ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
พฤศจิกายน 27, 2024, 09:26:11 AM
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: ประกาศ การกระทำใดๆ  เพื่อที่จะให้กระทู้ตัวเองมาอยู่อันดับต้นๆ ประจำ หากพิจารณาแล้วว่า ไม่เกิดประโยชน์กับผู้เข้าชม  ก็รับสิทธิ์โดนแบนเหมือนกันครับ


จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ  |  วัดในจังหวัดเชียงใหม่  |  หัวข้อ: รวม 8 ศาสนสถานหลากศาสนาที่น่าสนใจในเชียงใหม่ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: รวม 8 ศาสนสถานหลากศาสนาที่น่าสนใจในเชียงใหม่  (อ่าน 2430 ครั้ง)
Dockaturk
Hero Member
*****
กระทู้: 811



ดูรายละเอียด อีเมล์
« เมื่อ: กันยายน 16, 2016, 04:33:25 PM »


ความหลากหลายในทางวัฒนธรรม ศิลปะ เชื้อชาติ ศาสนา ทำให้เชียงใหม่เรานั้น มีศาสนสถานหลายที่ให้ได้เยี่ยมชมและศึกษากัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนที่ชอบเที่ยวชมสถาปัตยกรรมเกี่ยวกับศาสนา พร้อมทั้งเรียนรู้ถึงที่มาที่ไปว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง ทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม ซิกข์ และจากที่ได้ไปตระเวนมาในตัวเมืองเชียงใหม่ ขอรวบรวมศาสนสถานที่สำคัญและน่าสนใจเอามาให้ชมกันครับ

วัดพันเตา
ไฮไลต์คือ พระวิหารหอคำหลวง ที่เดิมทีหอคำประดิษฐานอยู่ที่พระตำหนักเวียงแก้ว โดยพระยาอุปราชมหาวงศ์ได้สร้างขึ้นถวายเป็นพุทธบูชา ใน พ.ศ. 2390 เนื่องจากท่านได้เลื่อนฐานันดรศักดิ์ และตำแหน่งหน้าที่จากพระยาอุปราชขึ้นเป็นพระยาเชียงใหม่ ซึ่งในการสร้างหอคำได้ใช้ช่างพื้นเมือง และช่างพม่าผสมกัน  ต่อมาถึง พ.ศ. 2416 พระเจ้าอินทวิชยานนท์ทรงมีพระราชดำริว่า หอคำของพระเจ้ามโหตรประเทศ นั้น สมควรจะอยู่ในวัดมากกว่าอยู่ในวัง จึงทรงบัญชาให้ช่างช่วยกันรื้อหอคำ หอคำหลังนี้ได้ย้ายมาปลูกสร้างขึ้นใหม่ ณ วัดพันเตา หรือวัดปันเต้า เมื่อวันเสาร์ เดือน 10 ขึ้น 8 ค่ำ ปก (ยกเสา)วิหาร หรือ วัดปันเต้ากลางเวียงเชียงใหม่ เพราะในขณะนั้นเจ้าผู้ครองเมืองเชียงใหม่กำลังทรงปฏิสังขรณ์วัดหอธรรม วัดเจดีย์หลวง วัดสุขมิ้นอยู่แล้ว และการก่อสร้างวิหารของพระอารามทั้งสามแห่งกับหอคำสำเร็จ ลงใน พ.ศ.2429 และนับเป็นวิหารไม้สักที่สร้างจากหอคำหรือคุ้มหลวงที่เหลืออยู่อย่างสมบูรณ์ เพียงหลังเดียวในล้านนา

วัดเจดีย์หลวง
ตามประวัติเล่าว่า สร้างในสมัยพญาแสนเมืองมา เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ลำดับที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย พ.ศ.1931- 1954 เพื่ออุทิศส่วนกุศลถวายแด่พญากือนา พระราชบิดา แต่ยังสร้างไม้เสร็จ ก็สิ้นพระชนม์เสียก่อน ต่อมาพระมเหสีได้ควบคุมการก่อสร้างต่อจนแล้วเสร็จ ในสมัยพญาสามฝั่งแกน เรียกว่า"กู่หลวง" โดยตอนแรกที่สร้างนั้น เป็นเจดีย์เล็กๆ ทรงสี่เหลี่ยมฐานกว้างด้านละ 14 เมตร สูง 24 เมตร

จากนั้นต่อมาสมัยพระเจ้าติโลกราช รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์มังราย โปรดให้ "หมื่นด้ามพร้าคต" เป็นนายช่างใหญ่สร้างเสริมเจดีย์ใหม่ เริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2020 แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2025 โดยขยายฐานให้กว้างออกถึง 56 เมตร สูง 95เมตร สามารถมองเห็นได้แต่ไกล แล้วอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานที่มุขด้านตะวันออกของเจดีย์เป็นเวลานานถึง 80 ปี ตั้งแต่พ.ศ. 2010-2091

ในปี พ.ศ. 2088 เกิดฝนตกหนัก และเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ จนเป็นสาเหตุให้ส่วนยอดของเจดีย์หักพังเหลือเพียงครึ่งองค์ เกิดรอยร้าวที่องค์พระเจดีย์สุดที่จะแก้ไขได้ จึงถูกทิ้งร้างมานานถึง 445 ปี ต่อมาปี พ.ศ. 2533 กรมศิลปกรได้ทำการบูรณะจนเป็นดังที่เห็นเช่นปัจจุบันนี้

อาสนวิหารพระหฤทัย
ก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2474 โดยบาทหลวงจอร์จ มีราแบล ร่วมกับพระสงฆ์ชาวไทยชื่อคุณพ่อนิโคลัส ร่วมกันสร้างวัดน้อยขึ้นหลังหนึ่งเป็นเรือนไม้หลังย่อม เพื่อให้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจของชาวคริสต์ ในจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือ หลังจากนั้นก็ได้มีการบูรณะเรื่อยมา จนปัจจุบันกลายเป็นโบสถ์ก่ออิฐถือปูน ซึ่งมีขนาดใหญ่และสามารถรองรับผู้ประกอบศาสนกิจได้ถึง 600 คน อาสนวิหารพระหฤทัยแห่งนี้งดงามด้วย สถาปัตยกรรมแบบยุโรป ออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส อาคารทรงเหลี่ยมหลังคาจั่ว มียอดโดมสูงแบบสมัยใหม่ประดับไม้กางเขน ภายในประกอบด้วยรูปวาดและประดับกระจกสี ที่สะท้อนเรื่องราวจากพระคัมภีร์ บานประตูไม้แกะสลักได้อย่างละเอียดสวยงาม


* temple_cm5.jpg (820.22 KB, 800x1200 - ดู 252 ครั้ง.)

* temple_cm4.jpg (334.23 KB, 800x533 - ดู 416 ครั้ง.)

* temple_cm1.jpg (547.08 KB, 1365x2048 - ดู 302 ครั้ง.)

* temple_cm7.jpg (202.71 KB, 800x533 - ดู 455 ครั้ง.)

* temple_cm6.jpg (176.41 KB, 800x533 - ดู 515 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
Dockaturk
Hero Member
*****
กระทู้: 811



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 16, 2016, 04:35:50 PM »


วัดพระจิตเจ้า สวนเจ็ดริน
มีคณะสงฆ์เยสุอิตร่วมกับคณะซิสเตอร์อุร์สุลินได้ซื้อที่ดินแปลงปัจจุบันใน ค.ศ.1965 (พ.ศ. 2508) โดยที่ดินแปลงนี้อยู่ห่างจากโบราณสถาน เวียงเจ็ดลิน ประมาณ 500 เมตร พร้อมทั้งตัดสินใจว่าจะตั้งชื่อบ้านใหม่ตามชื่อที่เก่าแก่ที่สุดของบริเวณนี้ และเรียกบ้านใหม่ว่า สวนเจ็ดริน มีวัดน้อยแห่งพระจิตเจ้า ที่กระจกสีที่อยู่ด้านหลังพระแท่นใหญ่บ่งชี้ถึงพระหรรษทานที่ไหลลงมาจากพระจิตเจ้ามาสู่โลกมนุษย์ น้ำพุที่ลานหน้าวัดเป็นสัญลักษณ์หมายถึงน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของผู้แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง

มัสยิดบ้านฮ่อ
เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2458 ชาวจีนมุสลิมที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในจังหวัดเชียงใหม่ ตกลงกันร่วมบริจาคเงินซื้อที่ดิน และสำหรับการก่อสร้างตัวอาคารของมัสยิดเป็นอาคารที่ก่อด้วยอิฐถือปูน เป็นจำนวนเงินประมาณ 3,000 รูปี (ประมาณ 2,400 บาท) ซึ่งถือว่าเป็นอาคารมัสยิดหลังแรกของชาวยูนนานมุสลิม ที่ได้อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย ในจังหวัดเชียงใหม่ ย่านเวียงพิงค์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า “มัสยิดอิสลามบ้านฮ่อ” โดยมีบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการก่อสร้างอาคารมัสยิดครั้งนี้ 8 ท่าน ได้แก่ ท่านขุนชวงเลียง ลือเกียรติ ต้นตระกูล “วงศ์ลือเกียรติ”, ท่านเย่ เอ๋อโกเถ่อว, ท่านเย่ ฮั่วเถี่ยน ต้นตระกูล “พงษ์พฤษฑล”, ท่านนะสือชิง ต้นตระกูล “ธีระสวัสดิ์”, ท่านหมู่ หย่งชิน ต้นตระกูล “อนุวงค์เจริญ”, ท่านม้า สุซาน, ท่านลี หวิ่นโซะ ต้นตระกูล “ลีตระกูล”, ท่านม้าฝูเม้ย ต้นตระกูล “อินทนันท์”

มัสยิดช้างเผือก
อาคารชั้นเดียวก่ออิฐถือปูน หลังคาเป็นกระโจมรูปเดิม แลดูมั่นคงสง่างาม ตามลักษณะสถาปัตยกรรมแบบปากีสถาน โดยก่อนหน้านี้เป็นอาคารที่ทำด้วยไม้กระดาน (จากเดิมที่ทำด้วย เสาไม้ใผ่ ฝาขัดแตะ หลังคามุ้งด้วยใบตองและไม่มีพื้น) ทั้งนี้มัสยิดดังกล่าว เกิดขึ้นจากชาวปากีสถาน-อินเดีย และพ่อค้าชาจีนมุสลิมยูนนาน ที่อาศัยอยู่ในย่านนี้ โดยคนที่มีบทบาทสำคัญ คือ ท่าน นะปะซาง หรือรู้จักกันดีในหมู่พ่อค้าว่า “พ่อเลี้ยงเลานะ” เป็นผู้ที่ค่อนข้างจะมีฐานะ โดยเป็นผู้นำในการปรับปรุงและสร้างมัสยิดขึ้นใหม่

วัดนามธารี
ศูนย์รวมจิตใจ ของชาวซิกข์ ในเชียงใหม่ โดยชาวซิกข์กลุ่มนี้ย้ายมาจากแคว้นปัญจาบ ทางตอนเหนือของอินเดีย นับถือศาสนาซิกข์ ส่วนหนึ่งเป็นนิกายนามธารี ซึ่งโดยชาวซิกข์ที่อาศัยอยู่แถวนี้จะตั้งร้านขายผ้าเมตรจากโรงงานอยู่รอบนอกตลาดจากตรอกเล่าโจ๊วอ้อมไปทางถนนช้างม่อยทั้งสองฝั่ง

สมาคมศรีคุรุสิงห์สภา (วัดซิกข์)
อีกหนึ่งศูนย์กลางทางศาสนาและจิตวิญญาณของชาวซิกข์ ก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. 2448 โดยนายอีเชอร์ซิงห์และคณะ ชาวอินเดีย ตัววัดสร้างเป็นตึกสูง 3 ชั้น มีโดมสีทองเด่นเป็นสง่า ทุกสัปดาห์จะมีชาวซิกข์ถ้าเป็นผู้ชายจะโพกศีรษะไว้หนวดเครา ส่วนผู้หญิงคลุมศีรษะและแต่งกายแบบอินเดีย พากันมากราบไหว้และฟังคำสอนจากพระคัมภีร์


* temple_cm10.JPG (73.17 KB, 600x400 - ดู 586 ครั้ง.)

* temple_cm8.jpg (215.87 KB, 800x533 - ดู 1408 ครั้ง.)

* temple_cm2.JPG (415.4 KB, 800x600 - ดู 435 ครั้ง.)

* temple_cm9.JPG (45.1 KB, 400x600 - ดู 593 ครั้ง.)

* temple_cm3.JPG (400.02 KB, 800x533 - ดู 494 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
parsuk
Hero Member
*****
กระทู้: 1447


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2017, 10:03:20 AM »


เชียงใหม่ เมืองน่าอยู่
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 ขึ้นบน พิมพ์ 
จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ  |  วัดในจังหวัดเชียงใหม่  |  หัวข้อ: รวม 8 ศาสนสถานหลากศาสนาที่น่าสนใจในเชียงใหม่ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  




Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.5 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.093 วินาที กับ 20 คำสั่ง