เมื่อปัญหาหมอกควัน กลายเป็นปัญหาคาราคาซังของเมืองเชียงใหม่

[konhuleg]

เรียกได้ว่าเป็นปัญหามากในช่วงหลังๆ ในฤดูร้อนของเมืองเชียงใหม่ เมื่อเกิดปัญหาหมอกควันปกคุลมกันแทบจะทุกปี โดยมักจะเริ่มกันในช่วงต้นเดือนมีนาคม และปีนี้ก็เช่นเคยที่อาการหนักเสียด้วย

อย่างเมื่อซักสัปดาห์ก่อน ในช่วงกลางวันจะสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่าเลยว่ามีหมอกปกคลุมกันเป็นอย่างมาก ซึ่งเกิดขึ้นไม่เฉพาะภายในตัวเมืองเท่านั้น แต่ยังลุกลามออกไปยังพื้นที่ต่างอำเภออีกด้วย งานนี้เลยเดือดร้อนหลายหน่วยงานที่รับผิดชอบรวมทั้งชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ หาหน้ากากอนามัยมาใส่กัน เนื่องจากค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศเกินค่ามาตรฐาน

ทั้งนี้ ค่ามาตรฐานโดยทั่วไปที่กำหนดคือ 120 ต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถ้าเลยจากนี้ไปจะมีผลกระทบต่อสุขภาพ และจากสถานการณ์ที่ผ่านมาในช่วง 1 – 2 สัปดาห์นี้ ของจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนใหญ่ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศเกินค่ามาตรฐานกันแทบทั้งสิ้น

อย่างข้อมูลของวันที่ 16 มีนาคม 2558 บริเวณอำเภอเมืองเชียงใหม่มีกลุ่มหมอกควันหนาแน่น โดยเฉพาะบริเวณเส้นเชียงใหม่-อำเภอหางดง, คูเมืองเชียงใหม่, ประตูท่าแพ, ตลาดวโรรส (กาดหลวง), ชุมชนวัดเกตุ และท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ วัดค่าได้ 171 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และบริเวณโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เชียงใหม่วัดค่าได้สูงถึง 240 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

สำหรับสาเหตุหลักของหมอกควันครั้งนี้ หลักๆ ก็คงหนีไม่พ้น หมอกควันจากไฟป่าครับ ซึ่งก็มีทั้งไฟป่าจากธรรมชาติ และไฟป่าจากมนุษย์ แต่หลังๆ กระแสมักตกไปทางไฟป่าที่เกิดจากมนุษย์ โดยมีต้นตอก็คือ “เผาป่าเพื่อหาผักหวาน และเห็ดเผาะ” อันเป็นฝีมือจากชาวบ้านที่อยู่บนเขาบนดอย

ประเด็นนี้ ค่อนข้างได้รับการโจมตีและเป็นการโยนขี้กลายๆ ว่าชาวเขาคือต้นเหตุ เท่าที่อ่านข้อมูลมาหลายๆ ที่ อาจจะมีบางส่วนที่มีทั้งถูกและผิดปนกัน เพราะอย่าลืมว่า การเกษตรในยุคปัจจุบันที่อะไรๆ ก็เข้าถึงได้ทุกพื้นที่ คนที่ประกอบอาชีพนี้อยู่บนเขาบนดอย ใช่ว่าเขาจะไม่มีความรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมอะไรเลย เผลอๆ ไอ้ที่คิดว่าเผาเพื่อหาผักหวานและเห็ดเผาะ อาจจะเป็นการเผาเพื่อทำไร่ ทำสวนอย่างอื่น เพื่อป้อนผลผลิตไปยังคนในสังคมเมืองที่ตราหน้าพวกเขา

สำหรับมาตาการการป้องกันเท่าที่เห็น ณ ตอนนี้ รัฐบาลได้มอบหมายให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าภาคเหนือ 10 จังหวัด  สาระสำคัญก็คือการป้องกัน  ควบคุม เฝ้าระวัง ไฟป่า อย่างเข้มข้นขึ้น

ส่วนประชาชนตาดำๆ แบบเราๆ ท่านใดที่ประสบพบเจอหมอกควัน แนวทางป้องกันและแก้ไข เพื่อไม่ให้สุขภาพของเราย่ำแย่ไปกับอากาศที่เลวร้าย ก็ควรสวมหน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้านครับ และงดออกกำลังกายกลางแจ้งชั่วคราวในช่วงที่สภาพอากาศยังบัดซบแบบนี้อยู่

ไว้มีอะไรเพิ่มเติมมากกว่านี้ จะแวะมาเขียนให้อ่านกันอีกทีกับเรื่องหมอกควันครับกระผม

ปล.ภาพ สภาพหมอกควันในเมืองเชียงใหม่ จาก เซ็นทรัล แอร์พอร์ต และจุดชมวิวระหว่างทางขึ้นดอยสุเทพ เมื่อ 1 สัปดาห์ที่แล้ว

[sea]

ไม่น่าเลย สงสารคนเชียงใหม่