ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
พฤศจิกายน 30, 2024, 01:01:10 PM
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: ประกาศ  โพสหัวข้อเดียวซ้ำๆ กัน รับสิทธิ์ โดนลบกระทู้ และโชคดีได้รับสิทธิ์แบนฟรี 90 วันครับ


จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ  |  วัดในจังหวัดเชียงใหม่  |  หัวข้อ: เส้นทางบุญแห่ง "นครหริภุญชัย" 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เส้นทางบุญแห่ง "นครหริภุญชัย"  (อ่าน 2437 ครั้ง)
nina
Newbie
*
กระทู้: 47


ดูรายละเอียด อีเมล์
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2013, 10:45:31 AM »


 :25:  บ่อน้ำเก่าแก่รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ดูลึกจนดูไม่น่าจะมีใครลงไปตักน้ำขึ้นมาใช้ประโยชน์  ซึ่งอยู่หน้าพระอุโบสถของวัดพระธาตุหริภุญชัยที่ประดิษฐานพระทองทิพย์ ก่อสร้างขึ้นด้วยศิลาแลงที่อาจดูขัดกันกับสิ่งก่อสร้างอื่นๆ  โดยรอบและแทบไม่มีใครใส่ใจนั้น  ความริงแล้วเป็นหนึ่งในโบราณสถานอันทรงคุณค่าของประวัติศาสตร์เมืองลำพูน  จังหวัดที่เก่าแก่ที่สุดในภาคเหนือที่เดิมมีชื่อว่า  "นครหริภุญชัย"  เพราะเป็นสระสรงน้ำของพระนางจามเทวี  พระธดาพระมหากษัตริย์แห่งกรุงละโว้ที่มาปกครองดินแดนแถบนี้
      ศิลาแลงแบบเดียวกับที่ใช้ก่อสร้างสระสรงน้ำนั้น  ก็เป็นวัสดุเดียวกันที่ถูกนำมาสร้างพระมหาเจดีย์พระบรมธาตุหริภุญชัยทรงปรางค์สี่เหลี่ยมโดยไม่มีโลหะใดๆ  เป็นแกน  แต่กลับไม่เคยมีรอยแตกร้าว พระเจดย์สีทองเหลืองร่วมที่เห็นในปัจจุบันที่ได้รับการบูรณะมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเม็งรายมหาราช  จนถึงสมัยพระเมืองแก้วได้มีการเรี่ยไรเงินเพื่อซื้อทองแดงทองคำเปลวบุองค์พระมหาเจดีย์
      ขณะที่พระวิหารหลวงสร้างขึ้นใหม่ตามรูปทรงเดิมหลังจากพระวิหารไม้ดั้งเดิมถูกพายุพัดเสียหายเมื่อปี พ.ศ. 2458  เหลือเพียงซุ้มประตูสมัยศรีวิชัยก่ออิฐถือปูนที่ยังคงลวดลายวิจิตรพิสดารมาจนถึงทุกวันนี้  เช่นเดียวกับสิงห์คู่ที่ยังคงยืนอยู่บนแท่นในลักษณะยืนเต็มทั้ง  4  เท้า ประดับด้วยเครื่องทรงมีลวดลาย  ซึ่งเดิมเป็นแนวกำแพงวังชั้นนอกของพระเจ้าอาทิตยราช  ชาวบ้านเรียกสิงห์คู่นี้ว่า สิงห์เฝ้าวัด"
      เล่ากันว่า  พระเจ้าอาทิตยราช  ผู้ทรงถวายวังให้เป็นสังฆารามหลังพบว่า  สถานที่ที่เคยสั่งให้ขุดหลุมเป็นที่สำหรับบังคน  และมักจะถูกกาบินโฉมพระเศรยรมิได้เว้น  จึงทรงรับสั่งให้จับเจ้ากาตัวนั้นมาขังรวมกับเด็กทารกที่เริ่มหัดพูดจนเวลาล่วงไป  7 ปี  ทารกที่ถูกเลี้ยงอยู่กับกาจนทำให้เข้าใจภาษากาได้  ไต่ถามเหตุการณ์จึงทราบวา่  สถานที่นั้นเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  พระเจ้าอาทิตยราชทรงสถาปนาพระบรมธาตุเจดีย์ขึ้น  ณ จุดนั้นให้เป็นหลักของนครหริภุญชัยนับตั้งแต่นั้น
      นอกจากพระธาตุหริภุญชัยแล้ว  ร่องรอยศิลปะละโว้ยังมีให้เห็นที่วัดจามเทวี  หรือวัดกู่กุด  ตามภาษาเรียกของชาวบ้านซึ่งมาจากยอดเจดีย์ หุ้มทองที่หักหายไป  มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า  พระเจดีย์สุวรรณจังโกฏ ช่างชาวละโว้สร้างเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมแบบพุทธคยาในประเทศอินเดียโดยแต่ละด้านมีพระพุทธรูปปางประทานพรอยู่เป็นชั้นๆ  ภายในบรรจุอัฐิของพระนางจามเทวี  ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญชัย  ด้านข้างพระวิหารเป็นที่ตั้งของ รัตนเจดีย์ เจดีย์ก่ออิฐถือปูนทรงแปดเหลี่ยม  แต่ละเหลี่ยมเจาะเป็นซุ้มจระนำประดิษฐานพระพุทธรูแประทับยืน  สร้างึ้นโดยพระยาสรรสิทธิ์ ราวพุทธศตวรรษที่  17
บันทึกการเข้า
nina
Newbie
*
กระทู้: 47


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2013, 12:13:49 PM »


 :29: :29:  แม้ครั้งหนึ่งลำพูนจะเคยมีสถานะเป็นเมืองร้าง  แต่นับตั้งแต่พระนางจามเทวีมาปกครอง  นครหริภุญชัยแห่งนี้ก็ไม่เคยถูกทิ้งร้างอีก  ขณะที่พระพุทธศาสนาในลำพูนก็เจริญรุ่งเรืองตลอดมา  นอกจากวัดเก่าแก่ที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์แล้ว  เลยไปที่อำเภอลี้  ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งนักบุญล้านนา  เพราะที่นี่คือบ้านเกิดและเรือนตายของครูบาศรีวิชัย  พระนักพัฒนาผู้นำในการสร้างทางขึ้นสู่วัดพระธาตุดอยสุเทพโดยพลังศรัทธาประชาชนด้วย
      หลังจากครูบาศรีวิชัยแล้ว  ลี้ยังมีครูบานักพัฒนาอย่างครูบาชัยยะวงศาพัฒนาหรือครูบาวงศ์  ผู้เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวกะเหรี่ยงพุทธแห่ง วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม วัดประจำหมู่บ้านชาวเขาพระบาทห้วยต้มและเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอลี้ อาณาบริเวณอันกว้างขวางของวัดพระพุทธบาทห้วยต้มนอกจากองค์พระบรมธาตุที่ได้รับการตกแต่งอย่างงดงาม  รายล้อมด้วยเจดีย์เล็กอีก  17 องค์  ภายในบรรจุพระเครื่อง 84,000  องค์  และไม่ห่างกันเป็นหอเก็บพระไตรปิฎก  และยังเป็นสิ่งด่กอสร้างที่ทำจากศิลาแลงที่ขุดได้จากบ่อศิลาแลงด้านหลังของวัดด้วย
      ศรัทธาของชาวกะเหรี่ยงที่มีต่อครูบาวงศ์  ทำให้หมู่บ้านที่ตั้งอยู่โดยรอบวัดแห่งนี้เป็นเขตมังสวิรัติ  ไม่มีการรับประทานเนื้อสัตว์ใดๆ  เช่นเดียวกับครูบาวงศ์ซึ่งถือเป็นเขตหวงห้ามไม่ให้มีการนำสัตว์เข้ามาด้วย
      ด้วยศรัทธาของชาวกะเหรี่ยงและศิษยานุศิษย์  พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย พุทธสถานของพระพุทธบาทห้วต้มที่อยู่ห่างออกมากลางหมู่บ้านที่ครูบาวงศ์เป็นผู้ริเริ่มก่อสร้างไว้  หลังจากได้พบมูลโคขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในสมัยที่ทรงมาใช้ชาติเป็นโคพระโพธิสัตว์  ซึ่งได้กลายเป็นสภาพเป็นพระบรมธาตุ  จึงมีความตั้งใจที่จะสร้างพระมหาเจดีย์ธาตุครอบทับสถานที่แห่งนี้ไว้  เพื่อให้เป้นพุทธเจดีย์ของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์อันะเป็นพุทธเจดีย์ของภัทรกัปให้ลูกหลานคนไทยได้กราบไหว้เป็นแห่งแรกของประเทศไทยและเป็นแห่งที่สองของโลก  ได้รับการสานต่อจนเสร็จสมบูรณ์แม้ว่าครูบาวงศ์จะมรภาพไปแล้ว
      ไม่เพียงวัดพระพุทธบาทห้วยต้มเท่านั้นที่ครูบาวงศ์ได้สร้างให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธ  ห่างออกไปไม่ไกลครูบาวงศ์ยังได้ริเริ่มบูรณปฏิสังขรณ์  วัดพระธาตุห้าดวง เมื่อปี  พ.ศ. 2542  โดยมีการบูรณะองค์พระธาตุทั้งห้าดวง  ด้วยการก่อสร้างครอบองค์เดิมและทำการก่อสร้างแบบองค์พระธาตุหริภุญชัย  มีการปิดทองจังโก้และปิดด้วยทองคำเปลว
      วัดพระธาตุห้าดวงแห่งนี้กรมศิลปากรสันนิษฐานว่า  เป็นบริเวณเวียงเก่า เพราะมีซากกำแพง  และคูเมืองตั้งเป็นแถว  ตามตำนานกล่าวว่า พระนางจามเทวี กษัตริย์ผู้ครองเมืองหริภุญชัย ได้ยินข่าวจากราษฎรเมืองลี้ว่ามีดวงแก้ว  5  ดวง ปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง  จึงได้เสด็จมาทอดพระเนตรด้วยพระองค์เองเวลากลางคืน  จึงได้ทอดพระเนตรเห็นแสงสว่างจากดวงแก้วทั้ง 5 ดวง ลอยอยู่บนกองดิน 5 กอง จึงได้สอบถามความเป็นมาทราบว่า  คือพระเมโตธาตุ (น้ำไคลมือ) ขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าที่คือล้างพระหัตถ์ และน้ำก็ไหลผ่านปลายนิ้วทั้ง 5 ลงพื้นดิน พระนางจึงเกิดศรัทธาสร้างพระธาตุครอบกองดินทั้ง 5 กองไว้และในวันที่ 20 เมษายน ของทุกปีจะมีประเพณีสรงน้ำพระธาตุห้าดวงสืบต่อกันมานับตั้งแต่นั้น
      ใกล้ๆ กันเป็นที่ตั้งของ วัดพระธาุดวงเดียว ว่ากันว่าสร้างขึ้นในสมัยพระนางจามรี  ระหว่างปี พ.ศ. 500-700 พระนางจามรีซึ่งเป็นธิดาของเจ้าผู้ครองเมืองหลวงพระบางถูกอ่อรุกราน  จึงพาไพรพลหนีภัยข้าศึกมาตั้งแต่บ้านเมืองใหม่  ปัจจุบันคือ บริเวณวัดพระธาตุดวงเดียว ขณะที่พระนางได้ทำการสร้างบ้านเมืองก็ได้สร้างพระธาตุเจดีย์พร้อมวิหารไว้ในเวียงวังด้วย  ก็คือ วัดพระธาตุดวงเดียว  หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดพระธาตุกลางเวียงนั่นเอง
      ไม่เพียงแค่อำเภอเมือลำพูนและลี้เท่านั้นที่มีวัดสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับตำนานในพระพุทธศาสนา  และประวัติศาสตร์การก่อสร้างเมืองแต่เมืองเงียบสงบและเรียบง่ายแห่งนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย.....................................

     ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์   วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์  พ.ศ. 2556
บันทึกการเข้า
auto
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 5733


**Chiang Mai, I love you**


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2013, 02:31:11 PM »


ขอบคุณข้อมูล ดีๆ ในการไปไหว้พระที่ลำพูน ครับ  :onio:
บันทึกการเข้า

NewpaperS
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2013, 03:46:36 PM »


ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ ข้อมูลดีดีทั้งๆๆนั้น  916 916
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ขึ้นบน พิมพ์ 
จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ  |  วัดในจังหวัดเชียงใหม่  |  หัวข้อ: เส้นทางบุญแห่ง "นครหริภุญชัย" « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  




Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.5 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.092 วินาที กับ 20 คำสั่ง