ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
พฤศจิกายน 27, 2024, 08:52:04 AM
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: ประกาศ  โพสหัวข้อเดียวซ้ำๆ กัน รับสิทธิ์ โดนลบกระทู้ และโชคดีได้รับสิทธิ์แบนฟรี 90 วันครับ


จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  ข้อมูล ที่พักโรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวเชียงราย  |  ทริปข้อมูลรูปภาพสวยๆ ที่น่าสนใจของจังหวัดเชียงราย  |  หัวข้อ: เดินเล่นริมโขงที่เชียงของ-ห้วยทราย 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เดินเล่นริมโขงที่เชียงของ-ห้วยทราย  (อ่าน 8787 ครั้ง)
lady darika
Full Member
***
กระทู้: 232


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: มิถุนายน 29, 2013, 12:11:37 AM »


เดินเล่นริมโขงที่เชียงของ-ห้วยทราย

แผ่นดินตอนเหนือสุดของประเทศในจุดที่ลำน้ำโขงไหลมาบรรจบกับแผ่นดินไทยเป็นครั้งแรกที่จังหวัดเชียงราย ก่อเกิดเป็นชุมชนมากมายขนานไปกับลำน้ำสายนี้ “อำเภอเชียงของ” เป็นเพียงอำเภอชายแดนเล็กๆ ตั้งประจันหน้ากับเมืองห้วยทราย สปป.ลาว โดยมีแม่น้ำโขง ซึ่งเปรียบเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงชีวิตของผู้คนสองฟากฝั่งเป็นพรมแดนสมมติ เมืองริมโขงแห่งนี้ไม่เพียงมีความสำคัญอย่างยิ่งในเชิงเศรษฐกิจ และการขนส่งภายในภูมิภาค แต่ยังเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ วิถีชีวิตอันเนิบช้าของคนท้องถิ่น มิตรภาพของคนสองฟากฝั่งที่แม่น้ำไม่อาจกั้น ฉันจึงเลือกที่นี่เป็นจุดหมายปลายทาง หลีกหนีชีวิตที่วุ่นวานอีกครั้ง

จุดชมวิวห้วยทรายมาน ถนนริมโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย

การเดินทางมาเชียงของนั้นสะดวกมาก มีหลากหลายวิธีให้เลือกตามรสนิยม เลือกแบบสุดหรู นั่งเครื่องบินตรงจากกรุงเทพมายังเชียงราย เช่ารถมาไม่นานก็ถึงเชียงของ หรือสะดวกขึ้นมาหน่อยก็เลือกรถโดยสารประจำทางมีทั้งจากกรุงเทพ และจากเมืองศูนย์กลางของภูมิภาคอย่างเชียงใหม่ ใครทรหดหน่อย อยากสัมผัสวิถีท้องถิ่นให้มากขึ้น จะขับมอเตอร์ไซค์มาเรื่อยๆ ก็น่าสนใจไปอีกแบบ

รถโดยสารท้องถิ่นเชียงราย-เชียงของ รถหวานเย็น เดินทางช้า แต่มากเสน่ห์

ขับรถมอเตอร์ไซค์ขึ้นเหนือไปตามถนนริมโขง คุณจะพบบรรยากาศชนบท ความสงบงามของวิถีชีวิตผู้คนที่สอดผสานกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว คนชอบถ่ายรูปทั้งหลายจะต้องหลงรักที่นี่แน่นอน เกาะแก่งกลางลำน้ำโขงก่อเกิดทัศนียภาพแปลกตา สายน้ำบางช่วงไหลแรงตามความสูงต่ำของท้องน้ำ บางช่วงไหลเอื่อยๆ มองเห็นเรือหาปลาของชาวบ้านทั้งสองฝั่งลอยลำอยู่เงียบๆ ชีวิตที่นี้ไม่จำเป็นต้องเร่งกินเร่งเที่ยวเหมือนเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพักผ่อนให้เต็มที่ เดินเลียบเลาะไปตามทางเดินริมน้ำ นั่งมองเมืองห้วยทรายที่ทอดตัวยาวขนานไปตามฝั่งจนตะวันคล้อย ในยามค่ำคืนที่นี่สงบเงียบ แสงไฟจากเมืองแฝดอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำทำให้ผืนน้ำดำมืดดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้มากทีเดียว

เกาะแก่งกลางลำน้ำ ทิวทัศน์อันมีเอกลักษณ์ของแม่น้ำโขง อีกฝั่งหนึ่งคือแผ่นดินของสปป.ลาว

ทิวทัศน์ริมแม่น้ำโขงจากฝั่งเชียงของในบรรยากาศสบายๆ มองเห็นเมืองห้วยทรายอยู่ไกลๆ อีกฝั่งหนึ่ง

กิจกรรมหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเชียงของ คือไปเดินเล่นทำความรู้จักกับพี่น้องชาวลาวในเมืองห้วยทราย เมืองขนาดกระทัดลัด ศูนย์กลางเศรษฐกิจและการปกครองของแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว สำหรับนักเดินทางเท้าไฟที่มีประสบการณ์ในต่างแดน มีหนังสือเดินทางราชอาณาจักรไทยที่ยังเหลืออายุการใช้งานไม่น้อยกว่า 6 เดือน สามารถใช้หนังสือข้ามพรมแดนได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า ได้รับอนุญาตให้อยู่ในลาวได้ไม่เกิน 30 วัน สำหรับผู้ไม่มีหนังสือเดินทางก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงใช้บัตรประจำตัวประชาชนทำเรื่องขอหนังสือผ่านแดนชั่วคราวที่ที่ว่าการอำเภอเชียงของก็สามารถเดินทางเข้าประเทศลาวได้ *ติดตามข้อมูลการเดินทางข้ามพรมแดนท้ายบทความ

เรือนข้ามฟากเป็นทั้งพาหนะขนส่งนักท่องเที่ยว และขนส่งสินค้าเล็กๆ น้อยๆ ของชาวเมืองสองฝั่งโขง

ผู้ถือหนังสือเดินทางราชอาณาจักรไทยสามารถพำนักในลาวได้ 30 วัน

เมืองห้วยทรายนั้นค่อนข้างเงียบสงบ บริเวณถนนเลียบแม่น้ำโขงเป็นที่ตั้งของเรือนพักมากมาย นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมักเลือกที่นี่เป็นจุดแวะพักก่อนเดินทางต่อไปยังหลวงพระบาง และเวียงจันทน์ซึ่งสามารถไปได้ทั้งทางเรือ รถโดยสาร และเครื่องบิน เราจึงพบเห็นนักเดินทางแบ็คแพ็กเกอร์มากหน้าหลายตาที่นี่

"จำปาลาว" ดอกไม้ประจำชาติของลาว กลิ่นหอมยั่วยวนใจ ชวนหลงใหล

เดินขึ้นจากท่าเทียบเรือ มีบันไดซีเมนต์ทอดยาวอยู่อีกฟากหนึ่งของถนน บันไดนี้จะนำเราไปสู่ “วัดเจ้าจอมมณีรัตน์” ตั้งอยู่บนยอดเขาไม่สูงนัก หันหน้าเข้าสู่แม่น้ำโขง ด้านบนมองเห็นเมืองเชียงของฝั่งประเทศไทยได้อย่างชัดเจน อุโบสถของวัดสวยงามตามแบบสถาปัตยกรรมลาว การประดับตกแต่งอาคารเรียบง่ายด้วยฝีมือช่างท้องถิ่น สีสันสดใสสะดุดตา ข้างอุโบสถมีสถูปสีทองศิลปะลาวมีเอกลักษณ์

วัดเจ้าจอมมณีรัตน์ หรือเจ้าจอมมะนีลัด ศิลปะลาวท้องถิ่น เรียบง่าย สะดุดตา

สถูปสีทองวัดเจ้าจอมมณีรัตน์ และป้ายบอกทางไป Fort Carnot (ค่ายเก่าทหารฝรั่ง)

จากวัดเจ้าจอมมณีรัตน์เดินไปตามป้ายบอกทาง ผ่านบ้านเรือนของชาวลาว มีโอกาสแวะทักทายกับชาวเมืองที่นี่เป็นระยะเพื่อถามทาง ไม่ไกลนักเราก็มาถึงหอคอยเก่าที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินสูง Fort Carnot ค่ายสังเกตการณ์ของทหารฝรั่งเศสในยุคล่าอาณานิคมที่สร้างขึ้นเพื่อควบคุมกิจการต่างๆ ภายใต้กำกับดูแลของฝรั่งเศส และเพื่อสังเกตการณ์ประเทศเอกราชที่ยังเหลืออยู่อีกแห่งหนึ่งในภูมิภาคนี้ ซึ่งกินดินแดนอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำโขง “ราชอาณาจักรไทย”

Fort Carnot (ค่ายเก่าทหารฝรั่ง) ได้รับการสนับสนุนจากโครงการของการท่องเที่ยวลาว

อาคารซากปรักหักพังภายในค่ายเก่าทหารฝรั่งเศส

ภายในค่าย ด้านในมีอาคารต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นซากปรักหักพัง ไฮไลท์ของค่ายแห่งนี้คือหอคอยด้านทิศตะวันตก นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปด้านบนเพื่อนชมทิวทัศน์ของเมืองห้วยทราย รวมไปถึงฝั่งเชียงของได้อย่างชัดเจน เราใช้เวลาอ้อยอิ่งอยู่บนหอคอยนี้พอสมควร เพราะวิวเมืองห้วยทรายสงบงามและมีมนต์ขลัง บ้านเรือนกระจุกตัวเรียงไปตามแนวแม่น้ำโขง สายน้ำไหลเอื่อย วิถีชีวิตของผู้คนสองฟากฝั่งยังคงดำเนินเรื่อยไป ชาวเชียงของและชาวลาวห้วยทรายใช้แม่น้ำสายนี้เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตมาชั่วนาตาปี แน่นอนว่ามิตรภาพของคนสองฝั่งโขงนับวันจะยิ่งแนบแน่นขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา

หอคอยด้านตะวันตก ภายในบริเวณค่ายเก่าทหารฝรั่งเศส

ทิวทัศน์เมืองห้วยทราย และแม่น้ำโขง เห็นทิวเขาฝั่งไทยไกลลิบๆ มองจากหอคอยด้านตะวันตกของค่าย

ดอกหญ้าบานภายในบริเวณค่าย สร้างความสดชื่น และเติมพลังใจให้แก่ผู้เดินทาง

เราอำลาเมืองห้วยทรายในยามเย็น ก่อนกลับเราแวะซื้อแซนด์วิชลาว ขนมปังฝรั่งเศสชิ้นใหญ่ มีให้เลือกหลายประเภททั้งไก่ และหมู เรือข้ามฟากพาเรากลับมายังเชียงของ คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เราจะพักอยู่ที่นี่ เวลายามค่ำคืนจึงหมดไปกับการดื่มด่ำกับบรรยากาศริมโขง มองแสงไฟรำไรจากฝั่งเมืองห้วยทราย อากาศเย็นสบายจึงหลับฝันดี

ชีวิตของผู้คนสองฟากฝั่งยังคงดำเนินต่อไป และพร้อมต้อนรับผู้มาเยือนเสมอ

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางข้ามพรมแดน

1. หนังสือเดินทางไทยสามารถพำนักในลาวได้ 30 วัน ใช้เดินทางได้ทั่วประเทศ
2. ผู้ไม่มีหนังสือเดินทางสามารถทำหนังสือผ่าแดนชั่วคราวได้ที่ที่ว่าการอำเภอเชียงของ เสียค่าธรรมเนียม 30 บาท พำนักในลาวได้ 3 วัน 2 คืน เฉพาะในพื้นที่ที่กำหนดไว้ตามข้อตกลงเท่านั้น
3. ค่าเรือข้ามฟากเที่ยวละ 40 บาท
4. สำหรับผู้ถือหนังสือผ่านแดนช่วยคราวต้องเสียค่าเหยียบแผ่นดินลาว 50 บาท ค่าธรรมเนียมนี้ยกเว้นสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทาง
5. ในวันเสาร์-อาทิตย์หรือนอกเวลาราชการของสปป.ลาว นักท่องเที่ยวต้องจ่ายค่าล่วงเวลาประมาณ 40 บาท


เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  902
บันทึกการเข้า
natchumon
Full Member
***
เพศ: หญิง
กระทู้: 123



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2013, 10:07:34 AM »


สวยจังค่ะ  :01: :01:
บันทึกการเข้า
auto
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 5733


**Chiang Mai, I love you**


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2013, 02:51:01 PM »


ขอบคุณข้อมูลการท่องเที่ยวเชียงราย ดีๆ ที่นำมาแบ่งปันครับ  :onio:
บันทึกการเข้า

parsuk
Hero Member
*****
กระทู้: 1447


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2013, 09:01:23 PM »


ขอบคุณข้อมูลดีๆ
บันทึกการเข้า

DDjung
Sr. Member
****
กระทู้: 374



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 04, 2014, 10:24:15 AM »


เดินเล่นริมโขงที่เชียงของ-ห้วยทราย

แผ่นดินตอนเหนือสุดของประเทศในจุดที่ลำน้ำโขงไหลมาบรรจบกับแผ่นดินไทยเป็นครั้งแรกที่จังหวัดเชียงราย ก่อเกิดเป็นชุมชนมากมายขนานไปกับลำน้ำสายนี้ “อำเภอเชียงของ” เป็นเพียงอำเภอชายแดนเล็กๆ ตั้งประจันหน้ากับเมืองห้วยทราย สปป.ลาว โดยมีแม่น้ำโขง ซึ่งเปรียบเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงชีวิตของผู้คนสองฟากฝั่งเป็นพรมแดนสมมติ เมืองริมโขงแห่งนี้ไม่เพียงมีความสำคัญอย่างยิ่งในเชิงเศรษฐกิจ และการขนส่งภายในภูมิภาค แต่ยังเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ วิถีชีวิตอันเนิบช้าของคนท้องถิ่น มิตรภาพของคนสองฟากฝั่งที่แม่น้ำไม่อาจกั้น ฉันจึงเลือกที่นี่เป็นจุดหมายปลายทาง หลีกหนีชีวิตที่วุ่นวานอีกครั้ง

จุดชมวิวห้วยทรายมาน ถนนริมโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย

การเดินทางมาเชียงของนั้นสะดวกมาก มีหลากหลายวิธีให้เลือกตามรสนิยม เลือกแบบสุดหรู นั่งเครื่องบินตรงจากกรุงเทพมายังเชียงราย เช่ารถมาไม่นานก็ถึงเชียงของ หรือสะดวกขึ้นมาหน่อยก็เลือกรถโดยสารประจำทางมีทั้งจากกรุงเทพ และจากเมืองศูนย์กลางของภูมิภาคอย่างเชียงใหม่ ใครทรหดหน่อย อยากสัมผัสวิถีท้องถิ่นให้มากขึ้น จะขับมอเตอร์ไซค์มาเรื่อยๆ ก็น่าสนใจไปอีกแบบ

รถโดยสารท้องถิ่นเชียงราย-เชียงของ รถหวานเย็น เดินทางช้า แต่มากเสน่ห์

ขับรถมอเตอร์ไซค์ขึ้นเหนือไปตามถนนริมโขง คุณจะพบบรรยากาศชนบท ความสงบงามของวิถีชีวิตผู้คนที่สอดผสานกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว คนชอบถ่ายรูปทั้งหลายจะต้องหลงรักที่นี่แน่นอน เกาะแก่งกลางลำน้ำโขงก่อเกิดทัศนียภาพแปลกตา สายน้ำบางช่วงไหลแรงตามความสูงต่ำของท้องน้ำ บางช่วงไหลเอื่อยๆ มองเห็นเรือหาปลาของชาวบ้านทั้งสองฝั่งลอยลำอยู่เงียบๆ ชีวิตที่นี้ไม่จำเป็นต้องเร่งกินเร่งเที่ยวเหมือนเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพักผ่อนให้เต็มที่ เดินเลียบเลาะไปตามทางเดินริมน้ำ นั่งมองเมืองห้วยทรายที่ทอดตัวยาวขนานไปตามฝั่งจนตะวันคล้อย ในยามค่ำคืนที่นี่สงบเงียบ แสงไฟจากเมืองแฝดอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำทำให้ผืนน้ำดำมืดดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้มากทีเดียว

เกาะแก่งกลางลำน้ำ ทิวทัศน์อันมีเอกลักษณ์ของแม่น้ำโขง อีกฝั่งหนึ่งคือแผ่นดินของสปป.ลาว

ทิวทัศน์ริมแม่น้ำโขงจากฝั่งเชียงของในบรรยากาศสบายๆ มองเห็นเมืองห้วยทรายอยู่ไกลๆ อีกฝั่งหนึ่ง

กิจกรรมหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเชียงของ คือไปเดินเล่นทำความรู้จักกับพี่น้องชาวลาวในเมืองห้วยทราย เมืองขนาดกระทัดลัด ศูนย์กลางเศรษฐกิจและการปกครองของแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว สำหรับนักเดินทางเท้าไฟที่มีประสบการณ์ในต่างแดน มีหนังสือเดินทางราชอาณาจักรไทยที่ยังเหลืออายุการใช้งานไม่น้อยกว่า 6 เดือน สามารถใช้หนังสือข้ามพรมแดนได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า ได้รับอนุญาตให้อยู่ในลาวได้ไม่เกิน 30 วัน สำหรับผู้ไม่มีหนังสือเดินทางก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงใช้บัตรประจำตัวประชาชนทำเรื่องขอหนังสือผ่านแดนชั่วคราวที่ที่ว่าการอำเภอเชียงของก็สามารถเดินทางเข้าประเทศลาวได้ *ติดตามข้อมูลการเดินทางข้ามพรมแดนท้ายบทความ

เรือนข้ามฟากเป็นทั้งพาหนะขนส่งนักท่องเที่ยว และขนส่งสินค้าเล็กๆ น้อยๆ ของชาวเมืองสองฝั่งโขง

ผู้ถือหนังสือเดินทางราชอาณาจักรไทยสามารถพำนักในลาวได้ 30 วัน

เมืองห้วยทรายนั้นค่อนข้างเงียบสงบ บริเวณถนนเลียบแม่น้ำโขงเป็นที่ตั้งของเรือนพักมากมาย นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมักเลือกที่นี่เป็นจุดแวะพักก่อนเดินทางต่อไปยังหลวงพระบาง และเวียงจันทน์ซึ่งสามารถไปได้ทั้งทางเรือ รถโดยสาร และเครื่องบิน เราจึงพบเห็นนักเดินทางแบ็คแพ็กเกอร์มากหน้าหลายตาที่นี่

"จำปาลาว" ดอกไม้ประจำชาติของลาว กลิ่นหอมยั่วยวนใจ ชวนหลงใหล

เดินขึ้นจากท่าเทียบเรือ มีบันไดซีเมนต์ทอดยาวอยู่อีกฟากหนึ่งของถนน บันไดนี้จะนำเราไปสู่ “วัดเจ้าจอมมณีรัตน์” ตั้งอยู่บนยอดเขาไม่สูงนัก หันหน้าเข้าสู่แม่น้ำโขง ด้านบนมองเห็นเมืองเชียงของฝั่งประเทศไทยได้อย่างชัดเจน อุโบสถของวัดสวยงามตามแบบสถาปัตยกรรมลาว การประดับตกแต่งอาคารเรียบง่ายด้วยฝีมือช่างท้องถิ่น สีสันสดใสสะดุดตา ข้างอุโบสถมีสถูปสีทองศิลปะลาวมีเอกลักษณ์

วัดเจ้าจอมมณีรัตน์ หรือเจ้าจอมมะนีลัด ศิลปะลาวท้องถิ่น เรียบง่าย สะดุดตา

สถูปสีทองวัดเจ้าจอมมณีรัตน์ และป้ายบอกทางไป Fort Carnot (ค่ายเก่าทหารฝรั่ง)

จากวัดเจ้าจอมมณีรัตน์เดินไปตามป้ายบอกทาง ผ่านบ้านเรือนของชาวลาว มีโอกาสแวะทักทายกับชาวเมืองที่นี่เป็นระยะเพื่อถามทาง ไม่ไกลนักเราก็มาถึงหอคอยเก่าที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินสูง Fort Carnot ค่ายสังเกตการณ์ของทหารฝรั่งเศสในยุคล่าอาณานิคมที่สร้างขึ้นเพื่อควบคุมกิจการต่างๆ ภายใต้กำกับดูแลของฝรั่งเศส และเพื่อสังเกตการณ์ประเทศเอกราชที่ยังเหลืออยู่อีกแห่งหนึ่งในภูมิภาคนี้ ซึ่งกินดินแดนอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำโขง “ราชอาณาจักรไทย”

Fort Carnot (ค่ายเก่าทหารฝรั่ง) ได้รับการสนับสนุนจากโครงการของการท่องเที่ยวลาว

อาคารซากปรักหักพังภายในค่ายเก่าทหารฝรั่งเศส

ภายในค่าย ด้านในมีอาคารต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นซากปรักหักพัง ไฮไลท์ของค่ายแห่งนี้คือหอคอยด้านทิศตะวันตก นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปด้านบนเพื่อนชมทิวทัศน์ของเมืองห้วยทราย รวมไปถึงฝั่งเชียงของได้อย่างชัดเจน เราใช้เวลาอ้อยอิ่งอยู่บนหอคอยนี้พอสมควร เพราะวิวเมืองห้วยทรายสงบงามและมีมนต์ขลัง บ้านเรือนกระจุกตัวเรียงไปตามแนวแม่น้ำโขง สายน้ำไหลเอื่อย วิถีชีวิตของผู้คนสองฟากฝั่งยังคงดำเนินเรื่อยไป ชาวเชียงของและชาวลาวห้วยทรายใช้แม่น้ำสายนี้เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตมาชั่วนาตาปี แน่นอนว่ามิตรภาพของคนสองฝั่งโขงนับวันจะยิ่งแนบแน่นขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา

หอคอยด้านตะวันตก ภายในบริเวณค่ายเก่าทหารฝรั่งเศส

ทิวทัศน์เมืองห้วยทราย และแม่น้ำโขง เห็นทิวเขาฝั่งไทยไกลลิบๆ มองจากหอคอยด้านตะวันตกของค่าย

ดอกหญ้าบานภายในบริเวณค่าย สร้างความสดชื่น และเติมพลังใจให้แก่ผู้เดินทาง

เราอำลาเมืองห้วยทรายในยามเย็น ก่อนกลับเราแวะซื้อแซนด์วิชลาว ขนมปังฝรั่งเศสชิ้นใหญ่ มีให้เลือกหลายประเภททั้งไก่ และหมู เรือข้ามฟากพาเรากลับมายังเชียงของ คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เราจะพักอยู่ที่นี่ เวลายามค่ำคืนจึงหมดไปกับการดื่มด่ำกับบรรยากาศริมโขง มองแสงไฟรำไรจากฝั่งเมืองห้วยทราย อากาศเย็นสบายจึงหลับฝันดี

ชีวิตของผู้คนสองฟากฝั่งยังคงดำเนินต่อไป และพร้อมต้อนรับผู้มาเยือนเสมอ

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางข้ามพรมแดน

1. หนังสือเดินทางไทยสามารถพำนักในลาวได้ 30 วัน ใช้เดินทางได้ทั่วประเทศ
2. ผู้ไม่มีหนังสือเดินทางสามารถทำหนังสือผ่าแดนชั่วคราวได้ที่ที่ว่าการอำเภอเชียงของ เสียค่าธรรมเนียม 30 บาท พำนักในลาวได้ 3 วัน 2 คืน เฉพาะในพื้นที่ที่กำหนดไว้ตามข้อตกลงเท่านั้น
3. ค่าเรือข้ามฟากเที่ยวละ 40 บาท
4. สำหรับผู้ถือหนังสือผ่านแดนช่วยคราวต้องเสียค่าเหยียบแผ่นดินลาว 50 บาท ค่าธรรมเนียมนี้ยกเว้นสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทาง
5. ในวันเสาร์-อาทิตย์หรือนอกเวลาราชการของสปป.ลาว นักท่องเที่ยวต้องจ่ายค่าล่วงเวลาประมาณ 40 บาท


เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  902

หนาวนี้ชวนมาเที่ยวเชียงราย
บันทึกการเข้า
premierleague
Newbie
*
กระทู้: 1


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2014, 12:42:27 PM »


มันห่างจากสนามฟุตบอล ของทีมเชียงรายยูไนเต็ดมากไหมครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ขึ้นบน พิมพ์ 
จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  ข้อมูล ที่พักโรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวเชียงราย  |  ทริปข้อมูลรูปภาพสวยๆ ที่น่าสนใจของจังหวัดเชียงราย  |  หัวข้อ: เดินเล่นริมโขงที่เชียงของ-ห้วยทราย « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  




Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.5 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.108 วินาที กับ 21 คำสั่ง