามองเห็นพระเจดีย์ทั้งสองส่องสว่างอยู่บนยอดดอย เป็นศูนย์รวมใจให้ชนทุกเผ่าในเมืองที่สงบงามแห่งนี้เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา