กำเนิดแหล่งน้ำจากดอยหลวงเชียงดาว @ น้ำตกศรีสังวาลย์

สถานที่ตั้ง : อุทยานแห่ชาติผาแดง บ้านนาหวายตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
โทรศัพท์ : 053 317 498
พิกัด : 19.629105, 98.956338

    อำเภอเชียงดาว โดดเด่นด้วยดอยหลวงเชียงดาว ที่นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังแล้ว ด้านล่างของมหาดอยแห่งนี้ยังมีถ้ำเชียงดาวเป็นสุดยอดที่เที่ยวยอดนิยมอีกด้วยเช่นกัน และหากเดินทางออกจากตัวอำเภอไปอีกสักหน่อย จะได้พบกับน้ำตกหินปูนอันมีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาเดียวกัน ชาวเชียงดาวยกให้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวคลายร้อนประจำอำเภอ น้ำตกแห่งนี้มีชื่อว่า “น้ำตกศรีสังวาลย์”

    น้ำตกศรีสังวาลย์ เดิมมีชื่อว่า “น้ำตกนาหวาย” เป็นน้ำตกหินปูนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติผาแดง น้ำตกแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เที่ยวง่ายและสะดวกที่สุดของอุทยานฯ เนื่องจากน้ำตกศรีสังวาลย์ตั้งอยู่บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติผาแดงพอดี จากลานจอดรถเดินเท้าต่ออีกเพียง 50 เมตร ก็ถึงตัวน้ำตกแล้ว แม้ปริมาณน้ำไม่มาก เพราะเป็นน้ำตกขนาดเล็ก แต่ก็สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย ผิวของหินปูนทำให้เดินไม่ลื่นล้ม นิยมมาเที่ยวกันแบบครอบครัว เด็กจะสนุกกับการเล่นน้ำ ส่วนพ่อแม่นั่งกินข้าวเหนียวส้มตำดูลูกเล่นท่ามกลางบรรยากาศที่ร่มรื่นเย็นสบาย ไปเดินอ่านป้ายมาทำให้ทราบว่า เมื่อปี พ.ศ. 2410 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี “สมเด็จย่า” ท่านเคยเสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมเยียนทหาร ตชด. มาประจำการที่บ้านนาหวาย จากนั้นพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปเสวยพระกายาหารกลางวัน ณ น้ำตกบ้านนาหวาย และได้พระราชทานชื่อน้ำตกแห่งนี้ใหม่ว่า “น้ำตกศรีสังวาลย์” อันเป็นที่มาของชื่อน้ำตกแห่งนี้จนถึงปัจจุบัน

    น้ำตกศรีสังวาลย์ เป็นน้ำตกหินปูนมีความกว้างประมาณ 10 เมตร มีความสูงประมาณ 20 เมตร ลักษณะของน้ำตกจะลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆ จำนวน 4 ชั้น แต่ละชั้นถูกตั้งชื่อเอาไว้อย่างไพเราะ ได้แก่ ชั้นที่ 1 คะนึงหา ชั้นที่ 2 ช่องธารา ชั้นที่ 3 งามนที และชั้นที่ 4 ศรีสังวาลย์ บริเวณน้ำตกมีพันธุ์ไม้ขนาดใหญ่ขึ้นอยู่ เช่น มณฑาป่า ค้างคาวดำ ดีหมี รวมถึงเฟิร์นชนิดต่างๆ มีบรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายเหมาะสำหรับการพักผ่อนเป็นอย่างมาก

    การเดินทางมาน้ำตกศรีสังวาลย์ จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 สายเชียงใหม่-ฝาง ถึงอำเภอเชียงดาว บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 79 จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายบริเวณแยกเมืองงาย วิ่งไปตามทางหลวงหมายเลข 1178 อีกประมาณ 24 กิโลเมตร ถึงบ้านนาหวาย เลี้ยวซ้ายไปอีก 150 เมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติผาแดง จากนั้นเดินทางเท้าอีกนิดก็จะถึงตัวน้ำตกศรีสังวาลย์

by Traveller Freedom

คีนชีพอดีตวัดร้างแห่งบ้านแม่สะป๊อก @ วัดแม่สะป๊อก

สถานที่ตั้ง : บ้านแม่สะป๊อก หมู่ที่ 5 ถนนทางหลวงหมายเลข 1013 ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 18.664334, 98.638164

    เมื่อข่าวมหากุศลการบวชพระ “หนึ่งแสนรูป” ได้แพร่สะพัดไปทั่ววงการคณะสงฆ์ ได้ก่อให้เกิดการพร้อมใจกันที่จะให้การสนับสนุนและช่วยเหลือรูปแบบต่างๆ ทางคณะสงฆ์ต่างก็พากันระดมมาจากทั่วทุกสารทิศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนึ่งในโปรเจกการฝึกว่าที่พระพี่เลี้ยงรุ่นแสนรูป “โครงการธุดงค์ธรรมชัย” ก็เป็นที่ชื่นชมของพระเถรานุเถระผู้ใหญ่หลายๆ รูป

    วัดแม่สะป๊อก ตั้งอยู่ที่บ้านแม่สะป๊อก ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งในวัดที่เคยถูกขึ้นทะเบียนเป็นวัดร้าง เป็นวัดที่อยู่ท่ามกลางชุมชนพี่น้องชนเผ่าปกาเกอญอ หรือ ชาวกะเหรี่ยง ที่สามารถพูดสื่อสารภาษาไทยได้ดี ปัจจุบันมี หลวงตาสว่าง อาจารสุโภ พรรษา 5 มาดูแลพัฒนาวัดแม่สะป๊อกแห่งนี้ได้ 3 ปีแล้ว แม้ท่านจะบวชเมื่อเกษียณอายุราชการจากกรมป่าไม้ และปัจจุบันท่านมีอายุมากถึง 71 ปี แต่หลวงตาท่านกล่าวว่า ตราบเท่าที่ท่านยังคงมีชีวิตอยู่ ท่านจะรักษาและพัฒนาวัดแห่งนี้ให้กลับมารุ่งเรืองเช่นเดิมให้ได้ และดีใจที่หมู่คณะพระใหม่จะเดินทางกันมาช่วยพัฒนาวัด ศึกษาเรียนรู้ชีวิตพระในท้องถิ่นที่ห่างไกลความเจริญทางด้านวัตถุและเทคโนโลยี

    พระอธิการสมิทธิ สุธีโร เจ้าอาวาสวัดสบวิน ตำบลแม่วิน ในอำเภอเดียวกัน ท่านกล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้เล็งเห็นความสำคัญของการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในถิ่นทุรกันดาร และได้นำพระภิกษุสงฆ์เข้ามาในอำเภอแม่วาง สำหรับ “โครงการธุดงค์ธรรมชัย” ถือว่าเป็นโครงการที่ยอดเยี่ยม ศรัทธาญาติโยมจะได้ทราบว่าพระภิกษุสงฆ์นั้นได้ทำงานกันอย่างจริงจัง และได้รับฟังธรรมะจากพุทธบุตร พระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นนักเผยแผ่ตัวจริง โดยเฉพาะเผยแผ่ทาง DMC หลวงพ่อทำได้ดีมาก พระอธิการสมิทธิ สุธีโร ยังได้นำหลักธรรมของพระเดชพระคุณหลวงพ่อมาเผยแผ่ธรรมะให้กับเด็กนักเรียนด้วย เพราะท่านเป็นพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน
 
    ท่านพระครูสุชาตธรรมาวุธ เจ้าอาวาสวัดใหม่บางเติม ท่านกล่าวว่าโครงการนี้จะช่วยปลุกโยมให้ตื่นตัวและได้ทำบุญกับเนื้อนาบุญเป็นจำนวนมาก และยังช่วยแก้ปัญหาวัดร้างจากพระภิกษุและเป็นการปลุกพระไปในตัวด้วย

    การเดินทางมาวัดแม่สะป๊อก จากตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เดินทางลงทิศใต้ตามทางหลวงหมายเลข 108 สายเชียงใหม่-จอมทอง เมื่อมาถึงอำเภอสันป่าตอง ให้เลี้ยวขวาเข้ามาทางอำเภอแม่วาง ตามทางหลวงหมายเลข 1013 มาตามทางเรื่อยๆ วัดจะอยู่ริมทางโค้งพอดี บริเวณปากทางเข้าวัดถ้ำดอยโตน วัดแม่สะป๊อกจะอยู่ก่อนถึงโครงการหลวงแม่สะป๊อก   

*** DMC ย่อมาจาก Dhamma Media Channel

by Traveller Freedom

สายธาราแห่งอำเภอไชยปราการ @ น้ำตกห้วยทรายขาว

สถานที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา หมู่ที่ 8 ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่
โทรศัพท์ : 053 317 535
พิกัด : 19.67836, 99.19718

    อำเภอไชยปราการ หนึ่งใน 25 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ แม้อำเภอนี้จะถูกผู้คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นอำเภอผ่าน เนื่องจากตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างอำเภอเชียงดาวกับอำเภอฝาง สองอำเภอดังที่ได้ขึ้นชื่อว่าอุดมไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวชื่อยอดนิยมมากมาย แต่ทั้งนี้ อำเภอไชยปราการก็ถือเป็นอำเภอที่เปี่ยมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่ล้ำค่ามากมายเช่นกัน เพียงแต่หลายคนยังไม่ทราบเท่านั้นเอง หนึ่งในนั้นคือผืนป่าอนุรักษ์ที่ถูกจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ ที่มีชื่อว่า “อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา” และผืนป่าต้นน้ำบนดอยเวียงผาแห่งนี้เอง ที่เป็นต้นกำเนิดของสายธาราจนเป็นที่มาของ “น้ำตกห้วยทรายขาว”
 
    เมื่อฤดูร้อนมาเยือน สถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนต่างถวิลหาอันดับหนึ่งคงต้องยกให้กับ “น้ำตก” ซึ่งแน่นอนว่าชาวอำเภอไชยปราการ ต่างมุ่งหมายมาคลายร้อนกัน ณ น้ำตกห้วยทรายขาว ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาน้ำตกแห่งนี้ นอกจากจะได้สนุกสนานกับการแช่น้ำตกเพื่อคลายร้อนแล้ว ยังได้ท่องเที่ยวไปในผืนป่าของอุทยานฯ โดยทางเจ้าหน้าที่ได้จัดทำเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติไว้ให้ด้วย
 
    น้ำตกห้วยทรายขาว เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่สามารถลงเล่นน้ำคลายร้อนได้อย่างปลอดภัย ตัวน้ำตกถูกแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นมีระยะทางเดินที่สั้นมาก โดยมีระยะทางเดินรวมกันเพียง 300 เมตรเท่านั้น จากลานจอดรถเดินแป๊บเดียวก็จบครบถึงชั้นที่ 3 แล้ว สะดวกสุดๆ ไปเลย นอกจากนี้ยังมีเจ้าที่หน้าของอุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา คอยให้คำแนะนำและดูแลในด้านความปลอดภัย รวมถึงอำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยวภายในอุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา

    การเดินทางไปน้ำตกห้วยทรายขาว จากตัวเมืองเชียงใหม่ ให้มุ่งหน้าขึ้นสู่ทิศเหนือ ตามทางหลวงหมายเลข 107 หรือถนนโชตนา สายเชียงใหม่-ฝาง วิ่งมาตามทางเป็นระยะทางประมาณ 135 กิโลเมตร จะถึงตัวอำเภอไชยปราการ จากนั้นให้สังเกตจะมีซอยทางขวามือ จะมีป้ายบอกทางไป “อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา” เป็นทางเข้าทางเดียวกับทางเข้าไปหมู่บ้านแม่ขิหล่ายฝาง และวัดศรีอุทุมพร จากปากทางนี้ต้องเข้าไปตามเส้นทางหมู่บ้านอีก 12 กิโลเมตร จะไปถึงอุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา จากลานจอดรถของอุทยานฯ จะต้องเดินเท้าเข้าไปถึงตัวน้ำตกห้วยทรายขาวชั้นที่ 1 อีกประมาณ 100 เมตร

    ใกล้ๆ กับน้ำตกห้วยทรายขาว ในอำเภอไชยปราการนั้น ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่ชื่อว่า “กาดเมืองผี” ซึ่งจะมาแนะนำกันในโอกาสหน้า

by Traveller Freedom

น้ำตกแห่งแม่จอนหลวง @ น้ำตกสิริรัตน์

สถานที่ตั้ง : บ้านขุนแม่วาก ตำบลแม่นาจร อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 18.663129, 98.473536

    แม่จอนหลวง เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงฤดูกาลไล่ล่าหาที่ชมดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทยบานสะพรั่งประมาณเดือนมกราคมของทุกปี แต่ในขณะที่ผู้คนต่างกำลังชื่นชมยลโฉมดอกนางพญาเสือโคร่งอยู่นั้น ทำให้พลาดเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันไปบ้าง หนึ่งในนั้นก็คือ “น้ำตกสิริรัตน์” ที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากแม่จอนหลวงนัก หวังว่าฤดูร้อนปีนี้น้ำตกแห่งนี้จะได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น 

    น้ำตกสิริรัตน์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลแม่นาจร อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ขึ้นชื่อว่าตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอนี้รับรองว่า “แจ่ม” สมชื่อแน่นอน น้ำตกสิริรัตน์ตั้งอยู่ในเขตการดูแลของสถานีทดลองเกษตรที่สูงแม่จอนหลวง ตัวน้ำตกอยู่ทางทิศตะวันตกของแม่จอนหลวง บริเวณนั้นจะเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเขาเผ่าม้ง มีหมู่บ้านชื่อว่า “หมู่บ้านขุนแม่วาก” การเข้าถึงน้ำตกสิริรัตน์ต้องผ่านหมู่บ้านแห่งนี้ และต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 300 เมตร เส้นทางค่อนข้างสะดวกในการเดิน แต่แนะนำให้สวมรองเท้าที่เหมาะสมคล่องตัวในการเดินป่า เนื่องจากบางช่วงต้องเดินผ่านพื้นที่ลาดชันแคบๆ อาจเกิดการพลัดลื่นล้มไถลได้

    น้ำตกสิริรัตน์ มีด้วยกันหลายชั้น แต่ละชั้นให้ความงดงามแตกต่างกันไป ที่น่าดีใจคือมีน้ำไหลแรงตลอดปี ในช่วงฤดูท่องเที่ยวเทศกาลชมนางพญาเสือโคร่ง จะเป็นช่วงที่แม่จอนหลวงต้อนรับนักท่องเที่ยวมากที่สุดในรอบปี แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่หลงใหลกับดอกไม้สีชมพู จนมองข้ามน้ำตกงามแห่งนี้ไป

   การเดินทางมาน้ำตกสิริรัตน์ จากตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เดินทางมาตามทางหลวงหมายเลข 108 สายเชียงใหม่-ฮอด เมื่อเดินทางมาถึงอำเภอสันป่าตองแล้ว ให้เลี้ยวขวาที่แยกแม่วาง เพื่อเข้าสู่อำเภอแม่วาง จากอำเภอแม่วางให้เดินทางมาจนถึง “ขุนวาง” จากขุนวางจะมีเส้นทางให้เดินทางไปแม่จอนหลวง เมื่อมาถึงสถานีทดลองเกษตรที่สูงแม่จอนหลวง แล้วให้ออกจากสถานีฯไปทางทิศตะวันตก เพื่อไปบ้านม้งขุนแม่วาก ถึงบ้านขุนแม่วากจะพบทางแยกไปน้ำตกสิริรัตน์ ให้จอดรถไว้บริเวณหมู่บ้าน จากนั้นต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 10-15 นาที เส้นทางปรับแต่งแล้ว สะดวกต่อการเดินเท้า แต่ควรสวมรองเท้าที่เหมาะสมต่อการเดินขึ้นเขา น้ำตกสิริรัตน์มีน้ำไหลแรงตลอดปีเล่นน้ำ พักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงนั่งรับประทานอาหารบริเวณน้ำตก แต่อย่าลืมเก็บขยะออกมาทิ้งด้านนอกด้วยทุกครั้ง

by Traveller Freedom

สายธาราแห่งอำเภอเวียงแหง @ น้ำตกแม่หาด

สถานที่ตั้ง : บ้านแม่หาด หมู่ที่ 1 ตำบลเมืองแหง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่
โทรศัพท์ : 053 477 034 (องค์การบริหารส่วนตำบลเมืองแหง)
พิกัด : 19.628055, 98.576563

    นักท่องเที่ยวหลายคนคงได้รู้จักและเคยท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ บนเส้นทางท่องเที่ยวต่อเนื่องกับอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นจุดไฮไลท์ คือจุดชมทะเลหมอกที่มีชื่อว่า  “ดอยกิ่วลม” แต่ใครเลยจะรู้ว่า ห่างออกไปไกลแสนไกลในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ กลับมีน้ำตกให้นักท่องเที่ยวได้คลายร้อนซ่อนอยู่ น้ำตกแห่งนั้นมีชื่อว่า “น้ำตกแม่หาด”

    น้ำตกแม่หาด หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ครอบคลุมของอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง น้ำตกแห่งนี้อยู่ไกลจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังมาก โดยตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านแม่หาด ตำบลเมืองแหง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ในเขตการดูแลของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ นด.5 (น้ำตกแม่หาด) ตัวน้ำตกแม่หาดมีความสูงประมาณ 40 - 50 เมตร มีความกว้างประมาณ 8 - 10 เมตร มี 4 ชั้น น้ำไหลผ่านตามหน้าผาหิน มีแอ่งน้ำให้เล่นได้อย่างปลอดภัย พื้นที่โดยรอบปกคลุมด้วยป่าดงดิบชื้นและอุดมไปด้วยโขดหินที่สวยงาม ในช่วงหน้าร้อนจะได้รับความนิยมจากคนพื้นที่ในอำเภอเวียงแหงมากเป็นพิเศษ

    น้ำตกแม่หาด หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของอำเภอเวียงแหง ที่ต้องบอกว่าเป็นอำเภอสุดปลายทางที่ต้องตั้งใจมาจริงๆ เท่านั้น น้ำตกแม่หาด แม้จะเป็นน้ำตกที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักและไม่ได้รับการประชาสัมพันธ์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเท่าไรนัก อันเนื่องมาจากอำเภอเวียงแหง เป็นอำเภอที่ตั้งอยู่ห่างไกลตัวเมืองเชียงใหม่ รวมถึงพื้นที่ของอำเภอตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-พม่า ทำให้มีเส้นทางที่คดเคี้ยวสุดๆ สำหรับผู้ไม่ชอบการเดินทางไกล จึงอาจไม่ชอบที่จะมาชื่นชมธรรมชาติแถบนี้ ทำให้น้ำตกแม่หาดไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากนัก ทั้งนี้ ภายหลังมีการค้นพบ “พระมาลา” หรือหมวกของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อครั้งทรงเสด็จทัพผ่านเส้นทางนี้ ทำให้เกิดการท่องเที่ยวตามรอยเส้นทางเดินทัพของพระองค์ อำเภอเวียงแหงจึงได้รับการมาเยือนจากนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น

    น้ำตกแม่หาด นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแล้ว ยังเป็นแหล่งกำเนิดไฟฟ้าขนาดย่อมที่ดูแลโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และยังเป็นแหล่งต้นน้ำเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ตำบลเมืองแหงอีกด้วย

    การเดินทางไปน้ำตกแม่หาด จากตัวเมืองเชียงใหม่ ให้ไปตามทางหลวงหมายเลข 107 สายเชียงใหม่-ฝาง ถึงแยกเมืองงายให้เลี้ยวซ้ายไปเมืองงาย ไปตามทางเรื่อยๆ จะมีแยกให้เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าสู่อำเภอเวียงแหง

by Traveller Freedom

รวมน้ำตกในจังหวัดแม่ฮ่องสอน (Page 2)

น้ำตกผาเสื่อ
สถานที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ บ้านห้วยผา ตำบลห้วยผา อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
พิกัด : 18.161070, 97.941833
    น้ำตกผาเสื่อ ตั้งอยู่บนเส้นทางขึ้นสู่แหล่งท่องเที่ยวปางอุ๋ง ตัวน้ำตกเกิดจากลำแม่น้ำสะงา เป็นน้ำตกขนาดกลางมีความสูง 10 เมตร กว้าง 15 เมตร ในช่วงฤดูฝนจะมีน้ำไหลเต็มหน้าผากว้างทำให้มีรูปร่างคล้าย “เสื่อ” จึงเป็นที่มาของชื่อน้ำตกแห่งนี้ ในฤดูแล้งจะมีน้ำน้อยทำให้เห็นโขดหินที่สวยงาม เหมาะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ โดยน้ำตกผาเสื่อมีภาพยนตร์โฆษณาตัวหนึ่งนำมาใช้เป็นฉากหลังเรียบร้อยแล้ว

น้ำตกผาบ่อง
สถานที่ตั้ง : บ้านผาบ่องเหนือ ตำบลผาบ่อง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
พิกัด : 19.192464, 97.996737
    น้ำตกผาบ่อง ตั้งอยู่ในพื้นที่ของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ที่ 4 อยู่ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน 13 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็กแต่มีความสูงมาก ชาวบ้านเรียกว่า “น้ำตกคำขอน” เพราะเกิดจากลำห้วยคำขอน น้ำตกผาบ่องเป็นน้ำตกขนาดเล็ก สายน้ำไหลลดหลั่นลงจากหน้าผาหินสูง 40 เมตร กระแสน้ำไหลไม่รุนแรงบริเวณด้านหน้าเป็นแอ่งน้ำเล็กๆ สามารถลงเล่นน้ำได้ แต่น่าเสียดายที่มีการต่อท่อนำน้ำไปใช้ ทำให้น้ำไหลน้อยจนแทบจะเห็นเพียงโขดหินเปล่าๆ

น้ำตกหมอแปง
สถานที่ตั้ง : หมู่ที่ 4 บ้านหมอแปง ตำบลแม่นาเติง อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
พิกัด : 19.378848, 98.375640
    น้ำตกหมอแปง นับเป็นน้ำตกยอดนิยมของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะมาเยือนน้ำตกแห่งนี้ให้เห็นอย่างหนาตามากเป็นพิเศษ น้ำตกหมอแปงเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามในระดับพอประมาณ แต่เดินทางไปเข้าถึงได้สะดวกกว่าน้ำตกแห่งใดในเมืองปาย แถมมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกในรูปแบบสวนน้ำธรรมชาติอีกด้วย
    น้ำตกหมอแปง เป็นน้ำตกขนาดกลาง แบ่งออกเป็น 3 ชั้น ชั้นที่ใหญ่และเหมาะแก่การเล่นน้ำคือชั้นที่สองและชั้นที่สาม น้ำตกหมอแปงจะมีความสูงรวมกันทุกชั้นประมาณ 15 เมตร และมีความกว้างประมาณ 10 เมตร มีน้ำไหลตลอดปีแต่จะมีปริมาณน้ำมากและดูสวยงามที่สุดในช่วงฤดูฝน บรรยากาศโดยรอบมีความร่มรื่น บริเวณน้ำตกมีร้านอาหารขนาดย่อมคอยให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่ด้วย
    แม้ปริมาณน้ำจะไม่ถึงกับเยอะแยะมหาศาล แต่ก็มีปริมาณมากพอจะชโลมโขดหินให้กลายเป็นลานสไลเดอร์ธรรมชาติ นี่เองคือสิ่งพิเศษของน้ำตกหมอแปงที่จะกลายเป็นสวนน้ำธรรมชาติให้กับนักท่องเที่ยวผู้รักความสนุกในการไหลลื่นไปตามก้อนหินขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเป็นแผ่นเรียบ เมื่อรูดผ่านลานหินลงไปเบื้องล่างจะมีแอ่งน้ำคอยรับเรือนร่างไม่ให้เจ็บตัวแต่อย่างใด เป็นกิจกรรมสุดเหวี่ยงที่น่าลองสักครั้ง

by Traveller Freedom

รวมน้ำตกในจังหวัดแม่ฮ่องสอน (Page 1)

    จังหวัดแม่ฮ่องสอน แม้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองสามหมอก ทว่าดินแดนไทใหญ่แห่งนี้ไม่ได้มีแต่หมอกให้เที่ยวชม แต่อุดมไปด้วยน้ำตกมากมายหลายแห่ง อย่ารอช้า! ไปพบกับน้ำตกในจังหวัดแม่ฮ่องสอนกันเลย

น้ำตกแพมบก
สถานที่ตั้ง : บ้านแพมกลาง หมู่ที่ 5 ตำบลทุ่งยาว อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
พิกัด : 19.320716, 98.404707
    น้ำตกแพมบก หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของอำเภอปาย นับเป็นเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมากแห่งหนึ่งของเมืองปาย ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นอย่างมากในการมากระโดดเล่นน้ำสัมผัสความฉ่ำเย็น ที่มาของชื่อน้ำตกแพมบก คำว่า “แพม” เป็นชื่อของแม่น้ำที่ไหลผ่านหมู่บ้าน ส่วนคำว่า “บก” มาจากคำว่า “หมก” ซึ่งเป็นภาษาไทใหญ่ แปลว่า “อยู่ในป่าลึก” แพมบก รวมความได้ความหมายว่า น้ำตกที่ไหลผ่านหมู่บ้านที่อยู่ในป่าลึกนั้นเอง

น้ำตกแม่สวรรค์น้อย
สถานที่ตั้ง : วนอุทยานน้ำตกแม่สวรรค์น้อย ตำบลแม่เหาะ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
พิกัด : 18.16007, 98.07158
    น้ำตกแม่สวรรค์น้อย เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติตัวแทนจากอำเภอแม่สะเรียง ตั้งอยู่ใน วนอุทานน้ำตกแม่สวรรค์น้อย ตัวน้ำตกอยู่ไม่ไกลจากชุมชนมากนัก อยู่ห่างจากที่ทำการวนอุทยานฯ ระยะทางประมาณ 4.5 กิโลเมตร น้ำตกแม่สวรรค์น้อยแห่งนี้เป็นน้ำตกที่ต้องเดินเที่ยวชมโดยเริ่มจากชั้นบนสุดเดินลงสู่ชั้นล่าง น้ำตกจะมีน้ำไหลตลอดทั้งปีแม้ในฤดูแล้ง บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย น้ำตกแบ่งเป็นชั้นๆ จำนวน 7 ชั้น ตั้งแต่ขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ แต่ละชั้นจะมีความงดงามที่แตกต่างกันออกไป โดยน้ำตกชั้นที่มีขนาดใหญ่และสวยงามอยู่ในชั้นที่ 5 ส่วนชั้นที่ 4 สามารถลงเล่นน้ำได้ปลอดภัยที่สุด บางชั้นยังมีธารน้ำตกแยกออกเป็น 2 สาย ตามลักษณะของโขดหิน ถือเป็นน้ำตกที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างยิ่ง

น้ำตกแม่สุรินทร์
สถานที่ตั้ง : หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สร.1 (น้ำตกแม่สุรินทร์) ตำบลแม่อูคอ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน
พิกัด : 18.942162, 98.072347
    น้ำตกแม่สุรินทร์ ถือเป็นน้ำตกที่หลุดในการกล่าวถึงเสียไม่ได้ เพราะนี่คือน้ำตกที่สวยที่สุดของจังหวัดแม่ฮ่องสอน อีกทั้งยังเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดของประเทศไทยอีกด้วย น้ำตกแม่สุรินทร์มีลักษณะเป็นน้ำตกชั้นเดียวที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงชันที่มีความสูงประมาณ 200 เมตร น้ำตกสายนี้มีลำน้ำแม่สุรินทร์เป็นแหล่งต้นน้ำ มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ถือเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่อุดมสมบูรณ์ ตลอดจนมีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงาม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของอำเภอขุนยวม และของจังหวัดแม่ฮ่องสอน

ตามรอยละครดัง “เพลิงพระนาง” สถานที่ถ่ายทำในเชียงใหม่

    จบไปแล้วสำหรับละครดังเรตติ้งกระฉูดที่ออกอากาศทางช่อง 7 “เพลิงพระนาง” ที่นำแสดงโดยตัวแม่ อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ, ยุ้ย จีรนันท์ มะโนแจ่ม, ฐิสา วริฏฐิสา ลิ้มธรรมมหิศร และนักแสดงอีกมากมายที่ล้วนเป็นตัวแม่ไม่แพ้กัน เนื้อหาของละครว่าด้วยเรื่องราวของการแย่งชิงอำนาจกันจนนำไปสู่ความล่มสลายของบ้านเมือง แม้จะเป็นเรื่องราวและเหตุการณ์สมมุติ แต่สถานที่ที่เป็นฉากอันยิ่งใหญ่ของละครเรื่องนี้นั้น ส่วนใหญ่ล้วนถ่ายทำอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ บทนี้จึงเอาใจติ่งละคร รวมถึงผู้ที่ต้องการตามรอยละครดัง เพื่อไปชมความงดงามยิ่งใหญ่อลังการของสถานที่ถ่ายทำ โดยเฉพาะ “หอคำ” ที่สงสัยกันเหลือเกินว่า .. “ทำไมนะ ใครๆ ก็อยากไปหอคำ”

อุทยานหลวงราชพฤกษ์
สถานที่ตั้ง : ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 18.747957, 98.924854
    อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ถือเป็นสถานที่ถ่ายทำหลักของละครเรื่องนี้เลยทีเดียว และหอคำที่ใครๆ ก็อยากไปกันนักก็คือ “หอคำหลวง” Landmark ของอุทยานหลวงราชพฤกษ์แห่งนี้นี่เอง
    สำหรับการตั้งชื่ออุทยานหลวงราชพฤกษ์นั้น หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี องค์ประธานมูลนิธิโครงการหลวง ได้ขอพระราชทานชื่อสวนซึ่งเป็นสถานที่จัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 ณ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ว่า “สวนหลวงราชพฤกษ์” ต่อมาท่านผู้หญิงบุตรี  วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ ปฏิบัติราชการแทนราชเลขาธิการ ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อสวนดังกล่าวว่า “อุทยานหลวงราชพฤกษ์” ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2553  ซึ่งความหมายของชื่อหมายถึง “สวนของพระมหากษัตริย์”

วัดพระธาตุดอยคำ
สถานที่ตั้ง : เลขที่ 108 หมู่ 3 ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 18.759372, 98.917851
    วัดพระธาตุดอยคำ ตั้งอยู่บนยอดดอยคำ เนื่องจากอยู่ใกล้กับอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ทางกองถ่ายจึงไม่พลาดที่จะนำมาเป็นส่วนหนึ่งของละครชุดนี้ ปัจจุบันเป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศที่พี่น้องชาวไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี จากอิทธิฤทธิ์ความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระพุทธรูปที่มีชื่อว่า “พระเจ้าทันใจ”
พระเจ้าทันใจ มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ มีประชาชนชาวไทยจำนวนมากได้ไปบนบานและประสบความสำเร็จตามที่ขอ ซึ่งการแก้บนจะแก้บนด้วยพวงดอกมะลิ โดยในแต่ละวันจะมีพุทธศานิกชนเดินทางไปสักการะกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในวันหยุดนักขัตฤกษ์

วัดป่าดาราภิรมย์
สถานที่ตั้ง : ตำบลริมใต้ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 18.910631, 98.940650
    วัดป่าดาราภิมย์ สถานที่แห่งนี้ถูกนำเสนอในละครเพลิงพระนางหลายต่อหลายฉากด้วยกัน แม้จะมีประเด็นดราม่าเกิดขึ้นบ้าง ในเรื่องของการแสดงอย่างสมจริงสมจัง มีการตบตีจิกกัดของเจ้านางทั้งหลาย ซึ่งบางคนมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมภายในวัด แต่นั้นก็เป็นเพียงแค่การแสดงที่มีการขอนุญาตมาก่อนแล้ว
วัดป่าดาราภิรมย์ เป็นวัดที่มีความสำคัญมากอีกแห่งหนึ่ง ชื่อของวัดถูกตั้งขึ้นตามพระนามของ "พระราชชายา เจ้าดารารัศมี"พระชายาในสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ ๕ โดยวัดแห่งนี้ได้รับพระบรมราชานุญาตยกฐานะให้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ นับได้ว่าเป็นพระอารามหลวงแห่งที่ 7 ในจังหวัดเชียงใหม่

by Traveller Freedom

รวมน้ำตกในอำเภอแม่วาง

    อำเภอแม่วาง เป็นอำเภอที่มีพื้นที่ที่เป็นภูเขาอยู่มากถึง 90% อีก 10% เป็นพื้นราบอันเป็นที่ตั้งของตัวอำเภอในบริเวณที่ติดกับอำเภอสันป่าตอง ถือเป็นอำเภอที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มาก เนื่องจากมีพื้นป่าอนุรักษ์ถึง 2 อุทยานแห่งชาติ คือ อุทยานแห่งชาติแม่วาง กับอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ด้วยปัจจัยดังกล่าวทำให้ก่อกำเนิดเกิดเป็นน้ำตกน่าเที่ยวมากมาย โดยจะขอแนะนำน้ำตกในอำเภอแม่วาง 3 แห่ง ดังนี้

น้ำตกแม่วาง
สถานที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติแม่วาง ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 18.54317, 98.70213
    น้ำตกแม่วาง ชื่อของน้ำตกแห่งนี้ เป็นทั้งชื่อของอำเภอ เป็นทั้งชื่อของแม่น้ำสายหลัก และเป็นชื่อของอุทยานแห่งชาติ ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดทั้งมวลมีความเกี่ยวเนื่องต่อกัน น้ำตกแม่วางตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติแม่วาง เป็นต้นน้ำของลำน้ำแม่วางที่หล่อเลี้ยงผู้คนในอำเภอแม่วางมาชั่วนาตาปี
น้ำตกแม่วาง เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามและสามารถกระโดดเล่นน้ำได้เป็นอย่างปลอดภัย ตัวน้ำตกไหลลงจากหน้าผาสูง 20 เมตร กระทบโขดหินเกิดเป็นอ่างน้ำธรรมชาติ ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก







น้ำตกแม่สะป๊อก
สถานที่ตั้ง : โครงการหลวงแม่สะป๊อก ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 18.667023, 98.620358
    น้ำตกแม่สะป๊อก ตั้งอยู่ในพื้นที่ของโครงการหลวงแม่สะป๊อก น้ำตกแห่งนี้ถือเป็นทรัพยากรธรรมชาติอันล้ำค่าที่ถูกซ่อนเร้นไว้ภายในป่าลึก โดยเมื่อเดินทางไปถึงโครงการหลวงฯแล้ว จะต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 15 นาที ในบางช่วงเวลาที่แสงแดดส่องจะทำให้มองเห็นสายรุ้งเกิดขึ้นบริเวณน้ำตกแห่งนี้
น้ำตกแม่สะป๊อก เป็นน้ำตกที่ก่อเกิดจากลำน้ำแม่สะป๊อก สายน้ำที่หล่อเลี้ยงผืนป่าและเกษตรกรภายในพื้นที่หลายหมู่บ้าน ก่อนลำน้ำสายนี้จะไหลงไปรวมกับลำน้ำแม่วางต่อไป







น้ำตกผาดำ
สถานที่ตั้ง : บ้านขุนวาง ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 18.621066, 98.524516
    น้ำตกผาดำ ตั้งอยู่ภายในบ้านขุนวาง เป็นน้ำตกที่อยู่ในเส้นทางเดินป่าของทัวร์ชาวต่างชาติ โดยจะมีชาวกะเหรี่ยงเป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่นนำพากลุ่มนักท่องเที่ยวมาเดินบนเส้นทางลึกลับเข้าไปในป่าลึกแห่งนี้ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยทั่วไป เมื่อมาถึงทางเข้าน้ำตกแห่งนี้แล้ว จึงจำเป็นต้องติดต่อผู้นำทาง เพื่อพาเข้าไปถึงตัวน้ำตก



   น้ำตกผาดำ เกิดจากลำธารคลองผาดำ อันมีต้นน้ำมาจากเทือกเขาอันเป็นส่วนหนึ่งของดอยอินทนนท์ ตัวน้ำตกมีลักษณะเป็นสายน้ำที่ตกลงลดหลั่นจากหน้าผาสูง เป็นน้ำตกที่ยังไม่ค่อยเปิดสู่สายตาชาวโลกนัก จึงแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ให้ได้รู้จักกัน






by Traveller Freedom

อันซีนพระขี่ม้าบิณฑบาตร @ วัดป่าอาชาทอง (Page 4)

สถานที่ตั้ง : ตำบลศรีค้ำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
โทรศัพท์ : 089 700 0927
พิกัด : 20.226911, 99.806886

    เดิมที ท่านตั้งใจจะบวชเพียง 7 วัน แต่นับจากวันนั้นถึงวันนี้ ท่านมุ่งศึกษาและเผยแผ่ธรรมะแก่บรรดาชาวเขาตามแนวตะเข็บชายแดน หลังครองผ้ากาสาวพัสตร์ได้เพียงหนึ่งวัน ท่านก็ออกธุดงค์เพื่อแสวงหาความสงบ โดยยึดโอวาทจากพระอุปัชฌาย์ว่า “บวชเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง” ท่านเดินทางมาจนถึงดอยผาม้า และเห็นว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสม จึงยึดเป็นที่ปฏิบัติธรรม พระครูบานั่งสมาธิพิจารณาขันธ์ 5 ด้วยใจมุ่งมั่นที่จะบรรลุธรรม ครั้งหนึ่งท่านนอนหลับฝันว่า หลวงปู่สด วัดปากน้ำภาษีเจริญ มาสอนวิชาธรรมกายให้ท่านทำใจใสๆ กำหนดองค์พระอยู่ศูนย์กลางกาย ท่านไม่มั่นใจว่าฝันนั้นเป็นจริงหรือไม่ จึงอธิษฐานจิตว่าหากหลวงปู่สดมาพบในฝันจริงขอให้มีญาติโยมนำปัจจัยมาถวาย

    พอรุ่งเช้าก็มีนักข่าวของสถานีวิทยุท้องถิ่นนำปัจจัยมาถวายตามคำอธิษฐาน และขอสมัครเป็นศิษย์ ท่านจึงให้ญาติโยมดังกล่าวพาท่านไปยังวัดปากน้ำ พร้อมทั้งนำคำสอนของหวงปู่สดมาใช้ในการนั่งสมาธิเรื่อยมา ครั้งหนึ่งท่านนั่งสมาธิบนโขดหินโดยอธิษฐานว่า จะขอนั่งอยู่ตรงนี้จนกว่าจะบรรลุธรรม แม้ตายก็จะไม่ลุกจากที่นี่ " ท่านนั่งนิ่งอยู่ 15 วัน จนผึ้งมาเกาะทำรังตามเนื้อตัว ท่านรู้สึกเจ็บจึงพยายามแยกความรู้สึกของกายออกจากจิต

    แม้กายจะเจ็บ แต่จิตนิ่งใสสว่าง ความเจ็บก็ทุเลาลง ท่านนั่งจนหมดสติไป และในฝันท่านเห็นหลวงปู่เกษม ซึ่งศึกษาฌานสมาบัติอยู่ ณ สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง มาบอกว่า นี่คือการเข้านิโรธสมาบัติ แยกจิตกับกายและ ให้หมั่นเพียรนั่งสมาธิ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญญา อันเป็นหนทางแห่งการบรรลุธรรม เมื่อท่านยังเห็นพระซึ่งเป็นครูบาอาจารย์มากมายมารายล้อมและบอกกับท่านว่า นับแต่นี้จะมีผู้คนมากมายมาสนับสนุนการเผยแผ่ธรรมมะของท่าน และก็เป็นจริงเช่นนั้น เพราะหลังจากท่านฟื้นขึ้นก็พบว่า มีชาวบ้านเดินทางมากราบไหว้และถวายอาหาร เนื่องจากในช่วงที่พระครูบาเหนือชัยนั่ง หลับตาและมีผึ้งมาเกาะนั้น มีชาวบ้านมาพบเข้าและเกิดจิตศรัทธาจึงไปชักชวนชาวบ้านคนอื่นๆ มากราบไหว้ พร้อมทั้งช่วยกันสร้างที่พักให้จนกลายเป็น “วัดป่าอาชาทอง” จนถึงปัจจุบัน

    แน่นอนว่าสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชนคนทั่วไป คือการได้มาชมพระขี่ม้าบิณฑบาตร ซึ่งต้องมาให้ทันในช่วงเช้า ทางวัดได้เตรียมของสำหรับใส่บาตรไว้ให้เรียบร้อยแล้ว มาแต่ตัวกับปัจจัยก็พอ ที่สำคัญคือ อย่าพลาด “คลานลอดท้องม้า” ซึ่งแน่นอนว่ามีที่นี่เพียงที่เดียวในโลก

by Traveller Freedom

อันซีนพระขี่ม้าบิณฑบาตร @ วัดป่าอาชาทอง (Page 3)

สถานที่ตั้ง : ตำบลศรีค้ำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
โทรศัพท์ : 089 700 0927
พิกัด : 20.226911, 99.806886

    พระครูบาเหนือชัย พยายามดึงชาวบ้านเข้ามาร่วมในกิจกรรมของวัด โน้มน้าวให้ชาวเขาส่งลูกหลานมาบวชเรียน มีการสอนหนังสือให้แก่ชาวเขาทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยท่านเป็นผู้เลี้ยงดูอาหารการกินทั้งหมด ชาวบ้านที่มานอกจากจะได้รับความรู้และข้อคิดคุณธรรมต่างๆ แล้ว ยังได้ข้าวปลาอาหาร รวมถึงข้าวของเครื่องใช้กลับไปบ้านด้วย ข้าวของที่ญาติโยมถวายมานั้นพระครูจะแจกจ่ายให้เกือบหมด เหลือไว้ให้พระเณรที่วัดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากหมู่บ้านใดอยู่ไกลไม่สะดวกที่จะเดินทางมาที่วัด ท่านและลูกวัดก็จะ ขี่ม้าข้ามเขานำข้าวของไปให้ ด้วยคุณธรรมของท่าน ทำให้ผู้มีจิตศรัทธานำข้าวของและม้ามาถวายให้ท่านเป็นจำนวนมาก ด้วยต้องการสนับสนุนการเผยแผ่ธรรมะของท่าน จากสถานปฏิบัติธรรมเล็กๆ ปัจจุบัน วัดป่าอาชาทอง มีวัดสาขาถึง 12 แห่ง มีม้าถึงกว่าร้อยตัว มีโค-กระบือ 10 ตัว มีคนงานชาวเขาทั้งเด็กและผู้ใหญ่กว่า 60 คน ซึ่งม้าดังกล่าวนั้นครูบาอนุญาตให้ชาวเขา ข้าราชการครู ตำรวจ และทหารในพื้นที่ หยิบยืมไปใช้ได้

    หลังจากที่ข่าวเรื่องพระขี่ม้าบิณฑบาตได้รับการกล่าวขานออกไปแบบปากต่อปากจนเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว จนกระทั่ง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ขอให้พระครูบาเหนือชัยนำวัดป่าอาชาทองเข้าร่วมในโครงการ Unseen Thailand เพื่อช่วยโปรโมตการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย ซึ่งครูบาเหนือชัยใช้เวลาคิดใคร่ครวญอยู่นานถึง 3 ปี จึงตัดสินใจตกลงเข้าร่วมโครงการเมื่อปี พ.ศ. 2547 เนื่องจากพระครูบารู้ดีว่าเมื่อการท่องเที่ยวย่างกรายเข้ามา วิถีชีวิตอันเงียบสงบของชาวเขาย่อมต้องเปลี่ยนแปลงไป

    “อาชาทอง” ม้าหนุ่มร่างกำยำ ควบตะบึงพาพระครูบาข้ามเขาลูกแล้วลูกเล่าเพื่อรับบาตรจากญาติโยมผู้มีจิตศรัทธา และเผยแผ่ธรรมะของพระพุทธองค์ อาหารที่เหลือจากการบิณฑบาตถูกแจกจ่ายให้ชาวเขาผู้ยากไร้ กว่า13 ปีแล้วที่'พระครูบาเหนือชัย พากเพียรให้ความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมแก่ชาวเขาเผ่าต่างๆ ที่อาศัยอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนในเขตอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เพื่อเปลี่ยนชาวเขาจากผู้ลักลอบขนยามาเป็นชาวไร่ผู้หวงแหนและร่วมพิทักษ์ผืนแผ่นดินไทย

    พระครูบาเหนือชัย โฆสิโต เจ้าอาวาสวัดป่าอาชาทอง ได้เปลี่ยนฐานะจาก "นายเสมอชัย ใจบินตา " หนุ่มที่ชอบวิชาหมัดมวยมาบวชเป็นภิกษุเพื่อศึกษาธรรมะ ท่านตัดใจจากภรรยาและลูกน้อยชาย-หญิงทั้ง 2 คน หลังจากมีครอบครัวได้เพียง 8 ปี ด้วยเห็นทุกข์ของชีวิตทางโลก

by Traveller Freedom

อันซีนพระขี่ม้าบิณฑบาตร @ วัดป่าอาชาทอง (Page 2)

สถานที่ตั้ง : ตำบลศรีค้ำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
โทรศัพท์ : 089 700 0927
พิกัด : 20.226911, 99.806886

    พระขี่มาบิณฑบาต เป็นปรากฏการณ์ที่สร้างความแปลกใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวทั่วไทย จนกลายเป็นหนึ่งใน Unseen Thailand เมื่อครูบาเหนือชัย ท่านมีม้าเป็นพาหนะจึงทำให้การบิณฑบาตและเดินทางเผยแผ่ธรรมะได้รับความสะดวกมากขึ้น แม้พระครูบาจะต้องขี่ม้าเป็นระยะทางไม่ต่ำกว่า 5 กิโลเมตร เพื่อรับบาตรจากสาธุชนผู้มีจิตศรัทธา บางครั้งอาหารที่ได้มาตกหล่นไปกว่าครึ่ง เพราะเวลาม้าควบตะบึงไปตามเส้นทางที่คดโค้งขรุขระ จนทำให้ข้าวของก็กระเด้งกระดอนหล่นหมด

    พระครูบาเหนือชัย ท่านทนร้อนทนหนาวข้ามเขาลูกแล้วลูกเล่า เพื่อนำอาหารที่เหลือจากฉันไปแจกจ่ายให้ชาวเขา เนื่องจากชาวเขาเหล่านี้มีความยากจนมาก ท่านก็เผยแผ่ธรรมะไปด้วย ท่านก็ไม่เคยบ่นไม่เคยท้อ ท่านอยากให้ชาวบ้านมีความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม โดยมีคุณสุทธิพงศ์ ชุติมากุลทวี ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานวัดป่าอาชาทอง ซึ่งเป็นหนึ่งในลูกศิษย์และผู้ติดตามรับใช้พระครูบาเหนือชัยมาตลอด

    เนื่องจากชาวเขาส่วนใหญ่นับถือผีและเป็นศาสนาคริสต์ตามคำแนะของฝรั่งที่เข้าไปช่วยพัฒนาความเป็นอยู่ ชาวบ้านจึงไม่เข้าใจการเผยแผ่ธรรมะของพระครูบาเหนือชัย บางครั้งท่านถูกชาวเขาหลายสิบคนรุมทำร้าย แต่ก็รอดมาได้ด้วยบุญบารมีและวิชาหมัดมวยที่ท่านร่ำเรียนมา ด้วยปณิธานของท่านที่ต้องการดึงชาวเขาที่หลงผิดไปค้ายาและรับจ้างขนยาตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-พม่า ให้หันมาประกอบสัมมาอาชีพ และเป็นแนวร่วมในการดูแลรักษาผืนแผ่นดินไทย พระครูบาจึงเมตตาให้ความช่วยเหลือทุกคนที่เดือดร้อนไปพร้อมๆกับการอบรมธรรมะ
 
    ชาวเขาส่วนใหญ่จะรับจ้างขนยา รวมถึงเสพยาเองด้วย เด็กอายุแค่ 10 ขวบก็ติดยาแล้ว ติดกันทั้งหมู่บ้าน ฝิ่น เฮโรอีน ยาบ้า มีหมด ครูบาท่านมองว่าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ท่านก็พยายามเอาชาวเขามาเรียนหนังสือ มาฝึกอาชีพ สอนมวยไทยให้เด็กๆ พอโตหน่อยพวกนี้ก็ไปรับจ้างแสดงในเมืองจนมีรายได้ขึ้นมา ใครมาวัดก็ให้ข้าวของติดมือกลับไป แล้วก็สอนธรรมะไปด้วย สอนว่ายาเสพติดมันไม่ดี หลังๆ ชาวบ้านก็เลิกเสพ-เลิกค้าไปเยอะ จนขุนส่าเริ่มไม่พอใจ ก็มาดูตัวมาคุยกับพระครูบา แต่สุดท้ายราชายาเสพติดอย่างขุนส่าก็ยอมรับในตัวครูบา และขอให้ท่านไปอยู่ที่เมืองยอน ซึ่งเป็นเมืองของพวกว้าแดง เขาจะสร้างวัดให้ แต่ครูบาท่านไม่ไป ท่านบอกท่านเป็นคนไทยจะอยู่และตายบนผืนแผ่นดินไทย

by Traveller Freedom

อันซีนพระขี่ม้าบิณฑบาตร @ วัดป่าอาชาทอง (Page 1)

สถานที่ตั้ง : ตำบลศรีค้ำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
โทรศัพท์ : 089 700 0927
พิกัด : 20.226911, 99.806886

    วัดป่าอาชาทอง เริ่มต้นด้วยการก่อตั้งเป็น “สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง” มีเจ้าอาวาสเป็นพระนักพัฒนานามว่า “ครูบาเหนือชัย โฆสิโต” ผู้ที่ทำให้วัดป่าอาชาทองมีชื่อเสียงโด่งดังลือลั่นไปทั่วหล้า ด้วยคำว่า “พระขี่ม้าบิณฑบาตร” ที่ได้กลายเป็นการท่องเที่ยวในระดับ Unseen Thailand จากการยกย่องของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

    ครูบาเหนือชัย โฆสิโต มีนามเดิมว่า “นายเสมอ ใจปินตา” เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2505 ปีขาล บิดาชื่อ สามยอด มารดาชื่อ น้อย เป็นบุตรชายคนโตในจำนวนพี่น้อง 3 คน โยมพ่อและโยมแม่พื้นเพเป็นคนเชื้อสายชาวยอง ซึ่งบรรพบุรุษอพยพมาจากจังหวัดลำพูน โยมแม่เป็นคนมีลูกยาก จึงไปขอลูกจากพระธาตุดอยตุง เมื่อกลับมาถึงบ้านโยมแม่ฝันว่ามีม้าสีขาวมารับแล้วพาท่องไปทั่วจักรวาล หลังจากนั้นก็ได้ตั้งท้องแล้วให้กำเนิดครูบาเหนือชัยขึ้นมา

    ในวัยเด็ก ครูบาเหนือชัยมีความสนใจในเรื่องพระพุทธศาสนามาก เพราะเป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตอยู่สองแห่ง คือหากไม่อยู่ที่วัดก็จะอยู่ตามทุ่งนาเพื่อฝึกสมาธิ ชอบเข้าหาพระธุดงค์และหนาน โดยศึกษาธรรมกับเจ้าอาวาสวัดแม่คำ ขณะเดียวกันก็มีความสนใจและศึกษาศิลปะการป้องกันตัวตามตำรา “อาทมาต” หรือที่รู้จักกันในชื่อการต่อสู้ตามแบบ "กองกำลังจตุรังคบาท" ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทำให้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องกระบี่ กระบอง พลองไทย และแม่ไม้มวยไทย เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2535 ได้อุปสมบท ณ อุโบสถวัดล้านตอง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยมีครูบาทองสืบ วิสุทฺธจาโร เจ้าอาวาสวัดล้านตอง เป็นพระอุปัชฌาย์ ศึกษาธรรมโดยการออกธุดงค์อยู่ในป่าเขาตามแนวชายแดน และปฏิบัติธรรมอยู่บริเวณถ้ำป่าอาชาทอง จึงได้ตั้งสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทองขึ้นจนถึงปัจจุบัน

    จากเดิมที่พระครูบาเหนือชัยเดินขึ้นลงเขาเพื่อรับบาตรจากญาติโยม ได้ฉันบ้าง ไม่ได้ฉันบ้าง ด้วยหนทางที่ห่างไกลกว่าท่านจะเดินถึงวัดก็เลยเวลาฉันเพล ชาวบ้านจึงสงสารนำม้ามาถวายเพื่อให้ท่านใช้เป็นพาหนะในการเดินทาง ซึ่งม้าดังกล่าวเป็นม้าที่มีลักษณะดี ร่างกายกำยำ พระครูบาจึงตั้งชื่อให้ม้าตัวนี้ว่า “อาชาทอง” และใช้ชื่อดังกล่าวเป็นชื่อวัดด้วย จึงเป็นที่มาของ "วัดป่าอาชาทอง"

by Traveller Freedom

รวมน้ำตกในอำเภอแม่ริม

    อำเภอแม่ริม ถือเป็นอำเภอที่ได้ขึ้นชื่อว่าอุดมไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวมากที่สุดอำเภอหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในอำเภอที่ตั้งอยู่ใกล้กับตัวเมืองเชียงใหม่อีกด้วย ทั้งนี้ แม้จะอยู่ห่างจากตัวเมืองไม่มาก แต่ก็มากล้นด้วยธรรมชาติจากผืนป่าของเทือกเขาดอยสุเทพ ก่อกำเนิดเกิดเป็นแม่น้ำลำธารและน้ำตกหลายสาย และนี่คือน้ำตกที่ขอแนะนำกันในอำเภอแม่ริม มีดังนี้

น้ำตกแม่สา
สถานที่ตั้ง : ถนนสายแม่ริม-สะเมิง ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 18.905242, 98.900013
    น้ำตกแม่สา เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุดในอำเภอแม่ริม น้ำตกแม่สาตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ตัวน้ำตกมีน้ำไหลตลอดปี จำนวนชั้นของน้ำตกมีทั้งหมด 10 ชั้น ไหลลงมาตามเชิงเขา แต่ละชั้นมีระยะห่างกันประมาณ 100-500 เมตร โดยเจ้าหน้าที่ได้กำหนดจุดจอดรถเอาใว้ในชั้นที่ 1 และชั้นที่ 3 ของน้ำตกเท่านั้น ตั้งแต่ชั้นที่ 4 ไปจนถึงชั้นที่ 10 นักท่องเที่ยวจะต้องเดินทางด้วยเท้าเข้าไปยังน้ำตกเอง โดยมีระยะทางเดินรวมเพียง 1 กิโลเมตร โดยชั้นที่สวยที่สุดคือชั้นที่ 5 ชั้นที่ 6 และชั้นที่ 7 สามารถเล่นน้ำได้แต่ต้องใช้ความระมัดระวัง เส้นทางการเข้าถึงน้ำตกแม่สามีความสะดวกสบาย ทางเดินระหว่างชั้นน้ำตกเป็นทางที่จัดการไว้อย่างดีและไม่ชันมาก ตลอดเส้นทางเดินเที่ยวน้ำตกถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ทั่วบริเวณ เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์มาก ทำให้สภาพอากาศร่มรื่นเย็นสบายตลอดปี น้ำตกแม่สาแห่งนี้จึงเป็นสถานที่พักผ่อนที่ได้รับความนิยมมากทั้งชาวเชียงใหม่เอง และนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนจากต่างถิ่น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางมาเที่ยวชมกันตลอดทั้งปีไม่มีว่างเว้นในแต่ละวัน

น้ำตกตาดหมอก
สถานที่ตั้ง : ทางหลวงชนบท ชม.4043 ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 18.962011, 98.856157
    น้ำตกตาดหมอก ทางเข้าตัวน้ำตกอยู่ก่อนถึงน้ำตกแม่สา น้ำตกตาดหมอกเป็นน้ำตกขนาดกลางที่เกิดจากลำห้วยแม่แรม ตัวน้ำตกมีสายน้ำอันเย็นฉ่ำที่ตกผ่านหน้าผา ลักษณะน้ำตกจะเป็นชั้นผาหินซ้อนกัน มีความสูงประมาณ 20 เมตร หากเข้าไปใกล้ตัวน้ำตกจะสัมผัสได้ถึงความสดชื่นที่เกิดจากละอองน้ำที่ฟุ้งกระจายสีขาวราวกับสายหมอก บริเวณโดยรอบให้ความร่มรื่นเย็นสบาย สามารถมาท่องเที่ยวได้ทุกฤดูกาล เหมาะอย่างยิ่งที่จะมาคลายร้อนในช่วงฤดูร้อน จากจุดจอดรถเดินถึงตัวน้ำตกมีระยะทางเพียง 500 เมตร

น้ำตกสายหมอก
สถานที่ตั้ง : ทางหลวงชนบท ชม.3009 ตำบลสะลวง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 19.01848, 98.79898
    น้ำตกสายหมอก เป็นน้ำตกสวยงามที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าลึก มีน้ำไหลตลอดปีท่ามกลางสภาพป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงจนทำให้มีมอสสีเขียวเกาะอยู่ตามก้อนหินริมลำธาร แม้ปัจจุบันน้ำตกแห่งนี้ยังไม่ค่อยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก แต่ก็เป็นข้อดีที่ดำรงให้ผืนป่ารอบบริเวณน้ำตก ทำให้มีระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ต่อไป ที่มาของชื่อน้ำตกสายหมอก เกิดจากละอองน้ำที่สาดกระเซ็นจากการทิ้งตัวลงมาของสายน้ำ มาบดบังตัวน้ำตกแห่งนี้ไม่ให้มีผู้ใดมาพบเห็นได้โดยง่าย จนกลายเป็นที่มาของการซ่อนเร้นและเป็นชื่อของ “น้ำตกสายหมอก” นั้นเอง

by Traveller Freedom

ในช่วงฤดูแล้งนี้มีความเหมาะสมที่สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย หากน้ำเยอะในช่วงฤดูน้ำหลาก อาจได้รับอันตรายในการลงเล่นน้ำได้ *-*

สดชื่นคลายร้อนบนดอยอินทนนท์ @ น้ำตกวังควาย

สถานที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ทางหลวงหมายเลข 1009 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
โทรศัพท์ : 053 355 728
พิกัด : 18.501963, 98.666032

    ยามเข้าหน้าร้อน แม้จะเป็นเมืองทางภาคเหนืออย่างจังหวัดเชียงใหม่เอง ก็ย่อมต้องหาทำเลหลักแหล่งในการหลบหายคลายร้อนด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะบนดอยอินทนนท์ ผืนป่าอันกว้างใหญ่ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมตลอดกาล มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากมายในฤดูหนาว ทว่าในฤดูร้อนนั้น ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน...
 
    บนดอยอินทนนท์มีแหล่งสายน้ำลำธารมากมาย แต่หากจะเลือกเน้นเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสำหรับร้อนนี้แล้วละก็ คงต้องยกให้ “น้ำตกวังควาย” สายน้ำที่ไม่เพียงแต่ให้ความสดชื่นฉ่ำเย็น แต่ยังสามารถลงเล่นได้อย่างปลอดภัยหายห่วงอีกด้วย

    น้ำตกวังควาย ตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ สายน้ำไหลลงเซาะลดเลี้ยวตามโขดหินขนาดใหญ่ลงมาเป็นชั้นๆ บริเวณพื้นน้ำเป็นทรายเม็ดละเอียด ซึ่งทางต้นน้ำจะดูไหลแรงเล็กน้อย เป็นมุมที่ผู้คนนิยมมาเก็บภาพ ส่วนทางด้านล่างกระแสน้ำไหลช้ามีลักษณะเป็นธารกว้างบนลานหิน จึงเป็นน้ำตกที่เหมาะแก่การลงเล่นน้ำเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เองน้ำตกวังควายจึงได้รับการมาเยือนจากผู้ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ และนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงปิดเทอมนี้ ไม่ว่าจะเป็นวันธรรมดาหรือวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ผู้ปกครองจึงนิยมนำบุตรหลานมาเล่นน้ำคลายร้อน และเพื่อความสนุกสนานนั้นเอง

    ลำธารบริเวณน้ำตกวังควาย เป็นสายน้ำที่เดินทางผ่านแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังบนเส้นทางของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์มาแล้วมากมาย โดยต้นน้ำของสายน้ำแห่งนี้มีต้นกำเนิดมาจากน้ำตกผาดอกเสี้ยวที่บ้านแม่กลางหลวง จากนั้นไหลลงสู่น้ำตกสิริธาร สายน้ำถาโถมผ่านลงหน้าผาจนเกิดเป็นน้ำตกวชิรธาร ผ่านจากจุดนั้นไม่นานนักก็มาถึงน้ำตกวังม่วง ก่อนจะไหลสู่ลำธารบริเวณน้ำตกวังควายแห่งนี้

    บริเวณน้ำตกวังควาย มีลานจอดรถเป็นลานดินกว้างๆ ริมถนนเส้นหลัก สามารถจอดรถยนต์ส่วนบุคคลได้ประมาณ 30 คัน
มีร้านอาหารบริการหลายร้านด้วยเมนูยอดฮิต อาทิ ข้าวเหนียว ไก่ย่าง ส้มตำ นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการนำห่วงยางมาให้เช่าอีกด้วย

    การเดินทางสู่น้ำตกวังควาย โดยจะอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เป็นระยะทางประมาณ 68 กิโลเมตร ให้มาตามถนนทางหลายหมายเลข 108 สายเชียงใหม่-ฮอด จนถึงประมาณหลักกิโลเมตรที่ 58 บริเวณสามแยกดอยอินทนนท์ ให้เลี้ยวขวาขึ้นไปตามถนนทางหลวงหมายเลข 1009 ไปอีกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร

by Traveller Freedom

รวมน้ำตกในอำเภอแม่แตง

    ออกเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของอำเภอแม่แตง อำเภอที่มีขนาดใหญ่ประกอบด้วยพื้นที่ราบกว้างใหญ่และพื้นที่เทือกเขาสูง อันเป็นต้นกำเนิดของน้ำตกที่มีความหลากหลายไม่ซ้ำแบบกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือให้ความเย็นสดชื่นแก่ผู้มาเยือน และนี่คือน้ำตกที่ขอแนะนำกันในอำเภอแม่แตง มีดังนี้

น้ำตกตาดหลวง
สถานที่ตั้ง : บ้านหนองก๋าย หมู่ที่ 4 ตำบลสันป่ายาง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 19.03290, 98.84301
    น้ำตกตาดหลวง เป็นอีกหนึ่งน้ำตกสวยที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าลึก ตั้งอยู่บนเส้นทางระหว่างทางไปวัดพระพุทธบาทสี่รอย ตัวน้ำตกตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านหนองก๋าย อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลสันป่ายาง น้ำตกตาดหลวงเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามแวดล้อมด้วยธรรมชาติท่ามกลางพืชป่าที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ การเข้าถึงตัวน้ำตกต้องเดินเท้าจากจุดจอดรถเข้าไปอีก 500 เมตร ลักษณะการตกของน้ำตกแห่งนี้มีความแตกต่างออกไปจากน้ำตกแห่งอื่น โดยตัวน้ำตกจะไหลลงหน้าผาขนาดเล็ก ก่อนจะเลี้ยวหักมุมเป็นมุมฉาก แล้วลาดลงไปตามโขดหิน เกิดเป็นลำธารไหลใสเย็น

น้ำตกบัวตอง
สถานที่ตั้ง : ตำบลแม่หอพระ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 19.069427, 99.079354
    น้ำตกบัวตอง ตั้งอยู่ในพื้นที่ของวนอุทยานน้ำตกบัวตอง-น้ำพุเจ็ดสี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติศรีลานนา น้ำตกบัวตองมีความสูง 100 เมตร แบ่งเป็น 3 ชั้น เป็นน้ำตกหินปูนที่ไหลเคลือบโขดหินจนกลายเป็นสีขาวฉาบด้วยสารแคลเซียมคาร์บอเนต จึงทำให้โขดหินปราศจากความลื่น นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นไต่โขดหินได้โดยไม่ลื่นล้มหกคะเมน ทำให้เป็นที่นิยมของลูกเด็กเล็กแดง เนื่องจากมีความปลอดภัยในการเล่นน้ำตก ซึ่งต้นน้ำของน้ำตกมาจากตาน้ำของน้ำพุเจ็ดสี อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่มาคู่กัน

น้ำตกหมอกฟ้า
สถานที่ตั้ง : ตำบลสบเปิง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 19.11490, 98.77060
    น้ำตกหมอกฟ้า แม้จะตั้งอยู่ในเขตอำเภอแม่แตง แต่ก็อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ดอยปุย เนื่องจากเป็นแนวเทือกเขาในเขตผืนป่าอนุรักษ์เดียวกัน น้ำตกหมอกฟ้าเป็นน้ำตกชั้นเดียว แต่มีน้ำไหลตลอดปี บริเวณโดยรอบมีบรรยากาศร่มรื่น มีสภาพป่าที่สมบูรณ์ ในช่วงเช้าเมื่อมีแสงแดดส่องลงมาโดนสายน้ำ ทำให้น้ำตกจะเกิดเป็นสายรุ้งสวยงามตรงละอองน้ำที่กระจายไปทั่วบริเวณ น้ำตกแห่งนี้มักจะได้รับการมาเยือนจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางสู่อำเภอปายเสมอ นอกจากนี้บริเวณน้ำตกหมอกฟ้ายังมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีบริการบ้านพักของอุทยานฯ และมีเต็นท์ให้เช่าพักแรมอีกด้วย

by Traveller Freedom

สายธาราพาสดชื่นในเมืองเชียงใหม่

    คนเมืองในจังหวัดเชียงใหม่โชคดีขนาดไหน ที่ได้มีผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์กระทั่งได้จัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ ไม่ต้องพากันออกไปหาความสดชื่นนอกเมืองเหมือนในตัวเมืองแห่งอื่นๆ ด้วยความสมบูรณ์ทางธรรมชาตินี้ทำให้ก่อเกิดเป็นผืนป่าต้นน้ำ กลั่นกรองออกมาเป็นสายธาราให้ทั้งคน-สัตว์-พืชได้พึ่งพา ดังนั้นจึงทำให้เมืองเชียงใหม่มีทั้งน้ำตก และอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก ไว้เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้พักผ่อนคลายร้อน ได้เวลาหนีร้อนไปพึ่งเย็นแล้วจะรออะไรล่ะ.. 

น้ำตกห้วยแก้ว
สถานที่ตั้ง : ถนนศรีวิชัย ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 18.812857, 98.946098
    น้ำตกห้วยแก้ว ถือเป็นน้ำตกในตำนานที่พี่น้องชาวเมืองเชียงใหม่รู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะนี่คือน้ำตกที่อยู่ใกล้เมืองเชียงใหม่มากที่สุด ตั้งอยู่บนถนนต้นทางขึ้นดอยสุเทพพอดิบพอดี น้ำตกห้วยแก้วเป็นน้ำตกขนาดเล็ก มีความสูงประมาณ 10 เมตร มีน้ำไหลตลอดปี โดยมีต้นน้ำมาจากผืนป่าบนดอยสุเทพ รอบๆ บริเวณน้ำตกมีความร่มรื่นของพันธุ์ไม้นานาชนิด นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสักการะอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย สามารถแวะเที่ยวชมน้ำตกแห่งนี้ได้ เพียงเดินเท้าก้าวเข้าไปอีกเล็กน้อยก็ถึงแล้ว

น้ำตกมณฑาธาร
สถานที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 18.817018, 98.925772
    น้ำตกมณฑาธาร หรืออีกชื่อว่า “น้ำตกสันป่ายาง” เป็นน้ำตกที่สวยงามแห่งหนึ่ง มีทั้งหมด 9 ชั้น โดยน้ำตกชั้นบนสุดมีชื่อว่า น้ำตกไทรย้อย ต้นน้ำของน้ำตกแห่งนี้ไหลมาจากห้วยคอกม้า จากนั้นไหลเป็นทอดๆ ผ่านผาเงิบ วังบัวบาน และน้ำตกห้วยแก้ว ส่วนที่มาชื่อน้ำตกนั้นมาจากต้นมณฑา ซึ่งเป็นไม้ยืนต้น มีดอกสีขาว สามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามผืนป่าบนดอยสุเทพ

อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า
สถานที่ตั้ง : ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 18.868109, 98.939129
    อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า ถือเป็นอีกหนึ่งสถานตากอากาศของชาวเมืองเชียงใหม่ที่ได้รับความนิยมมานานหลายสิบปี สถานที่แห่งนี้มีลักษณะเป็นอ่างเก็บน้ำ ตั้งอยู่แนบชิดติดแนวเทือกเขาดอยสุเทพ บริเวณอ่างเก็บน้ำมีหาดทรายคล้ายชายทะเล สามารถลงเล่นน้ำได้ มีผู้ประกอบการให้บริการเช่า ห่วงยาง เรือพาย จักรยานน้ำในราคาเป็นกันเองตามมาตรฐาน มีซุ้มแพสำหรับตกปลาบริเวณสันเขื่อน บริเวณโดยรอบอ่างเก็บน้ำมีแพและกระท่อมไม้ไผ่บริการอาหารให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มรสอาหารอร่อยมากมายกว่า 20 ร้าน หากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว สามารถผ่อนคลายเบาๆด้วยการนวดแผนไทย

by Traveller Freedom

อุทยานแห่งชาติดอยหลวง

สถานที่ตั้ง : ตำบลแม่เย็น อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย
โทรศัพท์ : 053 609 042
พิกัด : 19.443689, 99.704562

    อุทยานแห่งชาติดอยหลวง นับเป็น 1 ใน 3 อุทยานแห่งชาติของจังหวัดเชียงราย โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 731,250 ไร่ ลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำวังและแม่น้ำลาวในจังหวัดเชียงราย สภาพป่าเป็นป่าเบญจพรรณ ป่าดิบชื้น และป่าเต็งรัง อุทยานแห่งชาติดอยหลวงได้รับการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 61 ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2533

    อุทยานแห่งชาติดอยหลวง มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนทอดตัวยาวตามแนวเหนือ-ใต้ โดยมีความสูงจากทางทิศเหนือลงมาทางทิศใต้ มียอดดอยหลวงเป็นยอดเขาสูงสุด สูง 1,694 เมตรจากระดับน้ำทะเล แต่ยอดดอยหลวงจะอยู่ในพื้นที่จังหวัดพะเยา ซึ่งอุทยานแห่งชาติดอยหลวงจะครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือ จังหวัดเชียงราย จังหวัดพะเยา และจังหวัดลำปาง นอกจากนี้พื้นที่ของอุทยานฯ ยังประกอบด้วยป่าชนิดต่างๆ ถึง 5 ชนิด ได้แก่ ป่าเบญจพรรณ ปาเต็งรัง ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง และป่าสนเขา ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำวัง และลำน้ำสาขาที่ไหลลงสู่กว๊านพะเยาอีกด้วย

    อุทยานแห่งชาติดอยหลวง มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลายแห่ง โดยเฉพาะน้ำตก เช่น น้ำตกปูแกง น้ำตกจำปาทอง น้ำตกแม่เหยี่ยน และน้ำตกวังแก้ว ซึ่งถือเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดของอุทยานแห่งชาติดอยหลวง นอกจากนี้ อุทยานแห่งชาติดอยหลวงยังมีเส้นทางเดินเท้าศึกษาธรรมชาติ โดยเฉพาะเส้นทางพิชิตยอดดอยหลวง และยอดภูเขาหินสุดท้าทายที่มีชื่อว่า “ดอยหนอก” เป็นดอยยอดที่ได้รับความนิยมจากนักเดินป่าเป็นอย่างมาก ดอยหนอกมีลักษณะเป็นภูเขานูนขึ้นมาเป็นรูปคล้ายโหนกวัว เป็นภูเขาที่มีหน้าผาสูงรอบด้านโดยจะสามารถมองเห็นทะเลหมอกและทิวทัศน์ที่สวยงามฝั่งจังหวัดพะเยาและจังหวัดลำปาง การเดินทางไปเที่ยวดอยหนอก เริ่มต้นที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติดอยหลวงที่ 6 (น้ำตกจำปาทอง) ใช้เวลาในการเดินเท้าขึ้นสู่ยอดดอย ประมาณ 6-8 ชั่วโมง ซึ่งต้องใช้เวลาในการเดินไป-กลับ 2 วัน 1 คืน

    อุทยานแห่งชาติดอยหลวง มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวให้ความรู้และเข้าใจแก่ผู้มาเยือน มีร้านค้าไว้บริการ สถานที่กางเต็นท์ และมีเต็นท์ให้เช่า โดยบริเวณที่ทำการอุทยานฯ มีสถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่นคือ “น้ำตกปูแกง” เป็นน้ำตกหินปูนที่มีความงดงามมากแห่งหนึ่ง มีจำนวนชั้นทั้งหมด 9 ชั้น ตั้งอยู่บริเวณบ้านปูแกง ซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยหลวง น้ำตกปูแกงมีนํ้าไหลตลอดทั้งปีจึงสามารถเดินทางมาเที่ยวได้ทุกฤดู แต่หากมาในฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงฤดูน้ำหลากจะทำให้เห็นสายน้ำเป็นสีน้ำตาลขุ่น

by Traveller Freedom

สักการะพระธาตุแห่งบ้านละอูบ @ วัดพระธาตุธัมมิกราช

สถานที่ตั้ง : บ้านละอูบ ตำบลห้วยห้อม อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
พิกัด : 18.348123, 98.062796

    ศาสนาพุทธเริ่มแผ่ขยายเข้ามาในผืนแผ่นดินไทยตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ซึ่งในอดีตกาลนั้นมีอาณาจักรเกิดขึ้นหลายอาณาจักร ถูกปกครองด้วยกษัตริย์มากมายหลายพระองค์ แต่ในกษัตริย์มากมายเหล่านั้น มีเพียง 2 พระองค์ ที่ทรงเป็น “ธัมมิกราช” ซึ่งทั้ง 2 พระองค์ต่างก็เป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนา คือ พญากือนา กับ พระเจ้าติโลกราช

    หาก “มหาราช” เป็นคำเชิดชูกษัตริย์ที่เป็นสุดยอดนักรบและนักปกครองผู้ยิ่งใหญ่ คำว่า “ธัมมิกราช” นั้น ก็เป็นคำเชิดชูกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่เฉกเช่นเดียวกัน ต่างกันแต่เพียงเป็นการเชิดชู “ทางโลกกับทางธรรม”

    ธัมมิกราช มาจากชื่อ “พระยาธัมมิกราช” อันหมายถึงพระศรีอาริยเมตไตรโพธิสัตว์ ซึ่งตามคตินี้ได้นำชื่อธัมมิกราชมาเฉลิมพระนามกษัตริย์ผู้ทรงพระปรีชาสามารถด้านศาสนาอย่างสูงสุด ตามความเข้าใจส่วนตัวสาเหตุที่อาณาจักรภาคกลางไม่มีธรรมิกราชนั่น เพราะคติความเชื่อของพราหมณ์ที่ว่ากษัตริย์คือนารายณ์อวตาร ทำให้กษัตริย์ต้องมีความเป็นนักรบ และสถานการณ์การเมืองไม่มั่นคงทำให้การใส่ใจพระศาสนาอย่างเต็มที่ถึงขนาดสังคายนาพระไตรปิฏกได้เป็นเรื่องทำได้ยาก และเช่นเดียวกับอยุธยา เมื่อผ่านยุคทองที่บ้านเมืองสงบสุข อาณาจักรก็ถึงกาลอ่อนแอและล่มสลาย ล้านนาเมื่อสิ้นพระเจ้าติโลกราชบ้านเมืองก็อ่อนแอชิงราชสมบัติกันเองจนเสียแก่พม่า อยุธยาเมื่อสิ้นสมเด็จพระนารายณ์ก็เปลี่ยนราชวงศ์ ประหารทหารไปมากและการแย่งชิงราชสมบัติจนทำให้เสียแก่พม่าอีก

    วัดพระธาตุธัมมิกราช เป็นหนึ่งในสาขาของวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่  สร้างไว้เพื่อเป็นพุทธบูชาธรรมบูชาสังฆบูชาสืบต่อพระพุทธศาสนาและฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 1,884,000 องค์ พร้อมพระธาตุพระอรหันต์สาวก คัมภีร์พระธรรม พระบูชา พระเครื่อง 84,000 องค์ เป็นที่สักการะบูชาของมนุษย์เทวดา พรหมทุกหมู่เหล่า พระอาจารย์ ปารมี สุรยุทโธ พร้อมคณะสงฆ์ ญาติมิตร บริวาร สร้างถวาย พิธีฤกษ์เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538 เวลา 9 นาฬิกา 9 นาที

    วัดพระธาตุธัมมิกราช ตั้งอยู่ที่บ้านละอูบ อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทัศนียภาพโดยรอบเป็นภูเขาน้อยใหญ่ จึงทำให้มีสภาพอากาศเย็นสบายตลอดปี ตั้งอยู่ในเส้นทางที่จะเดินทางเข้าไปโครงการหลวงแม่ลาน้อย หากเดินทางมาจากอำเภอแม่สะเรียง ให้เดินทางมาตามทางหลวง 108 จนถึงอำเภอแม่ลาน้อย จากนั้นให้เลี้ยวขวาเข้าทางแยกไปบ้านละอูบ ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงคือ บ้านห้วยห้อม แหล่งปลูกกาแฟอราบิก้าระดับโลกที่ส่งให้กับสตาร์บั๊ค

by Traveller Freedom

สักการะองค์พระพร้อมชมแสงสุดท้ายแห่งวัน @ พระพุทธโลกุตรมหามุณี

สถานที่ตั้ง : วัดพระธาตุแม่เย็น ตำบลแม่ฮี้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
พิกัด : 19.34907, 98.45412

    สำหรับเมืองปายที่ใครหลายๆ คนอาจเคยได้ไปมาแล้ว คงจะทราบดีว่า จุดชมวิวทิวทัศน์เมืองปายกับจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดนั้น ต้องขึ้นไปบนระเบียงชมวิว ณ วัดพระธาตุแม่เย็น ซึ่งถือเป็นจุดนัดพบยอดนิยมของนักท่องล่องเมืองปายมากว่า 10 ปีแล้ว แต่ในขณะที่ทางวัดพระธาตุแม่เย็นได้มีการสร้างองค์พระพุทธรูปขนาดใหญ่ขึ้นบนเนินเขาที่สูงขึ้นไปอีก ..จุดชมวิวของเมืองปายแห่งใหม่จึงถือกำเนิดขึ้นทันที

    พระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยขนาดใหญ่ความสูง 20 เมตรตั้งอยู่บนยอดดอยแม่เย็น เป็นอีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในเขตพื้นที่ของวัดพระธาตุแม่เย็น พระพุทธรูปองค์นี้มีชื่อว่า “พระพุทธโลกุตรมหามุณี” ถือเป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเมืองปาย และยังถือเป็นพระพุทธรูปที่ตั้งอยู่สูงที่สุดของเมืองปายอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เองทำให้ตำแหน่งที่ประดิษฐานขององค์พระพุทธรูป เป็นจุดชมวิวแห่งใหม่ของเมืองปาย เพราะนอกจากจะมองเห็นทิวทัศน์เมืองปายที่สูงกว่าจุดเดิมแล้ว ยังสามารถชมดวงอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาได้งดงามมากกว่าเดิมอีกด้วย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะถูกยกให้เป็น View Point แห่งใหม่ของเมืองปายในวันนี้

    จุดชมวิวแห่งใหม่บริเวณพระพุทธโลกุตรมหามุณีบนวัดพระธาตุแม่เย็นนั้น ตั้งอยู่ห่างจากเมืองปายเพียง 2 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมารวมตัวกันในช่วงเย็นโดยมิได้นัดหมาย ภายหลังขี่รถวนเที่ยวรอบเมืองปายเรียบร้อยแล้ว (Feelเดียวกันกับพระธาตุพูสี เมืองหลวงพระบางเลย) แต่จุดชมวิวแห่งใหม่นี้ไม่ได้สะดวกเรียบง่ายเหมือนระเบียงชมวิวในจุดเดิม เนื่องจากจุดเดิมจอดรถปุ๊บเดินเข้ามาในตัววัดก็ถึงปั๊บ ไม่ทันเหนื่อยอะไร แต่จุดใหม่บนองค์พระนั้น ต้องออกแรงเดินจากลานจอดรถ สาวเท้าก้าวขึ้นบันไดคอนกรีตจำนวน 294 ขั้น จึงจะขึ้นมาถึงจุดชมวิวแห่งใหม่ที่งดงามแห่งนี้ได้ ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ชมวิวพร้อมสักการะองค์พระพุทธรูปแล้ว ยังถือเป็นการเผาผลาญแคลอรี่ได้ดีอีกด้วย

    เมื่อเดินหอบขึ้นมาถึงจุดชมวิวบริเวณองค์พระพุทธโลกุตรมหามุณีเรียบร้อยแล้ว จะเห็นเลยว่ามีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก(โดยเกือบทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ) เดินขึ้นมาถึงก่อนเรา และกำลังจับจองที่นั่งตามขั้นบันไดเพื่อรอชมแสงสุดท้ายแห่งวัน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นดวงอาทิตย์ดวงเดียวกันกับที่ใครๆ ก็เห็นมันอยู่ทุกวัน แต่บอกเลยว่าFeel นี้ ..มันต่างกัน
 
by Traveller Freedom

สถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุศักดิ์สิทธิ์ @ วัดท่าข้ามใต้

สถานที่ตั้ง : บ้านท่าข้าม หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านกาศ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
โทรศัพท์ : 053 621 114
พิกัด : 18.189439, 97.930802

    วัดท่าข้ามใต้ เป็นวัดในสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ได้รับอนุญาตก่อตั้งให้เป็นวัดอย่างถูกต้องเมื่อปี พ.ศ. 2473 มีเนื้อที่ทั้งหมด 1 ไร่ กับ 2 งาน เป็นวัดที่ชาวบ้านท่าข้ามให้ความเคารพศรัทธาเป็นอย่างมาก โดยพุทธศาสนิกชนได้ดำเนินกิจกรรมการประกวดดนตรีพื้นเมืองทุกปี ปัจจุบันมี พระสองเมือง ถาวโร ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าข้ามใต้

    สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ปรากฏการณ์อภินิหารขององค์พระบรมธาตุ ที่ถูกค้นพบภายในถ้ำเหง้าแห่งวัดถ้ำพระโบราณ โดยได้แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ในช่วงเวลาประมาณ 3-4 ทุ่ม ปรากฏมีแสงสว่างรุ่งโรจน์โชติช่วง เจ้าอาวาสวัดท่าข้ามใต้ในอดีต คือ ท่านปัญญาวุฒิโฑ ได้ขออาราธนาองค์พระบรมธาตุนั้นมาประดิษฐานที่วัดท่าข้ามใต้ และทำการสมโภชพระธาตุ ต่อมาชาวแม่สะเรียงเมื่อทราบดังนั้นก็หลั่งไหลกันมาทำบุญ สักการะบูชากันไม่ขาดสาย ทางวัดได้จัดให้มีงานสรงน้ำองค์พระบรมธาตุเจดีย์เป็นประจำทุกปี

    วัดท่าข้ามใต้ ได้ดำเนินการสร้างพระเจดีย์องค์ใหม่ใหญ่กว่าเดิม เพื่อบรรจุพระบรมธาตุอันศักดิ์สิทธิ์มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านในอำเภอแม่สะเรียง โดยภายหลังสร้างพระเจดีย์เสร็จอย่างสมบูรณ์ได้จัดให้มีพิธีอัญเชิญบรรจุพระบรมธาตุไว้ภายในพระเจดีย์อย่างยิ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 09.09 น. ทางวัดท่าข้ามใต้ ได้นิมนต์ พระเดชพระคุณหลวงปู่พระพรหมมงคล ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 7 เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทองวงวิหาร พระชั้นผู้ใหญ่แห่งอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ มาเป็นประธานในพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุในพระเจดีย์ดังกล่าว

    ลักษณะขององค์พระบรมธาตุเจดีย์วัดท่าข้ามใต้ เป็นเจดีย์ปูนปั้นองค์สีขาวทั้งองค์รูปแบบล้านนาประยุกต์ บนฐานสี่เหลี่ยมลดชั้น สูงประมาณ 15 เมตร ฐานกว้างด้านละประมาณ 5 เมตร ประดับด้วยยอดฉัตรองค์สีทองจำนวน 9 ยอด มีซุ้มจระนำ 4 ทิศประจำอยู่ทั้ง 9 ยอดของเจดีย์ เรือนธาตุประดับพระพุทธรูปยืนสี่ทิศ มีประตูทางเข้าสี่ทิศ เป็นประตูพุทธศิลป์ล้านนาลงรักปิดทองลวดลายประณีตงดงาม มีหน้าต่างทั้ง 4 ด้าน ด้านละ 2 บาน ช่องหน้าต่างโทนสีแดงโดดเด่น รอบองค์พระเจดีย์ตกแต่งด้วยตุงมงคลหลากสี ช่วยเพิ่มความสวยงามสไตล์ล้านนา

    นอกจากนี้ วัดท่าข้ามใต้ยังได้ดำเนินการสร้าง “หอสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ” เพื่อใช้สรงน้ำองค์พระธาตุเจดีย์ในพิธี และสรงน้ำองค์พระธาตุในงานประจำปี ที่ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีมาแล้วอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

by Traveller Freedom

พุทธสถานในโถงถ้ำแห่งแม่สะเรียง @ วัดถ้ำพระโบราณ (Page 2)

สถานที่ตั้ง : บ้านท่าข้าม หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านกาศ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
โทรศัพท์ : 084 487 3075
พิกัด : 18.207719, 97.942693

    นอกจากนี้ ยังมีการค้นพบพระธาตุอีกชิ้นหนึ่ง มีลักษณะเป็นแก้วใสคล้ายเพชร ซึ่งดันพลาดทำตกลงกับพื้นและหาไม่เจอ ฝ่ายแม่เฒ่าที่ได้เอาพระธาตุไปไว้ในบ้าน ได้เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดคือ ตกกลางคืนประมาณ 3-4 ทุ่ม ปรากฎมีแสงสว่างรุ่งโรจน์โชติช่วงทั้งบ้าน เขาจึงรู้ว่าเป็นเพราะพระธาตุแสดงปาฏิหาริย์ รุ่งเช้าเจ้าอาวาสวัดท่าข้ามใต้ คือ ท่านปัญญาวุฒิโฑ ได้ขออาราธนาพระพุทธรูปและพระธาตุไปประดิษฐานที่วัดท่าข้ามใต้ และทำการสมโภชพระธาตุ ต่อมาชาวแม่สะเรียงเมื่อทราบดังนั้นก็หลั่งไหลกันมาทำบุญ สักการะบูชากันไม่ขาดสาย มีงานสรงน้ำพระธาตุประจำปี และทำบุญบริเวณวัดถ้ำเหง้า และมีการจุดบ้องไฟถวายเป็นพุทธบูชาด้วย

    ประมาณ ปี พ.ศ. 2522 เมื่อท่านอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้ทำการบูรณะโดยให้คนงานมาแต่งโถงถ้ำ มีแท่นนั่งกรรมฐานและซ่อมแซมพระประธานบางส่วน นำพระพุทธรูปปูนปั้นมาทดแทนพระไม้เก่าแก่ที่ถูกโขมยไป จากนั้นก็ไม่ได้ทำการบูรณะต่อจึงตกอยู่ในสภาวะรกร้าง ต่อมาท่านอาจารย์สวัสดิ์ นริสโร เจ้าอาวาสวัดจอมมอญ ได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์โดยทำการซ่อมแซมฐานชุกชี เทปูนก่อแท่นนั่งกรรมฐาน สร้างแท้งน้ำ สร้างห้องน้ำในปี พ.ศ. 2539 และไม่ได้ทำการบูรณะอย่างต่อเนื่อง จึงกลับคืนสู่สภาวะรกร้างอีกครั้ง

    เมื่อต้นปี พ.ศ. 2541 ท่านอาจารย์จรัญ อภิชาโต พระภิกษุสายพระป่ากรรมฐาน ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่สิมพุทธจาโร วัดถ้ำผาปล่อง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางเข้ามาที่อำเภอแม่สะเรียง พบเห็นว่าถ้ำเหง้าแห่งนี้มีความวิเวก เหมาะแก่การอาศัยเจริญภาวนาจึงตัดสินใจอยู่จำพรรษาที่ถ้ำนี้จนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่พระอาจารย์จรัญ อภิชาโต มาพำนักอยู่ถ้ำแห่งนี้ได้มีญาติโยมได้หลั่งไหลกันมาทำบุญ ท่านได้พัฒนาปรับปรุงหลายอย่างด้วยกัน คือ การปรับพื้น ขยายพื้นที่ภายในถ้ำ จัดหาพระพุทธรูปให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชา ต่อนำประปาภูเขามาใช้ ปรับปรุงเสนาสนะให้น่าอยู่น่าอาศัย มีความสะอาดเรียบร้อย และสร้างถนน

    นอกจากนี้ท่านยังมีโครงการต่างๆ ที่จะปรับปรุงอีกหลายอย่าง สร้างห้องน้ำสำหรับญาติโยม ปูพื้นถ้ำด้วยหินอ่อน สร้างพระวิหาร โดยได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ และเป็นวัดธรรมยุตอย่างถูกต้องแห่งแรกของอำเภอแม่สะเรียง โดยมีท่านอาจารย์จรัญ อภิชาโต ในตำแหน่งเจ้าอาวาส จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญเพื่อเป็นมหากุศล สร้างศาลาพระอุโบสถ วัดถ้ำพระโบราณ ให้สำเร็จลุล่วงดั่งจิตปราถนา

by Traveller Freedom

พุทธสถานในโถงถ้ำแห่งแม่สะเรียง @ วัดถ้ำพระโบราณ (Page 1)

สถานที่ตั้ง : บ้านท่าข้าม หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านกาศ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
โทรศัพท์ : 084 487 3075
พิกัด : 18.207719, 97.942693

    วัดถ้ำพระโบราณ แต่เดิมชื่อ “วัดถ้ำเหง้า” สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุต โดยได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดินจากกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 มีเนื้อที่รวม 6 ไร่ 3 งาน 60 ตารางวา วัดถ้ำพระโบราณได้รับอนุญาตให้จัดตั้งเป็นวัดอย่างถูกต้องเมื่อวันที่ 9 กรกฏาคม พ.ศ. 2553 ปัจจุบันมีพระอาจารย์จรัญ อภิชาโต เป็นเจ้าอาวาส

    ประวัติความเป็นมาของวัดถ้ำพระโบราณ หรือ วัดถ้ำเหง้า เดิมทีเป็นถ้ำเก่าแก่ ซึ่งปรากฏหลักฐาน ได้แก่ พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ พระไม้โพธิ์แกะลงรักปิดทอง ตู้พระธรรม ซึ่งได้ถูกมารศาสนาขโมยไปจนหมดสิ้น จากหลักฐานฐานชุกชีแท่นพระประธานแบบก่ออิฐโบกด้วยดินเหนียว มีแท่นพระเป็นไม้สักโดยมีจารึกมีใจความว่า “วัดสร้างราวจุลศักราช 1259 หรือปี พ.ศ. 2440” ซึ่งมีอายุกว่า 120 ปีผ่านมาแล้ว สมัยนั้นมี “หลวงพ่อใจ” เป็นประธานในการสร้างแท่นพระเพื่ออุทิศในพระพุทธศาสนา โดยหลวงพ่อใจธุดงค์มาจากเมืองเชียงตุง พร้อมด้วยท่านเสนเป็นชาวไทลื้อ ได้นำพระบรมธาตุมาด้วย เมื่อมาถึงอำเภอแม่สะเรียง ก็ได้มาพำนักอยู่วัดมะแกง หรือวัดศรีบุญเรืองในปัจจุบัน จากนั้นพระทั้งสองรูปได้พากันธุดงค์ถึงไปจนถึงวัดท่าข้ามใต้ กระทั่งได้ไปจำพรรษาอยู่วัดถ้ำพระโบราณ หรือวัดถ้ำเหง้าแห่งนี้

    ครั้นพำนักอยู่ไปสักพัก การบิณฑบาตรก็เริ่มลำบาก จึงคิดกลับวัดมะแกง ก่อนกลับได้นำเอาพระบรมธาตุนี้ไว้ในถ้ำ โดยท่านเสนได้กลับไปจำพรรษาวัดมะแกง ส่วนหลวงพ่อใจไปจำพรรษาอยู่วัดป่าหนาด หรือวัดชัยลาภ ท่านได้เป็นเจ้าอาวาสและสร้างวัดให้เจริญและคิดที่จะสร้างพระวิหาร เพื่อที่จะได้นำเอาพระบรมธาตุมาบรรจุ เมื่อสร้างเสร็จจึงได้ชวนศรัทธาญาติโยมหาไม้เสาวิหารมาจนครบแล้ว จึงนึกถึงญาติท่านที่ตำบลบ้านกาด อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ จึงคิดจะไปบอกบุญหาปัจจัยมาเพื่อสร้างพระวิหาร แต่อนิจจาท่านได้มรณภาพไปเสียก่อน

    พอถึงปี พ.ศ. 2481 ระหว่างเดือนยี่กับเดือน 3 เหนือ เป็นช่วงที่ชาวบ้านทำสวนครัวปลูกผักและมีคนจีนชื่อ “เจ็กโหย่ง” รับซื้อผัก วันหนึ่งแม่เฒ่าเด้ นางเสา และนางสา พากันไปเอาขี้ค้างคาวที่ถ้ำเหง้าแห่งนี้ จนขุดพบหม้อโบราณลึกประมาณ 1 ศอก มีฝาปิดมิดชิด และได้เปิดฝาหม้อก็พบกับพระพุทธรูป 3 องค์ เป็นพระพุทธรูปทองคำ เงิน และสัมฤทธิ์ ช้อนเงิน+ช้อนทอง อีก 1 คู่ และโกฎิเล็กๆ ภายในบรรจุพระธาตุองค์เท่าเมล็ดพุทรา แต่ทั้ง 3 คนยังไม่รู้จักพระธาตุ คิดว่าเป็นหินหรืออัญมณีมีค่า จึงเอาไปเก็บไว้ท่านบ้านของแม่เฒ่าเด้

by Traveller Freedom

พัทยาเมืองฮอด @ แพริมลำน้ำแม่แจ่ม (Page 2)

สถานที่ตั้ง : ถนนทางหลวงหมายเลข 108 (สายฮอด-แม่สะเรียง) ตำบลหางดง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 18.228154, 98.561390

    สำหรับพื้นที่ทำแพ หรือซุ้มไม้กลางน้ำริมธารลำน้ำแม่แจ่มที่มีอยู่ประมาณ 30 ร้านนั้น อยู่ในความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติออบหลวง โดยแรกเริ่มเดิมทียังไม่มีใครสนใจพื้นที่บริเวณริมน้ำแห่งนี้ จนกระทั่งชาวบ้านได้ไปทำแพริมน้ำเพื่อพักผ่อนช่วงหน้าร้อน เนื่องจากในเขตอำเภอฮอดและอำเภอใกล้เคียงนั้นไม่มีห้างสรรพสินค้าให้คลายร้อนเหมือนในตัวเมืองเชียงใหม่ ชาวบ้านจึงพากันมาทำเป็นแพและกระต๊อบไม้ไผ่เพื่อนอนเล่นพักผ่อน จนกระทั่งมีผู้ที่ขับรถสัญจรไป-มาบนถนนเลียบลำน้ำแม่แจ่ม ผ่านมาเห็นจึงพากันลงเล่นน้ำและพักผ่อน จนเกิดเป็นการบอกต่อแบบปากต่อปาก จนปัจจุบันสถานที่แห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของอำเภอฮอด และได้รับฉายาว่า “พัทยาเมืองฮอด” นั้นเอง

    พัทยาเมืองฮอด ถือว่าเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน โดยจะมีนักท่องเที่ยวพาครอบครัวและบุตรหลานไปเล่นน้ำคลายร้อนกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากลำน้ำแม่แจ่มบริเวณดังกล่าวจะมีสายน้ำที่ใสสะอาด ขณะเดียวกันพ่อค้าแม่ค้าได้มีการทำที่นั่งเป็นซุ้มริมน้ำไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว นอกจากนี้บางร้านยังมีบริการเรือยาง ห่วงยางและลูกโป่งไว้ให้ลูกค้าได้เช่าเล่นน้ำอีกด้วย โดยก่อเกิดเป็นรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่วันละหลายพันบาท

    เจ้าของร้านแพได้เข้ามาลงทุนสร้างแพนั่งริมน้ำด้วยวัสดุธรรมชาติจากต้นกระถิน มุงด้วยหญ้าคาอยู่เนื้อผิวน้ำ นักท่องเที่ยวจะสามารถนั่งห้อยขาเล่นน้ำได้ จุดนี้จะไม่ลึกอันตราย ลูกเด็กเล็กแดงสามารถลงเล่นน้ำได้อย่างสบาย เนื่องจากปีนี้ค่อนข้างแล้งน้ำแห้งเร็ว ทว่ากลับเป็นผลดีเนื่องจากน้ำใสสะอาดมากทำให้ช่วงวันธรรมดาจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาลงเล่นน้ำ หรือนั่งห้อยขาแช่เท้าในน้ำเพื่อผ่อนคลาย โดยเฉพาะช่วงวันหยุดจะมากเป็นพิเศษ ยิ่งช่วงปิดเทอมผู้ปกครองจะพาบุตรหลานเล่นน้ำคลายร้อนจำนวนมาก ยิ่งในช่วงใกล้สงกรานต์นักท่องเที่ยวจะนิยมมาเล่นน้ำคลายร้อนทุกวัน ซึ่งเปิดขายอาหารบริการตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์จนถึงปลายเมษายนทุกปี

    ช่วงเดือนเมษายนอากาศจะร้อนอบอ้าวมาก ชาวบ้านรวมทั้งนักท่องเที่ยวจึงพากันมาลงเล่นน้ำแม่แจ่ม และถือโอกาสเล่นสาดน้ำสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 10-16 เมษายน ส่งผลให้การจราจรบริเวณใกล้แพริมน้ำแม่แจ่มกลายเป็นอัมพาต ถนนสามารถวิ่งได้เพียงเลนเดียว อีกทั้งจุดดังกล่าวไม่มีที่จอดรถ นักท่องเที่ยวจึงพากันจอดเรียงรายริมถนนเป็นเหตุให้การจราจรแออัด อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรอำเภอฮอด ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง ได้พากันจัดเวรยามมาคอยอำนวยความสะดวกในช่วงเทศกาล ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ

by Traveller Freedom

พัทยาเมืองฮอด @ แพริมลำน้ำแม่แจ่ม (Page 1)

สถานที่ตั้ง : ถนนทางหลวงหมายเลข 108 (สายฮอด-แม่สะเรียง) ตำบลหางดง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 18.228154, 98.561390

    เมื่อก้าวเข้าสู่ฤดูร้อน หลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่มีอากาศร้อนจัด อุณหภูมิสูงเฉียด 40 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอำเภอฮอด ที่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า Hot มาก ทำให้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปเล่นน้ำคลายร้อนตามแหล่งน้ำ ซึ่งอำเภอฮอดมีสายน้ำที่มีชื่อเสียงมาก นั้นก็คือ.. ลำน้ำแม่แจ่ม

    ลำน้ำแม่แจ่ม มีอีกชื่อหนึ่งว่า “แม่น้ำสลักหิน” มีต้นกำเนิดมาจากแดนไกลบนเทือกเขารอยต่อระหว่างจังหวัดแม่ฮ่องสอนกับจังหวัดเชียงใหม่ ในเขตอำเภอกัลยาณิวัฒนา (หรือเขตอำเภอแม่แจ่มเดิมก่อนมีการแบ่งพื้นที่จัดตั้งเป็นอำเภอใหม่) จากนั้นไหลผ่านอำเภอแม่แจ่ม ก่อนไหลเข้าสู่เขตอำเภอฮอด จากนั้นจึงปลดเกษียณไหลลงสู่แม่น้ำปิง ซึ่งลำน้ำแม่แจ่มถือเป็นลำน้ำสายใหญ่ที่มีน้ำไหลเชี่ยวคดเคี้ยวเลี้ยวไปมาระหว่าหุบเขาและโขดหิน มีเกาะแก่งอยู่กลางลำน้ำสลับกับหาดทรายขาว แวดล้อมด้วยทิวป่าเขียวขจีและเทือกเขาสลับซับซ้อน ทำให้ตลอดสายของลำน้ำแม่แจ่มมีทัศนียภาพที่งดงามยิ่ง นักท่องเที่ยวนิยมลงเล่นกันในช่วงฤดูแล้งบนลำน้ำที่ไหลคู่ขนานไปกับถนนทางหลวงหมายเลข 108 สายฮอด-แม่สะเรียง ตั้งแต่หลักกิโลเมตรที่ 4 จนถึงหลักกิโลเมตรที่ 12 ความนิยมอย่างล้นหลามทำให้สถานที่คลายร้อนยอดฮิตแห่งนี้ถูกให้ฉายาว่า “พัทยาเมืองฮอด”

    ตลอดระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร บนถนนทางหลวงสายฮอด-แม่สะเรียง ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นถนนสายที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากจะมีทัศนียภาพที่ร่มรื่นงดงามแล้ว ยังถูกขนาบไปกับลำน้ำแม่แจ่มที่แสนจะเชี่ยวกรากดุดันในฤดูน้ำหลาก ทว่ากลับเงียบสงบและเยือกเย็นในฤดูแล้ง ด้วยเหตุนี้สุภาษิตที่ว่า “น้ำขึ้นให้รีบตัก แต่หากเป็นลำน้ำแม่แจ่ม น้ำลงให้รีบจับจอง” ทำให้มีพ่อค้าแม่ค้ากว่า 30 ร้าน ดำเนินการขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เปิดร้านขายอาหารและตั้งซุ้มไม้ริมธาร เพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อนตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายนนี้ และเนื่องจากเป็นลำน้ำที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติออบหลวง จึงต้องเคร่งครัดในการรักษาความสะอาดเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

    ขณะที่พ่อค้าแม่ค้ากว่า 30 ราย ลงทุนสร้างเพิงไม้ไผ่แบบธรรมชาติและให้เช่าอุปกรณ์ในการเล่นน้ำให้กับนักท่องเที่ยว หลังได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ขายของได้ชั่วคราวบริเวณพื้นที่ริมลำน้ำแม่แจ่ม โดยแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเล่นน้ำไม่ต่ำกว่า 2,500 คน

by Traveller Freedom

อลังการสายธาราแห่งขุนวาง @ น้ำตกผาดำ (Page 2)

สถานที่ตั้ง : บ้านขุนวาง ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 18.621066, 98.524516

    น้ำตกผาดำ เกิดจากลำธารคลองผาดำ อันมีต้นน้ำมาจากเทือกเขาอันเป็นส่วนหนึ่งของดอยอินทนนท์ แนวเทือกเขานี้ยังเป็นเส้นแบ่งระหว่างอำเภอแม่วางกับอำเภอจอมทองอีกด้วย นอกจากน้ำตกผาดำแล้ว กลางป่าลึกในผืนป่าแห่งนี้ยังมีน้ำตกอีกมากมายหลายแห่ง ซึ่งน้ำตกแต่ละแห่งยังไม่สามารถเปิดเป็นเส้นทางให้นักท่องเที่ยวเข้าไปสัมผัสได้โดยง่าย เฉกเช่นน้ำตกผาดำแห่งนี้

    กลับเข้ามาในเส้นทางพิชิตน้ำตกผาดำ ในขณะที่ผู้นำทางหนุ่มม้งคนนั้นกำลังเดินจ้ำอ้าวอย่างไม่รีรอเสมือนว่ากำลังเดินคนเดียวชิลล์ๆในป่าอยู่นั้น ผมได้ส่งเสียงบอกให้หยุดรอบ้างไรบ้าง พักเหนื่อยเหรอ ..เปล่า แต่ผมต้องทำการบันทึกภาพ ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวหรือวีดีโออยู่เป็นระยะๆ ซึ่งต้องให้เวลาและให้ความสำคัญกับสิ่งนี้อยู่พอสมควร (แหม..ก็ไม่ได้มากันง่ายๆนะ)

    ในช่วงหนึ่งของทางซึ่งผมยกให้เป็นไฮไลท์ของเส้นทางพิชิตน้ำตกผาดำแห่งนี้ก็คือ การได้เดินไปบนต้นไม้ใหญ่ที่พาดอยู่บนลำธาร เสมือนเป็นสะพานธรรมชาติ ที่ในขณะเดินนั้นต้องอาศัยการทรงตัวอยู่พอสมควร แน่นอนว่าหากก้าวเท้าพลาดไปอาจไม่ถึงกับสิ้นใจ แต่เจ็บตัวและเจ็บใจแน่นอน ผมสนุกกับการเดินทรงตัวบนท่อนไม้นี้มาก ถึงขนาดเดินไป-เดินกลับอยู่หลายรอบทีเดียว

    เพียงหนึ่งชั่วโมงเศษๆ ผู้นำทางก็นำพาผมมาถึงน้ำตกผาดำ ซึ่งถือว่าเป็นน้ำตกที่สูงใหญ่อลังการมากทีเดียว แม้ปริมาณของมวลน้ำในช่วงนี้จะไม่มากนัก เนื่องจากเป็นฤดูแล้ง ถูกทิ้งห่างฤดูฝนไปนานพอสมควร แต่ก็ถือว่ามีปริมาณน้ำที่มากพอแก่การเก็บภาพ อีกทั้งสายน้ำที่ทิ้งตัวดิ่งจากหน้าผาสูงลงมากระแทกโขดหินมากมายหลายชั้น เกิดเป็นเสียงที่ดังกึกก้องกังวานไปทั่วผืนป่า ผมเก็บภาพอย่างหนำใจ พร้อมนั่งพักผ่อนคลายพร้อมชื่นชมความสดชื่นของสายน้ำและธรรมชาติ ดั่งเป็นรางวัลที่ได้มอบให้แก่ผู้ที่ฝ่าฟันเดินผ่านผืนป่าแห่งนี้จนเข้ามาพบเจอกับสายธาราที่ซ่อนตัวอยู่ในบ้านขุนวาง

    ผมนั่งชิลล์อยู่เพียงไม่นาน ก็มีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ซื้อทัวร์เดินป่าเข้ามาสัมผัสความงดงามของน้ำตกผาดำเฉกเช่นเดียวกันกับผม เนื่องจากพื้นที่บริเวณโขดหินนั้นมีไม่มาก ผมจึงสละพื้นที่แบ่งปันให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใหม่ ให้ได้สัมผัสกับความสดชื่นอย่างใกล้ชิด ผมเดินกลับออกทางเดิมซึ่งใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง เนื่องจากไม่หมดเวลาไปกับการบันทึกภาพมากนัก พร้อมกับแวะชิมสตรอเบอร์รี่สดๆ จากเจ้าของไร่ ซึ่งเป็นผู้นำทางคนนั้น ..อิ่มเอมไปเลย

by Traveller Freedom

อลังการสายธาราแห่งขุนวาง @ น้ำตกผาดำ (Page 1)

สถานที่ตั้ง : บ้านขุนวาง ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 18.621066, 98.524516

    นักท่องเที่ยวหลายคนเดินทางมาบ้านขุนวาง โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการได้มายลโฉมดอกนางพญาเสือโคร่ง โดยที่ขุนวางแห่งนี้มีให้ชมมากมายถึงขั้นถูกยกให้ขุนวางเป็นความอลังการของผืนป่าสีมพู ทว่าขุนวางก็ใช่จะมีดีแค่นี้ไม่ หากแต่ในป่าลึกเข้าไปภายในหมู่บ้านขุนวางอันเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเขาเผ่าม้งนั้น ยังมีน้ำตกสวย ที่มีความสูงมากๆ ซ่อนอยู่ ..ในเมื่อรู้ว่ามีแล้วจะรออะไรอยู่ล่ะ ออกเดินทางเลยสิ

    ผมเดินทางมาถึงบ้านขุนวาง เข้ามาติดต่อพร้อมฝากรถไว้กับเจ้าหน้าที่ของโครงการหลวงขุนวาง ขอย้ำว่าเป็นโครงการหลวงขุนวาง หรือชื่อเต็มว่า “ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนวาง” หาใช่ที่ “ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ขุนวาง” เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเข้าใจผิดเป็นจำนวนมาก หากเข้าใจผิดตั้งแต่เริ่มต้นแล้วละก็ หมดไปทั้งวันคงเดินหาทางเข้าน้ำตกผาดำไม่เจอแน่..

    เนื่องจากน้ำตกผาดำ เป็นเส้นทางเดินป่าที่ถูกบรรจุอยู่ในโปรแกรมแพกเก็จของทัวร์ชาวต่างชาติ โดยจะมีชาวกะเหรี่ยงเป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่นนำพากลุ่มนักท่องเที่ยวมาเดินบนเส้นทางลึกลับเข้าไปในป่าลึกแห่งนี้ เมื่อเดินไปจนสุดถึงตัวน้ำตกแล้วจะนำนักท่องเที่ยวเข้าไปพักภายในหมู่บ้านโป่งน้อย ซึ่งเป็นโฮมสเตย์ภายในหมู่บ้านของชาวกะเหรี่ยงนั้นเอง สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยทั่วไปอย่างผม เมื่อมาถึงทางเข้าน้ำตกแห่งนี้แล้ว จึงจำเป็นต้องติดต่อผู้นำทาง ไม่เช่นนั้นอาจเกิดอาการหลงป่าได้

    ผมติดต่อผู้นำทาง ซึ่งเป็นชาวเขาเผ่าม้งเจ้าของพื้นที่หมู่บ้านขุนวางแห่งนี้นี่เอง (ราคาตามตกลงขึ้นลงแล้วแต่ความพอใจ แต่จะอยู่ที่ไม่เกิน 500 บาทต่อกรุ๊ป) ผู้นำทางกำลังเมามันส์ในการเก็บเกี่ยวสตรอเบอร์รี่ที่กำลังออกผลอย่างล้นหลามในช่วงนี้พอดี เมื่อผู้นำทางที่เป็นม้งหนุ่มอายุ 33 ปีพร้อมแล้ว ผมก็พร้อมมาจากบ้านแล้วเช่นกัน เราเริ่มต้นเดินเท้าเข้าสู่เส้นทางพิชิตน้ำตกผาดำทันที

    เส้นทางในช่วงต้นเป็นการเดินลงเนิน ซึ่งทางเดินค่อนข้างลื่น เนื่องจากในช่วงที่ไปนั้นมีใบไม้แห้งล่วงปกคลุมทางเดินอยู่อย่างหนาแน่น ทำให้ต้องค่อยๆก้าวเท้าเดินลงอย่างระมัดระวัง เมื่อเดินลงไปได้ระยะหนึ่งจนลงไปถึงทางเดินพื้นราบ แต่หนทางไม่ได้ราบรื่น มีอุปสรรคเป็นลำธารน้อยๆ คอยให้กระโดดข้าม หรือบ้างก็เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มทับปิดทาง ต้องมีปีนป่ายกันบ้าง พอเพิ่มอรรถรสให้กับการเดินป่า ช่วยเพิ่มสีสันให้กับเส้นทางพิชิตน้ำตกผาดำได้อย่างดีทีเดียว
 
by Traveller Freedom

สัมผัสความสดชื่นฉ่ำเย็นที่ ..น้ำตกตาดหมอก แห่งเทพเสด็จ
 
สถานที่ตั้ง : ตำบลเทพเสด็จ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 18.925817, 99.348691

    ชื่อ “น้ำตกตาดหมอก” อาจฟังดูค่อนข้างจะเป็นชื่อซ้ำ และมีเยอะไปสักหน่อย นั้นคงเพราะความหมายของชื่อนี้ คำว่า “ตาด” หมายถึง น้ำตก ส่วนคำว่า “หมอก” ก็หมายถึงสายน้ำที่สาดกระเซ็นเกิดเป็นละอองน้ำกระจายไปทั่วบริเวณ ทำให้แลดูคล้ายหมอกขาว ด้วยลักษณะของปรากฏการณ์เช่นนี้ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทั่วไปกับน้ำตกที่มีปริมาณน้ำมาก และไหลเทลงจากหน้าผาหินสูง จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีการตั้งชื่อน้ำตกว่า “ตาดหมอก” อยู่หลายสิบแห่งทั่วประเทศไทย

    น้ำตกตาดหมอก ในบทที่กล่าวถึงในเนี้อหานี้ คือสายธาราที่เกิดจากลำน้ำแม่วอง ตั้งอยู่ท่ามกลางผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ในเขตตำบลเทพเสด็จ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ฉะนั้นหากเติมนามสกุลเข้าไปเพื่อไม่ให้ชื่อซ้ำกับน้ำตกชื่อเดียวกันแห่งอื่น ก็จะใช้ชื่อว่า “น้ำตกตาดหมอก เทพเสด็จ” ซึ่งน้ำตกตาดหมอกเทพเสด็จนี้ ถือเป็นหนึ่งในหลายสิบน้ำตกที่มีความสวยงามของอำเภอดอยสะเก็ด เนื่องจากอำเภอดอยสะเก็ดมีเนื้อที่ที่ตั้งอยู่ในเขตผืนป่าอนุรักษ์อยู่มาก โดยมีเนื้อติดกันถึง 3 อุทยานแห่งชาติ คือ อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน และอุทยานแห่งชาติขุนแจ จึงเป็นความสมเหตุสมผลที่อำเภอดอยสะเก็ดเพียงอำเภอเดียวจะมีน้ำตกอยู่มากกว่าหลายๆ จังหวัดในประเทศไทยซะอีก

    การเดินทางไป “น้ำตกตาดหมอก เทพเสด็จ” จากตัวเมืองเชียงใหม่ สามาถเดินทางได้ถึงสองเส้นทาง เส้นทางที่ 1 ให้มุ่งหน้าด้วยถนนเส้นหลักสายเชียงใหม่-เชียงราย ตามถนนทางหลวงหมายเลข 118 วิ่งผ่านศูนย์ฯห้วยฮ่องไคร้ จนถึงแยกด่านตรวจบ้านโป่งดิน ให้เลี้ยวขวาเข้าหมู่บ้านโป่งกุ่ม ตามถนนทางหลวงชนบทหมายเลข 3005 เส้นทางนี้จะผ่านแหล่งท่องเที่ยวน้ำพุร้อนดอยสะเก็ดด้วย วิ่งมาตามทางจนมาถึงสามแยก “หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ที่ 1 ปางจำปี” ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่บ้านปางไฮ ผ่านร้านกาแฟปางไฮ จนมาถึงสามแยกบ้านดง ให้เลี้ยวขวาแล้ววิ่งไปตามทางเรื่อยๆ จะเห็นน้ำตกตาดหมอกอยู่ขวามือริมถนนเลย เดินลงไปนิดเดียวก็ได้ชมความงามตามธรรมชาติแล้ว   

    เส้นทางที่ 2 จากตัวเมืองเชียงใหม่ให้ใช้เส้นทางมุ่งสู่อำเภอแม่ออน เส้นทางนี้จะผ่านอำเภอสันกำแพง จากอำเภอแม่ออนให้มาตามหลวงหมายเลข 1317 เส้นนี้จะผ่านแหล่งท่องเที่ยวถ้ำเมืองออน กับน้ำพุร้อนสันกำแพง สามารถแวะเที่ยวได้ตามใจคุณ จากนั้นวิ่งมาจนถึงสามแยกบ้านห้วยแก้ว ให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนทางหลวงชนบมหมายเลข 3005 จนมาถึงสามแยก “หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ที่ 1 ปางจำปี” บรรจบกับเส้นทางที่ 1 ทันที โดยหากนำทั้งสองเส้นทางมารวมกัน จะใช้เป็นเส้นทางท่องเที่ยววงกลมไป-กลับไม่ซ้ำทางเดิมได้ด้วย

by Traveller Freedom

ถือเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ อันหมายถึงภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่นที่น่าสนใจมีทรงคุณค่าสำหรับคนไทยครับ

งานเทศกาลดอกเสี้ยวบาน ลานกาแฟเทพเสด็จ ครั้งที่ 5 ประจำปี 2560

สถานที่จัดงาน : บ้านปางไฮ ตำบลเทพเสด็จ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
ระยะเวลาในการจัดงาน : ระหว่างวันที่ 17-18 มีนาคม พ.ศ. 2560
โทรศัพท์ : 052 080 640 (องค์การบริหารส่วนตำบลเทพเสด็จ)

    องค์การบริหารส่วนตำบลเทพเสด็จ ร่วมกับชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลเทพเสด็จ องค์กรภาคเอกชนภายในพื้นที่ และพี่น้องชุมชนบ้านปางไฮ ได้จัดงานเทศกาลสุดยิ่งใหญ่ประจำท้องถิ่นของตำบลเทพเสด็จ โดยมีชื่องานว่า "เทศกาลดอกเสี้ยวบาน ลานกาแฟเทพเสด็จ" ครั้งที่ 5 ประจำปี 2560 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในตำบล และเป็นการตอบสนองโครงการท่องเที่ยวของรัฐบาล "หนึ่งตำบล หนึ่งแหล่งท่องเที่ยว"

    เดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมถือเป็นคิวทองของดอกเสี้ยวขาวที่จะผลิดอกอวดโฉมบานสะพรั่ง เปลี่ยนจากผืนป่าสีเขียวให้กลายเป็นผืนป่าสีขาวทั่วทั้งป่าเขาทิวดอย โดยเฉพาะในท้องที่ตำบลเทพเสด็จ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่แห่งนี้ จะอุดมไปด้วยดอกเสี้ยวที่เบ่งบานอวดสายตาแก่ผู้มาเยือนให้เบิกบานในหัวใจโดยงานเทศกาลดอกเสี้ยวบานลานกาแฟเทพเสด็จนี้ได้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึก สร้างความตระหนักในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น อันจะนำไปสู่การพัฒนาประเทศชาติอย่างยั่งยืนซึ่งงานในปีนี้ได้จัดเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันแล้ว

    เทศกาลดอกเสี้ยวบานลานกาแฟเทพเสด็จ ครั้งที่ 5 ประจำปี 2560 นี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-18 มีนาคม พ.ศ. 2560 ณ ชุมชนบ้านปางไฮ ตำบลเทพเสด็จ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นงานเทศกาลสุดท้าย ส่งท้ายฤดูกาลท่องเที่ยวประจำปี 2559-2560 ภายในงานนักท่องเที่ยวจะได้พบกับการจัดนิทรรศการ การออกร้าน การจำหน่ายสินค้าOTOP และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของชุมชน การสาธิตภูมิปัญญาการเลี้ยงผึ้งโก๋น หรือผึ้งโพรงป่า การสาธิตธุรกิจเครื่องเล่นโหนสลิง หรือ Zip Line การแสดงศิลปะพื้นบ้าน ซอพื้นเมือง กิจกรรมถนนคนกิน การแข่งขันชมมวยไทย รำวงย้อนยุค และกิจกรรมลานเวทีแสดงดนตรี พร้อมกับกิจกรรมปั่นจักรยานชมดอกเสี้ยวบาน ชิมกาแฟพันธุ์อาราบิก้า ของดีตำบลเทพเสด็จ และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายท่ามกลางบรรยากาศดอกเสี้ยวขาวบานสะพรั่ง

    สำหรับงานเทศกาลดอกเสี้ยวบานลานกาแฟเทพเสด็จในปีนี้ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 5 แล้ว โดยในวันเปิดงาน นายสว่าง จันทร์เที่ยง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเทพเสด็จ จะกล่าวต้อนรับนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองการ์บริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ มาเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะกิ่งกาชาดอำเภอดอยสะเก็ด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้มีเกียรติ และนักท่องเที่ยวทุกท่าน

by Traveller Freedom

งานแสดงผลงานศิลปิน OTOP “หัตถศิลป์ ศิลปิน รัชกาลที่ ๙” ครั้งที่ 1

สถานที่จัดงาน : เชียงใหม่ศิลาดล อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
ระยะเวลาในการจัดงาน : ระหว่างวันที่ 3-5 มีนาคม พ.ศ. 2560
โทรศัพท์ : 053 484 693

    ถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่และภาคภูมิใจของชาวเชียงใหม่ และโดยเฉพาะชาวอำเภอดอยสะเก็ด ด้วยการได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการจัดงานแสดงผลงานศิลปิน OTOP "หัตถศิลป์ ศิลปินรัชกาลที่ ๙” ซึ่งถือเป็นการจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในระหว่างวันที่ 3-5 มีนาคม พ.ศ. 2560 ภายหลังจากที่ได้มีการขับเคลื่อนอย่างเป็นทางการของ "เครือข่ายศิลปินโอท็อปแห่งประเทศไทย" จนได้มีประชุมเชิงปฎิบัติการพัฒนาศักยภาพศิลปินโอท็อป เมื่อวันที่ 19-20 มกราคมที่ผ่านมา ภายใต้การขับเคลื่อนของกรมพัฒนาชุมชนที่ได้ทำการคัดเลือกผู้ประกอบการโอท็อปจำนวน 50 ราย เพื่อนำร่องให้เกิดการพัฒนาศักยภาพในระดับนานาชาติ โดยมีมติให้ “คุณทัศนีย์ ยะจา” เจ้าของเชียงใหม่ศิลาดล บายทัศนีย์แอดดอยสะเก็ดเชียงใหม่ เป็นประธานเครือข่ายศิลปินโอท็อปแห่งประเทศไทยคนแรก

    กรมพัฒนาชุมชน ได้ประชุมเชิงปฎิบติการพัฒนาศักยภาพศิลปินโอท็อป เมื่อวันที่ 19-20 มกราคม พ.ศ. 2560 และได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการศิลปินโอท็อปในนาม “เครือข่ายศิลปินโอท็อปแห่งประเทศไทย” และวางแผนจัดแสดงผลงานศิลปินโอท็อปให้เกิดเป็นรูปธรรม และได้พิจารณาคัดเลือกผู้ประกอบการโอท็อปที่มีการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญหาท้องถิ่นให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ด้วยภูมิปัญญา ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติในฐานะผู้อนุรักษ์สืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น ทางเครือข่ายศิลปินโอท็อปแห่งประเทศไทย จึงได้กำหนดจัดงานครั้งแรก ภายใต้ชื่อว่า “หัตถศิลป์ ศิลปิน รัชกาลที่ ๙" ครั้งที่ 1 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 3-5 มีนาคม 2560 ณ เชียงใหม่ศิลาดล บ้านป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อนำเสนอผลงานศิลปินนำร่องจำนวนทั้งสิ้น 50 ราย

    คุณทัศนีย์ ยะจา CEO เชียงใหม่ศิลาดล ผู้ได้รับการแต่ตั้งให้เป็นประธานเครือข่ายศิลปินโอท็อปแห่งประเทศไทยเป็นคนแรกนั้น เพิ่งจะได้รับรางวัล “บุคคลต้นแบบทางศีลธรรม จังหวัดเชียงใหม่” ประจำปี 2560 เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งถือว่าเหมาะสมกับตำแหน่งประธานเครือข่ายคนแรกด้วยประการทั้งปวงจริงๆ

    ดังนั้นจึงขอเรียนเชิญนักท่องเที่ยวและผู้สนใจ ชมความอลังการของชิ้นงานหัตถศิลป์ที่มีคุณค่าในการสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาของศิลปินโอท็อปทั่วไทย และเลือกซื้อสินค้าโอท็อประดับพรีเมี่ยมจากศิลปินโอท็อปทั่วฟ้าเมืองไทยทั้ง 50 ชีวิต ที่ล้วนแล้วแต่มีความตั้งใจนำเอาผลงานมาแสดงในงาน "หัตถศิลป์ ศิลปินรัชกาลที่ ๙" ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศไทยนี้ ในวันที่ 3-5 มีนาคม พ.ศ. 2560 ณ เชียงใหม่ศิลาดล @ ดอยสะเก็ด อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่

by Traveller Freedom

“ตามรอยพ่อ กษัตริย์เกษตร” งานเกษตรแม่โจ้ 2560

สถานที่จัดงาน : มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่
โทรศัพท์ : 053 873 000
ระยะเวลาในการจัดงาน : ระหว่างวันที่ 19 - 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

    จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ผนึกกำลังผู้ผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์ที่ได้รับมาตรฐานสากลจากทุกพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ และผลผลิตของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จัดงานเกษตรแม่โจ้ ประจำปี 2560 ในชื่อ “กาดแม่โจ้ 2477” เพื่อเปิดให้เป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าเกษตรปลอดภัยอย่างยั่งยืน รวมถึงเผยแพร่องค์ความรู้จากต้นน้ำ กลางน้ำ สู่ปลายน้ำ เพื่อสนับสนุนการลด ละ เลิก การใช้สารเคมี ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค สร้างสังคมปลอดภัยให้คนไทยได้สืบสานพระราชปณิธาน ภายใต้ธีมงาน “ตามรอยพ่อ กษัตริย์เกษตร” โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

     “กาดแม่โจ้ 2477” จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นศูนย์กลางตลาดสินค้าเกษตรปลอดภัยโดยตรงจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภค ตามมาตรฐานการผลิตอาหารปลอดภัยระดับสากล ด้วยแนวคิดหลัก 4G คือ Good Quality (สินค้าคุณภาพดี)  Good Price (ราคายุติธรรม) Good Place (สะดวกสบาย) และ Good for Life มีความยั่งยืนต่อคุณภาพชีวิตและสังคมชุมชน

    สินค้าผลิตภัณฑ์ที่จะจำหน่ายใน “กาดแม่โจ้ 2477” มาจาก 6 ส่วน ได้แก่  1. ผลิตภัณฑ์จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้  2. เครือข่ายมหาวิทยาลัยแม่โจ้  3. จังหวัดเชียงใหม่  4. กลุ่มเครือข่ายกาแฟ  5. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยรอบมหาวิทยาลัยแม่โจ้  6. กองทุนฟื้นฟูเกษตรกร เครือข่ายจังหวัดเชียงใหม่ โดยสินค้าแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่  1. วัสดุเกษตร เช่น  ปุ๋ย สารชีวพันธ์ เป็นต้น  2. กิ่งพันธุ์  เช่น กล้วยไม้ ไม้กระถาง กิ่งพันธ์ไม้ผล กล้าพันธุ์ไม้ เป็นต้น 3. ของแห้งและผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น เมล็ดพันธุ์พืช เห็ดหลินจือ เก๊กฮวย เป็นต้น  4. ของสด เช่น ผัก ผลไม้สด หมู เนื้อวัว ปลา ไก่แช่แข็ง เป็นต้น

กิจกรรม “กาดแม่โจ้ 2477” แบ่งเป็น 4 โซน ดังนี้

โซน A
– นิทรรศการศาสตร์พระราชา และการพัฒนาภูมิสังคมอย่างยั่งยืน แพทย์วิถีธรรมจิตอาสา (หมอเขียว) ณ อาคารชูติวัตร
– นิทรรศการตามรอยพ่อ “กษัตริย์เกษตร” และมินิเวิร์คช้อปเกษตรอินทรีย์ ณ โดมแผ่พืชน์
– กาดแม่โจ้ 2477 (สินค้าพืช สัตว์ ประมงมาตรฐานเกษตรปลอดภัย/เกษตรอินทรีย์) ณ โดมออร์แกนิค
– กาดหมั้ว แม่โจ้ 2477
– กาดหมั้วเครือข่าย
– เมืองกาแฟ Coffee of The King
– ไฮไลต์ฐานเรียนรู้เกษตรแม่โจ้ 14 ฐาน ณ หลังโดมแผ่พืชน์
– ตลาดต้นไม้
– ผลิตภัณฑ์ OTOP เชียงใหม่
– การประกวดปลาแฟนซีคาร์ฟ ชิงถ้วยพระราชทาน ณ ลานอนันต์ ปัญญาวีร์ อาคารอำนวย ยศสุข (วันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560)
– การประกวดและจัดแสดงตู้พรรณไม้น้ำ ณ อาคารพัฒนาวิสัยทัศน์

โซน B
– แปลงสาขาพืชผัก และทุ่งทานตะวัน คณะผลิตกรรมการเกษตร (เพื่อการถ่ายรูป)

โซน C
– แปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่ สู่แนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียง ศาสตร์แห่งพระราชา ณ พื้นที่ 35 ไร่
– การประกวดและแสดงม้าลูกแก้ว ครั้งแรกของภาคเหนือ (วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560) ณ อาคารเพิ่มพูล คณะผลิตกรรมการเกษตร

โซน D
– สำนักฟาร์มมหาวิทยาลัยแม่โจ้ แปลงนักศึกษาปลูกผักแลกค่าเทอม และแปลงดอกคอสมอส
– การเสวนาปศุสัตว์อินทรีย์ ณ คณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยี (วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560)

by Traveller Freedom

การประกวดธิดาชนเผ่า @ งานสตรอเบอร์รี่สะเมิง ครั้งที่ 16 (Page 3)

    เวลา 20.12 น. พิธีกรสองคนชายหญิงเดินออกมาสวัสดีนักท่องเที่ยว ผู้เข้าร่วมงาน และผู้มีเกียรติทุกท่าน พร้อมกล่าวเปิดงานการประกวดธิดาชนเผ่า ในงานสตรอเบอร์รี่และของดีอำเภอสะเมิง ครั้งที่ 16 ประจำปี 2560 อย่างเป็นทางการ จากนั้นจึงได้แนะนำคณะกรรมการผู้ให้คะแนนและตัดสินอย่างเที่ยงธรรมทั้ง 5 ท่าน ซึ่งแต่ละท่านล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่คว่ำหวอดอยู่ในแวดวงการประกวดทั้งสิ้น อาทิ คุณทรัพย์ สิมะวงค์” นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สสอ.เมืองเชียงใหม่ รวมถึง “คุณกัลยา ทองศักดิ์” ซึ่งในการจัดงานครั้งที่ 15 เมื่อปีที่แล้วท่านก็ได้รับเชิญให้มาเป็นหนึ่งกรรมการผู้ตัดสินการประกวดด้วยเช่นกัน

    หลังจากพิธีกรได้กล่าวเปิดงานการประกวดธิดาชนเผ่า และแนะนำคณะกรรมการเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นการแสดงเต้นประกอบเพลงของชนเผ่าม้ง สาวๆ ม้ง จำนวน 7 คน ออกลีลาท่าทางเต้นประกอบเพลงประจำเผ่า สร้างความคึกคักให้กับผู้เข้าร่วมงานก่อนการปรากฏตัวของเหล่าธิดาชนเผ่าที่ทุกคนรอคอยเป็นอย่างมาก และเมื่อการแสดงของสาวม้งจบลง พิธีกรทั้งสองประจำที่แท่นโพเดียมประกาศแนะนำผู้เข้าประกวดธิดาชนเผ่าโดยเรียงลำดับตั้งแต่หมายเลข 1 จนถึงหมายเลข 7 ตามลำดับ

    ธิดาชนเผ่าหมายเลข 1 น้องน้ำ สาวสวยชนเผ่ากะเหรี่ยงอายุเพียงแค่ 16 ปี แต่มาด้วยความมั่นใจเกินร้อย ต่อด้วยธิดาชนเผ่าหมายเลข 2 น้องนิ่ม สาวสวยหนึ่งเดียวที่เป็นตัวแทนของชนเผ่าลีซอ ได้รับเสียงตอบรับจากกองเชียร์ชาวลีซอเป็นอย่างดี เนื่องจากยกพลขนกันมาเชียร์ทั้งหมู่บ้าน ธิดาชนเผ่าหมายเลข 3 น้องสมายด์ อีกหนึ่งสาวกะเหรี่ยงที่มีรูปร่างเบาบางกะทัดรัด ตัวทานจากตำบลยั้งเมิน สำหรับธิดาชนเผ่าหมายเลข 4 น้อง อาเจิน อายุ 21 ปี ถือเป็นพี่ใหญ่สุดในกลุ่มผู้เข้าประกวด และเป็นตัวแทนชนเผ่าม้ง 1 ใน 2 คน ที่เข้าประกวดใน ปีนี้ ธิดาชน ในเผ่าหมายเลข 5 น้องแอน สาวกะเหรี่ยงจากตำบลบ่อแก้ว ผู้ที่มีรอยยิ้มเป็นเสน่ห์ ต่อไปเป็นธิดาชนเผ่าหมายเลข 6 น้องวาวา สาวกะเหรี่ยงตัว แทนจากตำบลแม่สาบ และคนสุดท้ายธิดาชนเผ่าหมายเลข 7 น้องวรรณ อีกหนึ่งสาวชนเผ่าม้งที่มาแหวกแนวกว่าใครเพื่อน ด้วยการหอบดอกไม้หลากสีใส่มาเต็มกระบุง

    หลังจากธิดาชนเผ่าทั้ง 7 ได้แนะนำตัว และเดินโชว์ความงามจนครบแล้ว คณะกรรมการจึงได้ส่งผลคะแนนให้พิธีกรประกาศจาก7 เหลือ 5 คน เพื่อเข้าประชันในรอบที่ 2 ต่อไป ผลปรากฏว่าผู้ที่ไม่ได้ไปต่อคือ หมายเลข 3 กับหมายเลข 7 จากนั้นธิดาชนเผ่าที่เข้ารอบได้เดินโชว์ตัวอีกรอบ คณะกรรมการจึงได้ส่งคะแนนให้พิธีกรประกาศผู้เข้ารอบสุดท้ายจาก 5 จึงเหลือเพียง 3 คน ธิดาชนเผ่าทั้ง 3 ได้เลือกซองเพื่อตอบคำถามจากพิธีกร ผลคะแนนสุดท้ายจึงปรากฏออกมาในการประกวดธิดาชนเผ่า ประจำปี 2560 เป็นลำดับดังนี้

รางวัลชนะเลิศธิดาชนเผ่า ได้แก่ หมายเลข 1 น้องน้ำ ชาเผ่ากะเหรี่ยง
รางวังรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ หมายเลข 4 น้องอาเจิน ชนเผ่าม้ง
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ หมายเลข 5 น้องแอน ชนเผ่ากะเหรี่ยง
รางวัลขวัญใจมหาชน ได้แก่ หมายเลข 2 น้องนิ่ม ชนเผ่าลีซอ

by Traveller Freedom

การประกวดธิดาชนเผ่า @ งานสตรอเบอร์รี่สะเมิง ครั้งที่ 16 (Page 2)

    ช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. ธิดาดอยสะเก็ดได้ทยอยกันเขาแถวลงทะเบียน ภายหลังจากที่ได้มีการรับสมัคร คัดเลือก และปฐมนิเทศไปแล้วเรียบร้อยเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีสาวงามต่างชาติพันธุ์ที่ผ่านการคัดเลือกการเข้าประกวดในค่ำคืนนี้ทั้งสิ้น 7 คนด้วยกัน ประกอบด้วย กลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ จำนวน 4 คน กลุ่มชาติพันธุ์ม้ง จำนวน 2 คน และกลุ่มชาติพันธุ์ลีซอ จำนวน 1 คน

คุณสมบัติของผู้เข้าประกวดธิดาชนเผ่า ประกอบไปด้วยหลักเกณฑ์ดังนี้
    1. เป็นเพศหญิง สัญชาติไทย อยู่ในทะเบียนบ้านในเขตพื้นที่อำเภอสะเมิง
    2. ในกรณีที่เกิดในอำเภอสะเมิง แต่ไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน ต้องให้ผู้ใหญ่บ้านรับรอง
    3. มีอายุระหว่าง 16-24 ปี
    4. สถานภาพโสด ไม่เคยผ่านการสมรสหรือมีบุตรมาก่อน
    5. ไม่เคยประกอบอาชีพหรือมีพฤติกรรมอันเป็นที่รังเกียจของสังคม
    6. เป็นผู้มีสุขภาพดี ไม่เป็นโรคที่สังคมรังเกียจ

    แน่นอนว่าผู้เข้าประกวดธิดาชนเผ่าทั้ง 7 คน ได้ผ่านการคัดกรองตามคุณสมบัติทั้ง 6 ประการมาเป็นอย่างดีแล้ว เหลือแค่รอเวลายลโฉมบนเวทีเพียงเท่านั้น และก่อนจะถึงเวลาที่รอคอยนั้น ผมขอแนะนำให้ผู้อ่านได้รู้จักกับรายชื่อพร้อมรายละเอียดของผู้เข้าประกวดธิดาชนเผ่าในงานสตรอเบอร์รี่และของดีอำเภอสะเมิง ครั้งที่ 16 กันก่อนดีกว่า เริ่มที่ผู้เข้าประกวด..

    หมายเลข 1 นางสาวเหมวรรณ ดีระดา ชื่อเล่น น้ำ ศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านบ่อแก้ว อายุ 16 ปี ส่วนสูง 168 เซนติเมตร น้ำหนัก 48 กิโลกรัม เทศบาลตำบลสะเมิงใต้ส่งเข้าประกวด
    หมายเลข 2 นางสาวศตพร แสงประสิทธิ์ ชื่อเล่น นิ่ม ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง อายุ 19 ปี ส่วนสูง 155 เซนติเมตร น้ำหนัก 43 กิโลกรัม ปกครองอำเภอสะเมิงส่งเข้าประกวด
    หมายเลข 3 นางสาวนฤภร อาจ่า ชื่อเล่น สมายล์ ศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสะเมิงพิทยาคม อายุ 17 ปี ส่วนสูง 157 เซนติเมตร น้ำหนัก 42 กิโลกรัม องค์การบริหารส่วนตำบลยั้งเมินส่งเข้าประกวด
    หมายเลข 4 นางสาวศิริลักษณ์ ใจกุลทรัพย์ ชื่อเล่น อาเจิน ศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสะเมิงพิทยาคม อายุ 21 ปี ส่วนสูง 155 เซนติเมตร น้ำหนัก 44 กิโลกรัม เทศบาลตำบลสะเมิงใต้ส่งเข้าประกวด
    หมายเลข 5 นางสาวสิริวิมล ยะมะโน ชื่อเล่น แอน ศึกษาอยู่ขั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านบ่อแก้ว อายุ 18 ปี ส่วนสูง 160 เซนติเมตร น้ำหนัก 45 กิโลกรัม องค์การบริหารส่วสตำบลบ่อแก้วส่งเข้าประกวด
    หมายเลข 6 นางสาวสุกัญญา ปันโย ชื่อเล่น วาวา ศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสะเมิงพิยาคม อายุ 17 ปี ส่วนสูง 159 เซนติเมตร น้ำหนัก 49 กิโลกรัม องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สาบส่งเข้าประกวด
    หมายเลข 7 นางสาวมาลีวัล เจริญทรัพย์อนันต์ ชื่อเล่น วรรณ ศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสะเมิงพิทยาคม อายุ 16 ปี ส่วนสูง 156 เซนติเมตร น้ำหนัก 55 กิโลกรัม คุ้มสะเมิง บ้านเหล่าแสนตอง ร่วมกับชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลสะเมิงใต้ส่งเข้าประกวด

by Traveller Freedom

การประกวดธิดาชนเผ่า @ งานสตรอเบอร์รี่สะเมิง ครั้งที่ 16 (Page 1)

    งานสตรอเบอร์รี่และของดีอำเภอสะเมิง นอกจากจะมีการจัดซุ้มร้านค้าจำหน่ายสตรอเบอร์รี่และสินค้าโอท็อปของแต่ละชุมชนในราคาย่อมเยาแล้ว ในช่วงค่ำคืนของทุกคืนในการจัดงาน ยังมีการจัดการประกวดหนูน้อยสตรอเบอร์รี่ นางงามสตรอเบอร์รี่ และธิดาชนเผ่าอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างสีสันและเพิ่มความน่าสนใจของการจัดงานให้อำเภอสะเมิงเป็นที่รู้จักก้องไกลระบือโลก และสำหรับงานในปีนี้ ผมได้อยู่เก็บภาพการประกวดธิดาชนเผ่า โดยจะขอนำภาพและลำดับเรื่องราวในคืนวันอันสุดแสนประทับใจนั้นมาฝากกัน ..

    ช่วงเย็นของวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ผมเดินทางมา ณ ที่ว่าการอำเภอสะเมิง สถานที่จัดงานสตรอเบอร์รี่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทยอีกครั้ง หลังจากเพิ่งจะเดินทางมาเก็บภาพพิธีเปิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้เอง ก่อนการประกวดธิดาชนเผ่าจะเริ่มในช่วงค่ำ ผมเดินทางมาก่อนล่วงหน้า เพื่อเดินเที่ยวชมงานอีกครั้ง เที่ยวตามซุ้มรวมถึงร้านค้าต่างๆ ไม่มีเบื่อเลยจริงๆ ทั้งๆ ที่มางานนี้ติดต่อกัน 6 ปีแล้ว ซึ่งในปีนี้มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย คือการนำสตรอเบอร์รี่มาแปรรูป จากที่มีอยู่เดิมนั้นได้นำมาแปรรูปด้วยการทำ “สตรอเบอร์รี่ปั่น” อันนี้พื้นฐานมาก “ไวน์สตรอเบอร์รี่” อันนี้ก็ยังถือว่าเบสิค ตามด้วย “เค้กสตรอเบอร์รี่” แม้ยังมีไม่มาก แต่ก็ยังมีให้เห็นอยู่พอสมควร แล้วยังมี “สตรอเบอร์รี่กวน” อันนี้ถือเป็นสินค้าโอท็อปอีกเช่นกัน แต่ที่ถือว่าบูรณาการสุดๆ และเพิ่งจะมีการเปิดตัวเป็นปีแรกก็คือ “สตรอเบอร์รี่เคลือบช็อคโก้” ที่ทั้งงานมีจำหน่ายอยู่เพียงร้านเดียวเท่านั้น เป็นสตรอเบอร์รี่คัดลูกโตๆ นำมาเสียบไม้จำนวน 4 ลูก จากนั้นนำไปจุ่มลงในช็อคโกแลตเหลว แต่เมื่อนำออกมาแล้วช็อคโก้จะแข็งตัวเคลือบสตรอเบอร์รี่ทันที จำหน่ายไม้ละ 30 บาท อร่อยคุ้มค่าคุ้มราคามาก จัดไปแล้ว 2 ไม้

    เวลา 18.00 น. บริเวณเวทีภายในที่ว่าการอำเภอสะเมิง มีการแสดงดนตรีสดในสไตล์เพลงมันส์ๆ ทันสมัยของน้องๆ นักศึกษาจากวิทยาลัยเทคโนโลยีพานิชการลานนา เป็นการเรียกน้ำย่อยด้วยเสียงดนตรีอย่างสนุกสนานตั้งแต่ 6 โมงเย็นไปจนถึงทุ่มครึ่งกันเลยทีเดียว ผู้มาเที่ยวชมงานหลายคนทนความมันส์ไม่ไหว ออกไปกระโดดโลดเต้นกันหน้าเวทีเลยก็มี ในขณะที่อีกมุมหนึ่ง ธิดาชนเผ่ากำลังเดินเข้าสู่โต๊ะลงทะเบียนกันตามกำหนดเวลา

by Traveller Freedom

    ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้กล่าว่า “สำหรับอำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่ส่วนใหญ่ของอำเภอเป็นทิวเขาสูง อากาศเย็นเกือบทั้งปี ประกอบด้วยชุมชนชาวไทยภูเขาจำนวนมาก สะเมิงเป็นเมืองที่ยังคงความเป็นธรรมชาติได้อย่างสมบูรณ์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้จำนวนไม่น้อย รวมทั้งเป็นแหล่งปลูกพันธุ์ไม้เมืองหนาวและสตรอเบอรี่แหล่งสำคัญของจังหวัดอีกด้วย”

    พิธีเปิดงาน “เทศกาลสตรอเบอร์รี่และของดีอำเภอสะเมิง ครั้งที่ 16” ได้จบลงอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ สำหรับบรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ทำให้อำเภอสะเมิงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวงานนี้กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งภายในงานได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยได้เลือกซื้อสตรอเบอร์รี่สดและสินค้าแปรรูปที่มีให้เลือกกันอย่างหลากหลาย พ่อค้าแม่ค้าต่างเอามาจากสวนสดๆ ลดราคากันแบบหาซื้อที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว อีกทั้งยังเป็นสตรอเบอร์รีที่ปลอดสารพิษและมีคุณภาพสูงอีกด้วย ว่ากันตรงๆ มางานนี้ก็หลายปี แต่ไม่เคยเห็นสะเมิงอุดมไปด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากมายขนาดนี้มาก่อน ถือเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจแทนจริงๆ

by Traveller Freedom

    นายอำเภอสะเมิง กล่าวเพิ่มเติมว่า “อำเภอสะเมิงเป็นอำเภอที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม ลักษณะภูมิประเทศเป็นหุบเขาทำให้สภาพอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ส่งผลดีต่อผลิตผลทางการเกษตร โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกสตรอเบอรี่กว่า 3,000 ไร่ และยังเป็นแหล่งผลิตสินค้า OTOP ที่มีชื่อมากมาย อาทิ กล้วยอบ กล้วยฉาบ ดอกเก็กฮวย หญ้าหวาน ผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมือง งานแกะสลัก และผลผลิตจากโครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริบ้านแม่ตุงติง รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นลำน้ำแม่ขาน ม่อนอังเกตุหลังคาสะเมิง พระบรมธาตุดอยผาส้ม น้ำพุร้อนโป่งกวาว โครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริบ้านแม่ตุงติง และไร่กุหลาบหลากหลายพันธุ์ เป็นต้น”

    โดยงานในปีนี้ได้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-14 กุมภาพันธ์ โดยจะเป็นการจัดงานที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกปี เพิ่มระยะเวลาในการจัดงานถึง 5 วัน สำหรับภายในงานได้จัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สตรอเบอร์รี่ สินค้าการเกษตรจากโครงการหลวง โดยสินค้าที่นำมาจัดจำหน่ายเป็นสินค้าที่ผลิตในอำเภอสะเมิง และจะมีกาดหมั้วครัวฮอม พร้อมจำหน่ายของดีเมืองสะเมิง การประกวดหนูน้อยสตรอเบอรี่ การประกวดธิดาชนเผ่า การประกวดธิดาสตรอเบอรี่ การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน

    จากนั้นนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ท่านประธานในพิธี กล่าวเปิดงานเทศกาลสตรอเบอร์รี่และของดีอำเภอสะเมิง ครั้งที่ 16 ประจำปี 2560 โดยมีนายอำเภอสะเมิง พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชน นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการเปิดงานอันยิ่งใหญ่ประจำอำเภอสะเมิงในครั้งนี้

    ทุกขบวนเคลื่อนผ่านสายตาของนักท่องเที่ยวผู้ร่วมงานจำนวนหลายพันคน รวมถึงเคลื่อนผ่านเวทีที่นั่งของประธานและผู้หลักผู้ใหญ่ในพิธี จนมาจบครบทุกขบวนภายในที่ว่าการอำเภอสะเมิง ในเวลา 10.00 น. จากนั้นเป็นการแสดงจากโรงเรียนสะเมิงพิทยาคม ต่อด้วยการประกวดเดินแบบในธีม “สบายไตล์สตรอเบอร์รี่” โดยมีผู้เข้าร่วมประกวดจำนวน 6 คนด้วยกัน ซึ่งการประกวดครั้งนี้ เน้นสร้างสีสันและเสียงหัวเราะมากกว่าจะเน้นที่ความสวยงาม โดยผู้เข้าประกวดทั้ง 6 คน ก็ได้รับรางวัลสำหรับการสร้างความสนุกสนานกันไปจนครบทุกคน

    จากนั้นเวลา 10.39 น. นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับประธานในพิธีและผู้เข้าร่วมงาน จากนั้นนายชาตรี กิตติธนดิตถ์ นายอำเภอสะเมิง กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ในการจัดงาน “เทศกาลสตรอเบอร์รี่และของดีอำเภอสะเมิง ครั้งที่ 16 ประจำปี 2560” ต่อประธานในพิธี โดยการจัดงานในครั้งนี้เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ผลผลิตสตรอเบอร์รี่ของอำเภอสะเมิง ซึ่งเป็นแหล่งปลูกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง รวมถึงส่งเสริมให้อำเภอสะเมิงเป็นแหล่งท่องเที่ยวแหล่งใหม่ โดยผลผลิตสตรอเบอร์รี่ในอำเภอสะเมิงเป็นผลผลิตที่มีคุณภาพปลอดภัยจากสารพิษ เนื่องจากปัจจุบันได้มีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกสตรอเบอร์รี่ด้วยการลดใช้สารเคมีและปุ๋ยเคมี โดยหันมาทำปุ๋ยหมักใช้เอง และส่งเสริมการปลูกสตรอเบอร์รี่แปลงใหญ่ ทำให้ผลผลิตสตรอเบอร์รี่ในอำเภอสะเมิง ส่งจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ สร้างรายได้ปีละไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท

    ถัดมาเป็นขบวนของ “องค์การบริหารส่วนตำบลบ่อแก้ว” (บอกใบ้ให้นิดนึงว่า สองสาวสวยที่ถือป้ายนำขบวนนี้ หนึ่งในนั้นจะเป็นผู้เข้าประกวดธิดาชนเผ่า ที่จะจัดขึ้นในคืนวันที่ 12 กุมภาพันธ์) ขบวนนี้จัดเต็มมีทั้งกลุ่มชนเผ่ากะเหรี่ยง กลุ่มชนเผ่าม้ง กลุ่มคนเมือง และกลุ่มแม่ค้าสตรอเบอร์รี่ มาร่วมเดินขบวนกันอย่างคับคั่ง รวมถึงมีรถบุปผชาติ ซึ่งบนรถมีสาวกะเหรี่ยง หนึ่งในผู้เข้าประกวดธิดาชนเผ่าอีกด้วยเช่นกัน ปิดท้ายด้วยขบวนของ “องค์การบริหารส่วนตำบลยั้งเมิน” ที่ขอประชาสัมพันธ์งาน “พระราชทานเพลิงพระศพ ครูบาอินถา” ที่จะจัดขึ้น ณ เมรุชั่วคราว สนามโรงเรียนวัดยั้งเมิน ระหว่างวันที่ 15-19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ท้ายขบวนเป็นรถบุปผชาติ ซึ่งผู้ที่นั่งบนรถเป็นถึงสาวงามที่ได้รับตำแหน่ง “รองอันดับ 2 นางงามบุปผชาติ” ของงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ที่เพิ่งจัดไปสดๆร้อนๆ ก่อนหน้าหนึ่งสัปดาห์นี้เอง

    เวลา 09.00 น. ขบวนแห่สตรอเบอร์รี่เริ่มเคลื่อนเข้าสู่บริเวณงาน นำขบวนเปิดตัวด้วยวงดุริยางค์จาก 4 โรงเรียน คือ โรงเรียนสะเมิงพิทยาคม โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ โรงเรียนเมธีวุฒิกร และโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ตามหลังวงดนตรีที่เร้าอารมณ์ให้หึกเหิม เป็นขบวนของ “โรงเรียนสะเมิงพิทยาคม” เจ้าบ้านและหัวแรงใหญ่ของการจัดงานในทุกๆ ปี พร้อมชุดของนักแสดงที่เตรียมโชว์บนเวทีเปิดงานอย่างครบเซ็ท จากนั้นตามด้วยขบวนของ “เทศบาลตำบลสะเมิงใต้” มีละอ่อนน้อยเดินโบกธงชาติไทย แลดูน่ารักไปอีกแบบ รวมถึงขบวนของชนเผ่าปกาเกอญอที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์อันถือได้ว่าเป็นประขากรที่มีมากที่สุดในอำเภอสะเมิง

    ขบวนต่อมาเป็นขบวนของ “องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สาบ” ที่มาในโทนสีขาว-ดำ ถวายอาลัยแด่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ตามด้วยกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงและลีซอ ตามลำดับ ขบวนต่อไปเป็นของ “องค์การบริหารส่วนตำบลสะเมิงเหนือ” ขบวนนี้เน้นความสวยงามตั้งแต่คนถือป้าย คนเดินขบวน ไปจนถึงรถบุปผชาติ

บรรยากาศงานเทศกาลสตรอเบอร์รี่และของดีอำเภอสะเมิง ครั้งที่ 16

    นี่คืองาน “ผลไม้” ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คืองานเทศกาลนอกตัวเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ คืองานที่โด่งดังไปแล้วในระดับโลก .. นี่คืองาน “เทศกาลสตรอเบอร์รี่และของดีอำเภอสะเมิง”

    งานเทศกาลสตรอเบอร์รี่และของดีอำเภอสะเมิง ครั้งที่ 16 ประจำปี 2560 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา โดยในปีนี้ได้เพิ่มระยะเวลาในการจัดงานจาก 4 วันเป็น 5 วัน คือระหว่างวันที่ 10-14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ถือเป็นการโชว์ศักยภาพแหล่งผลิตสตรอเบอร์รี่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อันมีชื่อเสียงก้องระบือไกลไปแล้วทั่วโลก ชาวต่างชาติรู้จักอำเภอสะเมิงเป็นอย่างดี จนได้รับฉายาให้เป็น “สะเมิงแลนด์ดินแดนแห่งสตรอเบอร์รี่”
 
    เป็นเช่นเคยเหมือนทุกปีทุกทีไป คือการเดินทางมาร่วมงานและเก็บภาพในพิธีเปิดงาน ผมเดินทางมาถึงที่ว่าการอำเภอสะเมิง บริเวณพื้นที่จัดงานเวลา 07.30 น. เดินสำรวจเส้นทางเคลื่อนขบวนแห่ หาทำเลที่ลงตัวเพื่อเก็บภาพได้อย่างสะดวก พร้อมเดินชมซุ้มผลิตภัณฑ์โอท็อปจากตำบลและร้านค้าต่างๆ ในอำเภอสะเมิง โดยธีมงานปีนี้จะเน้นไปที่พระบารมีของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ได้แปรเปลี่ยนจากไร่ฝิ่นให้กลายเป็นดินแดนแห่งสตรอฯ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นที่พระองค์มีต่อชาวสะเมิง และชาวไทยทั้งชาติ

เทศกาลภาพถ่ายนานาชาติเชียงใหม่ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2560

สถานที่จัดงาน : ณ หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่, หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ระยะเวลาในการจัดงาน : ระหว่างวันที่ 3-12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

    Chiangmai Photo Festival 2017 (CMPF) หรือ เทศกาลภาพถ่ายเชียงใหม่ ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แล้วสำหรับปีนี้ โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ถือเป็นนิทรรศการภาพถ่ายระดับนานาชาติที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี พร้อมด้วยกิจกรรมอบรมและบรรยายหลากหลายระดับ ที่สำคัญคือทุกกิจกรรมและทุกนิทรรศการ ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น บริการวิชาการและดำเนินโครงการโดย สาขาวิชาศิลปะการถ่ายภาพ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    เทศกาลภาพถ่ายเชียงใหม่ เป็นโครงการเทศกาลภาพถ่ายนานาชาติที่จัดตั้งโดย สาขาวิชาศิลปะการถ่ายภาพ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภายใต้ความร่วมมือจาก 16 มหาวิทยาลัยชั้นนำด้านศิลปะและศิลปินช่างภาพนานาประเทศ พร้อมด้วยกลุ่มเครือข่ายสนับสนุนทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชน นำเสนอผลงานศิลปะภาพถ่ายร่วมสมัยหลากหลายรูปแบบของกลุ่มศิลปินรุ่นใหม่ โดยมีพิธีเปิดงาน Grand Opening เทศกาลภาพถ่ายเชียงใหม่ (Chiang Mai Photo Festival 2017) และพิธีเปิดงาน Main Exhibition เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา โดยได้รับเกียรติจากคุณปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มาเป็นประธานในพิธี ณ หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CMU ART CENTRE) และนอกจากสถานที่แห่งนี้แล้ว นิทรรศการงานศิลป์ยังจัดแสดงขึ้น ณ พื้นที่หอศิลป์และแกลเลอรี่ชั้นนำต่างๆ อีกกว่า 10 แห่งในจังหวัดเชียงใหม่

    นิทรรศการภาพถ่ายศิลปินจากสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ รวมผลงานเหล่าศิลปินสังกัดสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย อาทิ คุณสมศักดิ์ พัฒนพิฑูรย์ คุณสุรินทร์ บัญญัติปิยพจน์ คุณบุณฐไชย ไชยวิรุณเจริญ คุณสุรพล สุคำทัศน์ และอีกหลายท่าน คัดสรรและร้อยเรียงความงดงามผ่านผลงานกว่า 70 ภาพ และพลาดไม่ได้กับ “นิทรรศการภาพถ่ายพระบรมฉายาลักษณ์” ที่จัดขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผลงานจากช่างภาพชั้นครู คุณรชฎ วิสราญกุล ผู้ร่วมถวายงานแห่งความทรงจำอันงดงามในพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติ ๖๐ ปี เจ้าของภาพที่ประชนชาวไทยคุ้นตาและแพร่หลายผ่านสื่อต่างๆ เป็นนิทรรศการที่ควรค่าแก่การรับชมยิ่ง

    นอกจากการนำเสนอผลงานนิทรรศการภาพถ่ายแล้ว ภายในเทศกาลยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจ รวมทั้งกิจกรรม Workshop บรรยายและเสวนาความรู้ให้ผู้ที่สนใจในการถ่ายภาพ อาทิ การสร้างกล้องรูเข็ม, Infrared Fine Art Photography, Art of Life and Documentary และอื่นๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น โดยทั้งหมดนี้ในนามของ “เทศกาลภาพถ่ายเชียงใหม่” (Chiang Mai Photo Festival 2017) คาดหวังว่าจะสามารถเป็นสื่อกลางเชื่อมโยงองค์ความรู้ด้านศิลปะการถ่ายภาพสู่ชุมชน และผลักดันเทศกาลภาพถ่ายของชาวเชียงใหม่นี้ให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติต่อไป

by Traveller Freedom

    สำหรับการจัดงาน Chiangmai Flower Festival 2017 หรืองานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับเชียงใหม่ในครั้งต่อไป จะจัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ในปี 2561 หากนักท่องเที่ยวต้องการมาร่วมงานท้องถิ่นอันยิ่งใหญ่นี้ ติดตามข่าวสารกันได้ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ในปีต่อไป พร้อมสำรองห้องพักล่วงหน้าได้ที่ www.tripchiangmai.com

by Traveller Freedom

ผลการตัดสินการประกวดรถบุปผาชาติ ทั้ง 3 ประเภท ดังนี้

ผลรางวัล ประเภทสวยงาม
- ชนะเลิศ ได้แก่ อำเภอสันกำแพง ร่วมกับ อปท.
- รองชนะเลิศ อันดับ 1 ได้แก่ อำเภอสารภี ร่วมกับ อปท.
- รองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้แก่ อำเภอฝาง ร่วมกับ อปท.
- รางวัลชมเชย ได้แก่ อำเภอสันทราย ร่วมกับ อปท.

ผลรางวัล ประเภทศิลปวัฒนธรรม
- ชนะเลิศ ได้แก่ อำเภอหางดง ร่วมกับ อปท.
- รองชนะเลิศ อันดับ 1 ได้แก่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ร่วมกับ อปท.
- รองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้แก่ อำเภอแม่ริม ร่วมกับ อปท.
- รางวัลชมเชย ได้แก่ อำเภอแม่แจ่ม อำเภอสะเมิง อำเภอดอยหล่อ อำเภอกัลยาณิวัฒนา ร่วมกับ อปท.

ผลรางวัล ประเภทความคิดสร้างสรรค์
- ชนะเลิศ ได้แก่ อำเภอดอยสะเก็ด ร่วมกับ อปท.
- รองชนะเลิศ อันดับ 1 ได้แก่ อำเภอสันป่าตอง ร่วมกับ อปท.
- รองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้แก่ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับอำเภอแม่แตง
- รางวัลชมเชย ได้แก่ อำเภอแม่วาง ร่วมกับ อปท.

    และที่ขาดไม่ได้คือ ซุ้มผลิตภัณ์ชุมชนโอท็อปของทั้ง 25 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ ที่ต่างก็นำของดีของเด่นอันเป็นเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของตัวเองมาจัดแสดงและจัดจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีการประกวดพันธุ์ไม้ประดับต่างๆ ทั้งสิ้น 13 ชนิด รวม 271 ประเภท ได้แก่ 1. กล้วยไม้ จำนวน 105 ชุด 2. กระบองเพชร จำนวน15 ประเภท 3. ไม้อวบน้ำ จำนวน 12 ประเภท 4. ไม้ประดับกระถาง จำนวน 16 ประเภท 5. เฟิร์นประดับ จำนวน 8 ประเภท 6. ไม้ดอกกระถาง จำนวน 10 ประเภท 7. บอนสี จำนวน 10 ประเภท 8. ชวนชม จำนวน 11 ประเภท 9. ชวนชมยักษ์ จำนวน 10 ประเภท 10. โกสน จำนวน 12 ประเภท 11. โป๊ยเซียน จำนวน 19 ประเภท 12. บอนไซ จำนวน 33 ประเภท และ 13. สับปะรดสี จำนวน 10 ประเภท
   
    โดยแต่ละพันธุ์ไม้และประเภทที่ถูกนำมาจัดแสดง ได้ติดผลรางวัลไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถรับชมและถ่ายรูปกันได้ตามใจชอบ แต่ห้ามจับหรือสัมผัสส่วนหนึ่งส่วนใดเป็นอันขาด แม้จะมีเชือกกั้นไว้พร้อมกับป้ายบอกเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษว่า “Don’t Touch” แล้วก็ตาม แต่ก็มักจะมีนักท่องเที่ยวยื่นมือเข้าไปสัมผัสเพื่อเข้าถึงกันอยู่เสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ

    เช้าวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 บริเวณสะพานนวรัฐ ด้านหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายวุฒิพงศ์ ศิริมาศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ นายสุธร วิชัยรัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันเปิดกิจกรรมประกวดขบวนรถบุปผชาติ ในงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่ 41 ประจำปี 2560 โดยขบวนรถบุปผชาตินั้น ถือเป็นไฮไลต์และจุดเด่นที่สุดของการจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับในทุกๆ ปี ซึ่งการจัดงานครั้งนี้มีหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่งเข้าร่วมขบวนรวมทั้งสิ้น 22 คัน แบ่งเป็นขบวนเข้าร่วมประกวดทั้งสิ้น 3 ประเภท คือ ประเภทสวยงาม ประเภทอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม และประเภทความคิดสร้างสรรค์ รวมจำนวน 16 คัน และไม่เข้าร่วมการประกวดแต่ขอเน้นโชว์ความงดงามอีก 6 คัน

    ขบวนรถทั้งหมดเคลื่อนขบวนจากเชิงสะพานนวรัฐฝั่งทิศตะวันออก ผ่านสะพานนวรัฐ เข้าสู่ถนนท่าแพ ต่อเนื่องไปยังถนนคชสาร ถนนราชเชียงแสน และถนนช่างหล่อ ก่อนจะไปสิ้นสุดขบวนที่สวนสาธารณะหนองบวกหาด ตลอดเส้นทางที่ขบวนเคลื่อนล้วนได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวติดพันในช่วงหลังตรุษจีน และนอกจากขบวนรถบุปผชาติแล้ว ภายในสวนสาธารณะหนองบวกหาดยังมีการจัดสวนดอกไม้อย่างสวยงาม โดยมีดอกทิวลิปเป็นดอกไม้ที่เป็นจุดเด่นและสีสันมากที่สุด นอกจากนี้ยังมีอุโมงค์ดอกไม้ การแสดงดนตรีในสวน การจัดแสดง Light&Sound Water Hologram หรือ 3 D Projection Mapping การแสดงนาฏศิลป์และศิลปวัฒนธรรมล้านนาของวิทยาลัยนาฏศิลป์เชียงใหม่ และเวทีกิจกรรมต่างๆ อีกมากมาย

บรรยากาศงาน Chiangmai Flower Festival 2017

    จบไปอย่างงดงามเฉกเช่นความสวยงามของดอกไม้ กับงาน Chiangmai Flower Festival 2017 หรือ มหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่ 41 ประจำปี 2560 ที่จัดไปเมื่อวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา ถือเป็นความสำเร็จที่มีตัวเลขการันตีปีที่ 41 ซึ่งถือเป็นเทศกาลที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมากที่สุดของประเทศไทยงานหนึ่งเลยทีเดียว บอกได้เลยว่า ถ้าไม่สุดยอดจริง ไม่มาไกลถึงขนาดนี้แน่นอน

    ภาพรวมของการจัดงานทั้งหมดนั้นถือว่าประทับใจมากมาย เป็นความประทับใจที่ไม่ใช่การตัดสินจากความรู้สึกส่วนตัวของผมเพียงคนเดียว แต่เป็นความรู้สึกของนักท่องเที่ยวและผู้เข้าร่วมงานโดยรวม จากการเกาะติดงานที่ให้เวลามากกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เช้าเริ่มเคลื่อนขบวนพิธีเปิด ไปจนถึงขบวนรถบุปผชาติหยุดนิ่งบริเวณแจ่งกู่เฮือง ด้านหน้าสวนสาธารณะหนองบวกหาด ถนนคูเมืองด้านในช่วงหัวมุมด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ จำนวนดอกไม้นับล้านดอกที่นำมาตกแต่งให้รถบุปผชาติงดงามอร่ามตา สะท้อนเรติน่าจากผู้คนนับแสนที่พบเห็น เกิดประกายส่องสว่างเป็นภาพของมวลความสุขครอบคลุมแผ่ขยายไปทั่วพื้นที่การจัดงาน ถือเป็นการลงทุนลงแรงที่คุ้มค่าของผู้จัดทำ และคุ้มค่ายิ่งกว่าสำหรับนักท่องเที่ยวที่ให้เวลาชีวิตในการมาเที่ยวชมงานมหกรรมแห่งมวลดอกไม้ที่เชียงใหม่งานนี้

งานซะป๊ะของดีดอยสะเก็ด ครั้งที่ 10 ประจำปี 2560

สถานที่จัดงาน : ที่ว่าการอำเภอดอยสะเก็ด ตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
ระยะเวลาในการจัดงาน : ระหว่างวันที่ 17-19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
โทรศัพท์ : 053 495 781

    หลังจากที่งานเทศกาลต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ได้ทยอยประกาศกำหนดการการจัดงานออกมากันแล้วอย่างต่อเนื่อง และแล้วก็มาถึงงานท้องถิ่นอันยิ่งใหญ่ของอำเภอดอยสะเก็ดที่ผมรอคอย งานนี้มีชื่องานสุดแนวแต่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนได้อย่างชัดเจนว่า “งานซะป๊ะของดีดอยสะเก็ด”

    อำเภอดอยสะเก็ด ได้ออกกำหนดการจัดงานประจำปีสุดยิ่งใหญ่ในช่วงปลายหนาวส่งท้ายฤดูกาลท่องเที่ยว “งานซะป๊ะของดีดอยสะเก็ด” ครั้งที่ 10 ประจำปี 2560 ระหว่างวันที่ 17-19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ณ ตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ โดยอำเภอดอยสะเก็ดได้ร่วมกับทั้ง 14 ตำบลในท้องที่ เชิญชวนนักท่องเที่ยวทั่วโลกแอ่วงานดังกล่าว เพื่อสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวของอำเภอดอยสะเก็ด พร้อมเลือกซื้อสินค้าทางการเกษตรที่มีคุณภาพ และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักอำเภอดอยสะเก็ดได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ในขณะที่เพิ่มช่องทางในการพัฒนาตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชน เป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นตามนโยบายของภาครัฐ

    การจัดงานในครั้งนี้มีอำเภอดอยสะเก็ดเป็นแม่งานใหญ่ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอดอยสะเก็ด องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นเทศบาลตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พี่น้องประชาชนชาวดอยสะเก็ด ได้เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวงานนี้ โดยผู้ร่วมงานจะได้สัมผัสมนต์เสน่ห์ของแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามของอำเภอดอยสะเก็ด พร้อมร่วมสืบสานตำนานดินแดนแห่งภูมิปัญญา วัฒนธรรมล้านนา ศิลปะการแสดงวงดนตรี มวย การประกวดแม่บ้านท้องถิ่น และร่วมสนุกรับของรางวัลกับมัจฉากาชาด ชมและเที่ยวฟรีตลอดงาน

    งานซะป๊ะของดีดอยสะเก็ด ครั้งที่ 10 ได้จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเผยแพร่ผลิตผลและผลิตภัณฑ์ชุมชนต่างๆในพื้นที่อำเภอดอยสะเก็ดให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย เป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดให้ผลิตภัณฑ์ของชุมชน รวมทั้งเป็นการส่งเสริมในเรื่องการท่องเที่ยวของอำเภอดอยสะเก็ด ซึ่งภายในงานได้จัดการสาธิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP จากแหล่งผลิตในพื้นที่ การจำหน่ายผลิตผลทางการเกษตรปลอดสารพิษ การจัดแสดงและร่วมสืบสานศิลปวัฒนธรรมที่งดงาม การจัดแสดงนิทรรศการ การออกร้านของส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน และธุรกิจต่างๆในพื้นที่ซึ่งชื่องานได้นำคำพื้นเมืองมาใช้เป็นองค์ประกอบหลัก คือคำว่า “ซะป๊ะ” ที่มีความหมายว่า “เยอะแยะมากมาย” ความหมายของชื่องานโดยรวมถึงหมายถึง อำเภอดอยสะเก็ดมีของดีอยู่เยอะแยะมากมายนั้นเอง โดยไฮไลท์ของงานอยู่ที่ขบวนแห่พิธีเปิดในการจัดงานวันแรก ซึ่งจะมีการแห่ของ 14 ตำบลในอำเภอดอยสะเก็ดมาเข้าร่วมกันอย่างครบถ้วน และคืนวันสุดท้ายจะเป็นการประกวดธิดาดอยสะเก็ด พร้อมนักร้องพื้นเมืองสลับค่อยสร้างสีสันตลอดงาน

by Traveller Freedom

เทศกาลสตรอเบอร์รี่และของดีอำเภอสะเมิง ครั้งที่ 16 ประจำปี 2560 (Page 3)

กำหนดการจัดงานเทศกาลสตรอเบอร์รี่และของดีอำเภอสะเมิง ครั้งที่ 16

วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
ช่วงกลางวัน
    - การจัดจำหน่ายสตรอเบอร์รี่และพืชผลทางการเกษตร และสินค้า OTOP อำเภอสะเมิง
    - การประกวดสตรอเบอร์รี่และพืชผลทางการเกษตร
    - นิทรรศการภาครัฐและหน่วยงานเอกชน
    - ชมพืชผลทางการเกษตรของโครงการหลวง และโครงการตามแนวพระราชดำริ
    - แอ่วกาดมั่วคัวฮอม
ช่วงกลางคืน
    - การประกวดหนูน้อยสตรอเบอร์รี่
    - การแสดงมหรสพ เช่น มวย รำวง สวนสนุก และอีกมากมาย

วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
ช่วงเช้า
    - ขบวนแห่รถสตรอเบอร์รี่ของหน่วนงานต่างๆ เข้าสู่บริเวณพิธีเปิดงาน
    - การแสดงของนักเรียนจากโรงเรียนสะเมิงพิทยาคม
    - การประกวดเดินแบบชุด “สบายสไตล์สตรอเบอร์รี่”
    - พิธีเปิดงานเทศกาลสตรอเบอร์รี่และของดีอำเภอสะเมิง ครั้งที่ 16
    - ประธานในพิธีและแขกผู้มีเกียรติเยี่ยมชมบริเวณงาน ร้านค้า ผลิตภัณฑ์ และกิจกรรมของหหน่วยงานต่างๆ
ช่วงบ่าย
    - การแข่งขันส้มตำสตรอเบอร์รี่
ช่วงกลางคืน
    - การประกวดร้องเพลงลูกทุ่งแดนเซอร์
    - การแสดงมหรสพ เช่น มวย รำวง สวนสนุก และอีกมากมาย

วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
ช่วงกลางวัน
    - การจัดจำหน่ายสตรอเบอร์รี่และพืชผลทางการเกษตร และสินค้า OTOP อำเภอสะเมิง
    - การประกวดสตรอเบอร์รี่และพืชผลทางการเกษตร
    - นิทรรศการภาครัฐและหน่วยงานเอกชน
    - ชมพืชผลทางการเกษตรของโครงการหลวง และโครงการตามแนวพระราชดำริ
    - แอ่วกาดมั่วคัวฮอม
ช่วงกลางคืน
    - การประกวดธิดาชนเผ่า
    - การแสดงมหรสพ เช่น มวย รำวง สวนสนุก และอีกมากมาย

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
ช่วงกลางวัน
    - การจัดจำหน่ายสตรอเบอร์รี่และพืชผลทางการเกษตร และสินค้า OTOP อำเภอสะเมิง
    - การประกวดสตรอเบอร์รี่และพืชผลทางการเกษตร
    - นิทรรศการภาครัฐและหน่วยงานเอกชน
    - ชมพืชผลทางการเกษตรของโครงการหลวง และโครงการตามแนวพระราชดำริ
    - แอ่วกาดมั่วคัวฮอม
ช่วงกลางคืน
    - การประกวดกิจกรรม To Be Number One
    - การแสดงมหรสพ เช่น มวย รำวง สวนสนุก และอีกมากมาย

วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
ช่วงกลางวัน
    - การจัดจำหน่ายสตรอเบอร์รี่และพืชผลทางการเกษตร และสินค้า OTOP อำเภอสะเมิง
    - การประกวดสตรอเบอร์รี่และพืชผลทางการเกษตร
    - นิทรรศการภาครัฐและหน่วยงานเอกชน
    - ชมพืชผลทางการเกษตรของโครงการหลวง และโครงการตามแนวพระราชดำริ
    - แอ่วกาดมั่วคัวฮอม
ช่วงกลางคืน
    - การประกวดธิดาสตรอเบอร์รี่สะเมิง
    - การแสดงมหรสพ เช่น มวย รำวง สวนสนุก และอีกมากมาย

by Traveller Freedom

เทศกาลสตรอเบอร์รี่และของดีอำเภอสะเมิง ครั้งที่ 16 ประจำปี 2560 (Page 2)

สถานที่จัดงาน : ที่ว่าการอำเภอสะเมิง อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่
ระยะเวลาในการจัดงาน : ระหว่างวันที่ 10-14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
โทรศัพท์ : 053 487 115 ที่ว่าการอำเภอสะเมิง

    อำเภอสะเมิง เป็นอำเภอที่มีชื่อเสียงในเรื่องของสตรอเบอร์รี่มาอย่างยาวนาน เนื่องจากมีภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อนอุดมสมบูรณ์ ทำให้มีอากาศที่หนาวเย็นส่งผลให้กลายเป็นแหล่งผลิตสตรอเบอร์รี่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและประชากรในพื้นที่เป็นอย่างมาก ส่วนสตรอเบอร์รี่ที่นิยมปลูกจะเป็นพันธุ์พระราชทาน 80 ซึ่งเป็นพันธุ์ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานให้กับเกษตรกร โดยมีลักษณะเด่นตรงที่ผลสุกจะเนื้อแน่นและมีสีแดงสด ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทางจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้ร่วมกับอำเภอสะเมิง จัดงานสตรอเบอร์รี่และของดีสะเมิงนี้ขึ้นมา เพื่อเผยแพร่ผลผลิตสตรอเบอร์รี่ให้กับผู้บริโภคโดยตรง เป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายพืชผลทางการเกษตรให้กับเกษตรกร เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนอีกด้วย

    การจัดงานเทศกาลสตรอเบอรี่และของดีอำเภอสะเมิง นั้นได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาทุกปีในช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งในแต่ละปีการจัดงานนั้นก็เพื่อเป็นการส่งเสริมการประกอบอาชีพโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลูกสตรอเบอร์รี่ปลอดสารพิษให้เป็นอาชีพหลักของประชาชนในท้องถิ่น และเพื่อให้ประชาชนในอำเภอสะเมิงมีงานทำอย่างต่อเนื่อง สร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นสอดคล้องกับแผนงานการพัฒนายุทธศาสตร์เศรษฐกิจชุมชนพึ่งตนเอง รวมถึงเพื่อส่งเสริมช่องทางการตลาดในการจำหน่ายพืชผลทางการเกษตร และผลิตภัณฑ์แปรรูปมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการผลักดันให้อำเภอสะเมิงเป็นแหล่งท่องเที่ยวในช่วงปลายฤดูหนาวสุดท้ายของฤดูกาล Hi-Season นี้อีกด้วย

    อำเภอสะเมิง มีพื้นที่ปลูกสตรอเบอร์รี่มากถึง 4,142 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 61% ของพื้นที่ปลูกสตรอเบอรี่ทั้งหมดในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีผลผลิตสตรอเบอรี่ออกสู่ตลาดในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2559 ไปจนถึงเดือนเมษายน พ.ศ. 2560 จำนวน 18,100 ตัน ปัจจุบันได้ทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้วประมาณ 4,815 ตัน โดยพันธุ์ที่นิยมปลูกในเชียงใหม่คือ พันธุ์พระราชทาน 80 เป็นสตรอเบอรี่รับประทานผลสด มีกลิ่นหอม คล้ายพันธุ์พระราชทาน 70 และ 72 แต่เนื้อผลมีสีสันสวยงามและรสชาติหวาน ความแน่นเนื้อมากกว่า สามารถเก็บไว้ได้นาน และทนต่อการขนส่ง

    สำหรับนักท่องเที่ยวที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวเชียงใหม่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ ต้องไม่พลาดไปเที่ยวชมงานเทศกาลสตรอเบอร์รี่และของดีอำเภอสะเมิง ครั้งที่ 16 ประจำปี 2560 ระหว่างวันที่ 10-14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ซึ่งจะขอนำกำหนดการการจัดงานทั้ง 5 วัน มาบอกต่อๆ กันไป ดังนี้

เทศกาลสตรอเบอร์รี่และของดีอำเภอสะเมิง ครั้งที่ 16 ประจำปี 2560 (Page 1)

สถานที่จัดงาน : ที่ว่าการอำเภอสะเมิง อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่
ระยะเวลาในการจัดงาน : ระหว่างวันที่ 10-14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
โทรศัพท์ : 053 487 115 ที่ว่าการอำเภอสะเมิง

    “สะเมิง” หนึ่งใน 25 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “ดินแดนแห่งสตรอเบอร์รี่” เนื่องจากอำเภอสะเมิงถือเป็นแหล่งปลูกสตรอเบอร์รี่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นสตรอเบอร์รี่ที่มีคุณภาพเลื่องลือไปทั่วหล้าจนกลายเป็นผลไม้ขึ้นชื่อให้กับตัวอำเภอและในระดับจังหวัดอีกด้วย

    อำเภอสะเมิง ร่วมกับพี่น้องในพื้นที่ ได้เตรียมจัดงาน “เทศกาลสตรอเบอร์รี่และของดีอำเภอสะเมิง ประจำปี 2560” ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นการจัดอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 แล้ว เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่หลงใหลและหลงรักผลไม้เมืองหนาวนาม “สตรอเบอร์รี่” ได้มาอิ่มหนำกับความหวานอร่อยของสตรอเบอร์รี่ปลอดสารพิษหลากหลายขนาด ที่เก็บสดๆ จากไร่ พร้อมทั้งชวนเที่ยวไร่สตรอเบอร์รี่ที่มีอยู่หลายแห่งทั่วอำเภอสะเมิง สำหรับงานเทศกาลสตรอเบอร์รี่และของดีอำเภอสะเมิง ครั้งที่ 16 นี้ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ณ ที่ว่าการอำเภอสะเมิง อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่

    เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2560 ณ สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ นายกฤษณ์ ธนาวณิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยหัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ แลนายอำเภอสะเมิง พร้อมคณะได้ร่วมกันเปิดแถลงการเตรียมความพร้อมในการจัดงานเทศกาลสตรอเบอร์รี่และของดีอำเภอสะเมิง ครั้งที่ 16 ประจำปี 2560 ซึ่งจะจัดขึ้นบริเวณที่ว่าการอำเภอสะเมิง ระหว่างวันที่ 10-14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ซึ่งในปีนี้ถือเป็นการจัดงานเต็มเหนี่ยวยาวถึง 5 วัน โดยภายในงานจะได้มีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายอาทิเช่น การประกวดหนูน้อยสตรอเบอร์รี่ การประกวดธิดาสตรอเบอร์รี่ การประกวดธิดาชนเผ่า การจัดนิทรรศการความเป็นมาของสตรอเบอร์รี่สู่อำเภอสะเมิง การจำหน่ายสตรอเบอร์รี่และพืชผลทางการเกษตร การแข่งขันส้มตำสตรอเบอรี่ลีลา การออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน และกิจกรรมบันเทิงต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งงานในแต่ละปีสามารถสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศได้สนุกสนานและได้ชิมสตรอเบอร์รี่สดๆ ที่ส่งตรงจากไร่อีกด้วย

    นอกจากนี้ ตลอดในช่วงการจัดงานและตลอดทั้งเดือนกุมภาพันธ์ ตามไร่สตรอเบอร์รี่ต่างๆ ในอำเภอสะเมิงยังมีการเปิดไร่ให้เข้าเที่ยวชมและเก็บสตรอเบอร์รี่อีกมากมาย ได้แก่ ไร่นภ-ภูผา, ไร่วงศ์วาน, ไร่ไผ่สีทอง และไร่สวนดอยแก้ว เป็นต้น

เทศกาลไชน่าทาวน์เมืองเชียงใหม่ ครั้งที่ 15 ประจำปี 2560

สถานที่จัดงาน : ตรอกเล่าโจ้ว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ระยะเวลาในการจัดงาน : ระหว่างวันที่ 28 – 29 มกราคม พ.ศ. 2560
โทรศัพท์ : 053 232 304

    เทศกาลตรุษจีนปีนี้ เชียงใหม่เตรียมจัดงาน “เทศกาลไชน่าทาวน์เมืองเชียงใหม่ ครั้งที่ 15” ประจำปี 2560 ระหว่างวันที่ 28-29 มกราคม พ.ศ. 2560 เพื่อเป็นการสืบสานอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีชาวไทยเชื้อสายจีน พร้อมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยการจัดงานปีนี้งดกิจกรรมรื่นเริงและจุดประทัดเพื่อแสดงความอาลัยถวายแด่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ส่วนกิจกรรมหลักยังคงเดิม

    เมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา ณ ศาลเจ้าพ่อกวนอู ถนนข่วงเมรุ ตำบลช้างม่อย เมืองเชียงใหม่ ท่านปลัดจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยกงสุลสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ รองผู้กำกับกลุ่มงานจราจรตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ และนายกสมาคมธุรกิจไทย-จีน ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงาน “เทศกาลไชน่าทาวน์เมืองเชียงใหม่ ครั้งที่ 15” ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีนประจำปี 2560 บริเวณตรอกเล่าโจ้ว ถนนวิชยานนท์ และถนนช้างม่อย ย่านตลาดวโรรส หรือกาดหลวงตัวเมืองเชียงใหม่ ทั้งนี้นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ร่วมกับเทศบาลนครเชียงใหม่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มพ่อค้า สมาคม ชมรมชาวไทยเชื้อสายจีน ชุมชนตรอกเหล่าโจ้ว และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้จัดงานครั้งนี้ขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว พร้อมทั้งเป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนของชาวไทยเชื้อสายจีน และอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีของชาวจีน อีกทั้งในปีนี้ยังจัดขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และร่วมแสดงความอาลัยถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อีกด้วย
       
    โดยการจัดงานในปีนี้จะเน้นความเรียบง่ายและให้เหมาะสมต่อสถานการณ์ ดังนั้นจึงได้มีการยกเลิกการจัดขบวนแห่ และการจัดประกวดมิสไชน่าทาวน์ รวมทั้งขอความร่วมมือประชาชนในการงดจุดพลุ และประทัดที่มีเสียงดัง ขณะที่กิจกรรมหลักอื่นๆ ยังคงไว้เช่นเดิม ได้แก่ การออกร้านจำหน่ายอาหารจีน และร้านอาหารชื่อดังจากสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ และร้านชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่ การจำหน่ายสินค้าของชุมชนตรอกเหล่าโจ้ว การประกวดหนูน้อยตี๋หมวยสวยเก่ง และการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ซึ่งเชื่อมั่นว่าแม้จะมีการปรับรูปแบบการจัดงานแต่จะยังคงมีผู้คนให้ความสนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากเช่นเดิม เพราะเป็นการจัดงานติดต่อกันเป็นปีที่ 15 แล้ว

    ชุมชนตรอกเหล่าโจ๊วจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน “งานไชน่าทาวน์เมืองเชียงใหม่ ครั้งที่ 15” เพื่อพบปะสังสรรค์ ร่วมกันเฉลิมฉลองตรุษจีนแนวฟิวชั่นและเพื่อให้ชุมชนตรอกเหล่าโจ๊วเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวและชาวเชียงใหม่ จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวที่สนใจเที่ยวชมงานเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน “งานไชน่าทาวน์เมืองเชียงใหม่ ครั้งที่ 15” ในกำหนดการดังกล่าว

by Traveller Freedom

ภูชี้ดาว Up Date 2017

สถานที่ตั้ง : บ้านร่มโพธิ์เงิน หมู่ที่ 11 ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย
โทรศัพท์ : 053 602 742, 053 602 743 (องค์การบริหารส่วนตำบลปอ)
พิกัด : 19.867152, 100.498727
   
    กลับมาเยือนปีละครั้งสำหรับ “ภูชี้ดาว” แหล่งท่องเที่ยวใหม่ของจังหวัดเชียงรายที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อฤดูกาลท่องเที่ยวปี 2015 แล้วก็เป็นเช่นเคย นี่คือทริปเดินทางต่อเนื่องตามแนวเทือกเขาดอยผาหม่น เริ่มจากการไปชมทะเลหมอกบนภูชี้ฟ้า แล้วจึงมาต่อด้วยการเดินเท้าพิชิตภูชี้ดาวแห่งนี้ และจากภูชี้ดาวแล้วจึงไปต่อที่ดอยผาตั้งเป็นโปรแกรมถัดไป

    การเดินทางยังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไปด้วยกัน หลังจากลงภูชี้ฟ้ามาแล้วก็เดินทางจากบ้านร่มฟ้าทองไปยังบ้านร่มโพธิ์เงิน ถึงลานจอดรถประจำหมู่บ้าน จากจุดนี้ต้องต่อรถกระบะชับเคลื่อนสี่ล้อขึ้นไปอีก 3 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายคนละ 100 บาท ขั้นต่ำ 500 บาท จึงจะออกเดินทางได้ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ถือเป็น 3 กิโลเมตรที่โหดพอสมควร สำหรับเส้นทางขึ้นภูชี้ดาว ทั้งลูกรังทั้งชันทั้งแคบ ถือเป็นราคาที่ย่อมเยาจริงๆ

    เมื่อรถนำพามาถึงลานจอดบนภูชี้ดาว ก็ถึงคราวที่จะต้องออกแรงเดินเท้าด้วยลำแข้งของใครของมัน ด้วยระยะทางเพียง 400 เมตร แต่มีความชันเป็นเลิศ ออกแรงเดินเช้าๆ ยังถือว่าสบายๆ สัมผัสอากาศหนาวเย็น ถึงจะเหนื่อยแต่ก็ไม่มีเหงื่อไหล ไม่ไหวก็หยุดพัก ใช้เวลาเดินไม่เกิน 20 นาทีก็สามารถพิชิตยอดภูชี้ดาวได้แล้ว ถือว่าใครๆ ก็เที่ยวได้ ไม่ได้โหดอะไรเลย กลุ่มผู้อายุสูงที่เดินขึ้นมาด้วยกัน แม้จะบ่นตลอดทาง แต่เมื่อขึ้นมาถึงยอดภูชี้ดาวแล้ว กลับมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ความเหนื่อยล้าจางหายไปเป็นปลิดทิ้ง กลายเป็นความลั้นลาหน้าตาเฉย

    บนยอดภูชี้ดาวมีลักษณะเป็นสันเขาแคบๆ มันช่างแคบมากๆ ดีที่วันนั้นลมไม่แรง จำได้ว่าครั้งแรกที่มาลมแรงมาก ต้องเคลื่อนไหวด้วยความระมัดระวัง ก้มหมอบต่ำไปตามสันเขากันเลยทีเดียว แต่สิ่งที่เหมือนกันในการมาทุกครั้งก็คือบรรยากาศบนยอดภูชี้ดาวนั้นจะอุดมไปด้วยหมอกหนาอันขาวโพลนรอบทิศทาง เป็นบรรกาศที่สดชื้นนน สดชื่นจริงๆ หมอกขาวนี่จะพัดมาจากทิศตะวันออก ซึ่งเป็นทิศทางลมจากฝั่งประเทศลาว ต้องขอบใจหลายสำหรับความอุดมสมบูรณ์ของประเทศเพื่อนบ้านที่รักษาเอาไว้อย่างดี ทำให้บ้านเราได้รับอานิสงส์ไปโดยปริยาย

    สิ่งที่เพิ่มเติมบนภูชี้ดาวอย่างเห็นได้ชัดก็คือ “ป้าย” ซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญในการบันทึกภาพและประชาสัมพันธ์เพื่อบอกต่อให้กับนักท่องเที่ยวรุ่นหลังๆ ต่อไป

by Traveller Freedom

งานเชียงรายดอกไม้งามและดนตรีในสวน ครั้งที่ 13 ประจำปี 2560

สถานที่จัดงาน : สวนตุงและโคมนครเชียงราย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
ระยะเวลาในการจัดงาน : ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2559 - 31 มกราคม พ.ศ. 2560
โทรศัพท์ : 053 711 333 (เทศบาลนครเชียงราย)

    เทศบาลนครเชียงราย ผู้เป็นแม่งานใหญ่ในการจัดงาน “เชียงรายดอกไม้งามและดนตรีในสวน ครั้งที่ 13 ประจำปี 2560” ได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาเที่ยวชมงานดอกไม้อันยิ่งใหญ่รับฤดูหนาวนี้ โดยกำหนดแผนงานการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่พสกนิกรชาวไทยกำลังอยู่ในความเศร้าโศกอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่เสด็จสวรรคตไปเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 จึงได้จัดสวนดอกไม้ภายใต้แนวคิด “ดอกไม้ถวายพ่อ”

    ในงานนี้นักท่องเที่ยวจะได้ชมการตกแต่งพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ ไม้ดอกเมืองหนาวที่สวยงามหลากหลายสายพันธุ์ และการจัดทำประติมากรรมดอกไม้จากพันธุ์ไม้ดอกนานาพรรณ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของงาน เช่น ดอกทิวลิป ดอกลิลลี่ และอื่นๆ อีกมากมายที่ได้ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งงาน โดยได้มีกำหนดการพิธีเปิดงานเชียงรายดอกไม้งามครั้งที่ 13 “ดอกไม้ถวายพ่อ” ไปเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา โดยงานจะจัดระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2559 - 31 มกราคม พ.ศ. 2560 ณ บริเวณสวนตุงและโคมนครเชียงราย สวนสาธารณะใจกลางเมืองเชียงราย

    งานเชียงรายดอกไม้งาม ครั้งที่ 13 ถือเป็นอีกหนึ่งงานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ประจำจังหวัดเชียงราย ซึ่งในปีนี้จะมีจัดสวนดอกไม้และการทำบุญตักบาตรดอกไม้พระสงฆ์ 99 รูป ก่อนพิธีเปิดเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสักการะบูชาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์จากวัดพระธาตุ 9 จอม ประดิษฐานบนราชรถบุษบก 9 คัน เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล โดยพระสงฆ์ทั้ง 99 รูป ได้เดินรับบิณฑบาตดอกไม้ที่ใช้ในการถวายพระ ตั้งแต่สี่แยกหนองสี่แจ่งไปจนถึงสี่แยกศาลจังหวัดเชียงราย
 
    ภายในงานจะมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนต่างๆ ด้วยการปลูกประดับตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับนานาพรรณ โดยเฉพาะพันธุ์ไม้ดอกเมืองหนาวที่หาชมได้ยากนับล้านดอก พร้อมทั้งการจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อให้พสกนิกรทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่เดินทางมาเที่ยวชมงานได้ร่วมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ รวมถึงความร่วมมือจากประเทศญี่ปุ่นที่จะนำการแสดงการจัดดอกไม้แบบฉบับประเทศญี่ปุ่น โดยศิลปินผู้มีชื่อเสียงจากประเทศญี่ปุ่น และกิจกรรมการประกวดภาพวาดดอกไม้ของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ภาพถ่ายงานเชียงรายดอกไม้งาม การจัดแสดงบายศรีที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น การแสดงถึงศิลปวัฒนธรรม และการบรรเลงบทเพลงพระราชนิพนธ์ตลอดงาน

    กิจกรรมพิเศษคือ lkabana ซึ่งเป็นอีกศิลปะหนึ่งของดินแดนเจแปน ที่รังสรรค์ผ่านทางการจัดดอกไม้อันสวยสดงดงาม สำหรับดนตรีในสวน จะจัดให้มีเฉพาะวันเสาร์ตลอดเดือนมกราคม 2560 นี้

by Traveller Freedom

งานเทศกาลร่มบ่อสร้างและหัตถกรรมสันกำแพง ครั้งที่ 34 (Page 2)

สถานที่จัดงาน : บ้านบ่อสร้าง ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่
ระยะเวลาในการจัดงาน : ระหว่างวันที่ 20-22 มกราคม พ.ศ. 2560

    สำหรับขบวนแห่ในปีนี้จะมีด้วยกันทั้งสิ้น 11 ขบวน โดยปีนี้จะเน้นในเรื่องของการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นหลัก รวมไปถึงนางงามในปีนี้ ซึ่งที่ผ่านๆ มานั้นจะเป็นการประกวดธิดาร่มบ่อสร้าง ที่มีการแต่งการด้วยชุดหลากหลาย ที่ไม่ได้สะท้อนถึงวัฒน ธรรมหรือเอกลักษณ์ของล้านนา แต่ปีนี้ก็จะเน้นการแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ของล้านนามากขึ้น และจะย้ายเวทีการประกวดมาที่บริเวณแยกบ่อสร้าง ที่แต่เดิมจัดภายในโรงเรียนบ่อสร้าง เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมชมและเข้าถึงการจัดงานได้มากขึ้น ส่วนภายในหมู่บ้านก็จะเป็นถนนคนเดินที่มีการขายสินค้า OTOP และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น

    พิธีเปิดงานเทศกาลร่มบ่อสร้างและหัตถกรรมสันกำแพง ครั้งที่ 34 จัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ.2560 เริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป พร้อมชมขบวนแห่รถประดับร่มมากถึง 11 ขบวน ณ ถนนสายบ่อสร้าง ภายในงานท่านจะได้พบกับการจำหน่ายสินค้าหัตถกรรมร่มบ่อสร้างที่พร้อมใจกันมาลดราคาทั้งหมู่บ้าน พิพิธภัณฑ์ร่มบ่อสร้าง ณ ร้านอบเชย กิจกรรมกาดหมั่วคัวฮอม ณ กาดบ่อสร้าง การแสดงทางวัฒนธรรม ณ สหกรณ์บ้านบ่อสร้าง และนิทรรศการร่มอินโดนิเซีย ณ หน้าเซเว่นบ่อสร้าง นอกจากนี้ในช่วงเวลา 09.30 น. 11.00 น. 14.00 น. และ 15.30 น. ของทุกวันท่านสามารถร่วมชมขบวนแม่ญิงขี่รถถีบก๋างจ้อง ได้บนถนนสายบ่อสร้าง และร่วมรับชมการประกวดธิดาร่มบ่อสร้างได้ในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2560 ตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป

กิจกรรมงานเทศกาลร่มบ่อสร้างและหัตถกรรมสันกำแพง ครั้งที่ 34
- พิธีเปิดงานเทศกาลร่มบ่อสร้างและหัตถกรรมสันกำแพง ครั้งที่ 34 วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2560 เวลา 18.00 น.
- ชมขบวนแห่รถประดับร่มมากถึง 11 ขบวน ณ ถนนสายบ่อสร้าง
- การจำหน่ายสินค้าหัตถกรรมร่มบ่อสร้างที่พร้อมใจกันมาลดราคาทั้งหมู่บ้าน
- พิพิธภัณฑ์ร่มบ่อสร้าง ณ ร้านอบเชย
- กิจกรรมกาดหมั่วคัวฮอม ณ กาดบ่อสร้าง
- การแสดงทางวัฒนธรรม ณ สหกรณ์บ้านบ่อสร้าง
- นิทรรศการร่มอินโดนิเซีย ณ หน้าเซเว่นบ่อสร้าง
- ชมขบวนแม่ญิงขี่รถถีบก๋างจ้อง ได้บนถนนสายบ่อสร้าง ทุกวันเวลา 09.30 น. 11.00 น. 14.00 น. และ 15.30 น.
- ชมการประกวดธิดาร่มบ่อสร้าง วันที่ 22 มกราคม 2560 เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป

by Traveller Freedom

งานเทศกาลร่มบ่อสร้างและหัตถกรรมสันกำแพง ครั้งที่ 34 (Page 1)

สถานที่จัดงาน : บ้านบ่อสร้าง ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่
ระยะเวลาในการจัดงาน : ระหว่างวันที่ 20-22 มกราคม พ.ศ. 2560

    บ้านบ่อสร้าง ชุมชนเก่าแก่แต่โบราณที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยงานหัตถกรรมอันลื่อชื่อ นั้นก็คือ “ร่ม” จนได้รับฉายาสุดคุ้นหูว่า “ร่มบ่อสร้าง” และมีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานจนได้รับการจัดเป็นงานประเพณี “ร่มบ่อสร้างและหัตถกรรมสันกำแพง” ในปี พ.ศ. 2560 นี้ นับเป็นปีที่ 34 แล้ว

    เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมสภาเทศบาลเมืองต้นเปา นายพรชัย คำบุญเรือง รองนายกรักษาการนายกเทศมนตรีเมืองต้นเปา พร้อมด้วย นายวิมล มงคลเจริญ ปลัดเทศบาลเมืองต้นเปา และตัวแทนเจ้าหน้าที่ ได้ร่วมกันจัดการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมการจัดงานเทศกาล “ร่มบ่อสร้างและหัตถกรรมสันกำแพง ครั้งที่ 34 ประจำปี 2560” ในระหว่าง วันที่ 20-22 มกราคม พ.ศ. 2560 ณ บ้านบ่อสร้าง หมู่ที่ 3 ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ทางเทศบาลเมืองต้นเปา ร่วมกับอำเภอสันกำแพง การท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และองค์กรภาครัฐและเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน และเพื่อเป็นการถวายอาลัยแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ภายใต้แนวคิด “ร่มเย็นด้วยพระบารมี”

    งานเทศกาลร่มบ่อสร้างและหัตถกรรมสันกำแพง ได้จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งในปีนี้ได้มีการจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ร่มเย็นด้วยพระบารมี” ซึ่ง “ร่ม” แรก สื่อถึงการที่คนไทยอยู่กันได้ด้วยความร่มเย็นถึงทุกวันนี้ ก็ด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ส่วนอีก “ร่ม” สื่อถึงร่มบ่อสร้างที่เป็นหมู่บ้านทำร่ม โดยการจัดงานในปีนี้ ก็จะเน้นในเรื่องของความเป็นล้านนา และเอกลักษณ์ของภูมิปัญญาท้องถิ่นมากขึ้น ซึ่งเวทีใหญ่จะอยู่ที่บริเวณสี่แยกบ่อสร้าง ขณะเดียวกันปีนี้ก็จะมีการจัดประกวดแม่ญิงขี่รถถีบกางจ้อง ที่แตกต่างจากปีก่อนๆ ซึ่งจัดเป็นนางงามและธิดาร่มบ่อสร้าง แต่ในปีนี้จะเน้นการประกวดไปทางเชิงวัฒนธรรมในการสวมใส่ชุดผ้าซิ่นของคนสันกำแพง นอกจากนี้ก็มีกาดมั่วล้านนา ที่บริเวณแยกบ่อสร้างทางฝั่งป้อมตำรวจ

    ส่วนการประดับตกแต่งภายในงานของปีนี้ ก็จะเน้นใช้ร่มกระดาษสาและโคม มาประดับตกแต่งงานเพื่อเป็นการฟื้นบรรยากาศของความเป็นล้านนา รวมไปถึงการจัดแสดงนิทรรศการต่างๆ ที่แสดงถึงอัจฉริยะภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และต่อเนื่องการขึ้นครองราชย์ของรัชกาลที่ ๑๐ ต่อไปด้วย ซึ่งจะมีความแตกต่างจากปีก่อนๆ ที่ผ่านมา ซึ่งตามปกติในปีที่ผ่านมานั้นจะมีการจัดขึ้นโดยเน้นในเรื่องของความสนุกสนานรื่นเริงและความสมัยใหม่ แต่ปีนี้จะเน้นความเป็นล้านนามากขึ้น รวมไปถึงอัตลักษณ์ของคนพื้นเมืองที่ผสมผสานความทันสมัยเข้าไปด้วย เพื่อให้คนได้กลับไปย้อนรำลึกถึงความเป็นล้านนาในอดีต รวมถึงการแต่งกายต่างๆ

งานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่ 41 ประจำปี 2560

สถานที่จัดงาน : สวนสาธารณะหนองบวกหาด
ระยะเวลาในการจัดงาน : ระหว่างวันที่ 3 - 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

    งานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ต้องยกให้เป็นสุดยอดมหากาพย์เทศกาลแห่งเมืองเชียงใหม่จริงๆ เนื่องจากงานมหกรรมนี้ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมายาวนาน โดยมีอายุของการจัดงานเป็นตัวเลขที่ยาวนานเกินกว่าอายุของใครหลายๆ คนซะอีก รวมถึงตัวผมเองด้วย โดยในปี พ.ศ. 2560 ถือเป็นการจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ เป็นครั้งที่ 41 แล้ว !!

    เมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560 ช่วงเย็นเวลาประมาณ 4 โมงครึ่ง บริเวณสวนสาธารณะหนองบวกหาด เขตคูเมืองเชียงใหม่ ได้มีการจัดงานแถลงข่าวการเตรียมความพร้อมในการจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 41 ประจำปี 2560 โดยมีนายปวิณ ชํานิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธาน พร้อมด้วย นายพิเชษฐ์ พิศุทธกุล รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด รักษาราชการแทนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายสุธน วิชัยรัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ นายสมพล แสนคำ เกษตรจังหวัดเชียงใหม่ นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และ พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย ร่วมกันแถลงข่าว

    โดยทางด้านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การจัดมหกรรมงานไม้ดอกไม้ประดับ ถือเป็นงานมหกรรมที่ชาวไทยและชาวต่างประเทศให้ความสนใจ โดยเฉพาะขบวนรถบุปผชาติที่ประดับด้วยไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวมีความสวยงาม นอกจากนี้ภายในงานยังได้มีการจัดแสดงไม้ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์ ซึ่งจะสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เป็นการกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย

    สำหรับงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดเชียงใหม่ จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ณ บริเวณสวนสาธารณะหนองบวกหาด โดยในปีนี้ได้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ มากมาย จุดเด่นที่สำคัญของงานคือ การประกวดขบวนรถบุปผชาติ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยดอกไม้นานาชนิด ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้ความสนใจเดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงเวลานี้เป็นจำนวนมาก มาชมความสวยงามของดอกไม้นานาพันธุ์ ศิลปวัฒนธรรม ทั้งการแต่งกาย การละเล่นต่างๆ ของแต่ละท้องถิ่น ซึ่งมีเอกลักษณ์ที่หาชมได้ยากในปัจจุบัน

    อย่างไรก็ตามเนื่องจากในปีนี้เกิดเหตุการณ์เสด็จสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ภายใต้แนวคิด 720 ปี มวลพฤกษามหาบุปผชาติ การจัดประกวดขบวนรถบุปผชาติ การจัดประกวดนางงามบุปผชาติและนางงามบุปผชาตินานาชาติ นอกจากนี้ยังได้มีการจัดการประกวดไม้ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์ และมีการจัดจำหน่ายไม้ดอกไม้ประดับ เพื่อให้ประชาชนที่มาร่วมงานได้เลือกซื้อ โดยจะปล่อยขบวนที่บริเวณเชิงสะพานนวรัฐ ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป โดยมีเส้นทางขบวนเริ่มต้นที่เชิงสะพานนวรัฐ ไปจบที่สวนสาธารณะหนองบวกหาด

by Traveller Freedom

คอมมูนิตี้มอลล์สุดบรรเจิดแห่งยุค @ Star Avenue Lifestyle Mall

สถานที่ตั้ง : ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์สายเชียงใหม่-ลำปาง ตำบลวัดเกต อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
โทรศัพท์ : 053 307 080
พิกัด : 18.800423, 99.019108

    Star Avenue Lifestyle Mall สตาร์อเวนิว ไลฟ์สไตล์มอลล์ ที่แหล่งท่องเที่ยวรูปแบบ Community Mall หรือศูนย์การค้าแบบเปิด ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ถือเป็นศูนย์การค้าเพื่อคนเชียงใหม่อย่างแท้จริง โดยคนเชียงใหม่เป็นผู้สร้าง ผู้ออกแบบ และดำเนินการลงทุน ที่มีความเชื่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เน้นให้ความสำคัญในมาตรฐานการก่อสร้างและคุณภาพของวัสดุ รวมถึงมีผู้เชี่ยวชาญในการควบคุมดูแลในทุกขั้นตอน เพื่อสร้างสุดยอดไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งมอลล์แห่งนี้ ให้เป็นที่สุดของคอมมูนิตี้มอลล์อันดับหนึ่งของเมืองเชียงใหม่

    Star Avenue Lifestyle Mall สตาร์อเวนิว ไลฟ์สไตล์มอลล์ ถูกออกแบบดีไซน์ให้มีสถาปัตย์ในสไตล์ที่เน้นโทนสีเขียวกับความลงตัวของอาคารสมัยใหม่ ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองยุคปัจจุบัน เพื่อการพักผ่อน สามารถมานั่งดื่ม กิน และช๊อปแบบชิลล์ๆ สบายๆ ไม่เร่งรีบ กับหลากหลายร้านอร่อยที่มีให้เลือกมากมาย ด้วยการจัดสรรพื้นที่ที่กระชับแต่แฝงไปด้วยความโดดเด่นไม่ซ้ำแบบใคร

    Star Avenue Lifestyle Mall สตาร์อเวนิว ไลฟ์สไตล์มอลล์ ตั้งอยู่บนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ทำเลงาม บริเวณพื้นที่ติดกับสถานีขนส่งเชียงใหม่แห่งที่ 3 หรือ อาเขต 2 ลักษณะตัวอาคารเป็นอาคาร 3 ชั้น รวมพื้นที่ใช้สอยกว่า 10,000 ตารางเมตร แวดล้อมด้วยหมู่บ้านและคอนโดมิเนียมที่กำลังผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง มีที่จอดรถแบ่งเป็น 3 ด้าน ภายในประกอบด้วยโซนต่างๆ เช่น Zone Non Food, Zone Food และ Zone Traveller เป็นต้น ประกอบด้วยร้านค้าและร้านอาหารมากมาย เช่น Dunkin Donut, Mc Donald, Subway, Daiso ของคุคิจากญี่ปุ่นทุกอย่าง 60 บาท, Rim ping ซุปเปอร์มาร์เก็ต, ร้านกาแฟTOM N TOM Coffee, Boots, ชามิจิ, ร้านตำแซ่บเว่อร์ , ร้านลาบนะจ๊ะ , ร้านไก่กาคาเฟ่ , ร้านโรเบอร์โต้ และร้านหนังสือนายอินทร์ เป็นต้น

    นอกจากทำเลที่น่าสนใจแล้ว สตาร์อเวนิว ไลฟ์สไตล์มอลล์ ยังคงให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวและที่จอดรถ ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างจุดเด่นเป็นอย่างมากในโครงการแรก โดยในสตาร์อเวนิว ไลฟ์สไตล์มอลล์ โครงการ 2 ได้เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มากกว่าในโครงการแรกถึง 6 เท่า ภายใต้การก่อสร้างแบบ Green Building ในทั้ง 48 ยูนิตที่ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน รวมทั้งมีอาคารจอดรถด้านหลังโครงการเพื่อความสะดวกสำหรับผู้ที่มาใช้บริการ คอมมูนิตี้มอลล์แห่งนี้ถือเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่นักเดินทางมักใช้เวลามาปล่อยวางก่อนการขึ้นรถโดยสารเพื่อเดินทางต่อไป หรือการมารอรับใครสักคน โดยที่การรอคอยนี้จะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

by Traveller Freedom

สุดยอดจิตรกรรมวิหารลายคำ @ วัดพระสิงห์ (Page 4)

สถานที่ตั้ง : ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
โทรศัพท์ : 083 566 0844
พิกัด : 18.788593, 98.981318

    พระพุทธสิหิงค์ หรือ พระสิงห์ เป็นพระพุทธรูปโบราณหล่อด้วยสำริดหุ้มทอง มีพุทธลักษณะสง่างาม ตามประวัติกล่าวว่า พระเจ้าสีหฬะ พระมหากษัตริย์แห่งลังกาทวีป ทรงสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 700 ต่อมาเจ้านครศรีธรรมราชได้ไปขอมาถวายพระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย เมื่อสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้กรุงสุโขทัยเป็นเมืองขึ้น จึงได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานที่กรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้มีผู้นำไปไว้ที่เมืองกำแพงเพชรและเมืองเชียงราย เมื่อพระเจ้าแสนเมืองมา เจ้านครเชียงใหม่ ยกทัพไปตีเมืองเชียงรายได้ จึงได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานที่เชียงใหม่พร้อมกับพระแก้วมรกต เมื่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราชตีเมืองเชียงใหม่ได้เมื่อปี พ.ศ. 2205 ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ กรุงศรีอยุธยาเป็นเวลานานถึง 105 ปี เมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 แก่พม่าใน พ.ศ. 2310 ชาวเชียงใหม่ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์กลับไปที่เชียงใหม่ เมื่อมณฑลพายัพได้กลับมาเป็นของไทยในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทโปรดให้อัญเชิญลงมายังกรุงเทพมหานครเมื่อปี พ.ศ. 2338 ปัจจุบันพระพุทธสิหิงค์ประดิษฐานอยู่ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พระราชวังบวรสถานมงคล โดยจะมีพิธีเชิญออกมาช่วงเทศกาลสงกรานต์ให้ประชาชนไทยได้สักการะและสรงน้ำ ส่วนพระสิงห์ที่ประดิษฐานที่วัดแห่งนี้เป็นพระพุทธรูปจำลอง

    หากพิจารณาถึงคำว่า “วัดพระสิงห์” นั้น หมายถึง วัดซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระสิงห์มาก่อน พระสิงห์ เป็นนามพระพุทธรูป อันบ่งบอกถึงคติพระพุทธศาสนาเถรวาทอย่างลังกาวงศ์ตรงกับ พระพุทธสิหิงค์ อันเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่ทางภาคเหนือล้านนา มิได้เรียกว่า พระพุทธสิหิงค์ นิยมเรียกว่า “พระสิงห์” ซึ่งหมายถึง “สิงหนวัติ” กษัตริย์โบราณผู้สร้างเมืองโยนกนคร นอกจากนี้ยังหมายถึง “พระศากยสิงห์” เป็นพระนามหนึ่งของพระพุทธเจ้า แต่ภาพรวมแล้ว พระสิงห์ ก็คือเป็นนามของพระพุทธรูป อันบ่งบอกถึงคติพระพุทธศาสนาอย่างลังกาวงศ์ เพราะทุกที่ที่ปรากฏว่ามี พระสิงห์ หรือ พระพุทธสิหิงค์ นั้นแสดงให้เห็นว่าสถานที่เหล่านั้นได้มีพระพุทธศาสนาเถรวาทอย่างลังกาวงศ์แพร่หลายไปถึง ฉะนั้นควรถือกันว่าพระพุทธรูปที่เรียกพระนามอย่างนี้ เป็นสัญลักษณ์แห่งพระพุทธศาสนาเถรวาท

    พระสิงห์ เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทยมาอย่างยาวนานมีหลักฐาน ปรากฏในสิหิงคนิทานบันทึกไว้ว่า สร้างขึ้นเมื่อราวพุทธศักราช 700 ในประเทศลังกา และประดิษฐานอยู่ที่ลังกา 1,150 ปี จากนั้นได้ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานยังราชอาณาจักรไทยตามลำดับ ดังนี้
    พ.ศ. 1850 ประดิษฐานที่กรุงสุโขทัย 70 ปี
    พ.ศ. 1920 ประดิษฐานที่พิษณุโลก 5 ปี
    พ.ศ. 1925 ประดิษฐานที่กรุงศรีอยุธยา 5 ปี
    พ.ศ. 1930 ประดิษฐานที่กำแพงเพชร 1 ปี
    พ.ศ. 1931 ประดิษฐานที่เชียงราย 20 ปี
    พ.ศ. 1950 ประดิษฐานที่เชียงใหม่ 255 ปี
    พ.ศ. 2250 ประดิษฐานที่กรุงศรีอยุธยา 105 ปี
    พ.ศ. 2310 ประดิษฐานที่เชียงใหม่ 28 ปี
    พ.ศ. 2338 ประดิษฐานที่กรุงเทพมหานครจนถึงปัจจุบัน

by Traveller Freedom