เที่ยวดอยอินทนนท์ง๊ายง่าย

[Dockaturk]

นึกอยากจะไปภูเขา เดินเคล้าไอหมอก และความหนาว ในเชียงใหม่ คงไม่มีตัวเลือกไหนเหมาะไปกว่าการขึ้น “ดอยอินทนนท์”

มีเหตุผลหลายข้อด้วยกัน ไล่ไปตั้งแต่การเดินทางอันแสนสะดวก ที่ลากยาวไปจนถึงยอดดอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่มีรถส่วนตัว เหยียบคันเร่งแปบเดียวก็เป็นอันว่าถึง, ดอยอินทนนท์ เป็นดอยที่สูงที่สุดในสยามประเทศ, เที่ยวได้ตลอดทั้งปี, มีที่เที่ยวให้แวะตลอดระหว่างทาง, ที่พักมีให้เลือกหมดทั้งนอนรีสอร์ทสุดหรู ไปจนถึงนอนกางเต็นท์แบบลุยๆ เหล่านี้คงช่วยให้ตัดสินใจได้ไม่ยาก แม้กระทั่งคนที่เคยไปมาแล้วอย่างผม

ทริปนี้เกิดขึ้นมาแบบไม่ได้ตั้งใจ เพราะติดสอยห้อยไปกับเพื่อนฝูง อันที่จริงมิตรสหายจากแดนไกลอยากไปนอนนับดาว แถวเชียงดาว แต่ที่พักเต็ม แพลนเลยเลี้ยวลงมาทางนี้ และก็จบตรงที่ผมต้องจัดการทุกอย่างให้หมด ทั้งโปรแกรมเที่ยว และเรื่องที่พัก โดยใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา พากันเสียเวลาไปตั้งหลายวันกับเรื่องพวกนี้

อันที่จริงเรื่องพวกนี้ควรจะจัดการให้เสร็จไวกว่านี้ด้วยซ้ำ และเมื่อต้องรู้ว่ามากันในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ ก็ยิ่งต้องไวขึ้นอีกเท่าตัว เพราะคนอื่นๆ เขาก็มาเที่ยวเหมือนกัน มหกรรมการแย่งที่พักแน่นอนว่ามันอุบัติขึ้นแน่

แต่ก็นั่นแหละ เพื่อนผมมันเลเวลยังไม่สูงพอในการเตรียมการ โอกาสผิดพลาดมันก็ย่อมมีบางเป็นธรรมดา นี่ก็ยังนึกอยู่ว่าถ้ามันไม่โยนมาให้ผมจัดการให้ ก็ไม่รู้ว่าพวกเราทั้ง 4 คน จะพากันไปนอนที่ไหนตอนขึ้นไปเที่ยวดอยอินทนนท์ ซึ่งที่พักชนิดที่ไปตายเอาดาบหน้าได้มันก็มีแค่เพียงลานกางเต็นท์อุทยานแห่งชาติ ที่อื่นๆ อย่าได้ไปคิดว่าจะมีเหลือ ผมก็เลยพาเบนเป้าหลักไปที่นั้นอย่างเดียวเลย

แม้พอจะรู้ชะตากรรมล่วงหน้าแล้วว่าต้องนอนที่ไหนกัน แต่สหายเจ้าของทริปยังอยากที่จะนอนที่พักประเภทตื่นมาเห็นวิวเลย ไอ้เราก็ไม่ขัดข้อง เพราะมันเป็นเจ้าของทริป ระหว่างทางขึ้นมาก่อนถึงลานกางเต็นท์อุทยาน ก็เลยแวะจอดถามที่พักแถวบ้านแม่กลางหลวงซักหน่อย เผื่อฟลุ๊คมีบ้านว่างซักหลัง ส่วนคำตอบที่ได้รับก็น่าจะรู้กันดี........ไม่มีว่าง

จากในเมืองขับรถยนต์กันมาตั้งแต่ 10 โมงเช้า แวะกินข้าว จิบกาแฟ ทำธุระ และถามหาที่พักแบบไม่เร่งรีบ พวกเราทั้ง 4 หน่อ ก็มาถึงลานกางเต็นท์ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ บ้านขุนกลาง ราวบ่ายสาม เพื่อกางเต็นท์ และเตรียมออกไปเดินเที่ยวแถวนั้นกันในตอนเย็น

[Dockaturk]

สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ กับน้ำตกสิริภูมิ คือสองสถานที่จะไปกัน จากลานกางเต็นท์ ขับรถยนต์ลัดเลาะผ่านหมู่บ้านไปนิดเดียว ก็ถึงสถานีเกษตร มีลานจอดกว้างขวางผายมือต้อนรับพวกเราเข้าไปด้านใน

อากาศในเย็นวันนั้นถือว่ากำลังสบายดี แม้จะไม่มีแดดเท่าไรนัก พอๆ กับดอกไม้ในสถานีที่คงไม่ใช่ช่วงเวลาที่บานกันเต็มที่ เหมือนกับตอนหน้าร้อนที่ผมเคยมาเมื่อราวๆ 2 ปีก่อน ตอนนั้นนึกในใจว่า ตกลงแล้ว ถ้าจะมาเที่ยวสถานีเกษตร มันควรจะต้องมาตอนไหนกันแน่ถึงจะเหมาะ

สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ถูกพวกเราเพิกเฉยไปชั่วขณะ ก่อนจะพากันเดินผ่านไปยังด้านหลังสถานี เพื่อมุ่งหน้าไปยังน้ำตกสิริภูมิ ซึ่งจะมีทางเดินลัดเลาะไป โดยก่อนถึงน้ำตกจะมีสวนหลวงสิริภูมิ สวนที่เต็มไปเฟิร์นกว่า 50 สกุล 140 ชนิด ให้ได้เดินผ่าน

ในสวนหลวงสิริภูมินั้น ที่นี้มีเฟิร์นด้วยกันหลายชนิด อาทิ กูดต้น (Tree Fern) เป็นเฟิร์นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่กระจายอยู่ตามป่าเขตร้อนมักพบได้ในป่าดิบที่มีความชื้นสูง เฟินก้านดำ ที่ชอบความชื้นค่อนข้างสูงสามารถพบได้ในทางภาคเหนือของประเทศไทย สามารถใช้ทำยารักษาอาการไอ ลดไข้ได้ และ เฟินรัศมีโชติ เป็นเฟินลูกผสมพันธุ์ใหม่ที่เกิดจากฝีมือของคนไทยและได้รับพระราชทานนามอันเป็นมงคลยิ่งจาก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร

ในสวนหลวงสิริภูมิ ที่ชุ่มชื่นและเขียวชอุ่มไปด้วยเฟิร์นนานาชนิด ลึกเข้าไปในนั้นเป็นที่ตั้งของน้ำตกสิริภูมิ น้ำตกที่สวยที่สุดแห่งนึงของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงชัน น้ำตกแห่งนี้ เดิมเรียกว่า เลาลึ ตามชื่อของหมู่บ้านม้ง ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้ ๆ น้ำตก และต่อมาภายหลังเปลี่ยนชื่อตามพระนามาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ

ราวห้าโมงเย็น ฝนเริ่มลงเม็ดลงมาแบบไม่มีท่าทีมาก่อน พวกเราพากันรีบเดินออกจากน้ำตก กลับมายังทางเดิมจนถึงสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ และก็หนีไปหลบฝนให้หายซาในร้านขายของสถานีเกษตรหลวง ก่อนออกมาจะพบว่าพากันได้ไวน์สตรอว์เบอร์รี่มา 1 ขวดใหญ่ กับไวน์บ๊วยโง่ๆ 1 ขวดเล็ก เอาไว้จิบกันที่เต็นท์ในค่ำคืนนี้ เผื่อจะเข้ากันดีกับอากาศหนาวบนดอย และเป็นตัวช่วยในการสนทนาแบบแคมปิ้งให้ออกรสมากยิ่งขึ้น ซึ่งอย่างน้อยมันก็ดีกว่านั่งคุยกันเฉยๆ โดยไม่มีอะไรเลยให้ดื่มกินเลย

มื้อเย็นของพวกเราคืนนั้น พากันมาถล่มร้านหมูกระทะใกล้ปากทางเข้าลานกางเต็นท์อุทยาน เป็นร้านหมูกระทะขนาดย่อมที่นักท่องเที่ยวไปใช้บริการกันเยอะพอสมควร เรื่องรสชาติ หากไปถามแม่ช้อยนางรำ คงมีไปแปะป้ายชวนชิมไว้

[Dockaturk]

ผ่านไปราวสองชั่วโมง หลังอิ่มหมูกระทะไปพอประมาณ ก็พากันย้ายก้นกลับมายังลานกางเต็นท์ เวลาสองทุ่มอากาศกำลังหนาวพอดี และก็คิดว่าเป็นเวลาที่เหมาะที่ควร เพื่อจะเปิดชิมไวน์ที่ซื้อมาจากโครงการหลวง เพื่อขับไล่ความหนาว

ฉลากข้างขวดแปะไว้ว่านำเข้ามาจาก อ.ฝาง ซึ่งก็พากันงงเล็กน้อย เพราะตอนแรกคิดว่าเป็นของที่นี้ ส่วนเรื่องรสชาตินั้น ขอสรุปสั้นๆ ว่า เหมือนยาแก้ไอรสสตรอว์เบอร์รี่ และไวน์บ๊วยขออนุญาตเบือนหน้าหนีกันครับ!

สุดท้ายก็ต้องเดือดร้อนถึงเครื่องดื่มสีอำพันขวดสีเขียวยี่ห้อไทย

ตีห้าครึ่งพวกเราต้องแหกขี้ตาตื่น เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตรงจุดชมวิวกิ่วแม่ปาน เวลานัดของพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าคือเวลาประมาณ 6.30 น. ฉะนั้นจากที่คำนวณกัน น่าจะไปทันกันพอดีแบบไม่รีบมาก กับการเดินทางราวๆ 20 กิโลเมตร

ระหว่างทางพวกเราทดสอบอากาศยามเช้าว่ามันอยู่ในระดับไหน ด้วยการเปิดกระจกรถยนต์รับลมหนาว ความรู้สึกตอนนั้นยังคิดสงสัยอยู่ว่า “นี่กำลังอยู่บนดอยอินทนนท์?”

14 องศาเซลเซียส คือค่าที่อ่านได้ตอนถึงจุดชมวิว ถือว่าผิดหวังในระดับหนึ่งในช่วงกลางเดือนตุลา

บรรยากาศยามเช้าตรงจุดชมวิว ถือว่าพลุกพล่านพอสมควรไปด้วยคลื่นมนุษย์หลายร้อยคน พอแสงแรกเริ่มโผล่พ้นขอบฟ้ามาทักทาย เสียงชัตเตอร์ก็เริ่มรัวกระหน่ำราวกับเสียงปืนกล หลายคนไม่รอช้า ต่างรีบเก็บภาพบรรยากาศของแสงเช้า ที่มีไอหมอกไหลเอื่อยๆ ปะปนกับก้อนเมฆ ไม่เว้นแม่แต่ผม ซึ่งก็ได้ภาพเด็ดเป็นการชำเรากีตาร์บนยอดเขาสูงที่สุดในสยามประเทศ

ออกจากตรงนี้ พวกเราขับรถขึ้นไปเล็กน้อย เพื่อเดินชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติตรงยอดดอยสูงสุด ซึ่งเป็นป่าดึกดำบรรพ์โลกล้านปี ตรงที่มีป้ายประเพณี “สูงสุดแดนสยาม” ให้หลายคนไปยืนเก๊กท่าถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ก่อนจะจิบกาแฟร้อนๆ บนนั้นคลายหนาว และดับความง่วงในยามเช้าที่ผู้คนแสนจะพลุกพล่าน

ราว 9 โมงเช้า พวกเราลงมาเก็บเต็นท์ และแวะกินอาหารเช้าที่ร้านอาหารใกล้ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งน่าจะเป็นที่ฝากท้องได้เยี่ยมที่สุดในเวลานั้น และขากลับเข้าในเมือง ระหว่างทางก็มีแวะเที่ยวน้ำตกวชิรธาร พอเป็นกษัยให้หัวใจได้ชุ่มช่ำกันซักหน่อย ก่อนจะกลับเข้าไปเจอสภาพอากาศในเมือง ที่คนละเรื่องกันกับบนนี้ ประเภทจากหน้ามือเป็นหลังตีน

และก็เป็นหลังตีนที่พวกเราไม่ค่อยโสภากันซักเท่าไร

ปล.ทริปนี้ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน อันที่จริงจะเรียกว่า 1 วัน 1 คืนก็ยังได้ เพราะมาถึงกันตอนบ่ายสาม และกลับเข้าเมืองตอนเก้าโมงเช้า สามารถเช่ามอเตอร์ไซค์ขับมาจากในตัวเมือง หรือนั่งรถโดยสารมาลงได้ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ส่วนตอนขึ้นไปชมวิวตอนเช้า รถสองแถวสีเหลืองก็มีให้บริการ ลองสอบถามแถวๆ ลานกางเต็นท์อุทยานกันได้

[jijira]

บรรยากาศดีน่าเที่ยวมากๆคะ  >>

[ololl04]

สวยมากเลยครับ 

[zaza112]

สวยมากเลยค่ะ>>