สุดยอดพุทธศิลป์ใหม่แห่งยุค @ วัดร่องเสือเต้น (Page 1-2)

[Traveller Freedom]

สุดยอดพุทธศิลป์ใหม่แห่งยุค @ วัดร่องเสือเต้น (Page 1)

สถานที่ตั้ง : ชุมชนร่องเสือเต้น ซอย 5 ตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
พิกัด : 19.923227, 99.842033
   
    วัดร่องเสือเต้น ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครเชียงราย มีความโดดเด่นด้วยพระอุโบสถที่ถูกสร้างขึ้นอย่างสวยงาม มีความวิจิตรตระการตาเป็นอย่างมาก ถือเป็นวัดใหม่ของจังหวัดเชียงราย เนื่องจากพระอุโบสถนั้นเพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน ด้านหน้าทางขึ้นพระอุโบสถมีงานปูนปั้นรูปพญานาคคู่ตัวใหญ่ศิลปะไทย มีรูปร่างงดงามทำอย่างปราณีต นอกจากนี้งานปูนปั้นโดยรอบพระอุโบสถ ก็ทำได้อย่างสวยงามในผลงานระดับพรีเมี่ยม ทำให้วัดร่องเสือเต้นแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมความงดงามกันเป็นจำนวนมาก

    พระทรงศักธิ์กตสาโร เจ้าอาวาสวัดร่องเสือเต้นรูปปัจจุบันและถือเป็นรูปบุกเบิก ได้กล่าวว่า วัดร่องเสือเต้นเริ่มสร้างอุโบสถเมื่อปี พ.ศ. 2548 โดยได้เงินสนับสนุนจากบรรดาชาวบ้านในเขตชุมชนใกล้เคียง ค่อยๆ ก่อร่างสร้างไปทีละเล็กละน้อย กระทั่งได้ “สล่านก” หรือช่างนก ซึ่งเป็นช่างใหญ่คอยดูแลควบคุมการก่อสร้างและเป็นช่างปูนปั้นมาช่วยสร้างความงดงามอันเป็นสุดยอดของงานพุทธศิลป์ให้แก่วัดแห่งนี้
   
     นายพุทธา กาบแก้ว ผู้ที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า “สล่านก” ชาวบ้านห้วยส้านพลับพลา ตำบลป่าอ้อดอนชัย ผู้เป็นหัวเรือใหญ่ในการสร้างผลงานอันล้ำค่าให้บังเกิดแก่วัดร่องเสือเต้น ได้กล่าวว่า ตนเป็นช่างปูนลูกศิษย์ของ “อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์” ศิลปินผู้สร้างวัดร่องขุ่นที่งดงามจนโด่งดังไปทั่วโลก โดยตนได้ไปช่วยงานอาจารย์เฉลิมชัย เมื่อปี พ.ศ. 2546 จึงได้เรียนรู้วิชาปั้นปูน ร่วมกับช่างอีกหลายคนที่เข้าบูรณะและก่อสร้างวัดร่องขุ่นในยุคแรก จากนั้นจึงออกมาช่วยสร้างวัดร่องเสือเต้น โดยนำวิชาความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดมาประยุกต์ใช้ อีกทั้งเป็นความชอบส่วนตัวในด้านงานก่อสร้างศิลปะปูนปั้นด้วย ถึงแม้วัดร่องเสือเต้นจะเป็นวัดเล็กๆ ยังไม่เป็นที่รู้จักเหมือนดังเช่นวันนี้ แต่ตนก็ภูมิใจที่ได้มาทำงานให้กับวัดแห่งนี้

    ศิลปะที่ใช้ก่อสร้างวัดร่องเสือเต้น เรียกว่าเป็นศิลปะประยุกต์ ซึ่งสล่านกได้ศึกษาร่ำเรียนมาตั้งแต่อยู่กับอาจารย์เฉลิมชัย และเคยเข้าไปทำงานที่วัดร่องขุ่น โดยจะสังเกตเห็นได้จากลวดลายต่างๆ ที่พลิ้วไหวนั้น ล้วนแต่เรียนรู้มาจากผลงานของอาจารย์ แต่ของอาจารย์เฉลิมชัยจะใช้โทนสีขาว และมีการใช้กระจก แต่ของตนดัดแปลงมาเป็นการใช้สีน้ำเงินโทนฟ้าแทน เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง

    สล่านก ได้ให้นิยามพระวิหารแห่งนี้ว่า “เป็นทิพยสถาน คือเป็นการสรรเสริญพระพุทธเจ้าทั้งในรูปแบบของประติมากรรมและจิตรกรรม เมื่อคนเข้าไปมีจิตใจดีก็จะรักษาศีลก่อให้เกิดสมาธิและปัญญาตามมา”

[Traveller Freedom]

สุดยอดพุทธศิลป์ใหม่แห่งยุค @ วัดร่องเสือเต้น (Page 2)

    สำหรับการสร้างพระวิหารใช้เวลาประมาณ 10 ปี แล้วเสร็จอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา โดยมีการยกช่อฟ้าไปในปีนั้น หลังจากนั้นก็มีการก่อสร้างพระเจดีย์ด้านหลังพระวิหารตามมา โดยทางวัดค่อยๆ ทำไปตามกำลังทรัพย์และแรงศรัทธาของชาวบ้านตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 จนถึงบัจจุบันใช้เงินไปเกือบ 20 ล้านบาท

    พระวิหาร คือจุดเด่นที่สุดของวัดร่องเสือเต้น ด้วยรูปแบบศิลปะที่มีความสวยงดงามแปลกตา เป็นศิลปะประยุกต์ที่เป็นเอกลักษณ์ ใช้เฉดสีเป็นสีน้ำเงินฟ้า ผลงานดังกล่าวเป็นฝีมือการรังสรรค์ของสล่านก ศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงราย ซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์ของ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ปี พ.ศ.2554

    ภายในพระวิหารมีผลงานจิตรกรรมที่เป็นภาพวาดฝาผนังเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ หน้าพระประธานเป็นพระสิงห์หนึ่งสีขาว สูง 6.50 เมตร หน้าตักกว้าง 5 เมตร โดยรูปแบบงานพุทธศิลป์ส่วนหนึ่งมีความคล้ายคลึงกับผลงานของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ผสมผสานกับอาจารย์ถวัลย์ ดัชนีย์ สองศิลปินแห่งชาติชื่อดังปรมาจารย์แห่งเชียงราย โดยเฉพาะพระวิหารตั้งแต่ผลงานประติมากรรมพญานาคที่ใช้เฉดสีเดียวกันนั้นมีความชดช้อยและลวดลายแตกต่างจากประติมากรรมทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด

    ขณะที่วัดร่องขุ่นนั้น อาจารย์เฉลิมชัยได้ใส่รายละเอียดเข้าไปทุกอณูภายใต้ปริมาตรที่เยอะ ซึ่งวัดร่องเสือเต้นคงไม่ถึงขั้นนั้น ดังนั้นจึงได้ใช้การกรีดลายให้พลิ้วไหว และบางจุดก็ใช้การประยุกต์ให้เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ส่วนที่เป็นฟันพญานาคนั้น ตนนำมาจากผลงานของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี โดยอาจารย์แห่งบ้านดำ จะมีความโดดเด่นเรื่อง “เขาและงา” ที่โค้งงอสวยงาม

    สล่านกทิ้งท้ายว่า ผลงานที่ทำขึ้นที่วัดร่องเสือเต้นครั้งนี้ นอกจากจะได้จากการปรึกษาหารือกับทางพระทนงศักดิ์ กตสาโร เจ้าอาวาสวัดร่องเสือเต้น ที่ร่วมกันคิดร่วมกันสร้างแล้ว ตนยังอาศัยคำสอนจากอาจารย์เฉลิมชัย ที่พร่ำสอนว่า “การที่จะทำงานให้พระพุทธศาสนานั้นจะต้องขยัน เอาใจใส่ และมีจินตนาการมากกว่าคนอื่นจึงจะประสบความสำเร็จ” ตนจึงได้พยายามรังสรรค์ผลงานนี้เพื่อเป็นการสรรเสริญอาจารย์ไปพร้อมๆ กันด้วย ทั้งนี้ การก่อสร้างวัดร่องเสือเต้น ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ โดยบรรดาช่างฝีมือภายใต้การดูแลของสล่านก ยังคงทำงานกันอย่างขะมักเขม้นไม่เว้นแต่ละวัน

    ปัจจุบันวัดร่องเสือเต้น กลายเป็นวัดชื่อดังอีกแห่งหนึ่งประจำจังหวัดเชียงราย มีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเดินทางมายังวัดแห่งนี้กันเป็นจำนวนมากมายในแต่ละวัน โดยได้ถ่ายภาพวัดร่องเสือเต้นและนำไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ทำให้มีชาวโซเชี่ยลให้ความสนใจและต่างชื่นชมสถาปัตยกรรมความงดงามของวัดกันเป็นจำนวนมาก จนได้ถูกบรรจุเข้าไปในโปรแกรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงรายที่ต้องห้ามพลาดไปเรียบร้อยแล้ว

by Traveller Freedom

[chiangmai food]

สวยครับ