สวัสดีค่ะ ตอนนี้เรายังคงอยู่ที่จังหวัดกระบี่ค่ะ วันนี้จะพาไปยังอีกที่หนึ่งค่ะ ที่นั่นมีชื่อว่า ท่าปอมคลองสองน้ำ เป็นที่ๆ สวยงามมากๆ เลยค่ะ ที่นั่นมีน้ำเป็นสีฟ้า น้ำสีฟ้ายังไงกันนะ ทุกคนคงงงกันใช่ไหมคะ ตอนแรกเราก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่มีลุงคนหนึ่งมาเล่าให้เราฟัง แต่เราเองก็จำไม่ได้แล้ว ก็เลยไปค้นคว้ามาให้ทุกคนทำความเข้าใจสถานที่นี้ไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ นี่เป็นที่มาของท่าปอมคลองสองน้ำ
ท่าปอม เป็นชื่อของคลองสายสั้นๆ ยาวประมาณ 5 กิโลเมตร ใน ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ มีต้นน้ำเป็นน้ำผุด บนเขาช่องพระแก้ว ปลายทางของคลองนี้จะออกสู่ทะเลอันดามัน ในยามที่น้ำทะเลลง น้ำจืดจากคลองจะไหลลงสู่ทะเล เป็นคลองน้ำจืด น้ำในคลองจะใสราวกระจก มีสีเขียวอมฟ้า
ในยามที่น้ำทะเลขึ้น น้ำทะเลจะไหลเข้ามาในคลอง ทำให้คลองเป็นน้ำเค็ม และน้ำกร่อย น้ำจะขุ่น ปลาทะเลจะเข้ามาหาอาหารในคลอง และว่ายกลับออกไปอีกครั้งในตอนที่น้ำทะเลลง
จากการที่น้ำทะเลขึ้นและลง ทำให้ท่าปอม เป็นทั้งคลองน้ำจืด และ คลองน้ำเค็ม จึงเป็นที่มาของคำว่า ท่าปอม คลองสองน้ำ
ที่บริเวณต้นน้ำผุดจะเป็นระบบนิเวศน์แบบป่าพรุ ป่าดิบชื้น และบริเวณที่ต่อกับทะเลจะเป็นป่าชายเลน ท่าปอม คลองสองน้ำ เป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่ง ที่ป่าพรุ ป่าดิบชื้น กับ ป่าชายเลนอยู่ติดกันอย่างกลมกลืน มีความหลากหลายทางธรรมชาติเป็นอย่างมาก ถือว่าเป็นแหล่งศึกษาเชิงนิเวศวิทยาได้เป็นอย่างดี
ในอดีตนั้นท่าปอม เป็นป่าพรุ รกทึบ มีต้นไม้แน่นเต็มไปหมด พื้นดินเต็มไปด้วยรากไม้ บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ ยากต่อการเข้าถึง น้ำในคลองใส มีต้นน้ำเป็นน้ำผุด คนสมัยก่อนเชื่อว่าท่าปอมเป็นป่าอาถรรพ์ หรือดินแดนต้องห้าม มีจระเข้เผือกเป็นสัตว์ของเจ้าป่าคอยดูแลป่าท่าปอม จึงไม่มีใครกล้าเข้ามา จนกระทั่งเมื่อ 130 กว่าปีที่แล้ว มีโต๊ะครูปอม (โต๊ะครู คือครูสอนศาสนาอิสลาม ที่มีความรู้ด้านศาสนาอิสลามเป็นอย่างดี) เข้ามาตั้งถิ่นฐานที่นี่แล้วตั้งชื่อป่าพรุแห่งนี้ว่า พรุท่าปอม ตามชื่อของโต๊ะครู จากนั้นก็เริ่มมีชาวบ้านเข้ามาทำมาหากินจนกลายเป็นชุมชนเขาคราม
พอเริ่มมีคนอยู่อาศัยมากขึ้น และมีนักท่องเที่ยวเข้ามาดูความมหัศจรรย์ของท่าปอม คลองสองน้ำ เป็นจำนวนมากขึ้น ทาง อบต. เขาคราม และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จึงได้จัดทำเป็นพื้นที่อนุรักษ์ เพื่อรักษาป่า และท่าปอมคลองสองน้ำไว้ จึงได้จัดระเบียบและทำทางเดินศึกษาธรรมชาติ ไว้ให้นักท่องเที่ยวเดินในเส้นทาง ที่มา
http://www.emagtravel.com/archive/tapom-klongsongnam.html