ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
พฤศจิกายน 27, 2024, 06:26:26 AM
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: ประกาศ ปัมพ์โพสต์ตอบแต่ emoticon ต่อเนื่อง เพื่อจะให้กระทู้ตัวเองมาอยู่อันดับต้นๆ ประจำ รับสิทธิ์โดนแบน 90 วันครับ


จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  ข้อมูล ที่พักโรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวเชียงราย  |  ทริปข้อมูลรูปภาพสวยๆ ที่น่าสนใจของจังหวัดเชียงราย  |  หัวข้อ: แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ชายแดนสามแผ่นดิน @ สามเหลี่ยมทองคำ (Page 1-3) 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ชายแดนสามแผ่นดิน @ สามเหลี่ยมทองคำ (Page 1-3)  (อ่าน 2003 ครั้ง)
Traveller Freedom
Sr. Member
****
กระทู้: 416



ดูรายละเอียด อีเมล์
« เมื่อ: ธันวาคม 13, 2016, 08:56:42 PM »


แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ชายแดนสามแผ่นดิน @ สามเหลี่ยมทองคำ (Page 1)

สถานที่ตั้ง : บ้านสบรวก ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย
พิกัด : 20.353092, 100.082365

    สามเหลี่ยมทองคำ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังระดับอินเตอร์ที่ทั่วโลกรู้จักกันดีในนาม “Golden Triangle” อันหมายถึงพื้นที่ที่เป็นรอยต่อระหว่างสามประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย จังหวัดเชียงราย ประเทศลาว แขวงบ่อแก้ว) และประเทศเมียนมร์ แขวงท่าขี้เหล็ก มีลักษณะเป็นพื้นที่สามเหลี่ยมบรรจบกัน โดยมีแม่น้ำรวกกั้นเป็นชายแดนไทย-เมียนมาร์ และมีแม่น้ำโขงเป็นชายแดนไทย-ลาว นับเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของภูมิภาค นอกจากนี้สามเหลี่ยมทองคำยังมีทิวทัศน์ที่งดงามโดยเฉพาะยามเช้า ที่ดวงอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางสายหมอก เดิมสามเหลี่ยมทองคำเป็นที่รู้จักในฐานะเป็นแหล่งท่องเที่ยวรอยต่อระหว่างประเทศ แต่ในปัจจุบันมีความสำคัญในทางเศรษฐกิจมากขึ้น เนื่องจากเป็นแหล่งขนถ่ายสินค้าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของภูมิภาพลุ่มนำโขง โดยมีประเทศจีน ยักษ์ใหญแห่งเอเชียเข้ามาร่วมแจม

    สามเหลี่ยมทองคำ ตั้งอยู่ในเขตบ้านสบรวก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย มีท่าเรือขนาดเล็กขนส่งสินค้าไปยังประเทศจีน และประเทศลาว เมื่อมองจากฝั่งไทยไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ จะเห็นหมู่บ้านในฝั่งลาวอย่างชัดเจน ส่วนทางเมียนมาร์ซึ่งอยู่ด้านตะวันตกนั้น ไม่มีหมู่บ้านหรือสิ่งก่อสร้างให้เห็นในระยะใกล้ๆ มีเพียงพื้นที่ป่าอันอุดมสมบูรณ์เท่านั้น

    สามเหลี่ยมทองคำ ตั้งอยู่ห่างจากอำเภอเชียงแสนไปทางทิศเหนือ 9 กิโลเมตร ตามถนนเลียบริมแม่น้ำโขง สบรวกเป็นบริเวณที่แม่น้ำโขง ซึ่งกั้นดินแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศลาว มาพบกับแม่น้ำรวก ซึ่งกั้นดินแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเมียนมาร์ จากจุดนี้นักท่องเที่ยวจะมองเห็นฝั่งพม่าและลาวได้ถนัดชัดเจน สามเหลี่ยมทองคำ เป็นที่กล่าวขวัญกันในหมู่นักท่องเที่ยว เพราะครั้งหนึ่ง เคยเป็นไร่ฝิ่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ปัจจุบันได้มีการปราบปรามไปจนหมดสิ้นแล้ว คงเหลือแต่ทิวทัศน์ที่เงียบสงบของลำน้ำและเขตแดนของสามประเทศเท่านั้น 

    สามเหลี่ยมทองคำ มีเรื่องราวความเป็นมาเล่าว่า หลังจากที่เมียนมาร์ตกเป็นอาณานิคมของประเทศอังกฤษ ส่วนประเทศลาวถูกฝรั่งเศสยึดครอง ทำให้เกิดการค้าขายสินค้าด้วยระบบแลกเปลี่ยนกัน โดยทางฝั่งเมียนมาร์นั้นจะมีผ้าแพร สินค้าจากจีน กระทะทองเหลือง และฝิ่นเป็นสินค้าที่นำมาแลกเปลี่ยนกับผ้าไหม ทองคำแผ่น และทองคำแท่งของพ่อค้าฝั่งลาว ซึ่งพ่อค้าลาวจำเป็นต้องล่องเรือตามลำน้ำโขงมาขึ้นที่บ้านป่าสัก เขตเมืองพงของเมียนมาร์ซึ่งตั้งอยู่เหนือบ้านสบรวกของประเทศไทย ในแต่ละปีมีการแลกเปลี่ยนสินค้ากันประมาณ 4-5 ครั้ง ทำให้บ้านป่าสักกลายเป็นแหล่งค้าขายที่เฟื่องฟูมากของสมัยนั้น และเพราะการแลกเปลี่ยนด้วยทองคำนี้เองจึงทำให้ชาวบ้านเรียกขานบริเวณนี้ กันจนติดปากว่า "สามเหลี่ยมทองคำ"


* EOAaEAOeAAA_1.JPG (477.1 KB, 1000x667 - ดู 230 ครั้ง.)

* EOAaEAOeAAA_2.JPG (336.96 KB, 1000x667 - ดู 211 ครั้ง.)

* EOAaEAOeAAA_3.JPG (245.91 KB, 1000x667 - ดู 210 ครั้ง.)

* EOAaEAOeAAA_4.JPG (386.27 KB, 1000x750 - ดู 210 ครั้ง.)

* EOAaEAOeAAA_5.JPG (302.7 KB, 750x1000 - ดู 288 ครั้ง.)

* EOAaEAOeAAA_6.JPG (271.23 KB, 1000x688 - ดู 272 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 14, 2016, 06:22:45 AM โดย Traveller Freedom » บันทึกการเข้า
Traveller Freedom
Sr. Member
****
กระทู้: 416



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2016, 09:00:00 PM »


แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ชายแดนสามแผ่นดิน @ สามเหลี่ยมทองคำ (Page 2)

    ประวัติศาสตร์ลำน้ำโขงของเมืองเชียงแสน จากคำบอกเล่าของชาวเชียงแสนที่บันทึกไว้ในหนังสือตามรอยพระเจ้าล้านตื้อ กล่าวว่า เมื่อราวปี พ.ศ. 2479 พรานหาปลาผู้หนึ่งทอดแหหาปลาอยู่กลางน้ำโขงบริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอเชียงแสน ได้เห็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมากลางน้ำ จำได้ว่ามีพระรัศมีบนพระเกศาและเห็นส่วนพระเศียรเพียงแค่พระหนุ แต่อย่างไรก็ตาม การพบเห็นของพรานปลาผู้นั้นขัดกับหลักฐานที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ที่ว่าการค้นพบพระรัศมีนั้นพบก่อน ปี พ.ศ.2466 เมื่อครั้งแรกได้นำไปประดิษฐานไว้ที่วัดคว้าง ต่อมาย้ายไปรักษาที่วัดปงสนุก และวัดมุงเมืองตามลำดับ เมื่อสร้างพิพิธภัณฑสถานเชียงแสน สร้างเสร็จจึงนำออกแสดงจนมาถึงทุกวันนี้

    ต่อมาในปี พ.ศ. 2492 – 2493 มีชาวลาวอพยพมาตั้งถิ่นฐานในอำเภอเชียงแสนฝันว่าพระพุทธรูปล้มคว่ำพระเศียรลง หันไปทางทิศใต้ ดังนั้นจึงมีการลงคลำหาพระพุทธรูปกันอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากตั้งศาลเพียงตาขึ้นในบริเวณเกาะดอนแท่นและทำพิธีบวงสรวงพระพุทธรูปเตรียมเรือเหล็กขนาดใหญ่ 2 ลำ พร้อมช้าง 3- 4 เชือก นิมนต์พระสงฆ์ทำพิธี เนื่องจากกระแสน้ำแรงและเย็นมากจึงไม่อาจพบพระรูปแต่อย่างใด กระทั่งในปี พ.ศ. 2509 บริษัทอิตาเลียน – ไทย จำกัดได้สัมปทานการสร้างสนามบินในหลวงพระบางมาพักอยู่ที่เชียงแสน เนื่องจากสมัยนั้นการเดินทางไปหลวงพระบางต้องใช้วิธีการเดินเรือจากเชียงแสนไปถึงจะสะดวกที่สุด ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายในขณะนั้นจึงได้ให้ทางบริษัทดังกล่าวส่งนักประดาน้ำลงไปค้นหาและกู้เอาพระพุทธรูปขึ้นมา ซึ่งเป็นจุดที่เกาะกลางน้ำตรงหน้าสถานีตำรวจบริเวณนั้นเป็นน้ำวนเชี่ยวมาก นักประดาน้ำทนความเย็นไม่ไหว การค้นหาในตอนนั้นจึงไม่ประสบผลสำเร็จ ได้เพียงพระพุทธรูปองค์เล็กและโบราณวัตถุอื่นๆ อีกเพียงเล็กน้อย

    การค้นหาพระพุทธรูปที่จมอยู่ในลำน้ำโขง ตั้งแต่การพบครั้งแรกจนกระทั้งถึงทุกวันนี้กว่า 70 ปีแล้วเรื่องราวยังเป็นที่สนใจและถูกเล่าขานผ่านลูกหลานชาวเชียงแสน เมื่อสืบทอดผ่านกันมาจึงกลายเป็นตำนานและนิทานพื้นบ้านพระพุทธรูปนวล้านตื้อ หากไปเที่ยวเชียงแสนผ่านไปทางป้ายสามเหลี่ยมทองคำ เลยไปทางร้านค้าของที่ระลึกต่างๆ ก็จะได้พบเห็นองค์พระพุทธรูปสีทองขนาดใหญ่ น้ำหนัก 69 ตัน เฉพาะองค์พระตักกว้าง 9.99 เมตร สูง 15 เมตร ประทับอยู่บนเรือนแก้วกุศลธรรมขนาดใหญ่ขนานนามว่า “พระพุทธนวล้านตื้อ”

    ด้วยเหตุนี้ กระทรวงมหาดไทย คณะสงฆ์ และจังหวัดเชียงราย จึงมีความเห็นร่วมกันว่า ดินแดนเชียงแสนเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแหล่งประวัติศาสตร์อารยธรรมรวมทั้งพระเจ้าล้านตื้อถือเป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงซึ่งหากค้นพบและสามารถนำขึ้นมาจากลำน้ำโขงได้ก็จะอาจมีปัญหาในการอ้างสิทธิความเป็นเจ้าของ จนอาจกลายเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศและพุทธศาสนิกชนในอนุภาคลุ่มน้ำโขงได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงเห็นชอบร่วมกันว่าควรจะถือเอาพระพุทธรูปเชียงแสนสี่แผ่นดินเฉลิมพระเกียรติฯ ที่ได้จัดสร้างไว้ถวายเป็นมหามงคลแด่องค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ณ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ เป็นองค์แทน


* EOAaEAOeAAB_1.JPG (225.18 KB, 1000x697 - ดู 344 ครั้ง.)

* EOAaEAOeAAB_2.JPG (337.23 KB, 750x1000 - ดู 220 ครั้ง.)

* EOAaEAOeAAB_3.JPG (295.02 KB, 1000x713 - ดู 209 ครั้ง.)

* EOAaEAOeAAB_4.JPG (322.72 KB, 1000x667 - ดู 219 ครั้ง.)

* EOAaEAOeAAB_5.JPG (314.57 KB, 1000x656 - ดู 273 ครั้ง.)

* EOAaEAOeAAB_6.JPG (297.05 KB, 750x1000 - ดู 238 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
Traveller Freedom
Sr. Member
****
กระทู้: 416



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2016, 09:02:26 PM »


แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ชายแดนสามแผ่นดิน @ สามเหลี่ยมทองคำ (Page 3)

    สามเหลี่ยมทองคำ เป็นที่บรรจบกันของแม่น้ำโขงและแม่น้ำรวก ที่เรียกว่า “สบรวก” บริเวณนี้มีเคยมีชนกลุ่มน้อย และกองกำลังติดอาวุธอยู่หลายกลุ่ม พื้นที่ในแถบนี้เคยเป็นแหล่งปลูกฝิ่นและผลิตยาเสพติดแหล่งใหญ่ เช่น มีโรงงานผลิตเฮโรอีนและกระจายอยู่ตามชายแดน ส่วนการลำเลียงฝิ่นจะไปเป็นขบวนลัดเลาะไปตามไหล่เขาพร้อมกำลังคุ้มกัน ว่ากันว่ายาเสพติดและฝิ่นจะถูกแลกเปลี่ยนด้วยทองคำในน้ำหนักที่เท่ากัน จึงเป็นที่มาของชื่อ “สามเหลี่ยมทองคำ” นั้นเอง

    นักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมเดินทางไปเที่ยวสามเหลี่ยมทองคำในช่วงฤดูหนาว แต่ถ้าหากเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแล้วละก็ จะนิยมเดินทางมาเที่ยวชายแดนสามแผ่นดินแห่งนี้กันตลอดทั้งปี นอกจากนี้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะนิยมนั่งเรือเที่ยวชมทิวทัศน์จุดบรรจบของพรมแดนไทย ลาว และเมียนมาร์ โดยหากเป็นเรือลำเล็กจะมีค่าเช่าเรือประมาณ 300-400 บาท นั่งได้ 6 คน ซึ่งจะมีท่าเรือไว้บริการหลายท่าหลายผู้ประกอบการด้วยกัน หากต้องการนั่งชมทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำโขงไปไกลถึงอำเภอเชียงของ ก็สามารถหาเช่าเรือได้ ค่าเรือขึ้นอยู่กับระยะทางใกล้-ไกล หรือหากนักท่องเที่ยวสนใจจะล่องแม่น้ำโขงไปเที่ยวทางตอนใต้ของประเทศจีน เช่น สิบสองปันนา และคุนหมิง สามารถติดต่อกับบริษัทนำเที่ยวในจังหวัดเชียงรายได้เช่นกัน

    สิ่งสำคัญสำหรับการมาเยือนสามเหลี่ยมทองคำ คือการได้นมัสการพระเชียงแสนสี่แผ่นดิน หรือ พระพุทธนวล้านตื้อ ประดิษฐานอยู่กลางแจ้งริมน้ำโขงใจกลางดินแดนสามเหลี่ยมทองคำ พระพุทธนวล้านตื้อองค์นี้เป็นพระเชียงแสนสี่แผ่นดินเฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งได้สร้างขึ้นแทนองค์เดิมที่จมลงแม่น้ำโขง และสร้างขึ้นด้วยทองสัมฤทธิ์ ปิดทองด้วยบุศราคัม โดยมีน้ำหนักถึง 69 ตัน มีหน้าตักกว้าง 9.99 เมตร และมีความสูง 15.99 เมตร ประทับนั่งบน "เรือแก้วกุศลธรรม" ขนาดใหญ่ โดยร่วมใจกันถวายนามว่า “พระพุทธนวล้านตื้อเชียงแสนสี่แผ่นดินเฉลิมพระเกียรติฯ” ถือเป็น Land Mark ที่สำคัญและโดดเด่นที่สุดสำหรับแหล่งท่องเที่ยวสามเหลี่ยมทองคำแห่งนี้เลยทีเดียว

    อีกสิ่งสำคัญที่จะต้องไม่พลาดคือ การถ่ายรูปกับป้าย "สามเหลี่ยมทองคำ" ที่ปัจจุบันมีตั้งอยู่หลายป้ายตลอดริมฝั่งแม่น้ำโขง นอกจากป้ายสามเหลี่ยมทองคำแล้ว ยังมีถ่ายซุ้มประตูสามเหลี่ยมทองคำที่มีวิวแม่น้ำโขงเป็นฉากหลัง แต่หากต้องการจะชมทิวทัศน์มุมสูงของสามเหลี่ยมทองคำบริเวณสบรวกและฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ต้องขึ้นไปบนดอยเชียงเมี่ยงบริเวณวัดพระธาตุภูเข้า กับวัดพระธาตุสามมุมเมือง ด้านบนจะสามารถทองเห็น “สามเหลี่ยมทองคำ” อย่างชัดเจน

    สำหรับขาช๊อปต้องห้ามพลาด เดินเลือกซื้อของที่ระลึกที่มีอยู่มากมายเรียงหลายกันหลายร้าน ของดีของเด่นคือ เสื้อยืดสกรีนลายสามเหลี่ยมทองคำ เอกลักษณ์ประจำแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้นี่เอง

by Traveller Freedom


* EOAaEAOeAAC_1.JPG (333.09 KB, 1000x750 - ดู 218 ครั้ง.)

* EOAaEAOeAAC_2.JPG (289.11 KB, 1000x667 - ดู 300 ครั้ง.)

* EOAaEAOeAAC_3.JPG (436.2 KB, 1000x667 - ดู 321 ครั้ง.)

* EOAaEAOeAAC_4.JPG (311.86 KB, 667x1000 - ดู 210 ครั้ง.)

* EOAaEAOeAAC_5.JPG (254.81 KB, 1000x667 - ดู 202 ครั้ง.)

* EOAaEAOeAAC_6.JPG (313.96 KB, 1000x667 - ดู 266 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 14, 2016, 06:23:21 AM โดย Traveller Freedom » บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ขึ้นบน พิมพ์ 
จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  ข้อมูล ที่พักโรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวเชียงราย  |  ทริปข้อมูลรูปภาพสวยๆ ที่น่าสนใจของจังหวัดเชียงราย  |  หัวข้อ: แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ชายแดนสามแผ่นดิน @ สามเหลี่ยมทองคำ (Page 1-3) « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  




Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.5 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.143 วินาที กับ 21 คำสั่ง