แม่กำปอง วิถีแห่งชีวิต วิถีแห่งธรรมชาติในวันหยุดพักผ่อนสบายๆ จะมีอะไรดีไปกว่าหาสถานที่เหมาะๆ สักแห่ง จิบกาแฟร้อนๆ ขนมเค้กสักชิ้น พักสายตาเหม่อมองสีเขียวของต้นไม้ แล้วลืมงานกองโตๆ ไปสักพัก บ้านแม่กำปอง หมู่บ้านสงบงามบนยอดเขาสูงในเขตอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ไม่ไกลจากเมืองเชียงใหม่เกินขีดความสามารถของรถมอเตอร์ไซค์ธรรมดาๆ คันหนึ่ง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ด้วยแรงบิดสบายๆ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น ที่นี่อาจเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับวันหยุดพักผ่อนครั้งต่อไปของคุณก็ได้ ถนนลาดยางสายเล็กๆ นำเราไปยังใหม่บ้านที่สร้างลดหลั่นกัน
บนระดับความสูง 1,300 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้แฝงตัวเร้นสอดประสานกับแมกไม้สีเขียวอย่างลงตัว อากาศที่นี่เย็นสบายตลอดทั้งปี บ้านเรือนต่างๆ กระจุกตัวรวมกันบนเชิงเขาริมลำธารน้ำใสแจ๋ว ก้าวแรกที่คุณมาถึงคงอดอิจฉาชาวบ้านที่นี่ไม่ได้ ที่ได้เป็นเจ้าของบ้านน่ารักๆ และอบอุ่นราวกับภาพฝันเช่นนี้ ชุมชนแห่งนี้มีความเป็นมายาวนานย้อนกลับไปเกือบร้อยปี เป็นปึกแผ่นจากอาชีพการทำสวนเมี่ยงและไร่กาแฟ จึงไม่ต้องแปลกใจที่เดินไปทางไหนก็พบพืชทั้งสองชนิดนี้อยู่ทั่วไปนักท่องเที่ยวผู้รักการผจญภัยเป็นชีวิตจิตใจหลายท่านคงรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของ แม่กำปอง ดีในฐานะจุดหมายปลายทางของกิจกรรมเอ็กส์ตรีมอย่าง Flight of the Gibbon ที่ทำให้เรามีโอกาสใกล้ชิดธรรมชาติกันอย่างถึงพริกถึงขิง แต่ภายใต้ร่มเงาไม้เดียวกันนี้ แม่กำปองยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมายรอคอยให้เราได้ค้นหา และสัมผัสทั้งวิถีชีวิตแบบชาวบ้านล้านนา และวิถีธรรมชาติที่น่าประทับใจวิหารไม้วัดคันธาพฤกษา หน้าบรรณเป็นลวดลายพรรณพฤกษา ฝีมือช่างท้องถิ่น งดงามตามแบบศิลปล้านนา
วัดคันธาพฤกษา เป็นวัดเล็กๆ ประจำหมู่บ้าน สร้างขึ้นเมื่อประมาณร้อยปีก่อน พร้อมๆ กับการตั้งบ้านเรือนของบรรพบุรุษชาวแม่กำปอง บริเวณวัดมีวิหารไม้หลังเล็กๆ หน้าบรรณเป็นลวดลายพรรณพฤกษาฝีมือช่างท้องถิ่น อ่อนช้อยและงดงามตามแบบศิลปะล้านนา หลังคาวิหารแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยมอสและเฟิร์น แสดงถึงอากาศที่ค่อนข้างชุ่มชื้นตลอดปี เห็นแล้วรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจ ใกล้ๆ กันนั้น มีทางเดินเล็กๆ นำเราไปสู่ลำธารน้ำใสสะอาด และน้ำตกขนาดกะทัดรัดด้านล่าง กลางลำธารมีอุโบสถหลัง ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ไม่ใหญ่นัก เพื่อให้ชาวบ้าน และนักท่องเที่ยวได้สักการะ เล่ากันว่าแนวคิดการสร้างพระอุโบสถกลางน้ำนี้ เป็นแนวคิดที่จะใช้สายน้ำกำหนดเขตพัทธสีมา เช่นเดียวกับการปักใบเสมารอบพระอุโบสถตามธรรมเนียมปกติพระอุโบสถกลางลำธารด้านหลังวัด มีสายน้ำแสดงเขตพัทธสีมา
เลยขึ้นไปไม่ไกลนัก บนเนินเขาเหนือหมู่บ้าน เราแวะพักดื่มกาแฟกันที่ร้านกาแฟน่ารักๆ ชมนก ชมไม้ จุดพักผ่อนที่ใครไปแม่กำปองก็ไม่ควรพลาด นั่งทอดอารมณ์สักพัก มีหนังสือดีๆ สักเล่ม ปล่อยกายและใจไปกับกับภาพหมู่บ้านภายใต้แมกไม้แบบพาโนราม่า สีเขียวของต้นไม้ เสียงเพรียกจากป่า อากาศเย็นช่ำ แสงแดดอ่อนๆ อาจทำให้หลายคนหลงรักที่นี่ เพราะฉันก็เป็นผู้หนึ่งที่ตกหลุมรักแม่กำปองจนยากห้ามใจหมู่บ้านแม่กำปองซ่อนตัวอยู่ในหมู่ต้นไม้ ภาพมุมสูงจากระเบียงร้าน "ชมนก ชมไม้"
ระเบียงร้านชมนก ชมไม้ มีแปลสำหรับนอนอ่านหนังสือ ซึมซับอากาศบริสุทธิ์ และธรรมชาติ
เลยขึ้นไปอีกไม่ไกลนัก สำหรับนักท่องเที่ยวที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์คงต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะเส้นทางข้างหน้าค่อนข้างแคบ และชัน เป็นที่ตั้งของน้ำตกแม่กำปอง น้ำตกขนาดกลางแห่งนี้มี่ทั้งหมดเจ็ดชั้น การเดินชมน้ำตกแต่ละชั้นทำให้เรามีโอกาสใกล้ชิดกับป่าธรรมชาติ สายน้ำใสสะอาดตกลงมาเป็นสาย ได้ยินเป็นเสียงน้ำตกกระทบหินดังก้องไปทั่วหากกำลังวังชายังเหลือ เรี่ยวแรงยังไม่ตก เส้นทางลาดยางนำเราผ่านไร่กาแฟ และป่ารกทึบ เส้นทางค่อนข้างชันมาก จนบางจุดมอเตอร์ไซค์อาจไปต่อไม่ไหว ต้องลงจูงกันบ้างก็มี บนจุดสูงสุดของยอดเขาคือ ดอยกิ่วฝิ่น จุดชมวิวที่น่าประทับใจอีกแห่งหนึ่ง จากจุดชมวิวนี้เรามองเห็นผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์อีกแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ ในระดับความสูงเกือบสองพันเมตร ปรากฏแนวต้นสนป่าเป็นทิวแถว ดอกไม้ป่าหลากหลายสายพันธุ์อวดความงามแก่ผู้มาเยือน บ้างเกาะเกี่ยวอยู่ตามคาคบไม้ บ้างสอดแซมขึ้นมาจากผิวดิน นั่นทำให้เราหายเหนื่อย เป็นภาพที่ผู้มาเยือนไม่อาจลืม ฉันใช้เวลาอ้อยอิ่งอยู่ที่นี่สักพักเพื่อสูดรับอากาศบริสุทธิ์อย่างเต็มที่ดอกไม้ริมทาง บอบบาง ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย
จุดชมทิวทัศน์บนดอยกิ่วฝิ่น
เมื่อตะวันเริ่มคล้อยลง เราบ่ายหน้ากลับเข้าสู่หมู่บ้านแม่กำปองอีกครั้ง หมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องโฮมสเตย์ ดีกรีหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ หลายๆ ครอบครัวเปิดบ้านต้อนรับผู้มาเยือนด้วยมิตรภาพ คืนนี้เราจะพักกันที่นี่ ฉันติดต่อกับทางชุมชน ได้บ้านพักหลังหนึ่งเล็กกะทัดรัด ด้านหลังตัวบ้านเป็นลำธารน้ำ ได้ยินเสียงน้ำตลอดทั้งคืน ข้างบ้านมีไร่กาแฟ มีเมล็ดกาแฟสีเขียวสดเต็มต้น เราเดินเล่นไปรอบๆ หมู่บ้าน ซึมซับวิถีชนบทให้อิ่มเอมหัวใจ ชาวบ้านที่นี่ต้อนรับผู้มาเยือนด้วยรอยยิ้มจริงใจ ยามเย็นเช่นนี้เด็กๆ ออกมาวิ่งเล่น มีกลุ่มควันจากการหุงหาอาหารลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือบ้านเรือนแต่ละหลัง ให้สัมผัสแบบวิถีชาวชนบท พาให้นึกถึงเรื่องราวในวัยเด็กบ้านแม่กำปองยามเย็น อากาศเริ่มเย็นลง มีหมอกบางๆ ลอยอ้อยอิ่ง
ในหมู่บ้านมีดอกไม้แต่งแต้มสีสันอยู่ทั่วไป
บ้านพักโฮมสเตย์หลังน้อย ใต้ร่มเงาของต้นไม้
คืนนั้นฉันหลับสบายโดยไม่ต้องการพัดลมหรือแอร์คอนดิชั่น เพราะอากาศเย็นสบายจนหนาว ฟังเสียงสายน้ำเพลินๆ ราวกับดนตรีธรรมชาติขับกล่อมให้เราหลับใหล ไม่ต้องการโทรทัศน์หรืออินเทอร์เนตเพียงเท่านี้ร่างกายและจิตใจก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง พร้อมสู้ชีวิตในเมืองใหญ่ต่อไปอีกเฮือกหนึ่ง จนกว่ามันจะโหยหาธรรมชาติขึ้นมาอีกครั้งเรื่องและภาพโดย: เลดี้ ดาริกา