เรื่องของปัญหานักท่องเที่ยวจีน

[Dockaturk]

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากเรื่องของ “น้องปันปัน” กับ “น้องน้ำชา” จะมีมาให้ขาเม้าท์เอาไปฝอยกันในวงส้มตำกระจุยแล้ว (ไม่ต้องออกเสียงสู๊งงงงนะ ฮ่าๆๆ) ก็เห็นจะมีของเรื่องพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนในไทยนี่แหละ (รอบที่เท่าไหร่ไม่ทราบ) ที่เป็นที่วิพากษ์ วิจารณ์กันตามหน้าข่าว รวมทั้งสื่อสังคมออนไลน์ให้ได้สนุกปากกัน เพียงแต่รอบนี้นั้นค่อนข้างที่จะหนักหน่วงกว่าหลายครั้งๆ (ก่อนนี้ยังไม่หนักอีก?) ถึงขั้นจะมีการบอยคอตกันเลยทีเดียว และการบอยคอตที่ว่าก็แลดูเหมือนว่าจะมีออกมากันทั้งสองฝั่ง ทั้งไทยไม่เอาจีน และจีนก็ไม่เอาไทย

อย่างที่ทราบ ต้นเหตุของเรื่องมาจากพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนจีนในไทยที่หลายคนเอือมระอา สารพัดวีรเวรวีรกรรมให้ได้ชื่นชมกันยันลูกหลาน เช่น การขับถ่ายที่ไม่ถูกสุขลักษณะ การฝ่าฝืนกฎของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จนสร้างความเสียหาย เดือดร้อนและรำคาญแก่คนอื่น รวมทั้งมารยาทการรับประทานอาหาร (เชิญคลิกเข้าไปดูคลิปตักอาหารบุฟเฟ่ห์กุ้งในตำนานได้ว่ามันวุ่นวายขายปลาช่อนขนาดไหน https://www.youtube.com/watch?v=7q7Nppn0AK0) เรียกได้ว่าไปไหนก็มีแต่คนเบือนหน้าหนี และถ้าเขียนออกมาเป็นผลงานก็คงปาไปเป็นหลายหน้ากระดาษ

และเมื่อมันเหลือจะทน เหมือนคนอั้นฉี่ไว้ไม่เยี่ยวมา 3 ชั่วโมง งานนี้เลยเกิดกระแสการแอนตี้นักท่องเที่ยวจีนจากฝั่งไทยว่า

“อั๊วไม่เอาพวกลื้อแล้วนะเฟ้ย พวกลื้อจะไปเที่ยวที่ไหนก็ไปเลย บ้านอั๊วไม่ต้อนรับคนอย่างพวกลื้อ”

เรื่องมันก็คงจะง่ายล่ะครับ ถ้าหากเป็นเรื่องของเด็กประถมกลุ่มนึง ที่วันนึงตูไม่เอาไอ้เพื่อนคนนี้ เพราะไม่ชอบนิสัยมัน แต่นี่มันเรื่องระดับชาติ มันมีผลกระทบกันหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ฉะนั้นการจะแอนตี้นักท่องเที่ยวจีน ผู้ทำเงินให้ธุรกิจการท่องเที่ยวไทยเบอร์ 1 ในช่วงหลังๆ  มันใช่ว่าจะทำกันง่ายๆ เหมือนปอกกล้วย อีกอย่างบางคนที่แอนตี้มันก็พูดได้ เพราะมันไม่เดือดร้อนอะไร เต็มที่ก็แค่รำคาญเหมือนมดกัดง่ามเท้าบ้าง เวลาเจอนักท่องเที่ยวจีนพฤติกรรมแย่ๆ ต่างกับคนที่ทำมาหากินอะไรเกี่ยวกับคนจีน ที่แทบจะนอนเอาตีนก่ายหน้าผากว่าจะทำไงดี ถ้าวันนึงนักท่องเที่ยวจีนหาย

ว่าแล้วก็ขอเอาข้อมูลตัวเลขมาให้ดูกัน  ถึงความสำคัญของนักท่องเที่ยวจีนในเมืองไทย

สถิติจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พบว่า มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาประเทศไทย ตั้งแต่เดือน ม.ค.- ก.ค. แล้ว 5.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 20% รายได้จากนักท่องเที่ยวจีนครึ่งปีแรกของปี 2559 เท่ากับ 244,899  ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 31% เมื่อเทียบกับรายได้ ม.ค.- มิ.ย. 2558 อยู่ที่ 186,456 ล้านบาท และนับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. จนถึงปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวสะสมจำนวน 18.8 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ 939,000 ล้านบาท

[Dockaturk]

และล่าสุดเมื่อคำนึงถึงเรื่องที่ทางจีนบอยคอต ไม่ให้นักท่องเที่ยวตัวเองไปเที่ยวไต้หวัน เวียดนามและฟิลิปปินส์ จากเหตุขัดแย้งกับไต้หวัน และข้อพิพาททะเลจีนใต้กับเวียดนาม และฟิลิปปินส์ ยิ่งจะทำให้ไทยมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวกันเยอะขึ้น เรียกได้ว่าเป็นโอกาสทองของไทยที่จะเร่งทำตลาดเพื่อดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน แต่ก่อนจะไปลุยกันเรื่องนั้น ต้องมาลุยเรื่องปัจจุบันทันด่วนกันก่อน ก็คือเรื่องการแอนตี้นักท่องเที่ยวจีนในไทยนี่แหละ

เมื่อการแอนตี้ก่อตัวรุนแรงมากขึ้น ว่าแล้วก็มีข่าวออกมาว่าเชียงใหม่ เชียงราย นักท่องเที่ยวจีนหดหาย เขาไม่มาเที่ยวกันอีกต่อไปแล้ว ส่วนคนที่ยังเที่ยวอยู่ คือคนที่จองทัวร์ไว้แต่เนิ่นๆ และแน่นอน หลังจากนี้ไปก็จะเงียบเป็นป่าช้ากว่าเดิม ในขณะที่ฝั่งของผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย บอกว่า ไอ้ที่หดหายไปนั้น มันคือช่วงโลว์ซีซั่นต่างหาก คนจีนเลยหนีลงไปเที่ยวทะเลกันหมด

จากเสียงของพี่ไทย มาฟังเสียงของพี่จีนบ้าง ก่อนนี้ทางรัฐบาลจีนได้มีบทลงโทษแก่นักท่องเที่ยวที่สร้างความฉิบหายวายป่วงในไทย รวมทั้งได้มีการอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับมารยาทของนักท่องเที่ยว ที่ต้องการเดินทางมาเที่ยวในไทย เพื่อไม่ให้คนอื่นเดือดร้อน  ล่าสุดเฟซบุ๊คสถานีโทรทัศน์จีน TCCTV ได้เผยภาพวาดการ์ตูนในหัวข้อ “ได้โปรด เข้าใจคนจีน” ในทำนองอยากให้คนไทยได้เข้าใจว่าคนจีนมีนิสัยอย่างไร และรู้สึกผิดหวังน้อยใจขนาดไหนที่โดนคนไทยรุมด่าว่าคนจีนเป็นแบบนี้กันทั้งประเทศ ซึ่งแน่นอนหลังการ์ตูนชุดนี้ได้เผยแพร่ ก็มีการแสดงความคิดเห็นที่ดุเดือดกันตามสเต็ป

และจากเรื่องดังกล่าว มีประเด็นที่น่าสนใจอยู่อย่างนึงคือ ต้องเปิดใจยอมรับความแตกต่าง เรียนรู้ และเข้าใจวัฒนธรรมกันทั้งสองฝ่าย ทั้งเจ้าบ้าน และนักท่องเที่ยว เพราะถ้าปรับตัวเข้าหากันทุกอย่างมันก็จะง่ายขึ้น

ตัวอย่างที่สวิตเซอร์แลนด์ มีรีสอร์ตแห่งหนึ่งของภูเขา Rigi แถบเทือกเขาแอลป์ ตัดปัญหาความวุ่นวายของนักท่องเที่ยวจีนเวลาขึ้นขบวนรถไฟโดยการแยกขบวนรถไฟ สำหรับนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะเลย พร้อมแปะป้ายข้อความภาษาจีนสอนวิธีใช้ห้องน้ำอย่างเหมาะสม มีพนักงานทำความสะอาดห้องน้ำบ่อยเป็นพิเศษ

ที่เมืองไทยก็มีเช่นกัน กับการปรับตัว อย่างที่วัดร่องขุ่น เชียงราย อาจารย์เฉลิมชัย หลังจากปวดกบาลกับนักท่องเที่ยวจีนมาหลายครั้ง แกก็ทำการปรับเปลี่ยนหลายอย่างขึ้นให้รับมือกับคนจีนได้ ทั้งเปลี่ยนส้วม เพิ่มป้ายข้อห้ามข้อปฏิบัติต่างๆ แบบภาษาจีนภายในวัด มีบุคลากรที่พูดภาษาจีนหลายฝ่ายเอาไว้ดูแล ให้คำแนะนำ ตักเตือน เวลาทัวร์จีนมาลง เป็นต้น แถมอาจารย์แกยังบอกด้วยว่า เราต้องปรับตัวเองด้วย ไม่ใช่ไปด่าคนจีนอย่างเดียวว่ามันสันดานไม่ดี ไม่มีมารยาท

ก็นั่นล่ะฮะ มันต้องปรับต้องจูนเข้าหากัน เหมือนเสาอากาศวิทยุ ก็ขนาดในสมัยก่อนช่วงต้นทศวรรษ 80 ของการเปิดประเทศของจีน ผู้นำอย่างเติ้งเสี่ยวผิง เองก็ยังต้องปรับตัว และอดข่มที่จะถ่มบ้วนน้ำลายในกระโถนระหว่างการเจรจาความเมืองระดับสูงกับผู้นำชาติต่างๆ มาแล้ว

ว่าแต่พี่ไทยจะยอมปรับ และรับมือกับพวกเขาได้มั้ย?