ซึ่งโบสถ์นี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1929 โดย แอน เลิฟริน ได้บริจาคเงิน 10,000 ดอลล่าร์ รวมทั้ง โทมัส แฮรีส เพาเวอร์ส ได้บริจาคสมทบ รวมทั้งผู้มีจิตศรัทธา รวมเป็นเงินค่าก่อสร้างเป็นเงินประมาณ 22,000 ดอลล่าร์ ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างโดย แวน เอลเล็น แฮรีส น้องชายของพ่อครู ดร.วิลเลียม แฮรีส ซึ่งเป็นสถาปนิกและวิศวกร
(ที่มา:
http://www.prc.ac.th/bldg.html)
ด้วยความสวยจัดว่าเป็นโบราณสถานที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์เป็นอย่างยิ่งครับ ภายในเพดานเมื่อมองขึ้นไปเป็นไม้ที่ได้รับการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี เก้าอี้ไม้ที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบตามสไตล์โบสถ์ฝรั่งในสมัยก่อน เปียโนเมื่อได้บรรเลงเพลงแล้วคงก้องกังวานฟังแล้วไพเราะอย่างแน่นอน ทุกวันโบสถ์แห่งนี้ในทุกๆวันนักเรียนที่นี้ยังใช้ในการนมัสการพระเจ้า ร้องเพลงนมัสการ ฟังคำเทศนา ไม่น่าเชื่อเลยว่าดูจากภายนอกจะดูไม่เล็กไม่ใหญ่มากแต่ก็สามารถจุนักเรียนได้เต็มที่นั่งในระดับชั้นได้เลย ผู้เขียนเองเคยไปงานแต่งงานที่โบสถ์นี้เคยคิดเล่นว่าทำไมนะไม่ติดแอร์นะร้อนเลยที่เดียว แต่เมื่อมาคิดอีกทีบ้างครั้งถ้าเรายังคงรักษาอะไรที่คงเดิมไว้ก็ดีเหมือนกัน สภาพก็คงเหมือนเดิม ศิษย์เก่าก็คงเหมือนผู้เขียนว่าให้เหมือนเดิมที่สุด อนุรักษ์ไว้เป็นเอกรักษ์ของโรงเรียนแห่งนี้นอกจากโบสถ์แล้วยังมีสถานที่อื่นในโรงเรียนที่น่าสนใจ เช่นบ้านแฮรีสซึ่งเป็นอาคารเรียนหลังแรก ตอนนี้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ของโรงเรียน โรงละครซึ่งสร้างพร้อมกันกับโบสถ์ อาคารเพาเวอร์ส ฮอลล์ ในสมัยก่อนใช้เป้นโรงอาหารแต่ปัจจุบันเป็นห้องสมุด สนามฟุตบอลที่ในสมัยก่อนล้อมรอบไปด้วยต้นมะพร้าวซึ่งในสมัยนี้ก็ยังมีอยู่แต่ต่างจากอดีตที่ต้นมะพร้าวสูงกว่าเมื่อสมัยก่อนมาก นอกจากนั้นยังมีอาคารอื่นๆอีกอยู่หลังครับ ที่นี่ก็เป็นอีกที่ที่น่าสนใจมาถ่ายรูปเชิญมาสัมผัสได้เลย