สมัยก่อนโปรแกรมเที่ยวลพบุรีอยู่ที่พระปรางค์สามยอดพระราชวังพระนารายณ์ราชนิเวศน์ และศาลเจ้าพ่อพระกาฬ ต่อมาเริ่มมีโปรแกรมชมทุ่งทานตะวันที่อำเภอพัฒนานิคม อาจเรียกได้ว่ากลายเป็นที่เที่ยวที่ไม่ได้ตั้งใจเพราะเกษตรกรปลูกทานตะวันเป็นพืชเศรษฐกิจ แต่เมื่อออกดอกบานสะพรั่งสุดลูกหูลูกตาทำให้เกิดวิวงดงาม ยิ่งในฤดูหนาวอากาศแจ่มใส แดดไม่ร้อนจัด ทำให้คนแห่แหนไปเที่ยวกันมาก
ต่อมาเมื่อมีการสร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อกั้นลำน้ำป่าสัก เกิดทะเลสาบก้วงใหญ่วิวสวย นอกจากเขื่อนแห่งนี้จะช่วยกักเก็บน้ำที่เข้ามาท่วมในกรุงเทพฯ แล้ว ยังเกิดทิวทัศน์ที่สวยงาม สันเขื่อนดินยาวที่สุดในโลกอยู่ในอำเภอพัฒนานิคมเช่นกัน จึงเป็นโปรแกรมท่องเที่ยวที่คุ้มค่าต่อการเดินทาง
สำหรับการรถไฟแห่งประเทศไทย จะเปิดบริการเส้นทางรถไฟขบวนท่องเที่ยวเขื่อนป่าสักฯ ชมทุ่งทานตะวันประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็นต้นไป โปรแกรมนี้เป็นแบบไปเช้า เย็นกลับ ท่องเที่ยวแบบประหยัดงบประมาณ และได้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่
เริ่มต้นโปรแกรมช่วงเช้า รถไฟขบวนพิเศษนำเที่ยวออกจากสถานีกรุงเทพฯ เวลา 06.40 น. ผ่านสถานีสามเสน บางซื่อ บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง และรังสิต ชมวิวเมืองหลวงบนรางเหล็กคู่ขนาน จนถึงจังหวัดสระบุรีผ่านชุมทานแก่งคอย เวลาประมาณ 09.52 10.22 น. ขบวนรถหยุดชมทิวทัศน์ทุ่งทานตะวันที่ละลานตาไปทั่วที่ราบกว้าง จากนั้นไปเขื่อนป่าสักฯ รถจะหยุดให้คุณได้ชมทิวทัศน์ของเขื่อนป่าสักฯ บนสะพานรถไฟลอยน้ำประมาณ 40 นาที สุดปลายทางที่สถานีโคกสลุง และวิ่งกลับมาจอดที่ที่หยุดรถเขื่อนป่าสักฯอีกครั้ง เวลา 12.16 น. เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน
ช่วงบ่าย หลังจากกินมื้อเที่ยวแล้ว คุณมีเวลาเดินเที่ยวชมหรือนั่งรถรางไปชมวิวบนสันเขื่อน เดินซื้อของฝาก ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ส่วนใครที่อยากนั่งรถม้าเที่ยวก็มีให้เลือก โดยมีเวลาจนถึง 14.20 น.
จากนั้นรถไฟจะออกเดินทางกลับจากเขื่อนป่าสักฯ เวลา 14.20 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.35 ชั่วโมง ถึงสถานีกรุงเทพฯ เวลาประมาณ 17.45 น.
สำหรับคุณที่อยากนอนค้างแรมริมเขื่อนสักคืน สามารถติดต่อบ้านพักนักท่องเที่ยว หรือเช่าเต็นท์ หรือนำเต็นท์มากางเองก็ได้ แต่ต้องแจ้งกับเจ้าหน้าที่รถไฟให้เรียบร้อยว่าจะค้างคืน และเดินทางกลับเองในวันรุ่งขึ้น การเดินทางกลับเองคุณต้องเสียค่าตั๋วรถไฟเอง (นั่งรถไฟสายบัวใหญ่ แก่งคอย และต่อจากรถแก่งคอยเข้ากรุงเทพฯ ) !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!