ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
พฤศจิกายน 27, 2024, 12:47:32 PM
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: ประกาศ ปัมพ์โพสต์ตอบแต่ emoticon ต่อเนื่อง เพื่อจะให้กระทู้ตัวเองมาอยู่อันดับต้นๆ ประจำ รับสิทธิ์โดนแบน 90 วันครับ


จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ  |  กิจกรรมที่ น่าสนใจ  |  หัวข้อ: ล่อง“เรือหางแมงป่อง” ย้อนรอยแม่ปิง 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ล่อง“เรือหางแมงป่อง” ย้อนรอยแม่ปิง  (อ่าน 3395 ครั้ง)
Forever ฺBlessing
Jr. Member
**
กระทู้: 97


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: สิงหาคม 09, 2009, 02:13:46 PM »


เรือรูปร่างหน้าตาแปลกๆ อย่าง “เรือหางแมงป่อง” อาจดูแปลกตาแปลกใหม่สำหรับลำน้ำปิงในปัจจุบัน แต่แท้จริงแล้วเรือหางแมงป่องเคยล่องอยู่ในลำน้ำปิงมานานนับร้อยปี ตั้งแต่ในยุคต้นเป็นเรือที่เจ้านายฝ่ายเหนือใช้ โดยเรือหางแมงป่องถูกใช้เป็นเรือพระที่นั่งในคราวเสด็จสู่พระนครเพื่อถวาย ตัวเป็นพระชายาในรัชกาลที่ 5 ของเจ้าดารารัศมี ซึ่งเป็นพระธิดาของเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ทรงนครเชียงใหม่องค์ที่ 7
       
       ครั้นในยุคปลายทำหน้าที่ขนส่งสินค้าจากเมืองเหนือล่องตามลำน้ำไปทาง ใต้ถึงเมืองกรุงเทพฯ เพราะเนื่องจากลำน้ำปิงเต็มไปด้วยเกาะแก่งและหาดทรายมากมาย เรือหางแมงป่องซึ่งทำจากไม้สักจึงทำให้กินน้ำตื้นและสามารถลอยในน้ำได้ดี กว่าเรือแบบอื่น นอกจากนั้นยังแข็งแรง เวลาที่ถูกเกาะแก่งเรือก็ไม่แตก จึงเป็นเพียงเรือชนิดเดียวเท่านั้นที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ในการล่องแม่น้ำ ปิง

 “เรือหางแมงป่อง” จึงเป็นเหมือนภูมิปัญญาของชาวล้านนา โดยมีเรื่องเล่าถึงกำเนิดของเรือรูปร่างแปลกตาชนิดนี้ว่า ในอดีตชาวล้านนาปรุงอาหารที่อิงด้วยกะทิ จึงต้องมีมะพร้าวเป็นเครื่องปรุงสำคัญ เมื่อปอกมะพร้าวเสร็จก็โยนทิ้ง พอหน้าฝนเปลือกมะพร้าวก็ถูกฝนชะลงแม่น้ำ มีแมงป่องตัวหนึ่งเกาะเปลือกมะพร้าวชูหางอยู่ ทำให้กลายเป็นแรงบันดาลใจของสล่าผู้สร้างเรือ และได้ทำเรือที่มีหางเชิดขึ้นเหมือนแมงป่อง
       
       ในการออกแบบเรือของคนโบราณ ได้ใช้ไม้สักทั้งต้นที่มีขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4-8 เมตร ประมาณ 20 กว่าคนโอบมาขุดทำเป็นเรือหางแมงป่อง เนื่องจากไม้สักมีน้ำหนักเบา และคุณสมบัติพิเศษคือลอยน้ำได้ดีกว่าไม้ชนิดอื่นๆ อีกทั้งไม่บิดไม่งอ จึงเป็นที่นิยมในการทำเรือในยุคนั้น แม้กระทั่งเรือชนิดอื่นๆก็ทำจากไม้สักด้วย
       
       แต่เนื่องจากในยุคหลังไม้สักที่มีขนาดใหญ่หายากขึ้น และเรือหางแมงป่องเมื่อชำรุดแล้วไม่สามารถซ่อมแซมได้ บวกกับการพัฒนาทางด้านการคมนาคม มีการสร้างทางรถไฟถามถึงเชียงใหม่ ทำให้ภายหลังเหลือหางแมงป่องได้หมดความสำคัญและหายไปจากลำน้ำแม่ปิงมาหลาย ชั่วอายุคน

 จนกระทั่งในปัจจุบัน เรือในตำนานก็ได้กลับฟื้นคืนชีวิตอีกครั้ง เมื่อปี 2544 ส่งศรี วงษ์เวช นักศึกษาปริญญาโท สาขาการท่องเที่ยวจัดการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้วิจัยเรื่อง รูปแบบการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมลุ่มแม่น้ำปิง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้าถึงแม่น้ำปิง จึงคิดสร้างเรือที่รูปแบบที่ไม่เหมือนใคร ดังนั้นจึงเกิดจินตนาในการต่อเรือจากกะลามะพร้าวที่มีแมงป่องชูหางขึ้น และบังเอิญที่ไปคล้ายกับเรือหางแมงป่องในสมัยก่อน
       
       นศ.ส่งศรี ได้ร่วมมือกับ อ.สมัคร เหล่าสถิรวงศ์ ผู้ต่อเรือหางแมงป่องขึ้นมา ด้วยความตั้งใจที่จะอนุรักษ์เรือโบราณที่หายสาบสูญไปจากความทรงจำของชาว เชียงใหม่ไว้ให้ชนรุ่นหลังได้รู้จัก และร่วมกันอนุรักษ์ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษล้านนา รวมถึงอนุรักษ์สายน้ำปิงซึ่งถือเป็นแห่งต้นน้ำที่สำคัญแห่งหนึ่งของชาวไทยด้วย

เรือหางแมงป่องจึงได้ถูกต่อขึ้นมาด้วยความคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยใช้เครื่องยนต์เบนซินซึ่งมีมลภาวะต่อแม่น้ำน้อยมาก และเสียงเงียบไม่รบกวนชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำปิง หม้อน้ำที่ใช้ก็เป็นเหมือนรถยนต์ที่ไม่เป็นมลภาวะต่อแม่น้ำ ในเรือก็ไม่มีห้องน้ำจึงไม่มีการทิ้งการขับถ่ายลงแม่น้ำ
       
       ปัจจุบันเรือหางแมงป่องได้ถูกนำมาใช้เป็นเรือนำเที่ยวเชิงอนุรักษ์และประวัติศาสตร์ท่องล่องแม่น้ำปิง เริ่มต้นเส้นทางที่ “ท่าเรือวัดศรีโขง” ท่า เทียบเรือฝั่งตรงข้ามเทศบาลเชียงใหม่ โดยมี อ.สมัครเป็นวิทยากรผู้บรรยายและผูกเรื่องราวเมืองเชียงใหม่ในอดีตผ่านภาพ ถ่าย เปรียบเทียบกับเมืองเชียงใหม่ในวันนี้ผ่านสายตาของผู้มาเยือนเองด้วยความ สนุกสนาน
       
       เมื่อเรือเริ่มเคลื่อนออกจากท่า จะแล่นล่องลงใต้ผ่าน“คุ้มเจดีย์กิ่ว” ซึ่งเคยเป็นคุ้มที่ประทับของพระชายาดารารัศมี เมื่อครั้งเสด็จนิวัตินครเชียงใหม่เป็นการถาวร เมื่อราว พ.ศ. 2457 ปัจจุบันเจดีย์แห่งนี้ทาสีขาวสว่างสดใสสะอาดตาผู้คนจึงมักเรียกว่า “เจดีย์ขาว” เรือแล่นลอดใต้สะพานปูน ซึ่งแต่เดิมเป็นสะพานไม้ เมื่อพังแล้วก็สร้างใหม่ด้วยไม้ไผ่ จนปัจจุบันเป็นสะพานปูนที่แข็งแรง

จากนั้นแล่นผ่าน“เจดีย์ วัดเกตการาม” เป็นวัดที่มีชื่อฟ้องกับพระเกศแก้วจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นพระธาตุประจำปีจอ ตามประวัติเล่าว่า สร้างโดยพญาสามฝั่งแกนเมื่อ พ.ศ.1971 แต่พระเจดีย์ได้พังทลายลงในปี พ.ศ.2121 พระสุทโธจึงรับสั่งให้สร้างขึ้นใหม่ให้เป็นเจดีย์ทรงลังกาแบบล้านนา

ต่อมาเรือค่อยๆล่องลอดผ่าน “สะพานจันทร์สมอนุสรณ์” ซึ่งสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2507 เพื่อเป็นดังอนุสรณ์แห่งความรักแด่คุณจันทร์สม ภรรยาของคุณโมตีราม โกราน่า ชาวอินเดียที่ประกอบอาชีพค้าขายผ้าในเชียงใหม่ นอกจากสะพานแห่งนี้จะเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงภรรยาแล้วยังเป็นมหากุศลที่ทำให้คน สองฝั่งแม่น้ำปิงได้ข้ามไปมาหาสู่กันอีกด้วย
       
       ถัดจากสะพานแห่งความรัก ก็ไปถึง “สะพานนวรัฐ” สะพานข้ามแม่น้ำปิงแห่งที่ 2 ของเมืองเชียงใหม่ แต่เดิมสร้างด้วยไม้เมื่อพังลงก็สร้างใหม่ด้วยเหล็ก ปัจจุบันสะพานนี้เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก และให้ชื่อว่า นวรัฐ เพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์สุดท้าย

 ต่อมาเรือล่องผ่าน “บ้านคหบดีเก่า” เชื่อว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของคหบดีชาวพม่าที่ทำการค้าขายไม้ มีอายุเก่าแก่ถึงราว 150 ปี ต่อจากนั้นเป็น “สถานกงสุลอังกฤษเก่า” เป็นอาคารอนุรักษ์ลักษณะเป็นอาคารทรงโคโลเนียลอายุหลายร้อยปี ปัจจุบันตัวอาคารกงสุลกลายเป็นห้องอาหารของโรงแรมเดอะเชดี
       
       ใกล้ๆกับกงสุลอังกฤษเดิม เป็น “วัดชัยมงคล” สร้างในสมัยไม่ปรากฏหลักฐานประมาณกันว่ามีอายุราว 600 ปี เดิมเป็นวัดมอญชื่อวัดมะเล่อ หรือมะเลิ่ง อันแปลว่ารุ่งอรุณ ต่อมาในสมัยร.5 พระราชชายาดารารัศมีขอพระราชทานเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดชัยมงคล (ริมปิง)

  ริมน้ำใกล้กับวัดมี “ต้นจามจุรี” หรือเรียกกันว่า "ก้ามปู" หรือ "ฉำฉา" ขนาดใหญ่หลายคนโอบ มีกิ่งก้านสาขามาก คาดว่าน่าจะมีอายุประมาณ 300-350 ปี แต่ก่อนคนปลูกต้นจามจุรีนี้เพื่อเลี้ยง“ครั่ง” แมลงชนิดหนึ่งมีขนาดเล็กมาก เพื่อนำมาใช้ทำสีย้อมผ้า

 ส่วน“โบสถ์คริสต์แห่งแรก” ก็เห็นได้จากการล่องเรือหางแมงป่อง โดยคริสตจักรที่ 1 เชียงใหม่ นี้ได้มีการสร้างโบสถ์ของคริสตจักรขึ้น นับเป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกแห่งแรกในเชียงใหม่เมื่อ พ.ศ. 2430 ปัจจุบันใช้เป็นที่ตั้งโรงเรียนเชียงใหม่คริสต์เตียน
       
       จาก นั้นเรือได้ล่องผ่านสถานที่สำคัญๆอีกมากมายอาทิ “อนุสาวรีย์เจ้ากาวิละ” พระเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ และอาณาจักรล้านนา พระองค์แรกแห่งราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ (เจ้าเจ็ดตน) เมื่อ 700 ปีมาแล้ว, หมู่บ้านชาวบ้านที่ยังดำรงวิถีดั้งเดิมริมแม่นําปิงที่ยังเหลืออยู่ที่ตำบล วัดเกต, โบสถ์คริสต์ ,ไปรษณีย์แห่งแรกของเชียงใหม่, โรงแรมแห่งแรกของเชียงใหม่, ภัตตาคารจีนแห่งแรกของเชียงใหม่, กรมป่าไม้แห่งแรกของเชียงใหม่ อันเป็นผลพวงจากสนธิสัญญาเบาว์ริงของอังกฤษ และมาจบ ณ บ้านเรือหางแมงป่อง

โดยภายในบ้านเรือหางแมงป่อง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับวัดฟ้าฮ่าม เป็นสถานที่จัดค่ายเยาวชนแห่งการเรียนรู้ มีบ้านดินให้เช่าพักอาศัย รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ สวนผลไม้ และนาข้าว พร้อมทั้งได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆอีกมากมายจากคุณสมัคร จบการล่องเรือหางแมงป่องแล้ว เราจะได้รู้จักเมืองเชียงใหม่ และสายน้ำปิงมากขึ้นแน่นอน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000047167
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ขึ้นบน พิมพ์ 
จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ  |  กิจกรรมที่ น่าสนใจ  |  หัวข้อ: ล่อง“เรือหางแมงป่อง” ย้อนรอยแม่ปิง « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  




Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.5 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.078 วินาที กับ 21 คำสั่ง