ตึกร้าง แม่โจ้ : โลเคชั่นสุดเจ๋งของการถ่ายภาพ

[Dockaturk]

ขอต้อนรับท่านผู้ชมเข้าสู่ตึกร้างงงงงง กันครับ!

จั่วหัวมายังกับรายการผี ที่จะพาท่านผู้ชม ไปบุกตึกพิสูจน์อะไรซักอย่าง ทั้งที่จะว่าไปมันไม่ใช่อะไรแนวนั้น แต่เป็นการไปทำความรู้จักกันซักมากกว่า ที่สำคัญมาแนะนำเป็นที่ถ่ายภาพ ฮ่าๆๆ

จากสี่แยกรวมโชค มุ่งหน้ามาทางสี่แยกหนองจ๊อม พอขับผ่านมาเรื่อยๆ ซักหน่อย ขวามือ คือที่ตั้งตึกร้าง ที่จะพาทุกท่านไปสัมผัสกัน (ตึกสังเกตได้ง่าย หาเจอไม่ยาก ใกล้สำนักงานที่ดิน)

ปากทางเข้าของตึกนั้นจะอยู่ติดกับถนนใหญ่ ด้านหน้าตึกเป็นลานดินกว้างๆ แบบฝุ่นตลบพอควร และเมื่ออ้อมไปทางด้านหลังตึก จะมีทางขึ้นให้เดินเข้าไปภายในตัวอาคาร นั่นหมายความว่า ถ้าจะมาที่นี้ ต้องเดินเข้าทางด้านหลังตึก เพราะด้านหน้ามันสูงไป ในการที่จะตะเกียกตะกาย

แต่ก่อนที่จะเข้าไปด้านในนั้น มาดูประวัติกันก่อนคร่าวๆ ตึกร้างแห่งนี้แต่ก่อนนั้น จะถูกสร้างเป็นโรงพยาบาลกันครับ แต่ต่อมาประสบปัญหาบางอย่าง การก่อสร้างไม่เสร็จสิ้นไปตามที่คิดไว้ จึงถูกปล่อยให้รกร้างไปตามสภาพ ซึ่งนับจากวันที่เริ่มก่อสร้างถึงตอนนี้นั้น ก็น่าจะ 10 ปี เข้าให้แล้ว

และเมื่อถูกปล่อยให้รกร้าง เป็นธรรมดาที่เหล่าบรรดาศิลปิน Graffiti จะถือโอกาสนี้ ใช้สถานที่ดังกล่าวเป็นที่ปล่อยของกัน และก็อย่างที่เห็นและทราบ งานศิลปะ Graffiti ถูกจารึกลงบนผนังตึกร้างแห่งนี้หลายที่ด้วยกัน จนทำให้ตึกดังกล่าวนั้นเกิดความน่าสนใจ ชนิดที่หากมองมาแต่ไกลๆ จะเห็นจุดเด่นกันเลยทีเดียว

บนพื้นที่ 10 ไร่ กับตึกสูง 6 ชั้น เริ่มกันที่ชั้นแรก ที่ต้องเข้าทางด้านหลัง เมื่อสับตีนเข้ามาด้านในก็จะเจอเป็นห้องถูกแบ่งไว้แยกแยะ แต่ละห้องจะถูกพ่นด้วยศิลปะ Graffiti หลากหลายแบบ ลวดลายส่วนใหญ่เน้นสีสันฉูดฉาด มีภาพการ์ตูน ผสมกับข้อความบ้าง ส่วนใหญ่ห้องในชั้นที่ 1 จะค่อนข้างสะอาดกว่าตึกร้างทั่วไปที่ทั้งสกปรก และมีกลิ่นอับชื้น แต่ที่นี้นั้นขอบอกว่า ไม่มีกันเลย จะมีก็แค่ฝุ่น เศษก้อนอิฐ และกองขยะๆ ที่ถูกกวาดรวมไว้เล็กน้อยๆ

จากด้านหลังมายังส่วนด้านหน้าตึก ตรงนี้จะบอกว่าเป็นไฮไลต์ของงานก็คงถูก เพราะจะมีลานกว้างๆ เหมาะเอาไว้ถ่ายภาพเป็นอย่างดี ยิ่งในช่วงเวลาบ่ายแล้วนั้น จัดว่าทิศทางของแสงกำลังสวย มีแสงลอดผ่านเข้ามายังในตึก ทำให้การสร้างสรรค์งานถ่ายภาพดูสนุกขึ้นมา

ในชั้นที่ 1 นอกจากตรงลานกว้างๆ แล้ว ด้านหน้าสุดของตึกจะมีบันไดให้ขึ้นไปยังชั้น 2 ชั้น 3 กันครับ จุดนี้ ก็ถือว่าเหมาะได้ที่เลยสำหรับการมาโพสท่าถ่ายภาพ

ส่วนตอนหน้าจะพาไปสำรวจชั้นที่เหลือของตึกร้างแห่งนี้กันครับ

[Dockaturk]

จากชั้นแรกเดินขึ้นบันไดมา บันไดขึ้นตรงนี้ค่อนข้างอันตรายพอควร จะก้าวเดินต้องมีระมัดระวังกันเลยล่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวซวยพลัดตก โดยตรงชั้นสองนั้นก็จะถูกแบ่งไว้เป็นห้องๆ ไม่ต่างจากชั้นแรก แต่ไม่ค่อยมีงาน Graffiti เท่าไร แถมด้านในๆ ดูวังเวงชอบกล และตรงฝั่งที่อยู่บนเหนือลานกว้างๆ ของชั้นแรกนั้น ตรงนี้ปล่อยโล่ง มีแค่คาน ไม่เหมาะแก่การก้าวเดินไป เพราะอันตรายมาก

พอหันหลังให้ชั้นสองมายังชั้นสาม อันนี้น่าจะเป็นไฮไลต์อีกที่เช่นเดียวกัน เพราะจะมีลานกว้างๆ เอาไว้ให้ถ่ายภาพ ถ้าชอบย้อนแสง ก็หันหลังให้พระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินในช่วงเย็น แต่ถ้าถ่ายตามแสง ก็จะได้แบคกราวน์เป็นตึกชั้นที่ 4-6 มีลวดลาย Graffiti หลากหลาย พร้อมกับข้อความประกาศขายตึกของเจ้าของเขาด้วย ฮ่าๆๆ

สำหรับพื้นที่ด้านในที่แบ่งเป็นห้องๆ ของชั้นนี้ ค่อนข้างจะวังเวง ซึ่งก็คงจะวังเวงไปจนถึงชั้นที่ 6 ไอ้พวก Graffiti ก็ไม่ค่อยจะมีทุกซอกทุกห้องเหมือนชั้นแรกที่ดูปลอดโปร่งกว่า จะมีแต่ภายนอกเท่านั้น อาจจะเพราะตอนทำมันไม่มืด แถมผลงานก็เป็นที่ประจักษ์ตาง่ายกว่ามุดเข้าไปทำกันด้านใน

ส่วนชั้นที่เหลือคือ 4-6 นั้น ผมไม่ได้ขึ้นไปสำรวจครับ เพราะคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรสนใจแล้ว (แถมมันเริ่มมืดด้วย รู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย)

สุดท้ายนี้ หากใครอยากที่จะมาถ่ายภาพที่ตึกร้างแถวแม่โจ้ ก็ขอให้มากันในช่วงกลางวันกันนะครับ ถึงจะดูปลอดภัย ไร้กังวล และควรที่จะมีเพื่อนมาด้วยซัก 2-3 คน กันไว้ เผื่อมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ช่วยเหลือกันอย่างทันท่วงที (แต่จริงๆ แล้วมันไม่มีอะไรหรอกครับ จากเท่าที่ไปมานะ เพราะผมไปก็มีคนไปถ่ายภาพด้วยกันราวๆ 8-9 คน)

เอาเป็นว่าใครที่กำลังหาโลเคชั่นดีๆ เหมาะๆ ในการถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ ก็ลองมาที่นี้กันดูครับ มากันก่อนที่ตึกเขาจะถูกขายและปิดไปให้เจ้าของคนอื่นเอาไปทำอะไรต่อ

หมายเหตุ : Graffiti เป็นภาพวาดที่เกิดจากการขีดเขียนไปบนผนัง คำว่า "graffiti" เป็นคำศัพท์ที่มาจากภาษากรีก grafito ซึ่งแปลว่าการเขียนภาพลงบนผนังหรือกำแพงในสมัยโบราณ โดยที่รู้จักกันทั่วไปจะมีลักษณะของการพ่น (bombing) เซ็นชื่อ หรือเป็นการเซ็นลายเซ็น โดยเริ่มต้นจากเมืองฟิลาเดลเฟียในรัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา จากนั้นจึงแพร่หลายในนิวยอร์กช่วงยุคคริสต์ทศวรรษที่ 60 โดย Graffiti ถือเป็นวัฒนธรรมนอกกระแสที่เปรียบได้กับสัญลักษณ์ของความเป็น ขบถ ราวกับว่ามันก่อให้เกิดความรู้สึกซาบซ่าน เป็นสุข เมื่อยามที่ศิลปินรอยขูดขีดเขียนได้ท้าทายต่ออำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐที่พยายามกีดกันกำจัดรอยขูดขีดเขียนให้หมดไป

ปล.บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาเชิญชวนให้บุกรุกสถานที่ และก่อความเสียหายแต่อย่างใด