Chiang Mai Rock Festival #2 : การกลับมาอีกครั้งของเทศกาลร็อคเมืองเชียงใหม่

[Dockaturk]

Chiang Mai Rock Festival กลับมากันอีกครั้ง หลังจากทิ้งช่วงไปนานหลายเกือบ 3 ปี หลังจากที่ครั้งแรกกระหน่ำหูชาวร็อคไปที่ห้วยตึงเฒ่า เชียงใหม่

หนนั้นมีเฮดไลน์ของงานเป็น หิน เหล็ก ไฟ สมทบด้วย Silly Fools, Dezember โดยอัตราความสะเด่าของงานจัดอยู่ในระดับ 8 กะโหลก โยกหัวกันอย่างเมามันส์

ส่วนนึงนั้นต้องยกความดีความชอบให้กับ "หิน เหล็ก ไฟ" ที่เอาใจแฟนเพลงได้ดีเหลือเกิน แถมยังตอกย้ำคุณภาพในการเล่นสดว่า อายุไม่ใช่อุปสรรค เพราะอายุมันเป็นเพียงแค่ตัวเลข

สำหรับรอบนี้ Chiang Mai Rock Festival ครั้งที่ 2 เฮดไลน์ของงานเปลี่ยนไป เมื่อ Silly Fools ถูกดันให้ขึ้นมาเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน (พร้อมทั้ง แด็กซ์ Rock Rider) มี Blackhead ที่มาเล่นให้งานเป็นครั้งแรก ส่วนวงที่เหลือๆ ก็เป็นวงจากเชียงใหม่อย่าง Lords Of Rock, E.M.G (Eak Muti Group) และ New Old Stock

คอนเซ็ปต์งานยังคงเหมือนเดิม คือ การหยิบเพลงร็อคสากลในอดีตเมื่อยุค 80'- 90' มาขับกล่อมให้ฟังอย่างวง AC/DC, Deep Purple,Van Halen, Scorpions, Bon Jovi, Whitesnake, Pink Floyd, Gun n Roses, Queen, Aerosmith, ToTo, U2, Metallica เป็นต้น

งานมีขึ้นกันในช่วงเย็นวันที่ 30 เมษายน 2559 ลากยาวไปจนถึงห้าทุ่มตามกำหนดการที่วางไว้ ตรงพรอมเมนาด้า รีสอร์ท แต่แล้วอะไรๆ ที่คิดว่าจะเข้าร่องเข้ารอยเป็นไปตามแผนก็บิดเบี้ยว เมื่อฝนห่าใหญ่ดันตกลงมา หลังจากที่เล่นไปได้แค่สองวงกันเท่านั้น คือ วง Kodyim (ที่ถูกให้มาเล่นเป็นวงเปิด) และวง E.M.G (Eak Muti Group)  และกว่าฝนจะหยุด ก็ปาไปเกือบสองชั่วโมง ซึ่งก็แน่นอนว่าย่อมมีผลกระทบต่องานในเรื่องของเวลา

ในช่วงที่รอฝนหยุดและรอวงขึ้นเล่น ผมเลยถือโอกาสมาเผาหัวตัวเองตรงลานเบียร์พรอมเมนาด้า เพื่อเป็นการฆ่าเวลา และวอร์มอัพ (คอ) ตัวเองก่อนกลับไปดูคอนเสิร์ตกันอีกรอบ และแล้วตอนราวๆ สี่ทุ่ม ฝนก็ค่อยๆ หยุด วงที่เหลือก็กลับมาเล่นกันต่อ ซึ่งก็เริ่มต้นที่วง Lords Of Rock

Lords Of Rock เคยดูพวกเขาเล่นสดกันหลายรอบ พวกเขาเป็นวงเฮฟวี่เมทัล แถวหน้าของเชียงใหม่ มี “โจ้ เกื้อกูล อรุณกิจ” มือกีตาร์เป็นหัวหอกของวง ซึ่งในภาคเหนือนั้น ฝีมือการเล่นกีตาร์ของแกจัดอยู่ในระดับ “โอ้ว พระสงฆ์”  มีผลงานเพลงของตัวเอง 1 อัลบั้ม มิวสิควิดีโอเพลงแรกของวง คือ Blind Man

ส่วนคืนนั้นที่หยิบเพลงร็อคสากลนอกมาคัฟเวอร์ ผมไปดูทันเพลง Unholy Confessions ของ Avenged Sevenfold เพลงจังหวะกลางๆ มีท่อนให้โยกหัวหน่วงๆ แบบมันส์ๆ

หลัง Lords Of Rock ลงเวที ก็ถึงคิวของ New Old Stock วงร็อครุ่นใหญ่จากเชียงใหม่ที่เคยมีผลงานร่วมกับค่ายเพลงอย่าง Iconic Record ของโดม ปกรณ์ ลัม และภายใต้ต้นสังกัดปัจจุบันอย่าง RS Promotion ก็มีซิงเกิ้ลใหม่พร้อม MVอย่างเพลง กลืนน้ำลาย

[Dockaturk]

แต่น่าเสียดายที่ทางวงไม่ได้เล่นเพลงของตัวเอง แต่เลือกไปเล่นเพลงของวงอื่นแทน เท่าที่จำได้ก็มีเพลง My Sacrifice ของ Creed โพสต์กรั้นจ์รุ่งเรืองจากยุค 90 เพลง Du Hast ของ Rammstein อินดัสเทรียล เมทัล สุดเก๋าจากเบอร์ลิน กับจังหวะชวนโยก เพลง Killing In the Name ของ Rage Against The Machine หนึ่งในเพลงของวงที่เอามาเล่นสดได้มันส์ที่สุด ก่อนปิดท้ายด้วย Enter Sandman เพลงสุดฮิตจาก Metallica เจ้าพ่อสาขาแห่งแธรชเมทัล

จากนั้นไม่กี่อึดใจ ก็ถึงคิวของ Blackhead วงร็อครุ่นใหญ่ของเมืองไทยที่หลายคนคุ้นเคยกันดี เพลงตัวเองที่หยิบมาเล่นในคืนนั้นเท่าที่จำได้มีเพลง เพียงกระซิบ, เหตุผล, ยิ่งโต ยิ่งสวย ส่วนเพลงสากลหยิบเอางานของ Foo Fighters อย่างเพลง I'll Stick Around มาเล่น ซึ่งเป็นงานชุดแรกของวง เพลงนี้หากใครเคยดูใน Youtube ตอนวงเล่นในงาน Big Day Out ที่ Sydney เมื่อปี 2000 นี่คือโชว์ที่มันส์และกระโดดโยกหัวตามเป็นที่สุด (ผมนี่สุดเหวี่ยงเลย ในขนาดที่คนอื่นนิ่งเฉย เพราะไม่รู้จัก ทั้งๆ ที่ Foo Fighters คือแถวหน้าของวงการร็อคระดับโลกในปัจจุบัน โดยเฉพาะกับ เดฟ โกร์ล ฟรอนต์แมนของวงแล้ว ปีที่ผ่านมาเฮียแกคือคนที่ฮอตกว่าใคร)

อีกเพลงที่ Blackhead หยิบเอามาเล่นแล้วประทับใจผม คืองานของ Stone Temple Pilots เพลง Interstate Love Song หนึ่งในขวัญใจกรั้นจ์ร็อคยุค 90 ของผม และของพี่ปู Blackhead โดยพี่หลังจกาเล่นเสร็จ พี่ปูพูดเอาไว้ประมาณว่า

“Foo Fighters กับ Stone Temple Pilots คือสองวงร็อคที่ผมชอบที่สุด และก็เป็นโอกาสดีที่ผมได้หยิบเพลงพวกเขามาเล่น น่าเสียดายที่วงที่ผมชอบนักรองนำได้เสียไปแล้ว (สก็อตต์ วีแลนด์ แห่ง Stone Temple Pilots) แต่ Foo Fighters ก็ยังอยู่นะ ฮ่าๆๆ”

สิ้นเสียงประโยคนี้ จากแต่เดิมที่ผมไม่ได้ชอบ Blackhead มาก กลับกลายเป็นว่าชอบมากกว่าเดิม เพราะพี่ปูชอบ Foo Fighters และ Stone Temple Pilots ล้วนๆ ฮ่าๆๆ

ก่อนจะส่งช่วงต่อให้ Silly Fools เล่น Blackhead ก็เลือกเพลง Smells Like Teen Spirit ของ Nirvana เพลงชาติของชาวกรั้นจ์ร็อค มาอัดกระหน่ำให้ได้โยกหัวกันดิ้นแบบกระจาย และแน่นอนท่อนที่ทรงพลังของเพลงคงหนีไม่พ้นท่อนฮุคที่ร้องว่า

“With the lights out, it's less dangerous
Here we are now, entertain us
I feel stupid and contagious
Here we are now, entertain us
A mulatto
An albino
A mosquito
My libido
Yeah, hey, yay”

ถึงตอนนี้ก็ต้องบอกแล้วว่า จากบรรยากาศที่ไม่ค่อยคึกคัก ผู้คนก็เริ่มจะมีอารมณ์ร่วมกันมากขึ้น จากที่ต้องนั่งจิบเบียร์ส่วนด้านหลัง ก็ต้องย้ายก้นตัวเองมาโยกหัวกันหน้าเวที ซึ่งมี Silly Fools และ แด็กซ์ Rock Rider เป็นผู้ดูแลในช่วงสุดท้าย

[Dockaturk]

ในยุคใหม่ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงสมาชิกกันอีกรอบ อย่างที่ทราบข่าวกันไป คือได้นักร้องนำคนใหม่มาแทนพี่เบน แบบชั่วคราว (หมายถึงยังไม่เปิดตัว และเผยหน้าตา รวมทั้งชื่อเสียงเรียงนาม แค่มารับหน้าที่ร้องนำเฉยๆ ซึ่งในอนาคตทางวงอาจจะรับเป็นสมาชิก หรือไม่รับก็ได้ เรียกง่ายๆ ว่าช่วงนี้คือช่วงทดลองงาน)  หลังจากที่พี่เบน มีปัญหาอาการบาดเจ็บส่วนตัวจากการเล่นฟุตบอล จนทำให้ไม่สามารถออกทัวร์คอนเสิร์ตต่อได้อีก แต่วงก็ต้องเดินหน้ากันต่อไป ฉะนั้น ก็ต้องหาคนใหม่มาร้องแทน

ส่วนพี่ต่อ Silly Fools มือกลองคนเก่าก่อนหน้านี้ (ไม่ใช่พี่เต้ย มือกลองคนแรกสุดของวงที่เคยทำอัลบั้ม I.Q. 180 เพียงชุดเดียว) ตอนนี้ก็ไปเล่นให้กับเสก โลโซ ราวๆ 3 ปี แล้ว สาเหตุหลักที่ต้องไปเล่น พี่ต้น กับพี่หรั่ง สองสมาชิก Silly Fools ยุคดั้งเดิม ได้บอกเหตุผลประมาณว่า

“ต่อ ต้องกินต้องใช้ และเราก็ไม่มีงานมาซักพัก รวมทั้งเพลงใหม่ เลยให้ต่อไปเล่นกับเสก เพราะเสกงานเยอะ อีกอย่างเราอยู่ด้วยกันมานาน เป็นเพื่อนกัน เรื่องแค่นี้เราทุกคนเข้าใจกันดี ไม่ได้มีปัญหาอะไร”

เมื่อสมาชิกเปลี่ยนแปลง มีนักร้องนำใหม่ ได้พี่รัตน์ โกบายาชิ อดีตสมาชิก Dezember มาเล่นกลองให้แบบถาวร แฟนเพลงของวงก็ต้องติดตามว่าวงจะมีทิศทางต่อไปแบบไหน และนักร้องนำคนใหม่จะไฉไลเท่ากับสองคนที่ผ่านมารึเปล่า

ภายใต้หน้ากากปริศนาของนักร้องนำ Silly Fools หยิบงานเพลงชุดเก่าที่ฮิตๆ มาเล่นด้วยกันหลายเพลงทั้ง เพียงรัก, วัดใจ, เพลงนี้เกี่ยวกับความรัก, จิ๊จ๊ะ  นัยนึงเหมือนเพื่อต้องการกลับไปเอาใจแฟนเพลงในยุคที่มีพี่โตเป็นนักร้องนำ (หลังจากหลายคนบ่นเป็นหมีกินผึ้งว่า Silly Fools ในยุคของพี่เบน มันไม่ใช่ Silly Fools แต่ส่วนตัวสำหรับผมแล้วนั้น ถือว่าวงพัฒนาขึ้นไปในทางที่ดี โดยเฉพาะอัลบั้ม The One ซาว์นดนตรีนั้นถือว่าดีมากๆ จากแต่เดิมที่ดีอยู่แล้ว) ซึ่งโดยรวมแล้วนั้นกับนักร้องนำคนใหม่ เสียงได้ การเอนเตอร์เทนก็ปกติ ไม่ได้อะไรมาก และหากในอนาคตจะเป็นสมาชิกถาวรของวง ก็ไม่ขัดข้องแต่ประการใด ขอเพียงแต่ว่า อย่าไปลอกเลียนเสียง และท่าทางของพี่โตก็พอ เป็นตัวของตัวเอง ซึ่งทางวงก็ต้องการคนแบบนั้นอยู่แล้ว

ส่วนช้อยปิดฉาก อย่างแด็กซ์ Rock Rider ก็เอางานของ Big Ass มาเล่นเป็นการส่งท้ายด้วยกัน 3 เพลง เป็นอันว่าจบงาน Chiang Mai Rock Festival ครั้งที่ 2 ไปในบรรยากาศที่ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรมาก

และหากจะว่าไปแล้ว เทศกาลร็อคครั้งนี้ เหมือนกับเป็นการตามมาดูพัฒนาการของวง Silly Fools ในเจเนอเรชั่นที่ 3 ว่าจะไปต่อในทิศทางไหน