.....
ช่วงเช้า หากเมื่อคืนคุณพักค้างคืนที่เขื่อนท่าด่าน หรือ รีสอร์ทใกล้เขื่อน เช้านี้นัดพบที่สำนักงานของสาลิกา แอดเวนเจอร์ พ้อยท์ เวลาประมาณแปดโมงเช้า หรือใครที่เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปรอพบกันที่ด่านตำรวจเนินหหอมได้เลย จากสำนักงานของสาริกาฯ ออกเดินทางด้วยรถกระบะมุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ถึงด่านตรวจเนินหอมใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง หรือไปที่ฐานปฏิบัติการป้องกันรักษาป่าอ่างเก็บน้ำวังบอก (แล้วแต่ทางผู้ประกอบการเป็นผู้จัด)
เมื่อพร้อมกันที่ด่านตรวจเนินหอมแล้ว จะมีการแนะนำอุปกรณ์ในการโรยตัว สวมฮาร์เนส (Harnees) ตรวจเช็คความพร้อมของเสื้อผ้า หน้าผมรวมถึงการแต่งกาย พร้อมซักซ้อมวิธีการโรยตัว การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และเทคนิคต่างๆ เมื่อพร้อมแล้วนั่งรถกระบะไปยังจุดเริ่มต้นที่น้ำตกธารรัตนา ลงรถแล้วรับถุงกันน้ำพร้อมข้าวเที่ยงและน้ำดื่ม ซึ่งแต่ละคนจะต้องรับผิดชอบถุงใบนี้ติดตัวไปด้วย จากนั้นจะต้องเดินเท้าข้ามลำธารน้ำตกธารรัตนา ระหว่างทางนั้นคุณจะได้ชมวิวธรรมชาติความอุดมสมบูรณ์ของป่าเขาใหญ่ ชมวิวน้ำตกธารรัตนา ละสนุกกับการเล่นสไลเดอร์ในลำธารเดินเท้าใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็จะมาถึงหน้าผาแรก ทีมงานจะจัดเตรียมเชือกเพื่อโรยตัว คุณๆ สามารถนั่งพักชมวิวอ่างเก็บน้ำวังบอนเบื้องล่างซึ่งนั่นคือ จุดหมายของเส้นทางเดินป่า โรยตัวในทริปนี้ที่ต้องพิชิต
การโรยตัวผ่านหน้าผาแรกนี้มีความสูงประมาณ 70 เมตร ด้วยการโรยไต่หน้าผาชัน 90 องศา พร้อมกับมีโอเวอร์แฮงค์ในช่วงล่างก่อนถึงพื้น ผาแรกนี้เป็นหน้าผาที่มีความสูงที่สุด โดยจะแบ่งการโรยตัวเป็น 2 ช่วง คือช่วงแรกไต่ตามหน้าผาชัน 90 องศาจนมาถึงชะง่อนหินให้พักเหนื่อยก่อนได้ พร้อมแล้วก็โรยตัวผ่านช่วงที่ 2 ที่เป็น โอเวอร์แฮงค์ ซึ่งจะมีแต่คุณและเชือกเพียงเส้นเดียว ไม่มีหน้าผาให้เท้าเหยียบถึงเหมือนช่วงแรก ถึงพื้นแล้วมาพักเหนื่อยกับการชมวิวน้ำตกสองพี่น้อง เป็นน้ำตกใหญ่ความสูงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหน้าผาที่โรยตัวลงมา ลักษณะน้ำตกเป็น 2 ชั้นไหลมาในหน้าผาเดียวกัน น้ำกระเซ็นไหลลงแอ่งเบื้องล่างให้เล่นน้ำคลายร้อน ผ่อนความเสียวจากการโรยตัวได้ ใครมาถึงก่อนก็จะได้เล่นน้ำนานหน่อย
จากน้ำตกสองพี่น้อง เดินเท้ามาอีกไม่ไกลก็ถึงน้ำตกสองสวรรค์ชั้นที่ 1 ซึ่งเป็นหน้าผาสูงประมาณ 18 เมตร แม้จะไม่สูงมากแต่ยากมากขึ้นกว่าผาแรก เพราะต้องโรยตัวลงมาตามสายน้ำตก หน้าผานี้ต้องเปียกกันหน่อย แต่เย็นสดชื่นจากน้ำตก ลงมาถึงพื้นแล้วใต้น้ำตกมีเพิงถ้ำเล็กๆสวยงามให้ชม แล้วก็นั่งรอลุ้นคนอื่นๆ ที่กำลังโรยตัวตามลงมา
เมื่อโรยตัวลงมากันครบทีมแล้ว เป็นเวลาหยุดพักกินมื้อเที่ยง ด้วยอาหารแบบง่ายๆ เป็นข้าวเหนียวห่อใบตองพร้อมกับหมูทอด-ปลาทอดและน้ำดื่ม ซึ่งอยู่ในถุงกันน้ำที่แบกติดหลังมาตั้งแต่เริ่มเดิน จากนั้นพักผ่อนรอข้าวเรียงเม็ด ใครอยากเล่นน้ำก็เต็มที่
.....
ช่วงบ่าย เริ่มโรยตัวต่อที่หน้าผาที่ 3 ซึ่งเป็นหน้าผาของน้ำตกสองสวรรค์ชั้นที่ 2 มีความสูงประมาณ 38 เมตร ความชัน 90 องศา และมีความยากเพิ่มขึ้นกว่าน้ำตกสองสวรรค์ชั้นที่ 1 เพราะต้องโรยตัวมาตามสายน้ำตกซึ่งจะไหลโหมกระแทกศรีษะแต่ปลอดภัยเพราะมีหมวกนิรภัยป้องกัน ความยากของหน้าผานี้ยังขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำตกด้วย หากมีน้ำมากก็ยิ่งยากขึ้นเป็นทวีคูณ แต่รับรองว่าสนุกกว่าชั้นไหนๆ เมื่อถึงด้านล่างแล้วไปพักเหนื่อยเล่นน้ำในแอ่งด้านล่างได้ นอกจากนี้บริเวณหน้าผาน้ำตกยังมีดอกไม้ป่าบานสะพรั่งออกดอกสวยงามให้ชมด้วย
เมื่อผ่านกันมาครบทีมแล้ว จากนี้จะเป็นเส้นทางเดินเท้าระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร โดยเดินเลียบมาตามลำธารที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ร่มรื่น เย็นสบาย มีพรรณไม้พื้นล่างประเภทมอส เฟิร์น และพรรณไม้ขนาดเล็กตามโขดหินให้ชมตลอดทาง นอกจากนี้ยังมีชั้นน้ำตกชั้นเล็กชั้นน้อยให้หยุดพักเล่นน้ำได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที จะถึงหน้าผาสุดท้ายที่น้ำตกวังบอน ซึ่งเป็นน้ำตกที่ไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำวังบอกความสูงประมาณ 26 เมตร ความท้าทายของหน้าผาสุดท้ายคือเป็นการโรยตัวลงน้ำโดยมีเรือคายักมาจอดรออยู่แล้ว ลักษณะหน้าผาสุดท้ายจะเป็นโอเวอร์แฮงค์ให้คุณค่อยๆ โรยตัวลงมายังเรือคายัคเบื้องล่าง หากวันไหนมีนักท่องเที่ยวมาพายเรือคายัคเที่ยวชมวิวน้ำตกวังบอนด้วย ความกดดันก็จะเพิ่มขึ้น หากว่ากลัวหน้าแตกก็ต้องงัดวิชาทั้งหมดที่ใช้มาในวันนี้เอาออกมาใช้ให้เต็มที่เท้าแตะเรือก็หมายความว่าสิ้นสุดการผจญภัยรียบร้อยแล้ว
ลงเรือคายัคแล้วสวมเสื้อชูชีพ นั่งเรือคายัคลำละ 3 คน ร่วมแรงร่วมใจพายกลับเข้าฝั่งยังจุดนัดพบที่ฐานปฏิบัติการป้องกันรักษาป่าอ่างวังบอน ระยะทางประมาณ 800 เมตร ถึงท่าเรือแล้วไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัว พักกินน้ำเย็นๆ และผลไม้ตามฤดูกาล จากนั้นนั่งรถกระบะกลับ โดยสวัสดิภาพ
ใช้เวลาในการเดินป่า โรยตัวที่น้ำตกธารรัตนา ประมาณ 7 ชั่วโมง.........................................................