เชิญเที่ยวงานใส่ขันดอกบูชาเสาอินทขีล 10-17 พฤษภาคม 2553 ณ.วัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่

[dondarlink]

วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ เตรียมจัดงาน ใส่ขันดอกบูชาเสาอินทขีล 10-17 พฤษภาคมนี้

คณะกรรมการจัดงานประกอบด้วยคณะสงฆ์-คณะกรรมการวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เทศบาลนครเชียงใหม่ โรงเรียนเมตตาศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดย พระราชเจติยาจารย์ เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงเป็นประธานประชุมเตรียมงาน

ประเพณีใส่ขันดอกบูชาเสา อินทขีล เสาหลักเมืองเชียงใหม่ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 10-16 พฤษภาคม และวันออกอินทขีลตรงกับวันที่ 17 พฤษภาคม 2553 หรือระหว่างวันแรม 12 ค่ำ เดือน 8 จนถึงวันขึ้น 3 ค่ำเดือน 9 เหนือ

[dondarlink]

Re: เชิญเที่ยวงานใส่ขันดอกบูชาเสาอินทขีล 10-17 พฤษภาคม 2553 ณ.วัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่

ที่ประชุมแจ้งว่าทางวัดไม่มีงบประมาณจัดงาน เช่นเดียวกับเทศบาลนครเชียงใหม่ซึ่งติดขัดปัญหางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ยังไม่ผ่านการอนุมัติของจังหวัด นายจำลอง กิตติศรี ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ จึงรับไปปรึกษากับสำนักงานจังหวัดเชียงใหม่เพื่อนำเสนองานประเพณีนี้เข้าสู่ โครงการยุทธศาสตร์พัฒนากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน

[dondarlink]

Re: เชิญเที่ยวงานใส่ขันดอกบูชาเสาอินทขีล 10-17 พฤษภาคม 2553 ณ.วัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่

ล่าสุดได้ข้อสรุปว่าปีนี้จังหวัดเชียงใหม่จะร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงานและสนับ สนุนกิจกรรมต่าง ๆ

ตั้งแต่ขบวนแห่พระพุทธรูปพระฝนแสนห่า กิจกรรมเวที แสงสี ไฟส่องสว่าง และงบเพื่อการประชาสัมพันธ์ การบูชาเสาอินทขีล หรือเสาหลักเมืองเชียงใหม่เป็นประเพณีโบราณล้านนาที่ชาวเชียงใหม่ได้กระทำ

สืบเนื่องมาเป็นประจำทุกปี เพื่อให้เกิดสิริมงคลแก่บ้านเมือง ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล

[dondarlink]

    เป็นการแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวที คารวะสักการะรำลึกถึงบรรพชน ขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันเข้าร่วมพิธีการบูชาข้าวตอก ดอกไม้ ธูปเทียน น้ำอบน้ำหอม ร่วมพิธีบูชาเสาอินทขีล พร้อมกับชมการละเล่นพื้นเมืองสมโภชตลอดระยะเวลาการจัดงาน

[dondarlink]

ความสำคัญ
เป็นประเพณีบูชาเสาหลักเมืองเชียงใหม่ ซึ่งมีชื่อว่าเสาอินทขิล เสาหลักเมืองเดิมมีมาตั้งแต่เมื่อครั้งสร้างเมืองเชียงใหม่ และประดิษฐานที่วัดสะดือเมือง ต่อมาได้เสื่อมสภาพไป พระยากาวิละซึ่งได้ฟื้นฟูประเพณีอินทขิลขึ้นใหม่ จึงได้สร้างและย้ายมาประดิษฐานไว้ ณ วัดเจดีย์หลวงจนถึงปัจจุบันนี้ ชาวเชียงใหม่ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอย่างหนึ่ง

[dondarlink]

ประวัติเสาอินทขีล
       เสาอินทขีลหรือเสาหลักเมือง เป็นเสาก่อด้วยอิฐถือปูน สร้างขึ้นเมื่อวันพฤหัสสบดี เดือน 8 เหนือ พ.ศ. 1839 ในสมัยพญามังราย
สร้างเมืองและขึ้นครองเมืองเป็นกษัตริย์องค์แรกของเชียงใหม่ แรกสร้างอยู่ที่วัดสะดือเมือง หรือวัดอินทขีล บริเวณหอประชุมติโลกราชในปัจจุบัน


    ครั้งสมัยพระเจ้ากาวิละ เป็นปฐมกษัตริย์ ของเชียงใหม่ ได้โปรดให้ย้ายมาไว้ที่วัดเจดีย์หลวง โดยบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2343
       
    เสาอินทขีลตั้งอยู่ ภายในวิหารจตุรมุขหลังคา 2 ชั้น หน้าวิหารวัดเรียกว่า “วิหารอินทขีล” มีกำแพงเป็นเขตโดยรอบ ห้ามสตรีผ่านเข้าไป

      พระเจ้ากาวิละ ได้โปรดให้สร้างรูปพญากุมภัณฑ์ และ รูปฤาษีไว้พร้อมเสาอินทขีลด้วย ในสมัยโบราณกาล ทำพิธีสักการะบูชาเสาอินทขี


      เป็นประจำทุกปีและ ทำกันตอนปลายเดือน 8 เหนือ ถึงต้นเดือน 9 เหนือ (เดือน 6 – 7 ภาคกลาง) การทำพิธีมักจะเริ่มทำในวันจันทรคติแรม 12 ค่ำ


   เดือน 8 เหนือ ถึงต้นเดือน 9 เหนือ และวันสุดท้ายทำพิธีออกอินทขีล วันที่4 ค่ำ เดือน 9 เหนือ เป็นประจำทุกปี

[dondarlink]

พิธีกรรม
       เริ่มด้วยพ่อหมอพฤฒาจารย์กระทำพิธีบูชาครู สักการะวิญญาณบรรพบุรุษ อารักษ์ และผีเจ้านายทั้งหลาย เทศบาลนครเชียงใหม่จัดขบวนแห่พระพุทธรูปฝนแสนห่าไปรอบเมืองให้ประชาชนสรงน้ำ ที่บริเวณวัดมีขันบูชาเสาอินทขิลสำหรับให้ประชาชนนำดอกไม้ไปบูชา (เรียกว่า ใส่ขันดอก)

[dondarlink]

สาระ
       ทำให้ประชาชนทราบความเป็นไปของบ้านเมือง ทำให้มีความหวังว่าในปีที่กำลังจะมาถึงจะมีความอุดมสมบูรณ์ และประชาชนจะอยู่ดีกินดี

[dondarlink]

“งานประเพณีใส่ขันดอก และ งานสมโภชบูชาเสาอินทขิล”


     ผู้คนจะนำดอกไม้มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ นั่นก็คือ “ เสาอินทขิล ”  หรือเสาหลักเมืองเชียงใหม่ จากนั้นจึงสรงน้ำพระพุทธรูปฝนแสนห่า  ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์  ที่ ถูกอันเชิญมาตั้งอยู่บริวณหน้าพระอุโบสถ เพื่อให้ผู้คนได้ร่วมสรงน้ำ โดยถือว่าการปฏิบัติตามประเพณีอย่างนี้นับเป็นสิริมงคล และนำมาซึ่งความร่มเย็นเป็นสุขแก่ชีวิต

[dondarlink]

    ภายในบริเวณงานมีจุดต่างๆ ให้ประชาชนได้ร่วมทำบุญ มีงานแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านล้านนา และมีอาหารขายมากมาย  เหมาะแก่การพาคุณพ่อคุณแม่ และพาลูกจูงหลานมาร่วมกันทำบุญ และยังถือเป็นการท่องเที่ยวที่งดงามด้วยค่ะ

[dondarlink]

       บริเวณด้านหลังของพระอุโบสถเป็นที่ตั้งของ “ พระธาตุเจดีย์หลวง ”  ซึ่งเป็นเจดีย์เก่าแก่อายุหลายร้อยปี และสูงใหญ่ที่สุดในอาณาจักรล้านนาไทย  และซุ้มทางด้านทิศตะวันออกเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร  พระเจดีย์หลวงยามค่ำคืนสวยงามและยิ่งใหญ่มากค่ะ

[dondarlink]

ขอบคุณข้อมูลข่าวสารจากเว็บไซต์

- กะปุก ดอท คอม  http://webboard.kapook.com/viewthread.php?tid=1559

- สนุก ดอท คอม  http://news.sanook.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87-%E0%B8%88%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88-%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A5-927083.html


- ประเพณีไทย ดอท คอม  http://www.prapayneethai.com/th/tradition/north/view.asp?id=0254

- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  http://blog.tourismthailand.org/blog2/?p=19

[dondarlink]

รอ Update รูปถ่ายสักครู่นะครับ กำลังจัดทำอยู่

[dark_sky]

   ไปทำบุญมาแล้ว คนเยอะมากมาย  ร้อนกายแต่สบายใจ