สัมผัสกับประติมากรรมธรรมชาติสุดแปลกตาที่ "ผาช่อ"

[konhuleg]

หลังจากเห็นชาวบ้านในเฟซบุ๊คพากันแห่ไปเที่ยวผาช่อกันมา และแล้วก็ถึงเวลาที่ใครคนนี้ต้องไปเหมือนกับคนอื่นกันบ้าง

ในวันที่เดินทางไปนั้น แต่แรกก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปกันหรอกครับ แต่หลังจากไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศเสร็จ และเห็นเส้นทางมันมุ่งหน้าไปยังผาช่อได้ประมาณอีก 10 กิโลเมตรกว่าๆ ก็เอาว่ะ ลองดูล่ะกัน ยังมีเวลาเยอะ เพราะเพิ่งบ่ายสองโมงเอง

ผมขับรถจากตัวเมือง มาตามเส้นทางเชียงใหม่ – ฮอด ถึงประมาณหลักกิโลเมตรที่ 36 แล้วยูเทิร์น มันจะมีถนนให้เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปยังผาช่อ (เส้นเดียวกันที่มาพิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ) จากนั้นก็ขับรถกันยาวๆ ประมาณ 20 กว่ากิโลเมตรไปเรื่อยๆ มันจะมีป้ายบอกเป็นระยะทางครับ เดี๋ยวก็จะเจอทางเข้าอุทยานแห่งชาติขุนวางกันเอง ก่อนเข้าก็ต้องมีเสียค่าธรรมเนียมทั้งรถ และคนเพื่อเข้าชมผาช่อกัน

จากจุดตรวจที่เป็นทางเข้ามายังผาช่อ ต้องขับรถไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ด้วยกัน ถนนช่วงนี้ไป ถือว่าสภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ซึ่งช่วงแรกจะเป็นทางราดยาง (ที่ชำรุด) จากนั้นก็จะเปลี่ยนโหมดไปเป็นถนนลูกรังกันอย่างเต็มตัวและหัวใจ

ก่อนจะไปถึงผาช่อ จากจุดตรวจมา 400 เมตร จะเป็นผาน้ำเซาะกันครับ อยู่ติดกับถนนเป็นผาขนาดเล็ก ที่เกิดจากการกัดเซาะของลมฝน

ในส่วนของเส้นทางที่เป็นถนนลูกรังมายังผาช่อนั้น ใครที่ขับมอเตอร์ไซค์มา ถือว่าระห่ำพอควร ถนนไม่ต่างจากเส้นทางที่สิบล้อวิ่งขนดิน ดีที่มันไม่ไกลมาก เพราะถ้าไกลมากว่านี้ มีหวังมือระบมกันแน่นอน อ่อ อีกอย่างถ้านึกจะขับมา อย่าลืมสวมหมวกกันน็อคแบบเต็มใบ เพราะฝุ่นละอองเยอะกันสุดๆ ยิ่งตอนมีรถยนต์สวน โอยย ไม่อยากจะบรรยายให้เห็น

บ่ายสามโมงเป็นอันว่าถึงผาช่อกัน แต่เดียวก่อน มันยังไม่ถึงกันจริงๆ เพราะผมต้องเดินลงไปข้างในอีกราวๆ ประมาณ 500 เมตร ตรงนี้ใครจะเดินไป พกน้ำเปล่าไปซักขวดก็ดี เผื่อมีกระหายน้ำ เพราะที่นั้นไม่มีอะไรขายกันนะครับ จะมีแต่จุดที่เราจะเริ่มเดินกันนี่แหละ

หลังจากได้น้ำติดมือมา 1 ขวด ถ้วน ผมก็ออกเดินเท้ามุ่งหน้าลงไปยังผาช่อกัน เส้นทางเดินเท้าถือว่าสบายๆ ครับ (แต่อากาศอาจจะร้อนซักหน่อยตามสภาพของป่า) ซึ่งเป็นทางเดินไปตามลำธารน้ำแห้ง และเดินขึ้นดอยไปยังผาช่อ ระหว่างทางก็จะมีป้ายบอกข้อมูลตามสไตล์เส้นทางศึกษาธรรมชาติไปเป็นจุดๆ ซึ่งก็มีอันที่น่าสนใจบ้าง และมีอันที่ไม่น่าสนใจบ้าง (เพราะไม่รู้จะดูอะไร) ลัดเลาะกันไปตามป่า ก่อนจะสับเกียร์เดินขึ้นทางชัน เป็นอันว่าถึงผาช่อกันจริงๆ ซักที

ไว้มีต่อกันอีกตอนครับ กับการสัมผัสผาช่อว่าเป็นยังไงบ้าง

[konhuleg]

และแล้วก็ถึงผาช่อกันซักที (ผมคิดในใจ แม้ไม่ค่อยจะเหนื่อยกันมาก)

จากความเดิม ตอนที่ 1

ผู้คนในวันที่ผมไป ถือว่าเยอะเอาการครับ เด็ก คนแก่ วัยรุ่น มีเต็มกันไปหมด เข้าใจว่าสถานที่ท่องเที่ยวมันกำลังบูม เป็นธรรมดาที่คนเลยพากันแห่มาเยอะหน่อย อีกอย่างเส้นทางเดินเท้ามายังผาช่อมันก็ถือว่าไม่ลำบากอะไรมากนัก

ในส่วนข้อมูลทั่วไปของผาช่อนั้น ผาช่อตั้งอยู่ใน อำเภอดอยหล่อ ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติแม่วาง เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของลมฝน จนทำให้แผ่นดินที่เชื่อกันว่าเมื่อหลายร้อยปี หรือพันปีก่อนบริเวณแห่งนี้เคยเป็นทางเดินของแม่น้ำปิง ซึ่งสังเกตได้จากก้อนกรวดหิน กลมมนกระจัดกระจายอยู่ในเนื้อดินจำนวนมาก จนกระทั่งแม่น้ำปิงได้เปลี่ยนสายย้ายทิศไหลผ่านไปที่อื่น บริเวณนี้ก็ได้ถูกยกตัวเป็น เนินเขาสูงตะกอนแม่น้ำปิงก่อตัวทับถมกันเป็นชั้นๆ ผ่านกลายเวลาและถูกกัดเซาะจนกลายเป็นหน้าผาและเสาดินที่มีรูปร่างแปลกตา คล้ายกับที่แพะเมืองผีในจังหวัดแพร่ หรือละลุในจังหวัด สระแก้ว มีลักษณะที่เตี้ยกว่า ซึ่งต่างกับ ผาช่อ ซึ่งมีลักษณะเป็นกำแพงและเสาหิน ขนาดใหญ่ลวดลายแปลกตา มีขนาดสูงใหญ่ราว 30 เมตร เป็นบริเวณกว้างนับร้อยเมตร และด้วยลักษณะทางธรรมชาติที่แปลกตาคล้ายกับแกรนด์แคนยอน จึงทำให้ ผาช่อ ได้รับสมญานามว่า แกรนด์แคนยอนเมืองไทย (แล้วตกลงที่ หางดง เป็นบ่อดินใหญ่ๆ นั้นก็แกรนด์แคนยอนเมืองไทย เหมือนกันซินะ)

สำหรับข้อมูลอื่นๆ ที่น่าสนใจที่เหลือ ที่นี่เขาห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวสัมผัสกับบริเวณที่เป็นผาช่อนะครับ เพราะกลัวหน้าดิน หน้าหินพวกนี้ถูกทำลาย (มีการแปะป้ายติดไว้อยู่) ที่นี้ไม่มีที่พักค้างแรม หรือสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ฉะนั้นใครจะไปก็ไปเช้าเย็นกลับกันได้ (จริงๆ ใช้เวลาเที่ยวประมาณ 2 ชั่วโมง ก็โอเคแล้ว แบบเหลือเฟือ)

ส่วนพวกตากล้อง นาทีทองคือมาช่วงเช้าถ่ายผาช่อ ภาพจะไม่ย้อนแสง และอีกช่วงคือบ่ายแก่ๆ ที่แสงจะตกมากระทบกับผาช่อพอดี ซึ่งจะทำให้เห็นรูปร่างและพื้นผิวกันได้อย่างชัดเจน ตามหลักการถ่ายสถาปัตยกรรม หรืออะไรก็ตามที่ต้องเน้นรูปทรง รูปร่าง พื้นผิวสัมผัส

ขากลับอย่าลืมแว่บดูวิวตรงจุดชมวิวที่เป็นจุดเริ่มต้นเดินลงไปผาช่อกันด้วย ตรงนี้ผมว่าช่วงเช้าๆ กับเย็นๆ น่าจะสวยมากเลยทีเดียว ไม่เหมือนกับตอนบ่ายสี่โมงกว่าที่แดดยังจ้าอยู่

กลับจากผาช่อไป ใครชอบลุยและตื่นเต้นกว่านี้ ประเภทยังไม่อยากหนีเข้าเมือง ผมมีอะไรดีๆ พาไปเที่ยวกันครับ ใกล้ๆ กับผาช่อนี่แหละ
ขอบอกชื่อไว้ก่อนล่ะกันว่าเป็น “ผาแดง” กับ “กิ่วเสือเต้น”