ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
กรกฎาคม 02, 2024, 09:24:27 AM
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: ประกาศ การกระทำใดๆ  เพื่อที่จะให้กระทู้ตัวเองมาอยู่อันดับต้นๆ ประจำ หากพิจารณาแล้วว่า ไม่เกิดประโยชน์กับผู้เข้าชม  ก็รับสิทธิ์โดนแบนเหมือนกันครับ


  แสดงกระทู้
หน้า: « 1 2 3 4 »
61  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง ข้าวหน้าเป็ด ข้าวขาหมูเชียงใหม่ / ชวนชิมข้าวหน้าเป็ดรสเด็ดที่ “ยุ้ยโภชนา” เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2014, 10:37:18 PM
ชวนชิมข้าวหน้าเป็ดรสเด็ดที่ “ยุ้ยโภชนา”

ปกติเลดี้ดาริกาเป็นคนไม่ชอบกินเป็ดมาแต่ไหนแต่ไร เพราะในช่วงวัยเด็กจนถึงวัยรุ่นไม่เคยเจอใครที่ทำอาหารจานเป็นได้อร่อยจนติดใจ อาหารจานเป็นในความทรงจำของเลดี้ดาริกาจึงไม่น่าพิสมัยเท่าไรนัก เพราะเป็นอาหารที่มีกลิ่นคาว มีหลายครั้งที่เลือกที่จะปฏิเสธอาหารเป็ดๆ ก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋น เป็ดทอด เป็ดต้ม ข้าวหน้าเป็ด พลาดกินมาหมดทุกรายการ


มาตระหนักได้อีกทีว่าอาหารจานเป็นนั้นอร่อยขนาดไหนก็โตจนขี้เกียจเลือกกินแล้ว หรือจะเรียกอีกอย่างว่าเป็นวัยที่มีวุฒิภาวะพอที่จะไม่ขาดกลัว และกล้าที่จะลองกินอาหารหลายๆ อย่างที่เคยไม่ชอบ และพบว่าอาหรจานเป็ดมันก็ไม่ได้ย่ำแย่จนปานนั้น และอาหารเป็ดๆ หลายๆ เจ้าที่เคยกินมาก็อร่อยสมคำร่ำลือเสียด้วย เมนูเป็ดจึงกลับมาเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอีกครั้ง



ในเมืองเชียงใหม่ ถ้าจะให้พูดถึงข้าวหน้าเป็ด เลดี้ดาริกาคงต้องยกนิ้วให้กับร้าน “ยุ้ยโภชนา” เป็นอันดับแรก เพราะรู้สึกประทับใจรสชาติตั้งแต่กินครั้งแรก และหลายๆ ครั้งต่อมา เลดี้ดาริกาก็ไม่ลือที่จะเลือกร้านยุ้ยโภชนาในเวลาที่คิดถึงเมนูข้าวหน้าเป็ด “ยุ้ยโภชนา” ตั้งอยู่บนถนนแก้วนวรัฐ ทางออกไปยังสถานีขนส่งอาเขต เลยสี่แยกโรงเรียนปรินส์ฯ ไปนิดเดียว ติดกับโรงพยาบาลแมคคอมิค



อาหารจานแนะนำของที่นี่คือ “ข้าวหน้าเป็ด” แสนอร่อย ของโปรดของเลดี้ดาริกาค่ะ เพราะที่นี่เสิร์ฟเนื้อเป็ดเน้นๆ สมราคา ไม่ใช่ใส่เป็ดมาสองสามชิ้นพอให้เรียกว่าข้าวหน้าเป็ดได้ สำหรับเลดี้ดาริกาแล้วความอร่อยแรกของข้าวหน้าเป็นคือ “ความสุก” เป็ดย่างสุกกำลังดีหรือไม่ เพราะเป็ดเป็นสัตว์ที่มีกลิ่นพอสมควร หากย่างไม่ดีสุกไม่ถึงก็อาจจะมีกลิ่น หมดความอร่อยได้ง่ายๆ แต่ที่นี่เป็ดย่างสุกกำลังดี หนังย่างได้กรอบ เป็นส่วนที่ชอบที่สุด ราดซอสข้าวหน้าเป็ดสูตรพิเศษของทางร้าน กินคู่กับผักดอง เข้ากันได้ดี อร่อยมากๆ ค่ะ


นอกจากข้าวหน้าเป็ดแล้วแน่นอนว่าต้องมี “ข้าวหมูแดง” และ “ข้าวหน้าหมูกรอบ” ซึ่งมักจะขายคู่กับข้าวหน้าเป็ดเสมอ หมูแดงหมูกรอบร้านนี้ก็อร่อยไม่หยอก น้ำราดหมูแดงรสชาติหวานกำลังดี อร่อยค่ะ ร้านยุ้ยโภชนานี้เปิดในรูปแบบของร้านอาหารที่มีอาหารสารพัดชนิดให้คุณเลือกรับประทาน หากเพื่อนคนไหนไม่สนใจทานข้าวหน้าเป็ด ที่นี่ก็ยังมีก๋วยเตี๋ยว และข้าวราดแกงหลากหลายชนิดให้เพื่อนๆ รับประทานด้วย


เนื่องจากร้านนี้ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับโรงพยาบาลแมคคอมิค โรงเรียน ไปจนถึงออฟฟิศของหลายๆ สำนักงานทำให้ช่วงกลางวันมีลูกค้าแน่นร้าน หากมีเวลาไม่แนะนำให้มาช่วงพักเที่ยงนะคะ เพราะถึงแม้ว่าทางร้านจะมีโต๊ะไว้บริการมากพอสมควร แต่บางทีก็ไม่พอต่อความต้องการของลูกค้า และค่อนข้างจอแจวุ่นวายไปเสียหน่อย



ราคาอาหารปกติค่ะ ไม่ได้แพงมากมายอะไร ข้าวหน้าเป็ดธรรมดาจานละ 40 บาท พิเศษ 50 บาท อาหารชนิดอื่นๆ ก็ราคาไล่เลี่ยกันไปในช่วงราคานี้ แต่รสชาติรับรองว่าอร่อยมาก ร้านเปิดทุกวันค่ะ ตั้งแต่ 06:00 – 22:00 น

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :11:
62  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / เชียงใหม่ ร้านอาหาร - แนะนำร้านอาหาร อร่อย ในเชียงใหม่ / “หมูปิ้งคุณพ่อ” หมูปิ้งเมืองเชียงใหม่แสนอร่อย ดีต่อสุขภาพ เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2014, 09:34:56 PM
“หมูปิ้งคุณพ่อ” หมูปิ้งเมืองเชียงใหม่แสนอร่อย ดีต่อสุขภาพ

ปกติเลดี้ดาริกาเป็นคนตื่นสาย นอกจากจะต้องลุกมาทำงานเช้ามากๆ เท่านั้นถึงยอมลุกจากเตียงแบบอาลัยอาวรณ์ผ้าห่มและหมอนสุดที่รัก ตื่นเช้าทีไร “ความหิว” ก็จะเข้ามาทักทายเป็นคนแรกของวัน นี่เป็นเรื่องแปลกค่ะ เพราะในวันปกติที่นอนตื่นสายจนตะวันส่องก้น (คุณย่าชอบค่อนแคะกระแนะกระแหนแบบนี้บ่อยๆ) จะไม่รู้สึกหิวโหยแบบนี้จนกว่าจะถึงมื้อเที่ยง (ข้อดีของการตื่นสายคือเลี่ยงมื้ออาหารไปได้หนึ่งมื้อ ประหยัดขึ้นอีกนิดหน่อย)


อาหารเช้าแก้หิวของเพื่อนๆ คืออะไรคะ? โจ๊กร้อนๆ ข้าวต้มทรงเครื่องอุ่นๆ น้ำเต้าหูกับปลาท่องโก๋ ไข่กระทะสุดโปรด ข้าวเหนียวหน้าต่างๆ และที่ลืมไม่ได้ “ข้าวเหนียวหมูปิ้ง” อาหารเช้าสุดคลาสสิกที่รับใช้ปากท้องคนไทยเรามานานนมแล้ว เลดี้ดาริกาจำความได้ว่าสมัยเป็นเด็กวันไหนญาติพี่น้องที่บ้านใจดีก็จะมีหมูปิ้งติดไม้ติดมือมาฝากเป็นอาหารเช้าก่อนไปโรงเรียน แม้ทุกวันนี้จะทำงานแล้ว แต่ข้าวเหนียวหมูปิ้งก็ยังเป็นทางเลือกแรกๆ สำหรับเช้าวันไหมอยู่ดี


เกริ่นมาเสียยืดยาว ใช่แล้วค่ะ! วันนี้เลดี้ดาริกาจะแนะนำร้านข้าวเหนียวหมูปิ้งให้เพื่อนๆ รู้จัก ถือเป็นข้าวเหนียวหมูปิ้งมิติใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพผู้บริโภคมากๆ และอาจจะเป็นที่รู้จักกันดีแล้วสำหรับเพื่อนๆ ชาวเชียงใหม่หลายๆ คน โดยเฉพาะเพื่อนๆ ที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงย่านถนนนิมมานเหมินทร์ และโรงพยาบาลลานนา “ร้านหมูปิ้งคุณพ่อ” มีขายอยู่สามสาขาในเมืองเชียงใหม่ 2 สาขาแรกตั้งอยู่บนถนนนิมมานเหมินทร์ทั้งคู่เลยค่ะ คือบริเวณโรงแรม Kantary Terrace ปากซอยนิมมานฯ ๑๒ เปิดเป็นบู๊ทเล็กๆ อาจต้องสังเกตกันดีๆ สักหน่อยนะคะ อีกสาขาหนึ่งอยู่ในซอยนิมมานฯ ๑๑ เป็นแหล่งผลิตหมู่ปิ้งสุดอร่อยออกมาให้พวกเราได้ลิ้มลองกันนี่เองค่ะ อีกจุดคือหน้าโรงพยาบาลลานนา และสาขาล่าสุดที่ Star Avenue ใกล้ขนส่งอาเขต



พูดถึงหมูปิ้งเพื่อนๆ บางคนอาจสงสัยว่ามันมีความพิเศษอย่างไรกันหนอ ถึงต้องเอามานำเสนอกันขนาดนี้ เพราะร้านหมู่ปิ้งนั้นมีเกลื่อนกราดทั่วไป อย่าว่าแต่เชียงใหม่เลย ไม่ว่าที่ไหนๆ ในเมืองไทยก็มีทั้งนั้น แต่ “หมูปิ้งคุณพ่อ” มีความพิเศษ และแตกต่าง อันดับแรกอยู่ที่การเลือกสรรวัตถุดิบ เนื้อหมูที่เลือกมาเป็นเนื้อหมูคุณภาพ ไม่ติดมันมากเกินไป กรรมวิธีการปิ้งก็ทำได้อย่างพิถีพิถันเหลือเชื่อ เพราะปกติเราจะเห็นหมูปิ้งติดมันมีเขม่าควันดำๆ เกาะ หรือไม่ก็มีส่วนไหม้เกรียม เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง แต่สำหรับหมูปิ้งคุณพ่อนั้น มันน้อย คราบเขม่าควันและรอยไหม้แทบไม่มีเลยค่ะ ลูกค้ารับประทานได้อย่างสบายใจ รสชาติเผ็ดเครื่องเทศนิดๆ มีเอกลักษณ์ และดีต่อสุขภาพ ข้าวเหนียวของร้านนี้เลือกใช้ข้าวเหนียวข้าวกล้อง ร้อนๆ นุ่มๆ กำลังดี เวลาเขี้ยวได้สัมผัสกรุบกรอบของข้าวกล้องด้วย ข้าวเหนียวของที่นี่ห่อด้วยใบตอง ทำให้มีกลิ่นหอม ใส่ในถุงกระดาษมีโลโก้ร้าน ดูเก๋ไก๋และเพิ่มมูลค่าด้วย


แต่พอเพื่อนๆ เห็นราคาแล้วอาจจะตกใจสักหน่อย เพราะเป็นหมูปิ้งราคาสูง เริ่มต้นชุดละ 35 บาท มี 4 ไม้ พร้อมข้าวเหนียวหนึ่งห่อ (ชุดเล็ก) อิ่มสบายท้องพร้อมรับวันใหม่ ราคาเท่านี้เมื่อเทียบกับคุณภาพ ความพิถีพิถันและความอร่อย ถือว่าไม่แพงเลยค่ะ มีลูกค้ามาอุดหนุนไม่ขาดสาย โดยเฉพาะลูกค้าเจ้าประจำ ใครอยากรับประทานตอนเช้าต้องตื่นเร็วสักหน่อย เพราะบางทีเลดี้ดาริกาก็ไปซื้อไม่ทันเหมือนกันค่ะ หมดเสียก่อน

ร้านเปิดทุกวัน
-สาขาถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย 11 : 06.00 - 13.00 น.
-สาขา Kantary Terrace (ถนนนิมมานเหมินทร์ ปากซอย 12) : 06.00 - 18.00 น. (เฉพาะวันอาทิตย์เปิดขายถึง 13.00 น.)
-สาขาหน้ารพ.ลานนา (เช้า) : 06.00 -10.30 น. (บ่าย) :14.30 -19.00 น.


เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :onio:
63  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / แนะนำ ร้านกาแฟ ชา เบเกอรี่ เค้ก ขนม ไอศกรีม อาหารว่าง ของทานเล่น ในเชียงใหม่ / ดื่มด่ำธรรมชาติกับกาแฟเลิศรสที่ Geenery เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2014, 05:56:22 AM
ดื่มด่ำธรรมชาติกับกาแฟเลิศรสที่ Geenery

เบื่อไหมกับความวุ่นวายในเมือง เบื่อไหมชีวิตที่ต้องแข่งขันกับคนอื่นจนเหนื่อยใจ ดังนั้นการหลีกหนีออกจากความวุ่นวายสักพัก (แน่นอนว่าเราต้องอยู่กับมันไปอีกนาน แต่ก็ต้องพักบ้าง) มันคงเป็นสิ่งที่ดี ที่จะช่วยให้เราลืมเรื่องน่าเบื่อเหล่านี้ โดยการออกไปนอกเมืองไปพบกับสถานที่ที่เหมือนกับว่ามันหยุดเวลาได้ ทำให้เรามีเวลากับตัวเองมากขึ้น


เกริ่นมาซะยาวมาเข้าเรื่องกันเลยค่ะ ครั้งนี้ขอนำเสนอร้านกาแฟน่ารักๆ สไตล์ธรรมชาติอันเงียบสงบ มนุษย์ในเมืองใหญ่คงจะถูกใจไม่ใช่น้อย เพราะที่นี่เงียบสงบมากๆ มีแต่เสียงลม เสียงใบไม้ และเสียงเพลงคลาสสิคเบาๆ คอยเค้าคลอให้ผู้มาเยือนอิ่มเอมไปกับกาแฟและธรรมชาติ ชื่อว่าร้าน “greenery”


จะไปร้านนี้อาจจะลำบากหน่อยนะคะ แต่รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน เมื่อมาถึงตัวเมืองสันกำแพงลองถามชาวบ้านแถวนั้นว่าวัดสันก้างปลาไปทางไหน ก็ไปตามทางที่เขาบอก ร้านนี้จะอยู่ตรงปากทางเข้าวัดเลยค่ะ จุดสังเกตก็คือป้ายวัดสันก้างปลาขนาดใหญ่ ร้านอยู่ข้างหลังป้ายนั้นเลย

แค่ทางเข้าร้านก็สร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนอย่างเลดี้ดาริกาแล้วแหล่ะ เป็นซุ้มไม้มีป้ายร้านน่ารักๆ เน้นโทนสีเขียวให้เข้ากับชื่อร้าน เมื่อเข้ามาด้านในรู้สึกว่าเหมือนขับรถเข้ามาในบ้านใครสักคนเพราะบรรยากาศดูบ้านๆ มากค่ะ แวดล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ร่มรื่นมาก



บ้านสองชั้นที่ชั้นล่างถูกดัดแปลงเป็นบาร์กาแฟเล็กๆ เพื่อนๆ ที่ติดตามเราอยู่บ่อยๆ จะเห็นเราชอบสั่งลาเต้ แต่ครั้งนี้ขอเปลี่ยนค่ะ เป็นมอคค่าเย็นหนึ่งแก้ว เมื่อเหลือบไปเห็นราคาก็แอบตกใจนิดนึงเพราะราคาถูกมาก ราคาเริ่มที่ 35 บาท!! แพงที่สุดคือ 65 บาท!! เมนูก็มีให้เลือกหลากหลาย กาแฟสูตรต่างๆ ชา น้ำผลไม้ เมนูแนะนำของร้านก็คือ คาราเมลลาเต้ปั่น  วนิลาลาเต้ปั่น  ไอศกรีมหลากรส และมีผัดไทยให้ทานด้วย แต่เราเพิ่งมาเห็นหลังจากสั่งไปแล้ว T_T ไม่เป็นไรไว้โอกาสหน้าจะมาลอง ^_^


ระหว่างรอมอคค่าเย็นก็นั่งคุยกับเจ้าของร้านไปเรื่อยเปื่อย อัธยาศัยดีค่ะ และทราบมาว่าที่นี่มีห้องพักด้วย เลยแอบเดินไปดู น่านอนมาก เป็นบ้านยกใต้ถุนสูง ข้างหลังเป็นทุ่งนา บ้านๆ สุดๆ  ผ่านไปสักแปบก็ได้ยินเสียงบอกว่า “ได้แล้วครับ” แล้วก็ไปนั่งในสวนเล็กๆ ร่มรื่น มีลมพัดเอื่อยๆ สบายจริงๆ



มอคค่าเย็นแก้วนี้ขอบอกว่าอร่อยมาก อร่อยแบบชนะร้านกาแฟแพงๆ แถวนิมมานได้สบายๆ มอคค่าเลิศรส ไม่เข้มมาก กลมกล่อมกำลังดี ตอนที่ดูดเข้าไปรู้สึกว่ามันมีเศษกาแฟที่ละเอียดมากอยู่ในน้ำมอคค่าด้วย อร่อยดีค่ะ พอดื่มจนหมดแก้วมันมีฟองนมสดที่ราดด้วยช็อคโกแลตเหลืออยู่ จึงลองชิมดู เฮ้ย อร่อยเหมือนกันนี่หว่า สรุปแก้วนี้ชนะเลิศจริงๆ ค่ะ



ใครที่เบื่อๆ ชีวิตในเมืองมาชาร์จแบตที่นี่ก็ดีนะคะ นอนพักสบายๆ เปิดหน้าต่างมาก็เห็นวิวทุ่งนาเขียวขจี พร้อมกับสั่งกาแฟมาดื่ม นี่มันสวรรค์ชัดๆ

เรื่องละภาพโดยเลดี้ดาริกา  917
64  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / กราบพระพุทธไสยาสน์ในตำนาน ที่วัดพระป้าน เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2014, 05:07:05 AM
กราบพระพุทธไสยาสน์ในตำนาน ที่วัดพระป้าน

สวัสดีเพื่อนๆ ชาวทริปเชียงใหม่ หลังจากที่เลดี้ดาริกานำเสนอวัดที่น่าสนใจในอำเภอต่างๆ มาหลายแห่ง วันนี้ก็มาถึงคราวของอำเภอสันกำแพงแล้วค่ะ อยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 20 นาที วันนี้ขอนำเสนอวัดที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญอีกองค์หนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่เคยไปวัดนี้มาก่อน นั่นคือ “วัดพระป้าน”


“วัดพระป้าน” ตั้งอยู่ที่ ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เพียง 15 กิโลเมตร การเดินทางไปสู่วัดนี้จากตัวเมืองเชียงใหม่มุ่งตรงสู่อำเภอสันกำแพง หลังจากผ่านสี่แยกร่มบ่อสร้างมาแล้วประมาณ 3 กิโลเมตร ให้สังเกตข้างทางจะมีป้ายวัดพระป้านบอกอยู่ เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางนั้นอีกประมาณ 800 เมตรก็จะถึงวัด


วัดพระป้าน หรือ วัดพระนอนปูคา หรือวัดพระนอน เป็นวัดที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๒๐๓ ตำนานของวัดซึ่งจารึกบนใบลานด้วยอักษรล้านนา เล่ากันว่าในสมัยพุทธกาล องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ทอดพระเนตรเห็นชาวนาคนหนึ่งกำลังขึ้นคันนาอยู่ คำเมืองเรียกว่า “ป้านคันนา” พระพุทธองค์จึงทรงตรัสถามชาวนาผู้นั้นว่ากำลังทำอะไร เมื่อชาวนาเห็นพระพุทธเจ้าก็รู้สึกหวาดกลัว นึกว่าเป็นยักษ์ ตัวสั่นงันงก พระพุทธองค์เห็นดังนั้นจึงตรัสว่า “อุบาสก อย่ากลัวเรา เราคือพระพุทธเจ้า” เมื่อชาวนาทราบว่าเป็นพระพุทธเจ้าจริงก็ก้มลงกราบด้วยความนอบน้อม

พระวิหารของวัด

พระพุทธเจ้าทรงตรัสกับชาวนาว่าจะพักแรมที่คันนาแห่งนี้ ชาวนาได้ยินดังนั้นจึงอาราธนาพระองค์ให้ประทับอยู่ที่กระท่อมของตน พระพุทธองค์ปฏิเสธและยืนยันที่จะพักบนคันนาแห่งนั้น ชาวนาจึงนำหญ้าคาที่มุงกระท่อมของตนมาปูลาดเป็นอาสนะที่ประทับแรม และขอให้พระพุทธองค์อยู่รับบิณฑบาตจากตนในเช้าวันรุ่งขึ้น

พระเจดีย์ของวัด

เมื่อชาวนาผู้นั้นถวายข้าวและโภชนาหารแด่พระองค์แล้ว พระองค์ได้มอบพระเกศาให้ชาวนา ๓ เส้น และตรัสกับชาวนาให้สร้างพระพุทธรูปไว้บนคันนานั้น แต่ด้วยความที่ชาวนาแก่ชราแล้วจึงตอบพระพุทธองค์ไปว่ากลัวจะสร้างไม่เสร็จ พระอินทร์กับพระวิษณุจึงรับอาสาช่วยสร้างให้ ๑๐๐ ปีต่อมาหลังจากพระพุทธองค์ปรินิพพาน พระสถูปเจดีย์จึงถูกเนรมิตขึ้น และเป็นที่สักการะของชาวบ้านในละแวกนั้นสืบเนื่องกันมา

พระพุทธไสยาสน์สีทองอร่ามอันลือชื่อ

ปูชนียสถานแรกที่เราพบเมื่อเข้าไปในวัดคือเจดีย์ขาวขนาดย่อม สูงประมาณ ๖ เมตร เป็นศิลปะล้านนา ด้านล่างเป็นฐานสี่เหลี่ยมซ้อนกันสี่ชั้น เหนือขึ้นไปเป็นฐานย่อเก็จยกสูงรับกับองค์เจดีย์ทรงกลม ด้านบนขององค์เจดีย์ประดับด้วยกระจกสี ส่วนยอดเป็นฉัตรสีทอง ๗ ชัด


พระอุโบสถมีขนาดเล็กตามแบบฉบับล้านนา หน้าบันตกแต่งด้วยลายปูนปั้นพรรณพฤกษาสีทอง ดอกบัว และรูปลิง (ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าใช่หนุมานหรือเปล่า) บนพื้นกระจกสีน้ำเงินงามตา ด้านหน้าพระอุโบสถเป็นศรีษะสัมฤทธิ์ของครูบาศรีวิชัย ซึ่งทางวัดตั้งใจจะสร้างให้เสร็จทั้งองค์ในเวลาอันใกล้

พระอุโบสถ

พระวิหาร สถาปัตยกรรมล้านนา ด้านหน้าโดนเด่นด้วยลายปูนปั้นเก่าแก่รูปพรรณพฤกษาและเทวดา ซุ้มทางเข้าเป็นรูปเสือ ซึ่งเป็นปีเกิดของครูบาศรีวิชัย ส่วนซุ้มเล็กทั้งสองข้างเป็นรูปนกยูงสัญลักษณ์ของล้านนา ด้านในประดิษฐาน พระนอนแม่ปูคา พระพุทธรูปปางไสยาสน์ขนาดใหญ่ พระพักตร์มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มคอยสร้างความสุขให้กับผู้มาเยือน


นี่เป็นเพียงพระอารามแห่งแรกในทริปท่องวัดในเขตอำเภอสันกำแพง ซึ่งยังมีเรื่องราวของพระอารามที่น่าสนใจหลายแห่ง เลดี้ดาริกาจะทยอยมานำเสนอเพื่อนๆ หากเพื่อนๆ จนใจจะได้ไปเที่ยวกันได้นะคะ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  916
65  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านก๋วยเตี๋ยวเชียงใหม่ / “ลาดหน้านำชัย” พาชิมราดหน้าสูตรอร่อยย่านกาดต้นพยอม เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2014, 12:01:56 AM
“ลาดหน้านำชัย” พาชิมราดหน้าสูตรอร่อยย่านกาดต้นพยอม

มาอยู่ต่างถิ่นนานๆ อาหารบางอย่างที่เคยกินก็ไม่ได้กิน จะหาร้านถูกใจถูกปากก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย “ราดหน้า” เป็นอาหารอีกหนึ่งอย่างที่แสนจะคิดถึง ว่าแล้วก็นั่งหน้าคอมฯ เสิร์ชหาข้อมูลร้านราดหน้าแสนอร่อยในเมืองเชียงใหม่ จนมาเจอกับร้านนี้ “ลาดหน้านำชัย” ที่ลองกินแล้วก็ประทับใจสมคำร่ำลือ และอยากจะบอกต่อเพื่อนๆ จะได้กินของอร่อยกันถ้วนหน้าค่ะ


“ลาดหน้านำชัย” เขียนถูกแล้วค่ะ ไม่ได้เขียนผิดเลยแม้แต่น้อย ร้านราดหน้าแสนอร่อยเจ้านี้ใช้ชื่อว่า “ลาดหน้านำชัย” ไม่รู้ว่าด้วยความตั้งใจจะให้แตกต่างสะดุดตา หรือสะกดพลาดไป ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เอาเป็นว่าถ้าเป็นชื่อร้านเลดี้ดาริกาขอสะกดด้วย ล. ลิง นะคะ ร้านนี้ตั้งอยู่บริเวณทางเข้ากองบินที่ ๔๑ ด้านกาดต้นพยอม จากสามแยกเข้ากองบินหน้ากาดต้นพยอม ขับรถเข้าไปนิดหน่อย สังเกตร้านอยู่ทางขวามือ


ร้านนี้ขายราดหน้าเป็นหลักค่ะ มีเส้นทุกแบบทีเดียว ทั้งราดหน้าเส้นใหญ่อย่างที่นิยมกันทั่วไป และหมี่กรอบที่ทอดจนเหลือง นอกจากนี้ก็มีเส้นหมี่อีกด้วย ทีเด็ดของราดหน้าอยู่ที่น้ำราด ต้องเขี้ยวจนข้นมัน แต่ไม่จับตัวจนเหนียวยืดเป็นแป้งเปียก ซึ่งราดหน้าของร้านนำชัยทำได้ดี รสชาติพอดี ไม่ต้องปรุงก็อร่อยได้ แล้วค่ะ ความพิเศษอีกอย่างของเจ้านี้คือ “เครื่อง” ค่ะ... ที่นี่ใช้วัตถุดิบสดใหม่ และให้เยอะแบบไม่ขี้เหนียว บางร้านสั่งราดหน้าหมูก็ได้วิญญาณหมู เสียอารมณ์ค่ะ


ราดหน้าสูตรที่เลดี้ดาริกาชอบและสั่งทานเป็นประจำคือ “ราดหน้าหมี่กรอบทะเลรวมมิตร” เมื่อมารับประทานที่นี่ทีไรไม่เคยผิดหวังเลยค่ะ อร่อยมากๆ เครื่องครบ กุ้ง ปลาหมึก ปูอัด อร่อยจนต้องเบิ้ลกันเลยทีเดียว แต่รอบนี้เลดี้ดาริกาเลือกเป็นเมนูราดหน้าหมูธรรมดาๆ แต่ก็ไม่ผิดหวัง เพราะหมูผักมาเต็มๆ เลยค่ะ อร่อยมากๆ


นอกจากราดหน้าซึ่งเป็นเมนูหลักของร้านแล้ว ที่นี่ยังมีเมนูอาหารอื่นๆ ที่น่าสนใจอีก 2 – 3 ชนิด เช่น ผัดซีอิ้ว มีทั้งทะเล หมู หรือจะเป็นรวมมิตรก็น่าสนใจ ใครไม่ชอบรับประทานเส้นจะเลือกเป็นเกาเหลาราดหน้าก็ได้ เลดี้ดาริกายังไม่เคยสั่งมาลองชิม เลยแนะนำเพื่อนๆ ไม่ถูก ใครลองแล้วมาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ


ร้านลาดหน้านำชัย ถือเป็นของดีอีกแห่งหนึ่งย่านกาดต้นพยอม หรือจะเรียกว่าในเชียงใหม่ก็คงจะได้ เพราะเคยลงหนังสือพิมพ์เป็นร้านอาหารแนะนำด้วย ราคาก็ไม่แพงมากค่ะ 40 – 50 บาท ปริมาณอิ่มพอดี ไม่น้อยจนเกินไป ร้านเปิดเป็นประจำทุกวันค่ะ ตั้งแต่เวลา 08:00 – 21:00 น

เพื่อนชาวเชียงใหม่ที่ยังไม่เคยมาลองกินราดหน้าร้านนำชัย ต้องมาลองสักครั้งนะคะ ติดใจแน่ๆ หรือเพื่อนๆ ที่กำลังมีแผนมาเที่ยวเชียงใหม่ก็หาโอกาสมารับประทานราดหน้าสุดอร่อยนี้กันดูนะคะ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :01:
66  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านก๋วยเตี๋ยวเชียงใหม่ / คุณยายก๋วยเตี๋ยวเรือ ก๋วยเตี๋ยวเรือราคาประหยัด รสชาติอร่อย เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2014, 12:01:14 AM
คุณยายก๋วยเตี๋ยวเรือ ก๋วยเตี๋ยวเรือราคาประหยัด รสชาติอร่อย

“ก๋วยเตี๋ยว” อาหารพื้นๆ ที่มีขายอยู่ทั่วไป และหารับประทานได้ทุกช่วงเวลา เรียกกันว่าเป็นอาหารคู่กับวิถีชีวิตของคนไทยเลยก็ว่าได้ แต่ก๋วยเตี๋ยวเองก็มีหลากหลายชนิด เรียกได้ว่าคนตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่าก็ช่างสรรหาและคิดค้นสูตรก๋วยเตี๋ยวหลากหลายมาเรียกน้ำย่อยของนักกิน และเพราะก๋วยเตี๋ยวคืออาหารพื้นๆ นี่เองทำให้ร้านก๋วยเตี๋ยวยุคใหม่ต้องคิดค้นกลยุทธ์การขายกันอย่างจริงจัง นอกจากฝีมือแล้ว จะทำอย่างไรให้ลูกค้ารู้จัก จะทำอย่างไรลูกค้าติดใจ อยากกิน อยากบอกต่อ


วันนี้เลดี้ดาริกาจะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักและลองชิมก๋วยเตี๋ยวร้านหนึ่งในเชียงใหม่ เพิ่งเปิดได้ไม่นาน จะเรียกว่าเป็นน้องใหม่ก็คงจะไม่ผิดนัก และเพราะความเป็นน้องใหม่ในวงการนี่เอง ที่ทำให้ “คุณยายก๋วยเตี๋ยวเรือ” คิดกลยุทธ์การขายที่แตกต่าง และติดหูลูกค้า นอกจากดีไซน์ร้านเก๋ไก๋โดนใจนักศึกษาและคนวัยทำงานแล้ว ก็ยังแข่งขันด้วยลูกเล่นด้านราคา ที่มีเงินติดตัวแค่ 15 บาทก็มาชิมความอร่อยได้



“คุณยายก๋วยเตี๋ยวเรือ” สาขาเชียงใหม่ ได้สูตรดั้งเดิมมาจากก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิอันลือชื่อ ที่หนุ่มสาวชาวกรุงเทพฯ รู้จักเป็นอย่างดี ร้านตั้งอยู่หน้าตลาดจันทร์กุมาร ทางเข้ากองบิน ๔๑ ด้านตลาดต้นพยอม อยู่เยื้องๆ กับโรงแรมพิงค์พะยอม มาถึงแล้วให้สังเกตร้านสีเหลืองๆ มีตราสัญลักษณ์เป็นภาพการ์ตูนหน้าคุณยายใจดี


ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งนี้แม้จะเน้นก๋วยเตี๋ยวเรือ แต่ก็ยังมีสูตรต้มยำ และอื่นๆ อีกเล็กน้อยมานำเสนอคุณลูกค้าด้วย มีทั้งเส้นใหญ่ เส้นเล็ก เส้นบะหมี่ เส้นหมี่ และวุ้นเส้น เนื้องสัตว์หมูและเนื้อให้เพื่อนๆ ได้เลือกตามใจชอบ ปริมาณที่เสิร์ฟก็จะเป็นถ้วยเล็กๆ กินได้ 2 – 3 คำก็หมดแล้ว ราคาถ้วยละ 15 บาท เดิมราคาเพียง 10  บาท เพิ่งจะขึ้นราคามาเป็น 15 บาทเมื่อไม่นานมานี้ ถ้ากินกันจนอิ่มก็ต้อง 5 – 6 ถ้วย



เพื่อนๆ อาจแอบคิดว่าถ้าอย่างนั้นก็ราคาพอๆ หรืออาจจะแพงกว่าก๋วยเตี๋ยวทั่วไปล่ะซิ เลดี้ดาริกาคำนวนแล้วคิดว่าน่าจะแพงกว่าแน่ๆ ค่ะ แต่ข้อดูอย่างหนึ่งของร้านลักษณะนี้คือเราจะได้กินก๋วยเตี๋ยวหลากหลายสูตร หลากหลายรสชาติ เลือกเล็กหมูมาสักถ้วย บะหมี่เนื้อมาสักสองถ้วย ก็ได้กินหลากหลายไม่เบื่อ และนี้ก็ถือเป็นไอเดียดีๆ ในการครีเอทร้านให้น่าสนใจ



ตบท้ายก๋วยเตี๋ยวด้วยเครื่องดื่มเย็นๆ มีหลากหลายให้เลือกจนชื่นใจแล้ว จะลองของหวานต่อสักนิดที่นี่ก็มีมาบริการเพื่อนๆ เหมือนกันค่ะ “ร้านคุณยายก๋วยเตี๋ยวเรือ” เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 11:00 – 21:00 มีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมมานำเสนอลูกค้าบ่อยมากๆ เพื่อนๆ คนไหนสนใจไปชิม จะลองเข้าเฟสบุ๊คของร้านมาเช็คโปรโมชั่นกันก่อนก็ได้นะคะ จะได้ไม่เสียโอกาส

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :46:
67  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / สักการะพระเจ้าเงินล้าน นมัสการพระธาตุเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ “วัดธาตุคำ” เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2014, 11:52:21 PM
สักการะพระเจ้าเงินล้าน นมัสการพระธาตุเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ “วัดธาตุคำ”

สวัสดีเพื่อนๆ ชาวทริปเชียงใหม่อีกครั้ง วันนี้เลดี้ดาริกาขอพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวชม “วัดธาตุคำ” วัดที่ว่ากันว่าเก่าแก่ และมีความสำคัญไม่น้อยกว่าพระอารามใดๆ ในเมืองเชียงใหม่ แม้ว่ากาลเวลาผ่านไป ทำให้ทุกวันนี้วัดธาตุคำเป็นเพียงพระอารามเล็กๆ บนถนนสุริวงศ์ ตำบลหายยา อำเภอเมืองเชียงใหม่ น้อยคนนักจะรู้จักก็ตาม


เรื่องราวของวัดธาตุคำที่เลดี้ดาริกากำลังเล่าให้เพื่อนๆ ฟังต่อไปนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นข้อสันนิษฐาน โดยนักประวัติศาสตร์ล้านนา อ้างอิงจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายแหล่ง ทั้งที่บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ที่เล่าขานกันมา ไปจนถึงข้อสันนิษฐานจากหลักฐานทางโบราณคดีและศิลปวัตถุที่ยังคงมีหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง


“วัดธาตุคำ” ก็คล้ายกับพระอารามอีกหลายๆ แห่งในดินแดนล้านนาที่ไม่ทราบประวัติการสร้างชัดเจน แต่อย่างไรก็ดี เงื่อนงำทางประวัติศาสตร์จากเอกสารหลักฐานต่างๆ ทำให้นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานกันว่า พระอารามแห่งนี้น่าจะสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นของราชวงศ์มังราย อายุอานามราวๆ ๖๐๐ ปีแล้ว เดิมชื่อวัดกุฎีคำ ชาวบ้านสมัยก่อนเรียกกันสั้นๆ ว่าวัดใหม่ ดูจากพระประธานในพระอุโบสถและลักษณะการสร้างวัด คาดว่าน่าจะเป็นวัดหลวงซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงสร้างขึ้น และเป็นวัดใหญ่มาก่อน ต่อมาเมื่อพม่าปกครองเมืองเชียงใหม่ พระอารามแห่งนี้ก็ถูกทิ้งร้างไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง

พระเจดีย์ประธานวัดธาตุคำ

จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๔๗ พระเจ้ากาวิละได้อพยพครัวไทเขิน ไทลื้อมาจากสิบสองปันนา และเชียงตุงมาอยู่ที่เมืองเชียงใหม่ พระองค์ทรงจัดสรรพื้นที่ในเขตกำแพงเมืองชั้นในด้านทิศใต้ให้ตั้งถิ่นฐาน ในครั้งนั้น “เจ้าสารัมพยภูมินนรินทราเขมาธิปติราชา” เจ้าผู้ครองนครเชียงตุงก็ได้ย้ายมายังเมืองเชียงใหม่ พร้อมไพร่ฟ้าข้าไทยอีกจำนวนหนึ่ง พระอารามหลายๆ แห่งในบริเวณนั้น อาทิ วัดนันทาราม วัดยางกวง และรวมไปถึงวัดกุฎีคำก็ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในเวลาใกล้ๆ กัน

พระอุโบสถ

ความพิเศษของวัดธาตุคำคือพระวิหาร และพระเจดีย์ของวัด เนื่องจากสร้างอยู่บนพูนดินสูงประมาณ ๓ เมตร ซึ่งในเมืองเชียงใหม่พบการสร้างวิหารลักษณะนี้อยู่เพียง ๒ แห่ง อีกแห่งหนึ่งคือวิหารและพระธาตุเจดีย์วัดป้านปิง พระวิหารของวัดเป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนาประยุกต์ โครงสร้างอาคารก่ออิฐถือปูน ภายในประดิษฐานพระประธานสำฤทธิ์ขนาดใหญ่ โดดเด่นจากวันอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง เพราะส่วนใหญ่จะหล่อพระประธานจากปูน นักประวัติศาสตร์ล้านนาจึงสันนิษฐานว่าคงเป็นวัดที่กษัตริย์สร้างขึ้น เพราะการจะหล่อพระสัมฤทธิ์ได้ต้องใช้กำลังทรัพย์มาก ซึ่งชาวบ้านทั่วไปคงทำไม่ได้


ด้านหลังพระวิหารมีพระเจดีย์ประธานของวัดตั้งอยู่บนพูนดินระดับความสูงเดียวกัน พระเจดีย์องค์นี้เป็นที่นับถือของชาวบ้าน และเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์มาก มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมงดงาม เป็นเจดีย์แบบล้านนา ฐานสี่เหลี่ยมย่อเก็จ รองรับองค์ระฆังหกเหลี่ยม ปิดทองจังโกทั้งองค์ งดงามมาก พระธาตุองค์นี้จึงเป็นที่มาของชื่อใหม่ของวัดว่า “วัดธาตุคำ” คือวัดที่มีพระธาตุสีทองอร่าม

วิหารพระเจ้าเงินล้าน

ด้านข้างพระเจดีย์เป็นที่ตั้งของพระอุโบสถ สถาปัตยกรรมล้านนาผสมรัตนโกสินทร์ เพราะตัวอาคารสูงโปร่ง ผิดแผกไปจากสถาปัตยกรรมทั่วไปของล้านนา แต่ลักษณะการตกแต่งยังเป็นแบบล้านนา หน้าบันม้าต่างไหม ประดับลวดลายวิจิตรพิสดาร

พระเจ้าเงินล้าน พระพุทธรูปสัมฤทธิ์

“พระเจ้าเงินล้าน”  พระพุทธรูปสำริด ทรงเครื่องแบบกษัตริย์ล้านนา ล้ำลือกันว่าศักดิ์สิทธิ์ และมีนามเป็นมงคล จึงมีคนนับถือและนิยมมากราบไหว้ขอพร ประดิษฐานอยู่ในอาคารหลังยาวภายในบริเวณวัด เพื่อนๆ คนไหนอยากขอพรให้มีเงินมีทองโชคลาภก็ได้นะคะ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :111:
68  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง ร้านข้าวต้ม เชียงใหม่ / “ในสวนอารมณ์ดี” ร้านอาหารในสวนที่จะทำให้คุณยิ้ม เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2014, 11:31:45 PM
“ในสวนอารมณ์ดี” ร้านอาหารในสวนที่จะทำให้คุณยิ้ม

สำหรับร้านอาหารที่เลดี้ดาริกาจะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักครั้งนี้ ไม่รู้ว่าควรจัดไว้ในหมวดอะไรดี จะเป็นร้านอาหารอร่อยในเมืองเชียงใหม่ หรือว่าร้านนั่งชิวๆ เพราะถ้าพูดถึงบริการของทางร้านก็ต้องเรียกได้ว่าเป็นร้านขายอาหาร แต่ถ้าพูดถึงบรรยากาศแล้วล่ะก็จัดว่าชิวใช้ได้เลยทีเดียวค่ะ “ในสวนอารมณ์ดี” คือชื่อของร้านอาหารน่ารักๆ ที่เราจะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกัน แค่ชื่อก็เก๋แล้วใช่ไหมล่ะคะ


ในสวนอารมณ์ดี ตั้งอยู่บนถนนเลียบคลองชลประทานค่ะ ฝั่งขาเข้าเมืองเชียงใหม่ เป็นย่านชุมชนด้านหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถ้าเพื่อนๆ ขับรถเลียบถนนใหญ่จากอำเภอหางดงเข้ามาในเมือง ร้านจะตั้งอยู่ก่อนถึงแยกต้นพะยอมเล็กน้อยค่ะ ทางฝั่งนี้หน้าร้านจะเล็ก มองเห็นยาก ต้องสังเกตกันดีๆ อีกวิธีหนึ่งคือขับรถไปตามถนนสุเทพ มุ่งหน้าไปด้านหลังมอชอ ข้ามแยกต้นพะยอม เลี้ยวเข้าซอยแรกทางขวามือ ขับตรงเข้าไปในซอยไม่ไกลมาก ข้อดีคือสะดวกและหาที่จอดรถง่ายกว่าค่ะ



เข้ามาภายในร้านบรรยากาศร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด สมกับชื่อร้าน “ในสวน” มากๆ หากมาตอนกลางวันลูกค้าจะแน่นร้านหน่อย เพราะส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาและพนักงานในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร้านนี้มีโต๊ะไว้บริการเยอะมากๆ แต่บางทีก็ยังไม่พอต่อจำนวนลูกค้า แต่ถ้ามาช่วงสายๆ หรือเสาร์-อาทิตย์ก็จะสบายๆ ไปอีกแบบ เพราะมีลูกค้าไม่มากนัก


อาหารของร้านนี้เป็นอาหารสไตล์ฟิวชั่นค่ะ มีทั้งเมนูข้าว เมนูเส้น ของทานเล่น และเครื่องดื่ม แต่ละเมนูตั้งชื่อน่ารัก และตกแต่งจานอาหารได้น่าสนใจ ทำให้ลูกค้าหลายๆ คนประทับใจ “อารมณ์ดี” ไปตามๆ กัน ตัวอย่างเช่น ข้าวไข่ฟูยำยำ เมนูง่ายๆ ที่เสิร์ฟพร้อมรอยยิ้มบนจาน โรตีอารมณ์ดี เมนูของทานเล่นที่แค่ชื่อก็ทำให้ยิ้มได้ ข้าวอบไก่ในสวน เป็นต้น สำหรับใครอยากรับประทานก๋วยเตี๋ยว หรือข้าวซอยที่นี่ก็มีไว้บริการ หลากหลายชนิด อธิบายไม่หมดกันเลยทีเดียวค่ะ



รับประทานอาหารหลักเสร็จแล้วเราอาจจะรอเวลาอาหารย่อยชิวๆ ในสวนที่ตกแต่งได้น่ารักสวยงาม ด้วยเมนูของหวาน และเครื่องดื่มมีให้เลือกหลายสิบรายการ อ่านนิตยสาร พูดคุยกับเพื่อนๆ หรือจะพาคุณแฟนมารับประทานด้วยกันก็โรแมนติกไม่น้อยทีเดียว


ร้านในสวนอารมณ์ดี เปิดให้บริการทุกวัน 10:00 – 15:00 น โทร 081-764-6883 ราคาอาหารย่อมเยาประมาณ 30 – 60 บาท ข้อด้อยเล็กน้อยคือปริมาณอาหารอาจน้อยไปนิด แค่พออิ่ม และร้านปิดเร็ว บ่ายๆ ก็ปิดแล้วล่ะค่ะ กลางวันนี้เพื่อนๆ ชาวเชียงใหม่คนไหนยังไม่รู้จะกินอะไรลองให้ในสวนอารมณ์ดีเป็นทางเลือกดูนะคะ อิ่มท้องด้วยสบายใจสบายกายด้วย ชิวมากๆ ค่ะ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :onion2012:
69  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / วัดปันเสา ชมเจดีย์โบราณ กราบพระเจ้าแสงคำเมือง เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2014, 11:24:10 PM
วัดปันเสา ชมเจดีย์โบราณ กราบพระเจ้าแสงคำเมือง

เพื่อนๆ เคยได้ยินเรื่องราวของ “พระธาตุเสด็จ” ซึ่งเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศอยู่ช่วงหนึ่งไหมคะ เรื่องราวนี้ถูกกล่าวขานกันในวงกว้าง มีทั้งคนที่เชื่อและผู้ที่ออกมาพิสูจน์ความจริงๆ วัดต้นตอของเรื่องนี้อยู่ในเมืองเชียงใหม่นี่เอง “วัดปันเสา” ซึ่งเราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวชมกันค่ะ ในบทความนี้เราไม่ขอโฟกัสประเด็นพระธาตุ เพราะอาจเป็นประเด็นอ่อนไหว แต่จริงๆ แล้ว พระอารามแห่งนี้มีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างรอให้เพื่อนๆ ไปเที่ยวชม ไปทำความรู้จักกัน

พระวิหารจันทรสถิตมหาทานบรมีศรีชัยมงคล

วัดปันเสา หรือวัดพันเส่า (ออกเสียงแบบคำเมือง) ตั้งอยู่ในพื้นที่ของศูนย์มาลาเลียเขต ๒ บนถนนบุญเรืองฤทธิ์ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นอกคูเมืองด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นพระอารามเก่าแก่คู่เมืองเชียงใหม่ ตามประวัติกล่าวว่าพระอารามแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงที่ราชวงศ์มังรายปกครองเมืองเชียงใหม่ ระหว่างรัชกาลของพญาผายูถึงพญากือนา โดยคำว่า “เส่า” คำเมืองหมายถึง “เตาหลอมโลหะ” วัดพันเส่า (ปันเสา) จึงหมายถึง วัดที่มีเตาหลอมจำนวนนับพันนั่นเอง


กาลเวลาผ่านไปพระอารามแห่งนี้ถูกทิ้งให้รกร้าง เหลือเพียงซากโบราณสถานสำคัญ เช่น เจดีย์โบราณทรงระฆัง จนกระทั่งในปี พ.ศ.๒๕๕๐ ทางศูนย์มาลาเลียเขต ๒ ได้มอบพื้นที่คืนเพื่อบูรณะและสร้างวัดขึ้นใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยตั้งใจจะให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม และเป็นที่พำนักของพระสงฆ์จากพื้นที่ห่างไกลที่มาเข้ารับการรักษาจากตึกสงฆ์ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ (รพ.สวนดอก)

พระเจ้าแสนคำเมือง

รู้จักความเป็นมาคร่าวๆ ของวัดแห่งนี้กันแล้ว เรามาเที่ยวชมภายในบริเวณวัดกันบ้างนะคะ จุดแรกที่อยากจะนำเสนอเพื่อนๆ คือ “วิหารจันทรสถิตมหาทานบารมีศรีชัยมงคล” อาคารโครงสร้างไม้ ก่ออิฐถือปูนบางส่วน สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมล้านนาโบราณ ทรงเตี้ย หลังคาซ้อนชั้นลาดต่ำ สวยงามและอ่อนช้อยมากๆ หน้าบันโครงสร้างแบบม้าต่างไหม ประดับด้วยลวดลายพรรณพฤกษา ต้นเสาเขียนสีสวยงาม โก่งคิ้วเป็นไม้ฉลุลายวิจิตรอ่อนช้อย

ซากเจดีย์โบราณ

ภายในพระวิหารมีเสาไม้กลมเกลี้ยงเรียงรายอยู่ มองแล้วให้ความรู้สึกสงบและเรียบง่าย ประดิษฐาน “พระเจ้าแสงคำเมือง” เป็นพระประธานในวิหาร พระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิ ปางประทานพร พุทธลักษณะแบบเชียงแสนร่วมสมัย สัดส่วนสวยงาม ผนังด้านหลังพระประทานตกแต่งคล้ายกู่ไม้แบบล้านนาโบราณ ลวดลายสวยงามมาก


“เจดีย์โบราณวัดปันเสา” เป็นไฮไลท์ของวัด อยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ สัดส่วนสวยงาม ไม่ทราบที่มาที่ไปแน่ชัด ศึกษาจากลักษณะของเจดีย์พบว่าเป็นเจดีย์ทรงกลม ได้รับอิทธิพลจากเมืองสุโขทัย ฐานหน้ากระดานสี่เหลี่ยงสามชั้น รองรับฐานบัวลูกแก้วย่อเก็จ ต่อด้วยกระดานทรงกลมสามชั้น มาลัยเถาบัวคว่ำสามชั้น ถัดขึ้นไปเป็นบัลลังก์สี่เหลี่ยม และปล้องไฉน (ไม่ยกฉัตรแบบล้านนา?) ลักษณะคล้ายพระธาตุวัดสวนดอก


เห็นไหมล่ะคะว่าพระอารามแห่งนี้ไม่ได้มีดีแต่เรื่องโชคลางของขลัง แต่ยังมีคลังความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศิลปะ และมีสถานที่ที่น่าเยี่ยมชม หากมีเวลาว่างหรือเพื่อนๆ ที่กำลังเดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ ก็ลองแวะเข้าไปกรอบพระเจ้าแสงคำเมือง และชมเจดีย์โบราณกันได้นะคะ

เรื่องและภาพโดย เลดร้ ดาริกา  :111:
70  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / วัดผ้าขาว ชมความเรียบง่ายแบบล้านนาในชุมชนกลางเมือง เมื่อ: กรกฎาคม 01, 2014, 11:27:33 PM
วัดผ้าขาว ชมความเรียบง่ายแบบล้านนาในชุมชนกลางเมือง

เลดี้ดาริกาเคยพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวพระอารามในเขตเมืองเก่าเชียงใหม่ที่มีความสำคัญต่อพิธีสรงน้ำพุทธาภิเษกกษัตริย์เชียงใหม่กันมาแล้ว ๒ แห่ง ถ้าเพื่อนๆ ยังจำได้ ได้แก่ วัดเจ็ดลิน และล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้คือวัดหมื่นตูม แต่ละวัดถือว่ามีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์มากๆ ในขณะเดียวกันก็เป็นเพียงวัดเล็กๆ สงบเงียบ ไม่ได้เป็นจุดท่องเที่ยวโดดเด่นของเมือง


หนึ่งในวัดสำคัญในการประกอบพิธีสรงน้ำพุทธาภิเษกที่เลดี้ดาริกาจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยววันนี้คือ “วัดผ้าขาว” วัดเล็กๆ ตั้งอยู่ในเขตชุมชน ถนนราชมรรคา ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ การเดินทางมาวัดผ้าขาวจริงๆ แล้วไม่ยากเลยค่ะ สังเกตร้านอาหารอิตาเลียนลาฟอนตานาเอาไว้นะคะ วัดจะตั้งอยู่เยื่องๆ กัน

ได้รับยกย่องให้เป็นวัดต้นแบบด้านการพัฒนาจาก ททท. ด้วย

อย่างที่เกริ่นไปแล้วตอนต้นว่าวัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ และมีความสำคัญต่อสถาบันกษัตริย์ของเชียงใหม่ในอดีต เมื่อกษัตริย์จะเข้าพิธีสรงน้ำพุทธาภิเษกจะต้องมาเปลี่ยนเครื่องทรงไปนุ่งขาวห่มขาวที่วัดนี้ ซึ่งก็เป็นที่มาของชื่อพระอาราม “วัดผ้าขาว” นั่นเองค่ะ พระอารามแห่งนี้ได้รับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ ให้เป็นศาสนสถานดีเด่นในด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และยกย่องให้เป็นวัดตัวอย่างในการจัดการการท่องเที่ยวด้วย

หน้าบันพระวิหาร


ภายในบริเวณวัดผ้าขาวมีอะไรน่าสนใจบ้าง? อันดับแรกที่จะขอนำเสนอคือ “พระวิหาร” ของวัดค่ะ เพิ่งได้รับการบูรณะไปไม่นานนี้ พระวิหารหลังนี้สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมล้านนาโบราณ ขนาดไม่ใหญ่นัก โครงสร้างไม้เป็นหลัก และมีปูนบางส่วนค่ะ หลังคาวิหารค่อนข้างเตี้ย มองรูปทรงของวิหารแล้วสวยคลาสสิกมากๆ หลังคาด้านหน้าพระวิหารยื่นออกมาคลุมบันไดนาคเอาไว้ หน้าบันเป็นไม้แกะสลักลวดลายพรรณพฤกษาสวยงามมาก

บรรยากาศภายในพระวิิหาร

ภายในพระวิหารค่อนข้างเตี้ย ประดิษฐานพระพุทธรูปใหญ่องค์ใหญ่เป็นพระประธาน รูปแบบประติมากรรมสวยสง่า และคลาสสิกมากๆ เสาทรงกลมภายในพระวิหารเขียนลายเรียบง่าย เรียงรายกันลงตัว มองจากทางด้านหน้าพระวิหารแล้วให้ความรู้สึกสวยสง่าแบบเรียบง่าย


พระอุโบสถของวัดก็ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน สถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ เสาสี่เหลี่ยมมีบัวหัวเสา หน้าบันประดับลวดลายพรรณพฤกษาปิดทองสวยงาม

พระอุโบสถ

พระเจดีย์ประธานของวัดกำลังอยู่ระหว่างการบูรณะค่ะ มีลักษณะเป็นเจดีย์แบบล้านนาสมัยหลัง ฐานสี่เหลี่ยมย่อเก็จ รูปแบบศิลปะเดียวกับเจดีย์พระธาตุดอยสุเทพ องค์ระฆังประดับด้วยกระจกสี ยอดยกฉัตรตามธรรมเนียมล้านนา แม้ว่าเจดีย์องค์นี้กำลังอยู่ระหว่างการบูรณะ แต่ถ้าหากเสร็จแล้ว คิดว่าน่าจะสวยมากทีเดียว

เจดีย์ประธานของวัด

วัดผ้าขาวแม้เป็นวัดเล็กๆ แต่ก็มีความสำคัญ มีเรื่องให้เรียนรู้ การจัดการดูแลวัดก็เป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดสะอ้าน เพื่อนๆ คนไหนมีโอกาสผ่านมาทางนี้ ก็อย่าลืมแวะกราบพระประธาน ชมความคลาสสิกเล็กๆ แห่งนี้กันได้นะคะ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :25:
71  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านก๋วยเตี๋ยวเชียงใหม่ / “มาม่า @ เชียงใหม่” ลิ้มลองเมนูมาม่าที่เสิร์ฟมาแบบถึงเครื่อง เมื่อ: กรกฎาคม 01, 2014, 09:29:17 PM
“มาม่า @ เชียงใหม่” ลิ้มลองเมนูมาม่าที่เสิร์ฟมาแบบถึงเครื่อง

สัปดาห์สิ้นเดือนมักจะมาคู่กับอาหารสิ้นคิด บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลายเป็นวิถีการกินของคนสมัยใหม่ เพราะรับประทานง่าย ปรุงสะดวก มีหลากหลายรสชาติให้เลือก แม้ว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะไม่ใช่อาหารที่จัดว่ามีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในบางครั้งก็โหยหารสชาติของมัน


“มาม่า” เป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรายแรกๆ ของไทย คนไทยจึงพากันเต็มใจเรียกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปว่า “มาม่า” ทั้งๆ ที่บางทีมันอาจจะเป็นสินค้าของแบรนด์อื่นๆ ในจุดนี้ก็แอบอดสงสัยไม่ได้ว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเจ้าอื่นๆ จะแอบน้อยใจบ้างหรือไม่


เรารู้จักมาม่ากันมาตั้งแต่เด็กๆ เคยเห็นภาพโฆษณาชวนเชื่อตามสื่อต่างๆ ทั้งโทรทัศน์ นิตยสาร หรือแม้แต่บนซองมาม่าเอง ก็ตีพิมพ์ภาพบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในชามโตๆ มีผักสด กุ้ง หมู ไก่ และอื่นๆ มาวางโชว์เรียกน้ำลาย ทั้งๆ ที่เราต่างก็รู้ว่าเมื่อแกะซองออกมาแล้ว มาม่าก็ไม่ได้โผล่มาในชามโตๆ มีเครื่องครบครันพร้อมกินแต่ประการใดเลย แต่วันนี้เลดี้ดาริกาจะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีชื่อว่า “มาม่า @ เชียงใหม่” ร้านที่จะทำให้ฝันของเพื่อนๆ ทุกคนเป็นจริง



ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า “มาม่า @ เชียงใหม่” ไม่ต้องตีความกันมากมาย ร้านนี้มีเมนูหลักๆ ปรุงจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ “มาม่า” นั่นเองค่ะ แต่ความพิเศษมันอยู่ที่จะปรุงอย่างไรให้มาม่าดูน่ารับประทาน จะเชิญชวนลูกค้าเข้าร้านได้อย่างไร ในเมื่อมาม่าหาซื้อที่ไหนก็ได้ วิธีปรุงก็แสนจะง่าย แค่ฉีกซอง เทน้ำร้อน รอสามนาทีก็พร้อมกินแล้ว เพราะอย่างนี้นี่เองร้านนี้จึงเลือกรังสรรค์เมนูมาม่าให้น่ากิน จัดเต็มด้วยเครื่องเคียง และส่วนประกอบที่หาไม่ได้ในซอง ผักใบเขียวเอย ลูกชิ้นเอย ไข่ไก่ และเนื้อสัตว์ พร้อมพรั่งมากๆ ลูกค้าเลือกได้ด้วยว่าอยากได้มาม่ารสชาติไหน ใส่ไข่หรือไม่ และอยากได้ท็อปปิ้งอะไรเพิ่มพิเศษบ้าง


วันนี้เมนูที่ลองสั่งมาเป็นตัวอย่างยั่วน้ำลายเพื่อนๆ คือมาม่าต้มยำกุ้งน้ำข้นธรรมดาๆ ที่เราคุ้นเคยกันดีค่ะ แต่ที่แปลกตาไปคือมาแบบจัดเต็ม ทั้งผักกวางตุ้งลวก ลูกชิ้นหลากหลายชนิด ปูอัด ไข่ลวก และที่ขาดไม่ได้คือกุ้งค่ะ ค่อยสมชื่อต้มยำกุ้งหน่อย ซึ่งร้านนี้มีมาม่าครบทุกรสชาติให้เพื่อนๆ ได้เลือกรับประทาน จะเป็นมาม่ารสหมูสับสุดคลาสสิก ต้มยำน้ำข้น ต้มยำน้ำใส และเย็นตาโฟ เป็นต้น


นอกจากร้านนี้จะเสิร์ฟเมนูมาม่าแล้ว ยังมีอาหารจานด่วนง่ายๆ อื่นๆ ให้ลูกค้าได้เลือกชิมอีกด้วย เช่น ข้าวไข่เจียว ข้าวหมูอบลุยสวน ข้าวหมูแดงโอชา เป็นต้น ทุกเมนูน่ารับประทานมากๆ



เพื่อนๆ คนไหนกำลังเบื่ออาหาร อยากเปลี่ยนเมนูจำเจ หรือห่างหายจากการกินมาม่าไปนานแล้วอยากลองลิ้มรสชาติมาม่าที่มาแบบครบเครื่อง ลองมาร้านนี้ดูนะคะ “มาม่า @ เชียงใหม่” ถนนนิมมานเหมินทร์ เลี้ยวเข้าถนนเส้นที่จะตัดไปปั๊ม ปตท. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  915
72  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / แนะนำ ร้านกาแฟ ชา เบเกอรี่ เค้ก ขนม ไอศกรีม อาหารว่าง ของทานเล่น ในเชียงใหม่ / “One Coffee” หนึ่งกาแฟ ร้านเล็กๆ จิ๋วแต่แจ่ม เมื่อ: มิถุนายน 30, 2014, 11:22:40 PM
“One Coffee” หนึ่งกาแฟ ร้านเล็กๆ จิ๋วแต่แจ่ม

เพื่อนๆ ชาวทริปเชียงใหม่รับประทานอาหารเช้ากันไหมคะ? จริงๆ แล้วการรับประทานอาหารเช้ามีประโยชน์มากๆ แต่รู้ทั้งรู้เลดี้ดาริกาก็ทำไม่เคยได้ ก็เพราะว่าตื่นสายและสิ้นเปลืองเวลาไปกับการแต่งหน้าแต่งตัวก่อนออกไปทำงาน ทุกๆ วันจึงพึ่งพาเพียงกาแฟหนึ่งแก้วค่ะ จนตอนนี้เลดี้ดาริกากลายเป็นนักดื่มกาแฟ ที่เช้าๆ จะขาดกาแฟไม่ได้ เช้าไหนไม่ได้ดื่มก็จะเบลอตลอดเวลาทำงาน


ที่เชียงใหม่ เลดี้ดาริกามีร้านกาแฟเจ้าประจำที่ต้องไปดื่มทุกๆ เช้า (หากว่าร้านเปิดนะคะ) เป็นร้านกาแฟเล็กๆ ไม่ได้มีคอนเซ็ปต์หรือสูตรพิเศษอะไรที่จะไปแข่งขันกับร้านใหญ่ๆ เขาได้ แต่ความพิเศษคือรสชาติที่กำลังพอดี ราคาสมเหตุสมผล และความคุ้นเคย เอาเป็นว่าวันนี้เลดี้ดาริกา จะขออนุญาตพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักร้านกาแฟเล็กๆ แห่งนี้กันนะคะ


“หนึ่งกาแฟ” หรือ “One Coffee” เป็นร้านกาแฟคูหาเดียว ตั้งอยู่ใต้อาคารหอพักภูสยามแมนชั่น ถนนสุขเกษม หากมาจากทางถนนนิมมานเหมินทร์ให้เลี้ยวเข้าถนนข้างเจฟฟี่สเต็ก ตรงข้ามกับธนาคารไทยพานิชย์ มาจนเกือบสุดสายเลยค่ะ หรือหากใครมาจากถนนเลียบคลองชลประทานก็จะใกล้สักหน่อย แต่ร้านหายากหน่อยนะคะ เพราะเล็กมากๆ


ที่นี่มีบริการเครื่องดื่มหลากหลายประเภท แม้จะเน้นกาแฟเป็นหลัก แต่ก็ยังมีเมนูอื่นๆ ที่น่าสนใจให้เพื่อนๆ ได้ลิ้มลองกันด้วย กาแฟที่นี่มีทั้งร้อน เย็น และปั่น ครบสูตรตามสไตล์ร้านกาแฟทั่วๆ ไป ส่วนเลดี้ดาริกานั้นเลือกกาแฟเย็นทุกวันค่ะ ไม่ใช่กาแฟร้อน เพราะบ้านเรามันร้อนเหลือเกินค่ะ ขออะไรเย็นๆ สักหน่อยก็แล้วกัน ลาเต้เย็นเป็นกาแฟที่สั่งประจำค่ะ ลาเต้ที่นี่ไม่หวานจัด แต่ก็ไม่ขมจัด สำหรับฉันแล้วถือเป็นรสชาติกลางๆ กำลังพอดี ได้กลิ่นกาแฟเข้มข้นมากๆ ค่ะ หวานเบาๆ มัน ถูกลิ้นมากๆ เพื่อนๆ คนไหนที่ไม่ชอบหวานก็สั่งให้พี่เจ้าของร้านเบาๆ มือเรื่องน้ำตาลได้ค่ะ


เมนูเครื่องดื่มที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิเครื่องดื่มตระกูลชาทั้งหลาย เช่น ลาเต้ซีลอน ลาเต้ชาเขียว ไปจนถึงช็อกโกแล็ตมอลท์ หรือจะเป็นเครื่องดื่มผลไม้ประเภทบลูเบอรี่ สตอร์เบอรี่สมู้ทตี้ ใส่โยเกิร์ตด้วยก็อร่อยไปอีกแบบ เรียกความสดชื่นระหว่างวันด้วยรสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ เย็นๆ ตาสว่างดีแท้ๆ ค่ะ แต่เสียดายที่ร้านนี้เน้นขายเครื่องดื่มเป็นหลัง อาจไม่มีเบเกอรี่ไว้เอาใจคุณสาวๆ นะคะ


ราคาเครื่องดื่มจัดว่าย่อมเยามากๆ เพราะกาแฟหนึ่งแก้วอิ่มใหญ่ๆ ราคาเพียง 30 บาทเท่านั้น ถูกมากๆ เมื่อเทียบกับร้านใหญ่อื่นๆ ที่มีชื่อเสียง ลองคิดกันดูนะคะว่าสมัยนี้เราเข้าร้านกาแฟกันครั้งหนึ่งเสียเงินเท่าไร สนนราคาตั้งแต่ 50 บาท บางร้านอาจสูงถึงหลักร้อยเลยทีเดียว ก็เพราะกาแฟร้านนี้ราคากลางๆ นี่แหละค่ะ เลดี้ดาริกาจึงมีแรงมาอุดหนุนทุกวี่ทุกวัน


หนึ่งกาแฟ หรือ One Coffee เปิดทุกวันค่ะ ตั้งแต่เวลาประมาณ 10 โมงเป็นต้นไป (แต่บางวันก็ปิดนะจ๊ะ อิอิ) แม้ที่นี่จะไม่ใช่ร้านใหญ่เก๋ไก๋มาจากไหน แต่ถ้าเพื่อนๆ พักอยู่แถวนี้ หรือผ่านไปผ่านมาก็ลองแวะเวียนมานั่งเล่นดูนะคะ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :111:
73  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / “วัดล่ามช้าง” ชมเจดีย์โบราณ เรียนรู้เกล็ดประวัติศาสตร์เวียงเชียงใหม่ เมื่อ: มิถุนายน 30, 2014, 08:54:27 PM
“วัดล่ามช้าง” ชมเจดีย์โบราณ เรียนรู้เกล็ดประวัติศาสตร์เวียงเชียงใหม่

สวัสดีเพื่อนๆ ชาวทริปเชียงใหม่ค่ะ บทความนี้เลดี้ ดาริกาขอพาเพื่อนๆ ไปเก็บตกวัดต่างๆ ในเมืองเชียงใหม่กันอีกแล้วค่ะ วัดที่จะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักนี้อาจเป็นเพียงวัดเล็กๆ แต่มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจมากๆ ทีเดียว “วัดล่ามช้าง” วัดเก่าแก่ในเขตเมืองเก่าเชียงใหม่ วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนมูลเมือง ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่


ตามประวัติการสร้างเมืองเชียงใหม่นั้นเล่าว่า เมื่อพญามังรายตัดสินใจย้ายราชธานีจากเวียงกุมกามมาอยู่บริเวณเชิงดอยสุเทพ ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิงนั้น พระองค์ทรงตั้งหอนอนขึ้นบริเวณเวียงเชียงมั่น เพื่อควบคุมการสร้างเมือง ทั้งนี้พระองค์ได้เชิญพญางำเมือง กษัตริย์แห่งเมืองภูกามยาว (พะเยา) และพ่อขุนรามคำแหง กษัตริย์แห่งเมืองสุโขทัย พระสหายสนิทให้มาเป็นที่ปรึกษาในการสร้างเมืองครั้งนี้ด้วย ซึ่งต่อมาหอนอนของพระองค์ได้กลายเป็นวัดเชียงมั่น พระอารามแห่งแรกของนครเชียงใหม่

รูปปั้นช้างมีโซ่ล่ามไว้

ครั้งนั้นพญามังรายทรงโปรดให้นำช้างทรงของพระองค์และพระสหายทั้งสอง พร้อมด้วยเหล่าช้างของข้าราชบริพารทั้งหลายผูกเลี้ยงไว้บริเวณป่าไม้ใกล้ๆ เพราะคงเห็นว่ามีหนองน้ำ เป็นที่สมบูรณ์เหมาะแก่การเลี้ยงช้าง บริเวณนั้นจึงเรียกว่า “เวียงเชียงช้าง” ต่อมาเมื่อมีการสร้างวัดขึ้นในบริเวณนี้ จึงตั้งชื่อว่า “วัดล่ามช้าง” อันมีความหมายตรงตัวว่าเป็นสถานที่เลี้ยงช้าง เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่เหตุการณ์เมื่อครั้งสร้างเมือง ซึ่งดูจากระยะทางแล้ว วัดนี้อยู่ใกล้ๆ กับวัดเชียงมั่นมากๆ เลยค่ะ

พระวิหารของวัด

มาเที่ยวภายในบริเวณวัดกันบ้าง พระอารามแห่งนี้ไม่ใช่พระอารามใหญ่โตและมีชื่อเสียง แต่ก็มีสถานที่น่าสนใจหลายแห่งให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชม เราจะเริ่มจาก “พระวิหาร” ของวัดล่ามช้างกันก่อนนะคะ


พระวิหารมีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบล้านนาประยุกต์ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน สร้างใหม่ ไม่ใช่ของเก่าแก่มาแต่เดิม หน้าบันประดับด้วยลวดลายพรรณพฤกษาสีทองอ่อนช้อยมาก ความพิเศษของพระวิหารวัดล่ามช้างคือมีมุขยื่นออกมาด้านข้างพระวิหาร เพื่อใช้เป็นทางขึ้นลงสำหรับพระสงฆ์ ตามธรรมเนียมล้านนาดั้งเดิมนั้นมักนิยมแยกทางเข้าออกของสงฆ์กับฆราวาสไว้อย่างชัดเจน

พระเจดีย์ประธานวัดล่ามช้าง

ด้านหลังพระวิหารมีพระเจดีย์ประธานตั้งอยู่ มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงกลมย่อเก็จ ที่ฐานมีรูปปั้นช้างประดับอยู่ทั้งสี่ทิศ บริเวณฐานทรงกลมรองรับองค์ระฆังมีปูนปั้นเทพพนมประดับอยู่อย่างสวยงาม ถัดไปเป็นองค์ระฆังประดับด้วยกระจกสีสวยงามจนถึงส่วนปลียอด ฐานประดับด้วยลวดลายกลีบบัว ยอดเจดีย์ยกฉัตรสีทอง

ซากเจดีย์โบราณ


ถัดจากองค์พระเจดีย์ ใกล้ๆ กับประตูวัดด้านถนนราชภาคินัย มีเจดีย์ก่ออิฐเก่าแก่ตั้งอยู่ มีสภาพชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ลักษณะเป็นเจดีย์สัณฐานสี่เหลี่ยมมีซุ้มจระนำประดับอยู่ทั้งสี่ด้าน แต่เนื่องจากสวนยอดพังหายไปหมดแล้ว จึงไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นเจดีย์ลักษณะใด


ใกล้ๆ พระเจดีย์โบราณองค์นี้เป็นที่ตั้งของพระอุโบสถ เป็นอาคารไทยประยุกต์สองชั้น ก่ออิฐถือปูน นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีรูปปั้นช้างถูกล่ามโซ่ไว้ เพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน และแสดงให้เห็นถึงที่มาของชื่อวัด “ล่ามช้าง” อีกด้วย


แน่นอนว่าเพื่อนๆ หลายคนมาเที่ยวเชียงใหม่ก็ต้องแวะมากราบพระวัดเชียงมั่น ซึ่งถือเป็นปฐมอารามแห่งนครเชียงใหม่ หากผ่านมาวัดล่ามช้าง และพอมีเวลาก็แวะเข้ามาชมภายในวัดได้ เพราะนอกจากประวัติที่เก่าแก่แล้วที่นี่ยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกมากมายรอเพื่อนๆ อยู่

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  914
74  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / “วัดพวกช้าง” เที่ยววัดเก่าแก่ กราบขอพรพระเจ้าทันใจ ไหว้สาพระพิฆเนศ เมื่อ: มิถุนายน 30, 2014, 08:41:56 PM
“วัดพวกช้าง” เที่ยววัดเก่าแก่ กราบขอพรพระเจ้าทันใจ ไหว้สาพระพิฆเนศ

เรื่องราวของวัดเก่าแก่ในเมืองเชียงใหม่คงไม่จบลงง่ายๆ เพราะเชียงใหม่เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยพระอารามนับร้อยๆ แห่ง แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในอดีต พระอารามหลายแห่งในเมืองเชียงใหม่นี้ไม่เพียงแต่เป็นวัตถุพยานยืนยันถึงความรุ่งเรืองของพระศาสนาเท่านั้น แต่ยังบอกเล่าเรื่องราวของบ้านเมืองในอดีตให้คนรุ่นหลังได้รับรู้อีกด้วย


“วัดพวกช้าง” พระอารามขนาดเล็ก ตั้งอยู่บนถนนศรีดอนไชย ตำบลหายยา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พระอารามนอกกำแพงเมืองที่มีอายุอานามเก่าแก่ อยู่ทางทิศอาคเนย์ ใกล้แจ่งกะต๊ำ ตามประวัติกล่าวว่าสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๐๔๐ ตรงกับรัชสมัยของพระเมืองแก้ว กษัตริย์เชียงใหม่ราชวงศ์มังราย แม้ว่าเชียงใหม่จะผ่านร้อนผ่านหนาว เปลี่ยนแปลงผู้ปกครองหลายครั้งก็ยังได้รับการทำนุบำรุงสืบเนื่องกันต่อมา ทั้งในสมัยพม่าปกครอง และสมัยรัตนโกสินทร์

พระวิหารวัดพวกช้าง

พระอารามแห่งนี้แต่เดิมมีชื่อเรียกว่า “วัดบัวเงิน” “วัดจอกปอก” และ “วัดพวกช้าง” บ้าง แต่ปัจจุบันคงเหลือเพียงชื่อวัดพวกช้าง อันหมายถึงกลุ่มคนเลี้ยงช้าง หรือกองช้าง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิถีของชาวบ้านผู้อาศัยอยู่ในละแวกนี้ในอดีต

พระเจดีย์วัดพวกช้าง

ทราบประวัติคร่าวๆ ของวัดกันแล้ว คราวนี้เรามาเที่ยวชมภายในบริเวณวัดกันบ้าง โดยเริ่มจากพระวิหารของวัด ซึ่งถือเป็นอาคารเอกตามลักษณะการสร้างพระอารามแบบไทยโบราณ และล้านนา ที่มักให้ความสำคัญกับพระวิหารและพระเจดีย์เป็นอันดับแรก ซึ่งแตกต่างจากการสร้างวัดในสมัยหลัง (โดยเฉพาะในภาคกลาง) ที่มักให้ความสำคัญกับพระอุโบสถมากกว่า

พระประธานภายในพระวิหาร

พระวิหารวัดพวกช้าง เป็นพระวิหารขนาดใหญ่ สถาปัตยกรรมล้านนาประยุกต์ หน้าบันพระวิหารมีลักษณะแบบม้าต่างไหม แต่ก็ประดับประดาด้วยลวดลายวิจิตรพิสดาร ละเอียดอ่อนช้อย ลงสีทองสร่าง ผนังด้านหน้าพระวิหารทาสีฟ้าสด มีภาพจิตรกรรมเหล่าเทวดานางฟ้า บานประตูแกะสลักไม้ลวดลายเทพพนม


ภายในพระวิหารประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัย ปากแดงตามแบบอิทธิพลศิลปะพม่า ฝีมือช่างพื้นบ้าน ไม่วิจิตรงดงามมากนักหากเทียบกับวัดอื่นๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องคุณค่าทางจิตใจแล้ว ไม่น่าจะแพ้วัดใดๆ ผนังด้านหลังพระประธานเป็นงานจิตรกรรมสีแดงตัดทองประดับกระจก รูปแบบเลขาคณิตง่ายๆ แต่ก็มีความงดงามล้ำลึก ผนังด้านข้างภายในพระวิหารเป็นภาพเขียนสีเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ

ศาลาบาตร

พระเจ้าทันใจ

สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของวัดอีกแห่งหนึ่งคือ “ศาลาบาตร” เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนสร้างใหม่ด้วยโครงสร้างหลังคาแบบล้านนา ถือเป็นศาลาที่งดงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ ด้านหน้าประดับตกแต่งเป็นสวนขนาดเล็ก มองดูแล้วสบายตาดี ภายในศาลาบาตรนี้ประดิษฐาน “พระเจ้าทันใจ” พระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่องแบบกษัตริย์โบราณ สวมมงกุฎ สังวาล ธรรมรงค์ พาหุรัด กลางหน้าผากประดับด้วยอุนาโลมสีแดง นั่งขัดสมาธิอยู่บนฐานดอกบัว ด้านหลังเป็นกู่แบบล้านนา งดงามอ่อนช้อยมาก นอกจากนี้ยังมีรูปหล่อองค์พระพิฆเนศวร เทพเจ้าฮินดู เทพแห่งความรู้และศิลปวิทยาการ ประดิษฐานอยู่ในศาลาบาตรเช่นกัน

พระพิฆเนศ


ใครมีโอกาสแวะไปทางตลาดไนท์บาร์ซ่า ย่านช้อปปิ้งสำคัญของนักท่องเที่ยว อยากจะหลบความวุ่นวาย หาความเย็นสบายให้จิตใจแล้วล่ะก็ ขอแนะนำให้ลองไปเยี่ยมชมวัดพวกช้างกันดูนะคะ แล้วครั้งหน้าเลดี้ ดาริกาจะกลับมาเล่าเรื่องวัดวาอาราม พาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักวัดต่างๆ ในเมืองเชียงใหม่กันอีก 

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :14:
75  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง ข้าวหน้าเป็ด ข้าวขาหมูเชียงใหม่ / “ข้าวมันไก่นันทาราม” ข้าวมันไก่แสนอร่อยตำหรับเมืองเชียงใหม่ เมื่อ: มิถุนายน 27, 2014, 12:08:07 AM
“ข้าวมันไก่นันทาราม” ข้าวมันไก่แสนอร่อยตำหรับเมืองเชียงใหม่

เพื่อนๆ เคยมีปัญหาแบบเลดี้ดาริกาไหมคะ?...ความรู้สึกเหมือนอยากจะกินอะไรสักอย่าง แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกสักที เมื่อก่อนฉันเป็นบ่อยๆ แต่ช่วงนี้มีอะไรก็กิน เห็นอะไรก็อยากชิมไปหมด แม้กระทั่งอาหารธรรมดาๆ อาหารพื้นๆ ที่เราคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรพิเศษ แต่ในอาหารจานด่วนธรรมดาๆ บางครั้งเราก็ค้นพบรสชาติที่เหนือกว่าเจ้าอื่นๆ


ข้าวมันไก่ แม้จะไม่ใช่อาหารไทยแท้ เพราะเราเอาวัฒนธรรมอาหารชนิดนี้มาจากเมืองมาลายู เป็นอาหารพื้นถิ่นของมาเลเซียและสิงคโปร์ แต่โดยนิสัยคนไทย เมื่อเรารับวัฒนธรรมการกินของชาติอื่นๆ มา ก็มักจะเอามาปรับให้ได้รสชาติถูกปากคนไทย จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เราจะเห็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่รสชาติแสนจะไทย หรือเบอร์เกอร์ในแบบที่ฝรั่งเขากินแล้วร้องบอกว่า เอ๊ะ...นี่มันไม่ใช่รสชาติบ้านฉันนี้!!! ฮ่าๆ



ทีเด็ดของข้าวมันไก่อยู่ที่น้ำจิ้มค่ะ น้ำจิ้มเข้มข้นรสชาติหวานเผ็ดเค็มในแบบของคนไทยนี่แหละที่จะเป็นตัวบอกว่าข้าวมันไก่เจ้าไหนอร่อย ในเมืองเชียงใหม่เท่าที่เลดี้ดาริกาได้มีโอกาสไปลองมา ก็คงต้องยกให้ “ข้าวมันไก่นันทาราม” ข้าวมันไก่เจ้าเด็ดเจ้าดังของเชียงใหม่เลยทีเดียว ที่นี่เขามีกันหลายสาขาค่ะ ทุกๆ สาขาล้วนเป็นญาติพี่น้องกันทั้งสิ้น หรือจะเรียกว่าธุรกิจครอบครัวก็คงไม่ผิด ร้านนี้มีต้นกำเนิดอยู่ในชุมชนย่านวัดนันทาราม จึงเรียกว่า “ข้าวมันไก่นันทาราม” ค่ะ วันนี้เลดี้ดาริกาจะพาเพื่อนๆ ไปชิมที่สาขาหน้สมอชอค่ะ


ข้าวมันไก่นันทาราม สาขาหน้ามอชอ จริงๆ แล้วเคยอยู่ที่ถนนศิริมังคลาจารย์ (เส้นขนาดถนนนิมมานเหมินทร์) มาก่อน แล้วจึงย้ายที่ตั้งมาที่นี่ สิ่งแรกที่รู้สึกประทับใจกับสาขานี้คือการบริการที่เป็นเยี่ยม ทุกคนในร้านทำงานเป็นทีม เอาใจใส่ พูดคุยกับลูกค้าทุกคนอย่างเป็นกันเอง


ที่นี่เป็นร้านข้าวมันไก่ แน่นอนว่าต้องมีข้าวมันไก่หลากหลายรูปแบบให้เลือก เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด มีทั้งไก่ต้มและไก่ทอด หรือใครอยากกินแบบผสมก็ไม่ว่ากัน ใครกลัวอ้วนไม่อยากกินข้าวมันที่นี่ก็มีข้าวสวยธรรมดาไว้บริการค่ะ สนนราคาเริ่มต้นจานละ 30-40 บาทโดยประมาณค่ะ ในราคานี้เพื่อนๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะกินไม่อิ่ม ได้น้อยเหมือนร้านอื่นๆ เพราะที่หั่นไก่ชิ้นใหญ่พอดีคำ ไม่ฝานเป็นชิ้นบางๆ เอาเปรียบลูกค้าเลยค่ะ หรือใครอยากจะลองรับประทานหมูสะเต๊ะ ก็สั่งมาเป็นชุดได้ เริ่มต้นที่ 30 บาท อร่อยมากๆ ค่ะ


เพื่อนๆ คนไหนยังคิดเมนูอร่อยๆ ไม่ออกขับรถมาตามถนนห้วยแก้ว มุ่งหน้าไปดอยสุเทพ เมื่อถึงหน้าประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะมีอาคารพานิชย์อยู่ทางขวามือ ลองเข้าไปจอดรถดูนะคะ ร้านอยู่บริเวณนั้นมีป้ายบอกด้วยค่ะ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :5569fb93:
76  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / วัดหมื่นตูม อีกวัดเล็กๆ กลางเมืองเชียงใหม่ เมื่อ: มิถุนายน 26, 2014, 10:08:32 PM
วัดหมื่นตูม อีกวัดเล็กๆ กลางเมืองเชียงใหม่

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ เลดี้ดาริกาห่างหายจากบทความเกี่ยวกับวัดไปสักพัก เพราะช่วงนี้กำลังเพลิดเพลินกับการกินเป็นพิเศษค่ะ แม้น้ำหนักตัวจะขึ้นก็ยังไม่อยากหยุดกิน ห่างหายจากการพาเพื่อนๆ เที่ยววัดไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเมืองเชียงใหม่จะไม่มีวัดที่น่าสนใจให้เที่ยวอีกแล้ว เพราะอย่างที่ทุกคนทราบดีว่าพระพุทธศาสนาในเชียงใหม่นั้นถือว่ารุ่งเรืองมากๆ ทีเดียว ฤกษ์งามยามดีวันนี้ เลดี้ดาริกาขอพาเพื่อนๆ มาเที่ยววัดหมื่นตูมกันค่ะ

วัดหมื่นตูม ถนนพระปกเกล้า ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองฯ จังหวัดเชียงใหม่

วัดหมื่นตูม ตั้งอยู่บนถนนพระปกเกล้า ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เป็นวัดในเขตเมืองเก่าเชียงใหม่อีกแห่งหนึ่งที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน แม้ว่าปัจจุบันจะเป็นเพียงวัดเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่ในอดีต พระอารามแห่งนี้มีความสำคัญมากในฐานะหนึ่งในสถานที่ประกอบพิธีสรงน้ำพุทธาภิเษกของกษัตริย์ผู้ครองนครเชียงใหม่

บรรยากาศภายในวัด

ตามประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่าเมื่อใดก็ตามที่กษัตริย์ราชวงศ์มังรายพระองค์ใหม่จะขึ้นครองราชสมบัติต้องผ่านการประกอบพิธีสรงน้ำพุทธาภิเษกก่อน ซึ่งพิธีนี้จะจัดขึ้นที่วัดสำคัญ ๓ แห่งตามลำดับขั้นตอนของพิธี กล่าวคือกษัตริย์จะต้องทรงชุดขาว ซึ่งกระทำที่วัดผ้าขาว จากนั้นจึงเข้าพิธีสะเดาะเคราะห์ที่วัดหมื่นตูมแห่งนี้ แล้วจึงสิ้นสุดด้วยพิธีสรงน้ำที่หนองน้ำวัดเจ็ดลิน

พระวิหารของวัด สถาปัตยกรรมล้านนา


เมื่อเราทราบเรื่องราวความเป็นมาของวัดกันดีแล้ว เรามาเที่ยวชมสถานที่สำคัญอื่นๆ ภายในวัดกันบ้างนะคะ พระวิหารของวัดสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมล้านนาดั้งเดิม คือเป็นวิหารทรงเตี้ย หลังคาซ้อนชั้นหลูบต่ำ โครงสร้างหลักเป็นไม้ แต่ส่วนผนังฉาบด้วยปูน ด้านหน้าพระวิหารตกแต่งลวดลายสีทองอ่อนช้อยสวยงาม หน้าบันแบบม้าต่างไหม ซึ่งแสดงถึงเอกลักษณ์อันเก่าแก่ของสถาปัตยกรรมล้านนา

พระอุโบสถ


ติดกับพระวิหารมีอาคารก่ออิฐถือปูนรูปทรงน่ารัก และประหลาดอยู่ในที อาคารหลังนี้คือพระอุโบสถ หลังคาซ้อนกันสองชั้น หน้าบันเป็นไม้แกะสลักลายเครือเถาวัลย์ลงสีทองงดงามมาก ส่วนหน้ามีเสาสี่เหลี่ยมทึบตันสี่ต้น เป็นเสาแบบกึ่งจีนกึ่งตะวันตกค้ำอยู่

พระเจดีย์ประธาน


ด้านหลังพระวิหารคือพระเจดีย์ประธานของวัด เป็นเจดีย์สีขาวย่อมุมทั้งองค์ บริเวณฐานมีรูปปั้นสิงห์แบบล้านนาเฝ้าอยู่ทั้งสี่มุม ส่วนยอดของพระเจดีย์ประดับด้วยกระจกสีเป็นลายเลขาคณิต บัลลังก์ยอดห่มแผ่นทองคำ ปลียอดหุ้มทองคำยกฉัตร

พระประธานภายในพระวิหาร

บรรยากาศภายในวัดค่อนข้างเงียบ พื้นที่บางส่วนถูกใช้เป็นที่จอดรถ สำหรับคนที่หลงใหลหารเที่ยวชมสถาปัตยกรรมแบบล้านใน และชอบเข้าวัดหาความสงบ วัดหมื่นตูมเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเป็นวัดเล็กๆ ไม่จอแจ สถาปัตยกรรมวิหาร เจดีย์ และพระอุโบสถ แม้จะไม่ยิ่งใหญ่ ตกแต่งจนวิจิตรงดงามอย่างวัดอื่นๆ แต่เสน่ห์ของที่นี่คือความเรียบง่ายแบบเมืองเหนือ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  913
77  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / แนะนำ ร้านกาแฟ ชา เบเกอรี่ เค้ก ขนม ไอศกรีม อาหารว่าง ของทานเล่น ในเชียงใหม่ / Coffee Man “มนุษย์กาแฟ” กับความสุขเล็กๆ ริมอ่างแก้ว มช. เมื่อ: มิถุนายน 26, 2014, 09:12:32 PM
Coffee Man “มนุษย์กาแฟ” กับความสุขเล็กๆ ริมอ่างแก้ว มช.

หากถามเพื่อนๆ ว่าเมื่อพูดถึงเชียงใหม่คุณจะนึกถึงอะไร คำตอบอาจแตกต่างหลากหลาย แต่ที่แน่ๆ คงมีพระธาตุดอยสุเทพ ดอยอินทนนท์ แม่น้ำปิง และข้าวซอยไก่ติดโผมาให้เรายิ้มเล่นๆ แน่นอน แต่สำหรับชาวเชียงใหม่ ที่นี่ยังมีมุมเล็กๆ อีกหลายแห่งที่น่าประทับใจ และสามารถสร้างความทรงจำดีๆ ให้กับผู้มาเยือน


เชียงใหม่มีร้านกาแฟนับไม่ถ้วน มากขนาดที่หากจะนำเสนอกันทุกร้านในเชียงใหม่แล้ว ก็คงหากินไปได้อีกหลายปี ดีไม่ดีอาจต้องเปิดเว็บไซต์ใหม่ขึ้นมาเพื่อนแนะนำร้านกาแฟโดยเฉพาะกันเลยทีเดียว แต่ไม่ว่าอย่างไร ร้านกาแฟแต่ละร้านย่อมมีจุดขาย มีมุมมอง และฝีไม้ลายมือในการปรุงกาแฟให้อร่อย หรือแม้กระทั่งเมนูพิเศษๆ แตกต่างกันไป สำหรับเลดี้ดาริกาแล้วร้านกาแฟทุกร้านจึงน่านั่ง เพราะทุกทีมักทีสิ่งพิเศษๆ ให้เราได้ทำความรู้จัก


Coffee Man หรือ “มนุษย์กาแฟ” ร้านกาแฟเล็กๆ น่ารักริมอ่างแก้ว หลังตึกคณะมนุษย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นร้านกาแฟอีกแห่งหนึ่งที่น่าประทับใจ มาถึงตรงนี้เพื่อนๆ หลายคนที่เคยไป Coffee Man มาแล้วคงกำลังแอบตำหนิฉันในใจ พูดเกินจริงไปรึเปล่า...ประทับใจอะไรกัน ร้านนี้เป็นเพียงร้านกาแฟเล็กๆ แค่นั้นเอง


แม้ Coffee Man จะเป็นเพียงร้านกาแฟเล็กๆ ที่ดูเผินๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความพิเศษของร้านนี้คือทำเลที่ตั้งค่ะ จากบริเวณเล็กๆ ที่ตั้งของร้าน มองออกไปด้านหน้าคือทางเดินเรียบอ่างแก้ว อ่างเก็บน้ำเชิงดอยสุเทพของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่นี่ไม่ได้เป็นสถานที่พิเศษเฉพาะนักศึกษา มช. เพราะนอกจากเด็กๆ นักศึกษา อ่างแก้วคือสถานที่พักผ่อน และจุดท่องเที่ยวเล็กๆ แห่งใหม่ของเมืองที่มีทั้งชาวเชียงใหม่ คนต่างถิ่น และนักท่องเที่ยวต่างชาติต่างภาษาแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนไม่ขาด


ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือร้านกาแฟเล็กๆ แห่งนี้เกิดขึ้นจากพลังของนักศึกษาทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของสาขาวิชาบ้านและชุมชน แม้ว่าสมาคมนักศึกษาเก่าฯ จะเป็นผู้กำกับดูแล แต่ร้านกาแฟเล็กๆ นี้ก็สร้างประโยชน์ในฐานะสถานที่เรียนรู้งานจริงของนักศึกษาปัจจุบันด้วย


สินค้าภายในร้าน แน่นอนว่ากาแฟสูตรต่างๆ เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ ลาต้า คาปูชิโน อเมริกาโน่ และอื่นๆ มีพร้อมไว้ให้บริการทั้งแบบร้อนและเย็นตามแต่รสนิยมของลูกค้า นอกจากกาแฟแล้วทางร้านยังมีเครื่องดื่มฟิวชั่นอื่นๆ และขนมแสนอร่อยมานำเสนอด้วย


จิบกาแฟร้อนๆ ในวันฝนตก หรือดื่มกาแฟเย็นๆ ในวันอากาศร้อนอบอ้าว ชมเมฆที่เปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ ในวันฟ้าเปิด ทอดตาเหม่อลอยกับวิวอ่างแก้วที่มีฉากหลังยิ่งใหญ่อย่างเทือกเขาสุเทพ-ปุย นั่งมองผู้คนที่เดินผ่านไปมา กลุ่มเพื่อนนักศึกษา คู่รัก และผู้มาเยือน เป็นเวลาที่มีความสุข และเบาสบายมากๆ

Coffee Man หรือมนุษย์กาแฟ เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08:30 – 16:30 น

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :onion2012:
78  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้าน สเต๊ก เชียงใหม่ / “สเต็กอ้วนผอม” อีกหนึ่งร้านแนะนำบนถนนเลียบคลองชลประทาน เมื่อ: มิถุนายน 24, 2014, 11:01:55 PM
“สเต็กอ้วนผอม” อีกหนึ่งร้านแนะนำบนถนนเลียบคลองชลประทาน

เคยเกริ่นกับเพื่อนๆ ชาวทริปเชียงใหม่ไปแล้วว่า ช่วงนี้เลดี้ดาริกาเน้นกินเป็นหลัก กินกันจนน้ำหนักพุ่งขึ้นแบบไม่รู้ตัวเลยค่ะ มารู้ตัวอีกทีก็แก้มพอง พุงย้อยกันเสียแล้ว ลดก็ยากเสียด้วยสิ ฮ่าๆ ไม่ขอบ่นให้เสียเวลาดีกว่า เอาเป็นว่าในบทความนี้เลดี้ดาริกายังคงมากับอาหาร เป็นเมนูสเต็กอีกร้านที่อยากจะให้เพื่อนๆ ไปลองชิมกันดู “สเต็กอ้วนผอม” ริมคลองชลประทานค่ะ


ร้านสเต็กอ้วนผอมอยู่ตรงไหนกันนะ? หากเพื่อนๆ ได้อ่านรีวิว “ร้านมาร์คเบอร์เกอร์และสเต็ก” มาก่อนหน้านี่ คงพอจำเส้นทางกันได้ เพราะตั้งอยู่ไม่ไกลกันค่ะ สำหรับเพื่อนๆ ที่เริ่มอ่านจากรีวิวนี้ เลดี้ดาริกาขอนำเสนอเส้นทางสะดวกที่สุดเพราะไม่ต้องกลับรถ จากแยกภูคำให้ขับตรงลงใต้ไปทางกาดต้นพะยอมประมาณ 1 กิโลเมตร ก่อนถึงเซเว่นปากซอยสุขเกษม เป็นร้านเพิงเล็กๆ ริมถนน เพื่อนๆ อาจต้องชะลอรถ และสังเกตกันสักหน่อย หากใครขับมาจากทางแยกตลาดต้นพะยอม ต้องเลี้ยวขวา และไปกลับรถค่ะ


แม้ร้านสเต็กอ้วนผอมจะเป็นเพียงร้านเล็กๆ แต่ก็มีเมนูให้เลือกหลากหลาย ราคาไม่แพงเลยค่ะ เหมาะสำหรับคนที่อยากรับประทานสเต็กอร่อยๆ แต่ไม่อยากเสียเงินเยอะๆ เพราะว่ากันจริงๆ แล้วสเต็กตามร้านดังๆ นั้นราคาแพงแทบทั้งนั้น


เมนูแนะนำของร้านนี้ อันดับแรกคงหนีไม่พ้นสเต็กนานาชนิด แม้สเต็กอ้วนผอมจะเป็นร้านเล็กๆ แต่มีเมนูสเต็กหลากหลายให้เลือก เหมาะกับคนที่ชอบลองเปลี่ยนรสชาติใหม่ๆ เสมอเพื่อหลีกเลี่ยงความจำเจ อาทิ สเต็กบราวน์ซอส  สเต็กพริกไทยดำ และสเต็กบาร์บีคิว มีทั้งเนื้อ ไก่ และหมู หรือใครอยากทานสเต็กไลท์ๆ ก็มีเมนูปลาดอลลี่ย่างหรือทอดมานำเสนอด้วย ระหว่างรออาหารจานหลักจะลองสั่งเมนูง่ายๆ เรียกน้ำย่อยอย่างไส้กรอก เฟรนช์ฟราย สลัด ไก่ทอดไร้กระดูก หรือนักเก็ตไก่มาทานรอไปพลางๆ ก่อนก็ได้



นอกจากเมนูสเต็กแล้ว ทางร้านยังมีเมนูข้าวมาเอาใจเพื่อนๆ ที่อยากทานให้อิ่มท้องกันด้วย สเต็กอย่างเดียวไม่หนำใจ อยากจะได้เป็นเซ็ตสองอย่างที่ร้านอ้วนผอมนี้ก็มีมานำเสนอเพื่อนๆ เหมือนกันค่ะ ราคาอาหารที่นี่เริ่มต้นตั้งแต่ 45 บาท ไม่แพงอย่างที่คิด หากเลือกเป็นเซ็ตสเต็กสองชนิดราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 95 บาท ไม่แพงเลยใช่ไหมล่ะคะ



ภายใต้ชายคาของร้านมีโต๊ะจัดเตรียมไว้บริการลูกค้าประมาณ 7 โต๊ะ ร้านเปิดเวลา 18:00 – 23:00 ทุกวันค่ะ สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบเมนูสเต็ก และกำลังมองหาร้านใหม่ สเต็กอ้วนผอมเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แถมถ้าหากเพื่อนๆ ชาวเชียงใหม่พอจะทราบทาง สเต็กร้านนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากถนนนิมมานเหมินทร์สักเท่าไรเลยค่ะ หากมีเวลาก็ลองแวะมาทานดูนะคะ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :29:
79  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านก๋วยเตี๋ยวเชียงใหม่ / “เนื้อตุ๋นรสเยี่ยม” ร้านอร่อยของคนรักเมนูเนื้อ ตำนานความอร่อยแห่งนิมมานฯ เมื่อ: มิถุนายน 20, 2014, 12:59:54 AM
“เนื้อตุ๋นรสเยี่ยม” ร้านอร่อยของคนรักเมนูเนื้อ ตำนานความอร่อยแห่งนิมมานฯ

สำหรับบทความนี้เลดี้ดาริกาจัดมาให้เพื่อคนรักเนื้อโดยเฉพาะ สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่รับประทานเนื้อ ก็ไม่ต้องน้อยใจไป ครั้งหน้าฉันจะหาร้านอร่อยๆ มาแนะนำชดเชยให้อีกนะคะ


“เนื้อตุ๋นรสเยี่ยม” ชื่อร้านง่ายๆ แต่เป็นอมตะ เพราะมีชื่อเสียงเรื่องก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น อยู่คู่กับถนนนิมมานเหมินทร์และเมืองเชียงใหม่มาหลายปี เรียกได้ว่าติดอันดับท๊อปๆ ของร้านอาหารต้องชิมบนถนนนิมมานเหมินทร์เลยทีเดียว ที่ตั้งของร้านก็หาไม่ยากค่ะ เพราะอยู่สี่แยกกลางซอยนิมมานฯ 11 เลย ขับรถหรือเดินตรงเข้ามาจากถนนนิมมานเหมินทร์เพียงนิดเดียวก็ถึงแล้ว


ด้วยรสชาติที่อร่อยกลมกล่อม ทั้งเนื้อตุ๋นและน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวทำให้ร้านนี้มีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่เฉพาะในหมู่คนไทยเท่านั้น แต่รวมไปถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วย ทางร้านจึงจัดเมนูภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี เอาไว้รองรับลูกค้าต่างประเทศด้วย จึงไม่ต้องแปลกใจเลยหากมาทีไรก็จะมีลูกค้าแน่นร้านตลอด โดยเฉพาะช่วงกลางวันแล้วล่ะก็ อย่าว่าแต่ที่นั่งเลยค่ะ หากขับรถเข้ามาก็อาจจะหาที่จอดรถยากมากๆ


ขึ้นชื่อว่าร้าน “เนื้อตุ๋น” เน้นบริการลูกค้าที่ชอบอาหารจานเนื้อ แต่ในร้านก็ยังมีอาหารจานหมูไว้บริการด้วย ดั้งเดิมแล้วร้านแห่งนี้อาจเริ่มต้นจากการขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น จึงมีเมนูก๋วยเตี๋ยวสารพัดเส้น มีทั้งเนื้อสด เนื้อเปื่อย เนื้อตุ๋น และเครื่องในครบรูปแบบ แถมด้วยเมนูหม้อไฟ ที่จัดมาเป็นเซ็ตเล็ก กลาง ใหญ่ สำหรับรับประทานด้วยกันเป็นกลุ่ม

อีกเมนูที่น่าสนใจคือข้าวราดแกงกะหรี่แบบญี่ปุ่น แต่รสชาติอร่อยเลิศแบบไทยๆ มีทั้งเนื้อ หมู และไก่ให้เพื่อนๆ ได้ลิ้มลอง รับลองเลยว่าหลายคนต้องหลงรัก เพราะรสชาติของแกงกะหรี่มีเอกลักษณ์โดดเด่นแบบที่หาลองรับประทานที่ไหนไม่ได้


รับประทานอาหารคาวกันเสร็จแล้ว ใครยังไม่อิ่ม หรืออยากได้ของหวานตบท้าย ที่นี่ก็มีให้เพื่อนๆ ได้เลือกชิม ทั้งของทานเล่นอย่างปอเปี๊ยะสดเลือกราดซอสมะขามหรือซอสหมูแดงได้ตามความชอบ ซอสมะขามอร่อย แต่จะเปรี้ยวนำสักหน่อยนะคะ


อาหารที่นี่ราคาอาจจะสูงสักหน่อยเมื่อเทียบกับร้านเนื้อตุ๋นแห่งอื่นๆ อาจจะเป็นเพราะตั้งอยู่ในทำเลทอง มีโต๊ะมากพอสมควร แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงเวลาพักเที่ยง ร้านเปิดให้บริการทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ เวลา 10:00 - 22:00 เสาร์-อาทิตย์ 10:00 – 18:00 น


เพื่อนๆ คนไหนมีโอกาสแวะเวียนมาถนนนิมมานเหมินทร์ หรือมาท่องเที่ยวเมืองเชียงใหม่ และเป็นคนชอบรับประทานเนื้ออยู่แล้ว พลาดไม่ได้เลยนะคะ ความอร่อยรอเพื่อนๆ อยู่ค่ะ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา   916
80  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง ร้านข้าวต้ม เชียงใหม่ / “ลุงไทย ข้าวแกงเพชรบุรี” ร้านข้าวแกงสำหรับคนชอบรสจัดจ้านถึงใจ เมื่อ: มิถุนายน 19, 2014, 10:40:05 PM
“ลุงไทย ข้าวแกงเพชรบุรี” ร้านข้าวแกงสำหรับคนชอบรสจัดจ้านถึงใจ

ไม่ว่าอาหารพื้นถิ่นนั้นๆ จะอร่อยเหาะแค่ไหน แต่สำหรับคนไกลบ้าน รสชาติอาหารบ้านเกิดที่คุ้นเคยมานานย่อมอร่อยที่สุดเสมอ เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดา ญี่ปุ่นมาอยู่เมืองไทยนานๆ ก็คิดถึงรสชาติซูชิต้นตำรับ คนไทยไกลบ้านไปอยู่ต่างแดน รู้สึกอยากกินน้ำพริก โหยหาส้มตำ เช่นเดียวกับเลดี้ ดาริกาที่มีบ้านเกิดเมืองนอนอยู่ในจังหวัดทางตะวันตกของประเทศ แม้อาหารเมืองเหนือจะลำขนาดไหน ก็แอบคิดถึงอาหารป่ารสเผ็ดจัดจ้านอย่างที่คนภาคตะวันตกนิยมกินกันไม่ได้


“ร้านลุงไทย ข้าวแกงเพชรบุรี” จึงเป็นทางเลือกสำหรับคนชอบรับประทานอาหารรสจัดอย่างฉัน เพราะคนภาคตะวันตกทั้งกาญจนบุรี ราชบุรี และเพชรบุรีส่วนใหญ่แล้วกินอาหารรสเผ็ดจัดค่ะ เผ็ดถึงใจกันเลยทีเดียว ร้านลุงไทยในเชียงใหม่จริงๆ แล้วมีอยู่ 3 แห่ง คือที่อำเภอหางดง ปากทางเข้ากองบินจากฝั่งตลาดต้นพยอม และหน้าโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ หรือที่คนเชียงใหม่เรียกกันว่าโรงพยาบาลสวนดอก ซึ่งวันนี้เลดี้ ดาริกาขอหยิบยกสาขาสวนดอกขึ้นมานำเสนอเป็นหลักค่ะ



ร้านลุงไทย เป็นร้านคูหาเดียว ภายในจัดวางโต๊ะไว้แน่นพอสมควร ลูกค้าจะมากในช่วงพักกลางวันค่ะ เพราะเหล่าพยาบาล และนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะพากันมารับประทานที่นี่ หากเราพอมีเวลาอยากนั่งรับประทานสบายๆ อาจมาช่วงสายๆ ก่อนพักเที่ยง หรือช่วงบ่ายไปเลยก็ได้ แต่ช่วงบ่ายคล้อย กับข้าวจะเหลือน้อยแล้วนะคะ เลดี้ ดาริกาไม่แนะนำค่ะ


ทีเด็ดของข้าวราดแกงร้านนี้อยู่ที่ฝีมือการปรุง ที่เรียกได้ว่าถึงเครื่องมากๆ แบบไม่เกรงใจลูกค้า เพราะปรุงสุดฝีมือ รสชาติก็ตามที่ชาวเมืองเพชรเขานิยมรับประทานกันจริงๆ อาหารเผ็ดก็เผ็ดจัด เครื่องแกงจัดจ้าน เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ คุณภาพดี อร่อยล้ำมากๆ ค่ะ


สำหรับคนที่ไม่ชอบอาหารเผ็ดจัดอย่าเพิ่งบ่ายหน้าหนี เพราะที่นี่เขาไม่ได้มีแต่อาหารรสเผ็ด แต่มีอาหารอื่นๆ รสกลมกล่อม อร่อยไม่แพ้กันมาแนะนำลูกค้าด้วย แม้คนพื้นถิ่นทางตะวันตกและชาวใต้จะชอบรับประทานเผ็ด แต่ก็มักจะมีอาหารรสหวานนำ หรือแกงจืดติดไว้ในสำหรับ เพื่อจะได้เอาไว้ตัดกับรสที่เผ็ดจัด เช่น หมูหวาน ไข่ลูกเขย เป็นต้น อาหารแนะนำที่นี่ก็คงเป็นผัดเผ็ดสารพัดชนิด ตั้งแต่เนื้อสัตว์ปกติอย่างหมู ไก่ ปลาดุก ไปจนถึงเนื้อกบที่อร่อยไม่แพ้กัน หากได้ลองแล้วจะติดใจ



ร้านลุงไทย เปิดให้บริการทุกวัน ปิดเฉพาะวันอาทิตย์ ราคาอาหารปกติค่ะ ราดแกงหนึ่งอย่างเริ่มต้นที่ 25 บาท หรือจะสั่งเป็นกับข้าวหลายๆ อย่างรับประทานกับเพื่อนๆ ก็ได้ แต่ข้าวที่ตักมาให้อาจจะน้อยไปนิด แอบบอกตรงนี้เลยว่ามาร้านนี้ทีไร เลดี้ ดาริกากินมากกว่า 1 จานทุกที ก็มันอร่อยมากๆ จริงๆ นี่คะ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา   :111:
81  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้าน สเต๊ก เชียงใหม่ / “Mark Burger & Steak” อร่อยง่ายๆ ราคาประหยัดกับสเต็กคันคลอง เมื่อ: มิถุนายน 19, 2014, 09:36:42 PM
“Mark Burger & Steak” อร่อยง่ายๆ ราคาประหยัดกับสเต็กคันคลอง

ระยะนี้เลดี้ ดาริกามีรายการร้านอาหารน่าลองในเมืองเชียงใหม่ยาวเป็นหางว่าวมาแนะนำเพื่อนๆ ชาวทริปเชียงใหม่ ไม่ว่าจะอยู่ในเชียงใหม่ แต่อยากเปลี่ยนบรรยากาศหาของกินแปลกๆ ลดความจำเจ ทำให้เจริญอาหาร หรือจะเป็นเพื่อนๆ ต่างจังหวัดที่มีโอกาสมาเที่ยว และกำลังมองหาของกินอยู่ (นี่ก็ตั้งใจว่าจะลดน้ำหนักลงสักหน่อย แต่ตระเวนกินขนาดนี้ เห็นทีจะลดยาก)


สำหรับมื้อนี้ เลดี้ ดาริกาขอแนะนำ “Mark Burger & Steak” พูดชื่อเต็มยศแบบนี้เพื่อนๆ บางคนอาจจะไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่า “สเต็กคันคลอง” คงมีหลายคนที่ร้องอ๋อ เพราะถึงแม้จะเป็นร้านสเต็กริมทาง เป็นร้านรถเข็นเคลื่อนที่ แต่ก็มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักพอตัว


ใครอยากลิ้มลอง พิสูจน์ความอร่อยก็ตามกันมาได้ ร้านตั้งอยู่บนถนนเลียบคลองชลประทาน จากแยกภูคำ มุ่งหน้าลงใต้ไปทางอำเภอหางดงประมาณ 600 เมตร ร้านตั้งอยู่ติดกับปั้มบางจาก หากมาจากแยกต้นพะยอม เพื่อนๆ ต้องไปกลับรถก่อน เพราะอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ขับรถช้าๆ สังเกตดีๆ เพราะร้านเล็ก อาจขับเลยได้


ส่วนเมนูของร้านก็ไม่ได้มีตัวเลือกมากมายเหมือนร้านอาหารใหญ่ๆ ตามชื่อเลยค่ะ ร้านนี้ขายแฮมเบอเกอร์ และสเต็กเป็นหลัก มีเนื้อให้เลือกเพียงแค่หมู ปลา ไก่ และเนื้อวัวเท่านั้น เหมือนกันทั้งเบอร์เกอร์และสเต็ก ไม่มีเมนูพลิกแพลกหรือคอมบิเนชั่นใดๆ ทั้งสิ้น ว่ากันง่ายๆ ทำกันง่ายๆ กินกันง่ายๆ แต่รสชาติยอดเยี่ยม รับรองว่าอร่อยถูกปากแน่ๆ


เลดี้ ดาริกาขอจัดภาพสเต็กแสนอร่อยมาให้เพื่อนๆ ชมเรียกน้ำย่อยกันหน่อย สเต็กชิ้นบาง ราดน้ำเกรวี่เห็ดและพริกไทย เนื้อสุกกำลังดี ถูกปากคนไทย  เสิร์ฟพร้อมผักสดกรอบ และมันฝรั่งทองใหม่ๆ ราดผักสดด้วยน้ำสลัดรสชาติพอดี ข้อเสียเดียวของร้านนี้คือสเต็กแผ่นบางไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เมื่อเทียบกับรสชาติ และราคาสมเหตุสมผล บางโอกาสทางร้านก็จะมีเมนูพิเศษๆ มานำเสนอลูกค้า ซึ่งก็ไม่บ่อยนักต้องคอยติดตามกันเอง ครั้งหนึ่งฉันมีโอกาสลองสปาเกตตีซอสเห็ดเพิ่มชีสพิเศษ อร่อย และติดใจมาก เสียดายที่เมนูนี้หายไปเสียแล้ว


เนื่องจากเป็เพียงร้านเล็กๆ ติดถนนใหญ่ จึงมีโต๊ะนั่งไม่มากนัก ริมถนน 3 ตัว และด้านในอีกประมาณ 4 ตัว ราคาถูกมาก เบอร์เกอร์เริ่มต้นที่ 30 บาท ส่วนสเต็กเริ่มต้นที่ 50 บาท ใครสนใจสั่งอะไรเพิ่มพิเศษ เพียงเพิ่มเงินไม่กี่บาทก็อร่อยได้แล้ว


ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ 17:00 – 00:00 น ยังไงก็ต้องมานั่งกินกันเป็นอาหารเย็นหรือค่ำ เพราะเป็นร้านเอาท์ดอร์ กลางวันมันร้อนมาก หากมาแล้วเห็นร้านปิดก็ไม่ต้องตกใจ เพราะบางทีก็อาจจะปิดพักผ่อน ออมแรงไว้ทำอาหารอร่อยๆ ให้เพื่อนๆ ได้ชิมกัน ใครสนใจเย็นนี้ลองแวะไปดูนะคะ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :onio:
82  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / เชียงใหม่ ร้านอาหาร - แนะนำร้านอาหาร อร่อย ในเชียงใหม่ / อร่อยแบบบ้านๆ “ไส้กรอกคุณยาย” นิมมานเหมินทร์ เมื่อ: มิถุนายน 18, 2014, 11:14:16 PM
อร่อยแบบบ้านๆ “ไส้กรอกคุณยาย” นิมมานเหมินทร์

“นิมมานเหมินทร์” ชื่อนี้การันตีว่าเป็นแหล่งรวมของดีของเมืองเชียงใหม่ ทั้งร้านอาหารหลากหลายสไตล์ เลือกอร่อยได้ตามใจชอบไทยหรือนานาชาติ ร้านกาแฟ ร้านชา และเบเกอรี่ฟรุ้งฟริ้งไว้ให้คนรุ่นใหม่มีไลฟ์สไตล์ได้นั่งพักผ่อนชิวๆ ภาพของถนนเส้นนี้ถูกวาดไว้ให้เป็นถนนสายไฮโซในใจของนักท่องเที่ยวต่างถิ่น



วันนี้เลดี้ ดาริกาขอพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักอีกหนึ่งของดีบนถนนนิมมานเหมินทร์ที่ชาวเชียงใหม่หลายๆ คนคงรู้จักกันดี แต่สำหรับเพื่อนๆ ต่างจังหวัดที่ตั้งใจหาข้อมูลของกินแสนอร่อยบนถนนสายนี้แล้วล่ะก็ ยื่นหูมาอย่ารอช้า เลดี้ ดาริกาจะเล่าให้ฟัง ก่อนอื่นเพื่อนๆ จะต้องลบภาพร้านสุดหรูติดแอร์ออกไปจากใจเสียก่อน เพราะร้านแสนอร่อยที่ว่านี้เป็นเพียงร้านรถเข็น “ไส้กรอกคุณยาย” ไส้กรอกอีสานฉบับนิมมานเหมินทร์ที่ใครมาเยือนก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง


ฉันรู้จักไส้กรอกอีสานเลื่องชื่อร้านนี้ตั้งแต่ยังไม่ได้มาปักหลักอยู่ที่เชียงใหม่จริงจัง จากคำบอกเล่าของรุ่นพี่ที่ทำงานซึ่งแวะเวียนมาเยี่ยมเมืองเชียงใหม่ ตอนนั้นแอบนึกสงสัยอยู่ในใจว่าอะไรมันจะอร่อยขนาดนั้น อร่อยจริงๆ น่ะเหรอ จนกระทั่งได้มีโอกาสมาลิ้มลองด้วยตัวเอง และตั้งแต่นั้นก็แวะเวียนมาแอบเป็นลูกค้าประจำของไส้กรอกคุณยายอย่างต่อเนื่อง


ไส้กรอกอีสานร้อนๆ ไส้แน่นๆ รสชาติกลมกล่อม ย่างสุกพอดี เกรียมพออร่อยวาง มีให้ลูกค้าเลือกหลักๆ ๓ แบบคือไส้กรอกหมูสับธรรมดา ไส้กรอกเปรี้ยว และไส้กรอกวุ้นเส้น รสชาติออกไปทางเผ็ดเล็กน้อย รับประทานคู่กับผักสด ขิงดอง และพริกสด (สำหรับคนชอบรสเผ็ด) เข้ากันได้ดี ผักสดตักเองได้ไม่อั้น ไม่ขี้เหนียว ราคาตกไม้ละ 11 – 12 บาท หลายคนอาจบ่นว่าแพง แต่ถ้าได้ลองชิมแล้ว อาจติดใจจนยอมซื้อรับประทานราคานี้โดยไม่ปริปากบ่น นอกจากไส้กรอกสามชนิดหลักแล้ว ร้านของคุณยายยังขายไส้อั่ว บางครั้งอาจมีหมูสับปั้นเป็นก้อนย่างร้อนๆ มานำเสนออีกด้วย ส่วนเลดี้ ดาริกานั้น มาอุดหนุนคุณยายทีไรก็เป็นต้องสั่งไส้กรอกเปรี้ยวทุกที รสชาติไส้กรอกเปรี้ยวของคุณยายนั้น เปรี้ยวกลมกล่อมกำลังดี รสชาติไม่ชัด และไม่จืดจนเกินไป



แม้ร้านคุณยายจะเป็นเพียงรถเข็น แต่ด้วยชื่อเสียงและความอร่อย ทำให้มีลูกค้าต่อคิวแน่นตลอดเวลา ไม่ใช่มีแต่สาวกคนไทยเท่านั้น ชาวต่างชาติทั้งจีนและฝรั่งก็มาลิ้มลองด้วยเหมือนกัน จนคุณยายต้องออกบัตรคิว เพื่อจะได้บริการลูกค้าอย่างทั่งถึง ร้านไส้กรอกคุณยาย ปกติจะตั้งอยู่ แถวๆ หน้าร้านเค้กมองบลัง และมนต์นมสด ช่วงบ่ายคล้อยก่อนเวลาเร่งด่วน ประมาณบ่ายสามโมงเย็น เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดบนถนนนิมมานฯ รถเข็นของคุณยายจะจอดรอลูกค้าอยู่ปากซอยนิมมานฯ ๗ ค่ะ มาเที่ยวเชียงใหม่ เดินเล่นบนถนนนิมมานฯ คราวหน้า ลองหาโอกาสมาแวะชิมดูนะคะ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :111:
83  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้าน อาหารสุขภาพ,ผักสลัด,เชียงใหม่ / “The Salad Concept” ร้านสลัดแสนอร่อยสำหรับคนรักสุขภาพ เมื่อ: มิถุนายน 17, 2014, 10:22:10 PM
“The Salad Concept” ร้านสลัดแสนอร่อยสำหรับคนรักสุขภาพ

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวทริปเชียงใหม่ วันนี้เลดี้ ดาริกามาชวนเพื่อนๆ ท้องร้องกันอีกแล้ว บทความนี้เน้นเอาใจคนรักการกินผักเป็นพิเศษ เพราะเราจะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับ “ร้านสลัด” ที่มาแบบจัดเต็ม ลืมภาพอาหารจานผักรับประทานยากไปได้เลย เพราะที่นี่เน้นการรังสรรค์สลัดให้ทานง่าย ปรับให้เข้ากับรสนิยมของคนรุ่นใหม่ ที่ใครๆ ก็รับประทานได้ แม้แต่คนที่ไม่ได้รักการกินผักเป็นชีวิตจิตใจก็อร่อยไปด้วยกันได้


The Salad Concept ตั้งอยู่บนถนนนิมมานเหมินทร์ ปากซอย 13 ย่านที่เรียกได้ว่าเป็นไลฟ์สไตล์ของคนเมืองรุ่นใหม่ แหล่งรวมร้านอาหารอร่อยๆ และร้านค้าเก๋ไก๋ของเมืองเชียงใหม่ใน พ.ศ. นี้ ร้านสลัดแห่งนี้เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจเล็กๆ ของสองพี่น้องปอยและปาย ที่มุ่งหวังอยากให้คนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจสุขภาพโดยเลือกรับประทานอาหารชีวจิต



ถ้า The Salad Concept เปิดตัวออกมาในแนวชีวจิตจ๋าก็คงไม่น่าสนใจ และมีแรงจูงใจไม่มากพอที่จะทำให้คนรุ่นใหม่หันมาดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น ร้านนี้จึงนำเสนออาหารจานผักออกมาใสสไตล์ฟิวชั่นที่มองดูแล้วไม่น่าเบื่อ แถมยังน่ากินอีกต่างหาก และด้วยบรรยากาศของร้านที่ตกแต่งออกมาได้น่ารัก กิ๋บเก๋ ทันสมัย ทำให้ร้านนี้มีลูกค้าเข้าออกไม่ขาดสาย และลูกค้าจะแน่นมากเป็นพิเศษในช่วงเย็น



ร้านนี้มีอะไรดีกันนะ? เราลองมาพิจารณากันที่เมนูของร้าน ซึ่งนำเสนอออกมาสองรูปแบบ แบบแรกลูกค้าทุกท่านมีส่วนร่วมในการรังสรรค์เมนูสลัดได้ตามความชอบ ทางร้านนำเสนอท่านด้วยผักออร์แกนิคสดๆ 1 ชามโต ซึ่งประกอบไปด้วยผักอันมีคุณประโยชน์หลากหลายชนิด เราสามารถร่วมสนุกกับอาหารมื้อนี้ได้ด้วยท็อปปิ้ง 5 อย่างตามชอบใจจากตัวเลือกมากมาย ปิดท้ายด้วยน้ำสลัดโฮมเมดซึ่งมีให้คุณเลือกหลาหลายไม่แพ้กัน ใครใคร่ใส่อะไรใส่ ใครมักใครชอบอะไรสั่งได้ดั่งใจนึก แค่เมนูแรกก็สนุกแล้วล่ะค่ะ


รูปแบบที่สองคือเมนูสลัดพิเศษที่ทางร้านรังสรรค์ไว้ให้ สำหรับคนรักสุขภาพที่เลือกไม่ถูกว่าจะรับประทานอะไรกับอะไรดี เพียงแค่เลือกสั่งตามเมนูก็อิ่มอร่อย และสุขภาพดีได้ไม่ต่างกัน เมนูสลัดพิเศษของทางร้าน อาทิ สลัดเต้าหู้ออร์แกนิค สลัดเนื้อย่าง สลัดปลาแซลม่อน เป็นต้น แค่ชื่อก็พาน้ำลายสอทีเดียว


นอกจากเมนูสลัด เรามาดูเครื่องดื่มกันบ้าง ร้านสำหรับคนรักสุขภาพอย่างนี้ เครื่องดื่มก็เสิร์ฟแบบห่วงใยสุขภาพลูกค้าเช่นเดียวกัน น้ำผัก และน้ำผลไม้สดแยกกากดีต่อสุขภาพหลากหลายเมนูพร้อมให้เพื่อนๆ ได้ดื่มดับกระหาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มสูตรดีทอกซ์ล้างพิษ ช่วยขับมลพิษในร่างกายและลำไส้ของเราให้เจอจางลง น้ำสมุนไพรต้านมะเร็ง หรือจะออกมาในรูปของน้ำผลไม้ทานง่ายแต่ได้ประโยชน์ อาทิ บลูเบอรี่ปั่น หรือน้ำหวานแบบไทยๆ อย่างน้ำอัญชัน น้ำมะตูม เป็นต้น


เพื่อนๆ คนไหนที่รู้สึกว่าร่างกายกำลังต้องการการเยียวยา หรือจะแค่อยากลิ้มลองเมนูผักแบบใหม่ๆ แนะนำให้มาที่นี่จะไม่ผิดหวัง ราคาอาหารสมเหตุสมผล สลัดจานใหญ่ ผักจัดเต็ม ทานอิ่มในจานเดียวค่ะ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11:00 – 22:00 น

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  916
84  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านก๋วยเตี๋ยวเชียงใหม่ / อิ่มแน่ อร่อยชัวร์ “ก๋วยเตี๋ยวไข่ ต้มยำ 3 รส” ที่หน้า มช. เมื่อ: มิถุนายน 11, 2014, 10:36:45 PM
อิ่มแน่ อร่อยชัวร์ “ก๋วยเตี๋ยวไข่ ต้มยำ 3 รส” ที่หน้า มช.

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ รอบนี้เลดี้ ดาริกาจะพาเพื่อนๆ ไปอิ่มอร่อยกับก๋วยเตี๋ยว ไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยวธรรมดาๆ แต่เป็นก๋วยเตี๋ยวไข่ต้มยำรสแซ่บๆ ค่ะ คนชอบกินรสจัดจ้านต้องชอบแน่ๆ เพราะสำหรับฉันเองก็เป็นคนที่ชอบอาหารรสจัดเป็นทุน จึงแวะเวียนมากินที่นี่บ่อยๆ เลยอยากลองแนะนำให้เพื่อนๆ มาลิ้มลองความอร่อยกันบ้าง


ขึ้นชื่อว่าก๋วยเตี๋ยวไข่ก็ดูจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว เพราะก๋วยเตี๋ยวทั่วๆ ไปไม่ค่อยใส่ไข่ต้มลงไปด้วย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีที่อื่นในประเทศนี้ มีก๋วยเตี๋ยวไข่อีกหลายที่ที่เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงระดับตำนาน แต่ก็ยังจัดว่าเป็นของกินหายาก ไม่ได้มีให้เลือกกินได้กลาดเกลื่อนเมือง


ร้านก๋วยเตี๋ยวไข่ ต้มยำ 3 รสที่จะแนะนำต่อไปนี้ แม้เป็นร้านไม่ใหญ่ แต่รสชาติอร่อยถึงใจแน่นอน ตั้งอยู่ในโครงการมาลิน หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ย่านช้อปปิ้ง เดินเล่น และหาของกินแห่งใหม่ของเหล่านักศึกษา นักท่องเที่ยว รวมถึงคนเชียงใหม่ทั่วๆ ไปด้วย


มือใหม่ หรือนักท่องเที่ยวหากเดินทางไม่ถูกก็เรียกรถแดงบอกว่าไปหน้า มช. สะดวกและง่ายมากๆ สำหรับคนที่ขับรถยนต์หรือขี่มอเตอร์ไซค์มาเอง ให้ออกจากเมืองเชียงใหม่ไปตามถนนห้วยแก้ว มุ่งหน้าดอยสุเทพ ตลาดตั้งอยู่เยื้องๆ กับประตูหน้ามหาวิทยาลัย เดินเข้าไปในโซนอาหารนิดเดียวก็เจอแล้ว ถามใครแถวนั้นก็รู้จักกันดีค่ะ


วันนี้เลดี้ ดาริกาขอแนะนำเมนูสัก ๓ อย่างที่มีโอกาสได้ชิมแล้วรู้สึกชอบ เมนูแรกเป็นเมนูออร์เดิร์ฟกินเล่น หรือจะกินจริงจังก็ได้สำหรับคนที่ตั้งใจจะลดน้ำหนัก จัดไปเลยค่ะกับ “ยำสมุนไพรไข่ต้ม” ไข่ต้มตัดเป็นซีกสามเหลี่ยมพอดีคำ สุกกำลังดีมียางมะตูมเล็กน้อย จัดมาในจานพร้อมกับผักสมุนไพรให้ประโยชน์กับร่างกายหลากหลายชนิด ราดด้วยน้ำยำสามรสจัดจ้าน ออกไปทางเปรี้ยวนำ เหมาะสำหรับคนชอบทานเปรี้ยวมาก แต่รสชาติโดยภาพรวมแล้วกลมกล่อม อร่อย และเรียกน้ำย่อยได้ดีมากๆ


บะหมี่ต้มยำกระดูกหมูอ่อนก็อร่อยไม่แพ้กัน เส้นบะหมี่เหลืองเสิร์ฟมาในชามน้ำซุปต้มยำรสเข้มข้น รสสัมผัสของกระดูกหมูก็อร่อย รสชาติน้ำซุปอร่อยจัดจ้านแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม พร้อมด้วยไข่ต้ม ๑ ซีกเพื่อคนคอนเซ็ปต์ของร้าน หรือใครไม่ชอบต้มยำน้ำใสจะเลือกเป็นต้มยำน้ำข้น รสชาติจะยิ่งเข้มข้นและกลมกล่อมมากๆ ค่ะ


ในร้านยิ่งช่วงเวลาเย็นลูกค้าจะมากและมากันต่อเนื่อง บริการน้ำดื่มด้วยตัวเอง ร้านเปิดทุกวันค่ะ ตั้งแต่เวลา 11:00 – 22:30 น ใครมาเที่ยวเชียงใหม่ หรือเพื่อนๆ ชาวเชียงใหม่ก็ลองมาชิมกันได้นะคะ นอกจากจะอิ้มท้องแล้วยังเดินช้อปปิ้งย่อยอาหารต่อได้อีกด้วยค่ะ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  916
85  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำแหล่งท่องเที่ยว เส้นทางหลวงหมายเลข 1096 แม่ริม - สะเมิง / เที่ยวชมพรรณไม้ที่ “สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์” เมื่อ: มิถุนายน 11, 2014, 10:04:54 PM
เที่ยวชมพรรณไม้ที่ “สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์”

มาถึงเชียงใหม่ ไปถึงอำเภอแม่ริม “สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์” เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวมือเก่ามือใหม่ไม่ควรพลาด และมักจะไม่พลาด เพราะถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์การท่องเที่ยวเชียงใหม่ ครั้งที่แล้วเลดี้ ดาริกาพาเพื่อนๆ มาภายในสวนพฤกษศาสตร์นี้กันแล้ว ถ้ายังจำได้...พามาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติกันยังไงล่ะคะ มาถึงสวนพฤกษศาสตร์ทั้งทีเลดี้ ดาริกา แม้จะเคยมาหลายครั้ง แต่ก็นานแล้ว เลยอยากจะขอสำรวจว่าที่นี่เปลี่ยนไปมากแค่ไหน มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง พร้อมกับพาเพื่อนๆ มือใหม่ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์กับจังหวัดเชียงใหม่ ไปทำความรู้จักที่เที่ยวเจ๋งๆ แห่งนี้กันค่ะ


สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ตั้งอยู่บนถนนสายแม่ริม – สะเมิง ในเขตอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่รวบรวม จัดแสดง และวิจัยพรรณไม้ที่พบในประเทศไทย และพรรณไม้อื่นๆ จากต่างประเทศ ถือเป็นสถานที่สำหรับศึกษาหาความรู้สำหรับคนรักต้นไม้ และเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยว

วิวสวยๆ จากลานชมวิวของสวนพฤกษศาสตร์


สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้เดิมเรียกกันว่า “สวนพฤกษศาสตร์แม่สา” ตามสถานที่ตั้งซึ่งมีลำห้วยแม่สาไหลผ่าน ถือได้ว่าเป็นสวนพฤกษศาสตร์แห่งแรกของประเทศไทย มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 3,500 ไร่ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๓๗ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ได้รับพระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้พระนามของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถมาเป็นชื่อได้ สวนพฤกษศาสตร์แม่สาจึงมีชื่อใหม่ว่า “สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์” นับแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน

เรือนกระจกจัดแสดงพรรณไม้ด่าง

เรือนกระจกจัดแสดงพรรณไม้น้ำและบัวชนิดต่างๆ

พื้นที่ภายในการดูแลของสวนพฤกษศาสตร์แบ่งการจัดแสดงออกเป็นโซนๆ ตามลักษณะของพืชพรรณต่างๆ อาทิ สวนกล้วย สวนสมุนไพร สวนไม้เลื้อย สวนไม้ดอกสีขาว แต่ละพื้นที่ตั้งอยู่ค่อนข้างห่างกัน ใครมีกำลังขาดีอยากทดสอบร่างกายอาจจะเหนื่อยกันหน่อย แต่รับประกันว่าผอมแน่ๆ และอาจใช้เวลาค่อนวันในการเที่ยวชม หากใครชำนาญเส้นทางลาดชัดจะขับรถหรือมอเตอร์ไซค์ก็จะสะดวกมาก หรือจะใช้บริการรถรางของทางสวนพฤกษศาสตร์ก็ได้นะคะ

เรือนกระจกจัดแสดงพรรณไม้ในเขตทะเลทราย (ทนแล้ง)


มาเที่ยวสวนครั้งนี้ เลดี้ ดาริกาเห็นความเปลี่ยนแปลงไป คือแปลงปลูกพรรณไม้หลายแห่งถูกทิ้งร้าง อาจจะด้วยเนื่องจากพื้นที่ที่กว้างใหญ่ และเป็นภูเขาทำให้ดูแลได้ไม่ทั่วถึง แต่ก็เห็นความตั้งใจของเจ้าหน้าที่ที่กำลังพยายามฟื้นฟูและปรับปรุงสวนต่างๆ ให้กลับมาน่าสนใจ มารอบนี้เลดี้ ดาริกามีโอกาสแวะเข้าชมสวนกล้วย แหล่งรวมพืชประเภทกล้วยหลากหลายสายพันธุ์ มี่ตั้งแต่กล้วยที่เรารับประทานกันได้เป็นผลไม้ ไปจนถึงกล้วยป่า และกล้วยที่นิยมปลูกกันเป็นไม้ประดับ

ภายในเรือนกระจกไฮไลท์จำลองระบบนิเวศป่าเขตร้อนชื้น


มีทางเดินสำหรับชมเรือนยอดของต้นไม้ด้วย

ขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาเห็นทางสวนพฤกษศาสตร์โปรโมทผึ้งร้อยรัง มีลักษณะเป็นต้นไม้สูงใหญ่มีผึ้งมาทำรังอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นระบบนิเวศที่น่าทึ่งมากทีเดียว ตำแหน่งของที่ตั้งต้นไม้นี้อยู่ด้านหลังแปลงปลูกกล้วยไปเล็กน้อย อีกความเปลี่ยนแปลงที่น่าเสียดายคือ “ต้นเบาบับ” ต้นไม้บวมน้ำจากออสเตรเลียไม่อยู่แล้ว ไม่แน่ใจว่าถูกย้ายไปไว้ที่อื่น หรือตายไปแล้ว เพื่อนๆ คนไหนพอจะทราบข้อมูลก็เอามาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ

เรือนจัดแสดงกล้วยไม้นานาชนิด


ไฮไลท์สำคัญของสวนพฤกษศาสตร์ที่ใครมาเที่ยวก็ต้องแวะเวียนมาเยี่ยมชม กลุ่มเรือนกระจกขนาดใหญ่บนยอดเขา ถูกจัดสรรไว้เพื่อจัดแสดงพรรณไม้ประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เรือนไม้กินแมลง เรือนบัว เรือนไม้ด่าง เป็นต้น ที่น่าสนใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวคงจะหนีไม่พ้นเรือนกระจกขนาดใหญ่ที่สุดซึ่งจำลองระบบนิเวศของป่าเขตร้อนเอาไว้ที่นี่ได้อย่างงดงาม อากาศภายในเรือนกระจกชุ่มชื้น และมืดครึ้มแบบป่าเขตร้อนชื้น ใกล้ๆ กันนั้นเป็นเรือนกระจกสำหรับจัดแสดงพรรณไม้ทะเลทรายจำพวกกระบองเพชร และแคตตัส น่าสนใจไม่แพ้กันเลยทีเดียว



ก่อนกลับออกไป เที่ยวสวนพฤกษศาสตร์จนทั่วและเมื่อยล้า จะแวะนั่งพักผ่อนในสวนริมน้ำตกแม่สาน้อย เอาเท้าแกว่งน้ำให้สบายใจ นี้อาจจะเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ สำหรับวันหยุดของใครหลายคน สูดอากาศบริสุทธิ์ให้ชุ่มปอดสักเฮือกสองเฮือกใหญ่ สร้างพลังใจ และก้าวต่อไป

จุดอำนวยความสะดวกและบริการนักท่องเที่ยวด้านบน

สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์เปิดทุกวันตั้งแต่ 8:30 – 17:00 น ผู้ใหญ่เสียค่าเข้าชม 40 บาท นักเรียน นักศึกษา 20 บาท

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  909
86  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / แนะนำ ร้านกาแฟ ชา เบเกอรี่ เค้ก ขนม ไอศกรีม อาหารว่าง ของทานเล่น ในเชียงใหม่ / หลงป่า “Coffee Bar and Home Cooking” หยุดเวลาวุ่นๆ ไว้กลางป่าเก๋ๆ เมื่อ: มิถุนายน 05, 2014, 12:55:05 AM
หลงป่า “Coffee Bar and Home Cooking” หยุดเวลาวุ่นๆ ไว้กลางป่าเก๋ๆ


วันหยุดพักผ่อน การเดินทางท่องเที่ยว ร้านกาแฟเก๋ๆ ร้านอาหารเริ่ดๆ เป็นของคู่กันสำหรับฉัน พูดถึงร้านเริ่ดๆ เก๋ๆนี้ เชียงใหม่ทั้งจังหวัดมีมากมายเฉียดร้อย แต่จะมีสักกี่ร้านที่สร้างเอกลักษณ์ของตน ชูจุดขาย และประสบความสำเร็จขนาดที่ไม่ว่าจะไกลแค่ไหน ลำบากเพียงใด ลึกลับซับซ้อนมากเท่าไร ผู้คนก็ยังดั้งด้นตามไปจนถึงที่นั่น นี่ไม่ใช่การสร้างแบรนด์อย่างที่ธุรกิจใหญ่ๆ ทำ แต่เป็นการสร้างเอกลักษณ์ที่สะดุดตา เย้ายวนใจจนผู้คนอยากจะค้นหา “หลงป่า” คาเฟ่เล็กๆ แห่งนี้ในอำเภอแม่ริม เป็นตัวอย่างที่เลดี้ดาริกาต้องออกปากชม และยกนิ้วให้




บนเส้นทางสายแม่ริม – สะเมิง ตรงไปทางน้ำตกแม่สา ปางช้างแม่สา แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เลยสำนักงานเทศบาลตำบลแม่แรมมาเล็กน้อย ขับมาเรื่อยๆ จนเจอซอยน้ำตกแม่สา 1 เป็นทางแยกถนนลูกรังเส้นเล็กๆ แยกจากถนนสายหลัก ถนนเส้นนี้พาเราตัดผ่านป่าไม้เต็งรังร่มครึ้ม สีเขียวทั้งป่า ชุ่มช่ำไปด้วยสายฝนแรกหลังร้อนจัดมาตลอดสามเดือน




เส้นทางนี้นอกจากบ้านเล็กๆ สองสามหลังบริเวณปากซอยแล้ว ก็ไม่มีบ้านสักหลังตลอดระยะทาง รถมอเตอร์ไซค์คันเก่งของเราแล่นเอื่อยเฉื่อย พาเรามาถึงอาคารปูนซีเมนต์เตี้ยๆ เรามาถึงปลายทางแล้ว... มื้อกลางวันของเราขอฝากท้องไว้ที่นี่ “หลงป่า Coffee Bar and Home Cooking”



แม้การเดินทางจะไม่ได้ยุ่งยาก แต่เลดี้ ดาริกาก็แอบสงสัยเป็นทุนเดิมอยู่แล้วว่าร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในที่ลึกลับไกลจากคนสัญจรแบบนี้ไปรอดได้อย่างไรกัน และยิ่งประหลาดใจเมื่อเห็นปริมาณรถและลูกค้าที่จับจองที่นั่งอยู่ในสวนที่ตกแต่งอย่างง่าย คงสภาพของป่าและต้นไม้ดั่งเดิมไว้ส่วนหนึ่ง โต๊ะในอาคารปูนชั้นเดียวเล็กๆ สร้างขึ้นด้วยรูปทรงง่ายๆ เต็ม เหลือที่นั่งด้านนอกเพียงไม่กี่ที่เท่านั้น บรรยากาศแรกเห็นชวนให้นึกถึงหนังสือบ้านเล็กในป่าใหญ่ของลอร่า อิงกัลส์ ไวล์เดอร์ ที่เคยอ่านสมัยมัธยม



ด้วยความหิวเราไม่รอช้า วันนี้เลดี้ ดาริกาขอจัดอาหารมาให้เพื่อนๆ ทำความรู้จักสองอย่างคือข้าวหน้าหมูทอดแบบญี่ปุ่น “ทงคัตสึ” รสชาติกลมกล่อม เสิร์ฟพร้อมข้าวอุ่นๆ ร้อนๆ อร่อยไม่หยอก อีกจานเป็นสปาเกตตีซอสมะเขือเทศ รสชาตินุ่มแบบอาหารฝรั่ง รสไม่เข้มขนอย่างสปาเกตตีที่คุ้นปากคนไทย แต่ก็จัดว่าอร่อยไม่น้อย



เครื่องดื่มยามบ่ายเสิร์ฟมาในโหลขนาดเล็กที่ผันตัวเองมาเป็นแก้วเครื่องดื่มกิ๊บเก๋ “กรีนทีลาเต้” หวานละมุน และน้ำชาเย็นสดชื่น สนนราคาอาหารที่นี่อาจจะสูงเล็กน้อยเมื่อเทียบกันในเชิงปริมาณอาหาร แต่ก็คุ้มค่ากับบรรยากาศสบายๆ และรสชาติอาหารถูกปาก


ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:00 – 18:00 น.

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  904
87  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านอาหารญี่ปุ่นเชียงใหม่ / “Kitchen Hush” สัมผัสรสชาติอาหารญี่ปุ่นสุดคลาสสิก เมื่อ: พฤษภาคม 27, 2014, 10:32:39 PM
“Kitchen Hush” สัมผัสรสชาติอาหารญี่ปุ่นสุดคลาสสิก


เราเคยนำเสนอเรื่องราวร้านอาหารญี่ปุ่นราคาประหยัดในเมืองเชียงใหม่มาแล้วหลายร้าน ครั้งนี้เลดี้ ดาริกาขอแนะนำร้านอาหารญี่ปุ่นอีกแห่ง ราคาอาจจะสูงหน่อย แต่จัดว่าเป็นร้านทีเด็ดของเมืองเชียงใหม่ ที่คนรักอาหารญี่ปุ่นไม่ควรพลาด และต้องหาโอกาสไปลิ้มลองรสชาติอาหารญี่ปุ่นแบบต้นตำหรับกันดูสักครั้ง


“Kitchen Hush” ร้านอาหารญี่ปุ่นสุดคลาสสิกแห่งนี้ตั้งอยู่ย่านโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย ถนนแก้วนวรัฐ ซอย ๒ บางท่านอาจรู้จักในชื่อซอยโรงเรียนอนุบาลวารี เลี้ยวเข้ามาในซอยลึกสักหน่อยนะคะ ร้านตั้งอยู่ด้านขวามือ สำหรับนักชิมที่มาเป็นครั้งแรกร้านอาจหายากสักหน่อย ให้สังเกตป้ายชื่อร้านบนกำแพงข้างประตูทางเข้า เพราะร้านจะเงียบ คนไม่พลุกพล่านค่ะ



เดินทางมาถึงร้านในเวลาเย็นย่ำค่ำ บรรยากาศภายนอกร้านร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ มองเห็นบ้านไม้แบบเก่าสองชั้นตั้งอยู่ในรั้วรอบขอบชิด มีแสงไฟสีส้มสว่างลอดออกมาจากบานหน้าต่าง Kitchen Hush เพียงพบกันครั้งแรกก็ให้ความรู้สึกคลาสสิก ฉันรู้จักร้านนี้เมื่อประมาณ ๕ ปีก่อน จำได้ว่าครั้งแรกที่มาร้านนี้ แอบรู้สึกโหวงเหวงไม่กล้าเข้า นั้นก็เพราะบรรยากาศของร้านที่ดูค่อนข้างเป็นส่วนตัวมาก เดินเข้าไปเลยค่ะ...ของอร่อยรอเราอยู่

สลัดเต้าหู้แบบญี่ปุ่น

"นัตโต" อาหารคู่ครัวคนญี่ปุ่น

บรรยากาศภายในร้านตกแต่งอย่างคลาสสิกด้วยเครื่องไม้ ไฟนีออนสีอมส้มทำให้รู้สึกเจริญอาหาร อาหารญี่ปุ่นที่นี่ปรุงจากวัตถุดิบชั้นดี มีเมนูหลากหลายให้เราเลือกตามความชอบ ตั้งแต่อาหารจานเดียวประเภทข้าวหน้าต่างๆ กับข้าว กับแกล้ม ไปจนถึงเซ็ตซาชิมิ ราคาอาจจะสูงกว่าร้านทั่วๆ ไปที่เคยแนะนำ แต่การปรุงด้วยกรรมวิธีที่พิถีพิถัน โดยฝีมือเชฟญี่ปุ่น ทำให้รสชาติอาหารที่ออกมามีเอกลักษณ์แบบญี่ปุ่นแท้ ซึ่งหากินได้ยากในเชียงใหม่

ข้าวหน้าปลาไหล

หมูทอดทงคัตสึ

ครั้งนี้เลดี้ ดาริกามากับเพื่อนๆ และรุ่นน้องอีกสองคน จึงสั่งชุดปลาดิบใหญ่ ปลาสดหลากหลายชนิด และสีสันวางเรียงกันในจานสวยงาม สัมผัสนุ่มลิ้น สดใหม่ และไม่คาว รับประทานคู่กับใบวาซาบิและหัวไชเท้าหั่นฝอย 

ปลาแซลม่อนย่างซี้อิ้ว

ชุดซาชิมิ (ปลาดิบ)

จานต่อมาคือข้าวหน้าปลาไหลชามใหญ่ เสิร์ฟพร้อมกับซุปเต้าเจี้ยว อร่อยมาก ปลาไหลทอดสุกกำลังดี น้ำซอสแบบญี่ปุ่นกลมกล่อม ตามมาด้วยปลาแซลม่อนย่างซีอิ้ว สลัดเต้าหู้ชามใหญ่ และหมูทอดทงคัตสึ และที่พลาดไม่ได้คือ “นัตโต” หรือที่คนไทยชอบเรียกกันว่าถั่วเน่า เป็นถั่วหมักจนเกิดกลิ่น รสชาติคลายเหล้า คนไทยหลายคนรับประทานไม่ได้ เพราะกลิ่นแรงมาก แต่นัตโตถือเป็นอาหารคู่ครัวของคนญี่ปุ่น เหมือนน้ำปลา และปลาร้าบ้านเรา


หลังจากอิ่มหน่ำสำราญกันแล้ว พนักงานใจดีของร้านก็เสิร์ฟน้ำขิงแช่เย็นจนเป็นน้ำแข็ง แล้วนำมาขูด เสิร์ฟในถ้วยช็อตเล็กๆ อร่อยมากๆ ถือเป็นทีเด็ดอีกอย่างของทางร้านที่รู้สึกประทับใจ เพลิดเพลินกับรสชาติอาหาร และรอคอยน้ำขิงผสมมะนาวเย็นชื่นใจตอนท้าย ช่างเป็นมื้ออาหารที่มีความสุขจริงๆ

ตบท้ายด้วยน้ำขิง หวานเย็นชื่นใจ

“Kitchen Hush” เปิดบริการทุกวันยกเว้นวันพุธ แบ่งเป็น 2 ช่วงเวลาค่ะ ช่วงกลางวัน 11:30 – 14:00 และช่วงเย็น 18:00 – 22:00 ควรสำรองที่นั่งไว้ก่อนจะดีที่สุดค่ะ โทร  053-247731

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  916
88  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / แนะนำ ร้านกาแฟ ชา เบเกอรี่ เค้ก ขนม ไอศกรีม อาหารว่าง ของทานเล่น ในเชียงใหม่ / ชิมกาแฟ “อาข่า อาม่า” กาแฟคุณภาพระดับโลก เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2014, 08:29:45 PM
ชิมกาแฟ “อาข่า อาม่า” กาแฟคุณภาพระดับโลก


กาแฟหลายๆ แบรนด์ในไทยถือกำเนิดขึ้นในภาคเหนือ ดินแดนที่อากาศและสภาพภูมิประเทศเหมาะกับการทำไร่กาแฟ อาราบิกาคือสายพันธุ์กาแฟที่เหมาะกับพื้นที่สูงอากาศเย็น จึงไม่แปลกที่ร้านกาแฟส่วนใหญ่ที่ถือกำเนิดขึ้นโดยคนท้องถิ่นจะนิยมสายพันธุ์อาราบิกา อันดับแรกต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่าเรากำลังพูดถึงร้านกาแฟแบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่การปลูก เก็บเกี่ยว และคั่วเมล็ดกาแฟด้วยตนเอง ไปจนถึงการเปิดหน้าร้านให้ลูกค้าได้ลิ้มลองรสชาติของกาแฟที่ส่งตรงจากไร่ และจากใจคนปลูก



เลดี้ ดาริกาอยากพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักกับร้านกาแฟแบรนด์ไทย “อาข่า อาม่า” ที่มีรางวัลและชื่อเสียงระดับโลกเป็นเครื่องการันตีคุณภาพ ในจังหวัดเชียงใหม่มีอยู่เพียง 2 สาขา แต่วันนี้เราขอนำเสนอร้านบนถนนหัสดิเสวี 3 ร้านเล็กๆ บรรยากาศดีใต้ตึกมาตาอพาร์ตเม้นต์



ก่อนเราจะเข้าไปชิมกาแฟ และนั่งชิวภายในร้าน เรามาทำความรู้จักกับแบรนด์กาแฟอาข่า อาม่ากันให้ลึกซึ้งอีกสักหน่อย ไปยังไงมายังไงถึงได้โด่งดังและประสบความสำเร็จ “อาข่า อาม่า” เกิดจากความตั้งใจของคนหนุ่มรุ่นใหม่ ที่สำคัญเป็นชาวไทยภูเขาที่มีแนวความคิดกว้างไกล “คุณลี อายุ จือปา” ชาวอาข่าเริ่มก่อตั้งอาข่า อาม่าขึ้น ส่งตรงมาจากอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย



คุณลีพิถีพิถันในทุกๆ ย่างก้าวของเมล็ดกาแฟ ตั้งแต่การปลูก คัดเลือกเมล็ดที่มีคุณภาพ เก็บเกี่ยวมาคั่วและบด จนกระทั่งถึงขั้นตอนการชงหอมกรุ่นจากแก้ว จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่อาข่า อาม่าจะได้รับการยอมรับจากเวทีระดับโลก ว่ากันว่าสัญลักษณ์รูปหญิงชาวอาข่าของร้านนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากแม่ของคุณลีนั่นเอง น่ารักอ่ะ!



ร้านกาแฟอาข่า อาม่าบนถนนหัสดิเสวี 3 เป็นร้านเล็กๆ บรรยากาศดี ตั้งอยู่ชั้นหนึ่งของมาตาอพาร์ตเม้นต์ ร่มรื่นไปด้วยเงาไม้ อากาศหน้าร้อนที่ว่าร้อนก็เย็นสบายขึ้นมาได้ ภายในร้านตกแต่งเรียบง่าย มีโต๊ะไว้ให้บริการลูกค้าทั้งแบบภายในห้องปรับอากาศ หรือใครชอบสูดอากาศมากกว่าจะนั่งในสวนเล็กๆ นอกร้าน มีโต๊ะอยู่ประมาณ 2 โต๊ะ หรือจะเป็นโต๊ะที่จัดไว้นอกชานก็ได้


เรื่องคุณภาพกาแฟไม่ต้องพูดถึง เพราะมีการันตีอยู่แล้ว วันนี้เลดี้ ดาริกาก็คงไม่พลาดจัดลาเต้ตามสเต็ปรสนิยม มาในรูปของกาแฟเย็นไว้ดับอากาศร้อนๆ ของช่วงปลายฤดู กลิ่นหอมของกาแฟติดจมูก รสชาติไม่เข้มจัด และไม่อ่อนเกินไป เรียกได้ว่ากำลังดีอย่างที่ชอบ ดื่มคู่กับขนมเค้กเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำให้วันธรรมดาๆ ของเราดูพิเศษขึ้นอีกโข ภายในร้านกาแฟมีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนอย่างต่อเนื่องทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ



กาแฟอาข่า อาม่า สาขา 1 บนถนนหัสดิเสวี 3 ราคาสบายกระเป๋า เรียกได้ว่าถูกมากเมื่อเทียบกับคุณภาพและความตั้งใจของผู้ปรุง เปิดตั้งแต่ 8:00 – 20:00 น

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  912
89  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / ชมจิตกรรมฝีมือช่างไทลื้อ ที่วัดท่ากระดาษ เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2014, 02:02:11 AM
ชมจิตกรรมฝีมือช่างไทลื้อ ที่วัดท่ากระดาษ

จิตรกรรมฝาผนังคืองานฝีมือชั้นยอดอีกแขนงหนึ่งที่มักพบเห็นได้ทั่วไปตามวัดวาอารามต่างๆ ในแต่ละแห่งก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามฝีมือของช่างผู้วาด แต่มีเพียงไม่กี่แห่งที่เป็นช่างท้องถิ่น ครั้งนี้เลดี้ดาริกาขอพาเพื่อนๆ ไปชมจิตรกรรมฝีมือชาวไทลื้อที่หาชมได้ยาก ณ “วัดท่ากระดาษ”


“วัดท่ากระดาษ” ตั้งอยู่ที่ตำบลป่าตัน อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ จากถนนซุปเปอร์ไฮเวย์หลังจากข้ามแม่น้ำปิงมาแล้วให้ชิดซ้าย กลับรถมาประมาณ ๑๐๐ เมตร จะพบกับทางแยกด้านขวามือ ไปตามเส้นทางนั้นประมาณ ๑ กิโลเมตร สังเกตด้านขวามือจะพบกับป้ายบอกทางวัดท่ากระดาษ เข้าไปอีก ๑๐๐ เมตรก็จะถึงวัด


ทางเข้าวัดมีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่สองต้นคอยต้อนรับผู้มาเยือนด้วยความร่มเย็น บรรยากาศภายในวัดค่อนข้างเปิดโล่ง และเงียบสงบ ความเป็นมาของวัดตามตำนานล้านนาไทย ได้กล่าวไว้ว่า วัดท่ากระดาษสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าแสนเมืองมา ไม่ปรากฏชื่อผู้สร้าง แต่เดิมชื่อว่า “วัดท่าพลูเหลือง” ต่อมาเปลี่ยนเป็น “วัดท่ากระดาษ” ตามอาชีพการทำกระดาษสาของชาวบ้านในละแวกนี้ แต่ทว่าในปัจจุบันไม่มีผู้ประกอบอาชีพทำกระดาษสาในชุมชนบริเวณนี้แล้ว


ปูชนียสถานแรกที่เราจะพบทันทีเมื่อเข้าไปในวัดคือพระวิหารสถาปัตยกรรมล้านนา เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน พระวิหารนี้เมื่อมองผิวเผินก็ดูเหมือนกับพระวิหารทั่วๆ ไป แต่เมื่อพิจารณาดีๆ แล้วมีอยู่หลายประการที่แตกต่างจากที่อื่น หน้าบันแบ่งออกเป็นช่องตามลักษณะโครงสร้างม้าต่างไหม คล้ายกับฝาประกนของบ้านภาคกลาง แต่ละช่องประดับด้วยลายปูนปั้นรูปดอกบัวบนเกลียวคลื่น แต่งด้วยกระจกสี และมีสองช่องที่เป็นรูปงู โดยส่วนตัวแล้วไม่เคยเห็นลายนี้มาก่อน ส่วนที่บันไดก็แปลกเหมือนกัน ราวบันไดด้านหน้าเป็นมกรคายนาคสามเศียร และราวบันไดด้านข้างพระวิหารเป็นรูปเสือมีหางเป็นพญานาค


ราวบันไดรูปเสือ

ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยเป็นพระประธาน บริเวณฝาผนังเป็นงานจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างไทลื้อที่หาชมได้ยากมากในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นลวดลายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ใครที่เคยเห็นงานจิตรกรรมของวัดอื่นๆ และมาดูงานจิตรกรรมของวัดนี้จะเห็นถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน บริเวณด้านหลังพระประธานเป็นรูปต้นไม้นานาชนิด มีผีเสื้อมาเกาะ และที่ผนังแต่ละช่องจะเป็นจิตรกรรมเล่าเรื่องวิถีชีวิตของชาวไทลื้อที่ผูกพันกับพระพุทธศาสนา นอกจากนั้นพื้นที่บนฝาผนังที่เหลือเป็นลายทอผ้าแบบล้านนา



จิตรกรรมฝีมือชาวไทลื้อ

นอกจากนั้นภายในวันยังมีปูชนียสถานอื่นๆ ที่น่าสนใจ คือ รูปปั้นพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมกับพระเจดีย์ศิลปะล้านนา




พระเจดีย์

วัดท่ากระดาษอาจจะไม่ใช่วัดที่ได้รับการโปรโมทให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ก็เป็นวัดที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นในเรื่องของจิตรกรรมฝาผนังฝีมือชาวไทยลื้อ ชวนให้นักท่องเที่ยวที่ชอบความแปลกใหม่เดินทางมาพิสูจน์ด้วยตาตนเอง เพื่อนๆ ที่แวะเวียนมาแถวนี้ก็อย่าลืมมาเที่ยววัดนี้กันด้วยนะคะ


เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา   904
90  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ หมู่บ้านวัฒนธรรม ในเชียงใหม่ / ทำความรู้จักธรรมชาติ เรียนรู้สิ่งแวดล้อมที่ “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ” เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2014, 08:40:31 AM
ทำความรู้จักธรรมชาติ เรียนรู้สิ่งแวดล้อมที่ “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ”

เพื่อนๆ ชาวเชียงใหม่ หรือเพื่อนๆ อีกหลายๆ คนที่เคยเดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ คงจะรู้จักคุ้นเคยกับสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตภูเขาอุทยานแห่งชาติสุเทพ – ปุย อำเภอแม่ริม บนถนนสายแม่ริม – สะเมิง เพราะเป็นสถานที่รวบรวมพรรณไม้นานาชนิดเอาไว้ให้ผู้สนใจได้เข้ามาศึกษา และพักผ่อนหย่อนใจ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ Must-list ที่ผู้มาเยือนเชียงใหม่ครั้งแรกควรจะหาเวลามาเยี่ยมชม


ไม้กลายเป็นหิน

แต่คงมีน้อยคนนักที่รู้ว่าภายในสวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ (Natural Science Museum) สถานที่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และวิวัฒนาการของสาขาพฤกษศาสตร์ในประเทศไทย โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ และยังมีแหล่งเรียนรู้น้อยมากในบ้านเรา


อาคารรูปทรงทันสมัยตั้งอยู่ท่ามกลางร่มเงาต้นสน ด้านหน้าจัดแสดงไม้กลายเป็นหิน ซึ่งเป็นกระบวนการทางธรณีวิทยาอย่างหนึ่งที่ต้องใช้เวลายาวนานหลายล้านปี จึงจะเปลี่ยนต้นไม้ให้กลายเป็นหินแข็งๆ ได้ ถือเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ภายในอากาศแบ่งการจัดแสดงออกเป็น ๕ ส่วนค่ะ แต่ละส่วนก็มีหัวข้อในการเล่าเรื่องแตกต่างกันไป พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างได้อย่างน่าสนใจมากๆ ลืมภาพพิพิธภัณฑ์แบบเดิมๆ ที่เราเคยเจอไปได้เลยค่ะ ผู้เข้ามาเยี่ยมชมนอกจากจะได้ความรู้แล้ว ยังได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมและบรรยากาศการจัดแสดง ถือเป็นส่วนช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ได้ดีมากๆ

ส่วนนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ

ส่วนแรกเป็นนิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ว่าด้วยพระราชกรณียกิจของพระองค์ในการส่งเสริมการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ นอกจากนี้ยังพาพวกเราไปทำรู้จักกับพรรณไม้ดอกที่พระองค์ทรงพระราชทานชื่อให้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นดอกไม้ป่าค่ะ อาทิ ทิพเกสร จรัสจันทร ดุสิตา มณีเทวา สร้อยสุวรรณ และนิมมานรดี เป็นต้น


เดินเข้ามาภายในส่วนจัดแสดงที่ ๒ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งพืช แมลงและสัตว์ขนาดเล็กที่มีผลอย่างสำคัญต่อระบบนิเวศ ส่วนนี้นำเสนอเรื่องราวต่างๆ ผ่านการจัดแสดงแบบสื่อผสม เพื่อสร้างความสนใจให้กับผู้เรียนมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กๆ ที่บางครั้งอาจจะเบื่อง่าย การเล่าเรื่องก็เข้าใจง่าย เพื่อให้เหนือหาเหมาะกับคนทุกกลุ่ม

คาร์ล เคิร์ท ฮอสเซอุส นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน

ถัดมาส่วนที่ ๓  ว่าด้วยเรื่องราวของพัฒนาการงานด้านพฤกษศาสตร์ในประเทศไทย ซึ่งสาขาวิชาพฤกษศาสตร์นั้นในอดีตมีคนรู้จักน้อยมาก และไม่นิยมเรียนกัน เพราะหลายคนอาจเห็นเป็นเรื่องไกลตัว เราจะได้ทำความรู้จักกับนักพฤกษศาสตร์คนสำคัญของไทย ที่ทำให้วงการพฤกษศาสตร์พัฒนามาจนถึงปัจจุบัน โดยเน้นเรื่องราวของบุคคลสำคัญ ๒ ท่าน คาร์ล เคิร์ท ฮอสเซอุส นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ผู้บุกเบิกศึกษาผืนป่าทางภาคเหนือของไทย และศาสตราจารย์ ดร. เต็ม สมิตินันทน์ ผู้บุกเบิกวิชาพฤกษศาสตร์สมัยใหม่ในประเทศไทย


ห้องจัดแสดงเกี่ยวกับป่าไม้ในเมืองไทย

โลกของผึ้งและดอกไม้

ส่วนที่ ๔ ว่าด้วยเรื่องของป่าประเภทต่างๆ ของไทย อาทิ ป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง ป่าสนเขา ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าทุ่งหญ้า ป่าพรุ ป่าชายเลน และป่าชายหาด โดยภายในห้องจัดแสดงนิทรรศการได้นำเสนอเรื่องราวของป่าแต่ละชนิดในรูปของสื่อผสม น่าสนใจ และสวยงามมาก

ถ้ำและชุมชนมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์


ส่วนที่ ๕ ส่วนสุดท้ายเป็นเรื่องราวของผึ้ง แมลงที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศ ลงมาด้านล่างยังมีห้องจัดแสดงอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งผู้มาเยี่ยมชมหลายๆ ทันอาจเลยผ่านไป เนื้อหาส่วนนี้ค่อนข้างอัดแน่น เริ่มต้นจากการค้นพบถ้ำ และชุมชนโบราณ วิถีชีวิตของคนกลุ่มต่างๆ เดินไปจนถึงส่วนสุดท้ายของนิทรรศการ จะมีห้องโล่งๆ มีหน้าต่างกว้างมองเห็นทิวเขา และการทำไร่เลื่อนลอย มีเสียงพากย์ให้แง่คิดดีๆ เพื่อเตือนใจให้เรารักและหวงแหนทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งถือเป็นสมบัติล้ำค่าของมนุษย์




โดยสรุปแล้วพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติน่าสนใจมาก การจัดแสดงก็ทันสมัย แต่อาจมีผู้เข้าชมน้อย เนื่องจากตั้งอยู่ไกลจากแหล่งชุมชน เข้าถึงยาก ไม่ค่อยมีคนรู้จัก หากเราไม่ช่วยกันเผยแพร่ เลดี้ ดาริกาก็หวั่นใจว่าพิพิธภัณฑ์ดีๆ แบบนี้จะหายไปอีก มาเยี่ยมชมกันเยอะๆ นะคะ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  904
91  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / แนะนำ ร้านกาแฟ ชา เบเกอรี่ เค้ก ขนม ไอศกรีม อาหารว่าง ของทานเล่น ในเชียงใหม่ / Tea Garden by Anotai จิบชาในสวนเขียวชอุ่ม ในบรรยากาศหน้าร้อน เมื่อ: พฤษภาคม 07, 2014, 11:32:47 PM
Tea Garden by Anotai จิบชาในสวนเขียวชอุ่ม ในบรรยากาศหน้าร้อน


จากตัวอำเภอแม่ริม ขับรถไปตามเส้นทางแม่ริม – สะเมิง เป็นกิจกรรมวันหยุดง่ายๆ ที่ฉันหลงรัก เพราะไม่ไกลจากเมืองเชียงใหม่มากนัก ได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติ และสูดอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มปอด วันหยุดแรงงานปีนี้ มีเวลาเที่ยวได้แค่หนึ่งวัน ฉันเลือกเส้นทางนี้อีกครั้ง

บรรยากาศภายใน Tea Garden


ก่อนเราจะตะลุยต่อไป ยามเช้าแบบนี้ เราแวะพักจิบชาดื่มกาแฟยามเช้าเติมพลังกันสักหน่อย Tea Garden by Anotai เป็นร้านที่เราเลือก ร้านชาแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลตำบลแม่แรม ก่อนถึงน้ำตกแม่สาเล็กน้อย เพื่อนๆ อาจต้องสังเกตร้านให้ดี เพราะอาจขับรถเลยได้ เนื่องจากป้ายบอกทางค่อนข้างเล็กค่ะ



สัมผัสแรกของร้านชาแห่งนี้ คือบรรยากาศในสวน สีเขียวเข้มของต้นไม้หลากหลายชนิด ทำให้ที่นี่ดูร่มรื่น เป็นมิตร และผ่อนคลาย เหมาะสำหรับช่วงเวลาพักผ่อน กำแพงปูนของร้านมีตีนตุ๊กแก ไม้เลื้อยสีเขียวเกาะอยู่เต็มพื้นที่ ผ่านประตูเข้าไป บ้านไม้หลังใหญ่สร้างประณีตแบบตะวันตกผสานความเป็นล้านนาตั้งตระหง่านคอยต้อนรับพวกเรา


ชาดอกไม้หลากหลายกลิ่นให้เลือกตามความชอบ



ส่วนที่จัดไว้สำหรับลูกค้าคนรักชาอยู่ด้านข้างใต้ร่มเงาต้นมะขามใหญ่ “Tea Garden” ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า “ชา” เครื่องดื่มแนะนำของทางร้านจึงเป็นเมนูชา มีทั้งร้อนและเย็นให้เลือก ชุดชาร้อนจะเสิร์ฟมาในกา สนนราคา 120 บาท ชาเย็น และชานมเย็นแบบไทย ราคา 75 บาท มีให้เลือกหลายกลิ่นตามรสนิยมของผู้ดื่ม วันนี้เราเลือกชาเย็น เพราะเหมาะกับอากาศหน้าร้อนของบ้านเรามากกว่าชาร้อน เป็นชาดอกกุหลาบ หวานแหวว รสชาติหอมหวานอ่อนๆ สดชื่นมากๆ นอกจากเครื่องดื่มจำพวกชาแล้วที่นี่ก็มีกาแฟ ไว้เป็นทางเลือกสำหรับคนชอบกาแฟด้วย เลดี้ ดาริกาจึงไม่พลาดลาเต้เย็นของโปรด รสชาติเข้มข้น มันนม ไม่หวานมาก กลมกล่อมทีเดียวค่ะ



ส่วนขนมและของหวานที่นี่ก็มีนำเสนอหลากหลาย เรียงรายอยู่ในตู้ให้ลูกค้าได้เลือกสรร นอกจากขนมเค้กแล้ว ยังมีไอศกรีมเหมาะกับหน้าร้อนแบบนี้มากๆ ค่ะ ขนมสำหรับมื้อนี้ เราเลือกเป็นเค้กลูกพรุน หวานกำลังดี รสสัมผัสเข้มข้น เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบทานเค้กนุ่มๆ ค่ะ พนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่มและขนมตามที่เราสั่งเรียบร้อย ก็เป็นเวลาของเราที่จะได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศในสวนอย่างเต็มที่ เหมาะกับที่ได้ชื่อว่า Tea Garden มากๆ ค่ะ




ร้านชาแห่งนี้เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10:00 – 16:30 น. ปิดเฉพาะวันพฤหัสบดี ช่วงเวลาที่คนเยอะๆ เพื่อนๆ ที่ขับรถยนต์มาอาจหาที่จอดรถยากหน่อยนะคะ อาจจะต้องจอดริมทาง เพราะทางร้านมีที่จอดรถจำกัด บ้านหลังใหญ่ปิดล็อกไม่สามารถเข้าไปภายในได้ค่ะ ร้านชาตั้งอยู่ในสวนสมชื่อ หากเพื่อนคนไหนกำลังมองหาที่พักผ่อนจิบชาสบายๆ ในวันหยุด ลองมาที่ Tea Garden ดูนะคะ เพื่อนๆ อาจจะติดใจ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :111:
92  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ ตลาดเชียงใหม่ กาดเจียงใหม่ กาดหมั้ว / อิ่มอร่อยยามเย็นที่ "กาดหลวง" เมื่อ: เมษายน 10, 2014, 01:12:51 AM
อิ่มอร่อยยามเย็นที่ "กาดหลวง"

ถ้าพูดถึงตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเชียงใหม่ ทุกคนต้องรู้จักอย่างแน่นอน นั่นคือ “ตลาดวโรรส” หรือเรียกสั้นๆ ว่า “กาดหลวง” คนต่างถิ่นที่ไม่ใช่คนภาคเหนืออาจจะไม่เข้าใจว่ากาดคืออะไร กาดก็คือตลาดนั่นแหล่ะคะ ถ้าเพื่อนๆ ไม่รู้ว่ามื้อเย็นจะทานอะไรดี เลดี้ดาริกาขอแนะนำให้ไปกาดหลวงตอนเย็นค่ะ มีแต่ของน่าทานทั้งนั้นเลย

กับข้าวนานาชนิด น่ากินมากเลยค่ะ

กาดหลวง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิงเชิงสะพานนวรัฐ จากคูเมืองก่อนถึงประตูท่าแพให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนช้างม่อย ประมาณ 400 เมตรก็จะถึงกาดหลวง มีป้ายต้อนรับเป็นภาษาจีน แสดงให้เห็นว่าท่านได้มาถึงกาดหลวงแล้ว ย่านนี้เป็นชุมชนของชาวจีนที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานเมื่อนานมาแล้ว และกลายเป็นไชน่าทาวน์ของเมืองเชียงใหม่


ทีนี้ก็มาเข้าเรื่องของเรากันค่ะ กาดยามเย็นของที่นี่ก็เหมือนตลาดตอนเย็นทั่วไป เป็นร้านขายกับข้าวที่มีให้เลือกมากมายหลากหลายแบบ พ่อค้าแม่ค้าจะเริ่มตั้งร้านบริเวณถนนวิชยานนท์ ตั้งแต่หน้า 7-11 ไปจนถึงหน้าธนาคารธนชาติ ประมาณ 16.30 น. ไปจนถึง 21.00 น. 


ปัญหาหนึ่งสำหรับคนที่มากาดหลวงคือที่จอดรถ เพราะที่นี่แทบไม่มีพื้นที่ว่างหรือลานสำหรับรถเลย และยิ่งเป็นคนต่างถิ่นจะยิ่งไม่รู้เลยว่าต้องเอาไปจอดที่ไหน ถ้าใครเอารถยนต์มาให้เอาไปจอดที่อาคารจอดรถของเทศบาลบริเวณร้านขายดอกไม้ อยู่ติดกับถนนไปรษณีย์ริมแม่น้ำปิง หรือไม่ก็เอาไปจอดที่ลาดจอดของหน่วยงานราชการต่างๆ เสียค่าจอด 20 บาท ส่วนใครที่เอารถมอเตอร์ไซด์มาสามารถจอดได้บริเวณกาดยามเย็นบนถนนวิชยานนท์ได้เลยค่ะ เสียค่าจอดคันละ 4 บาท


ของกินตอนเย็นที่นี่มีเยอะมาก จะกินเล่น กินจริงจัง กินที่ร้าน ซื้อกลับเอาไปกินที่บ้าน หรือซื้อวัตถุดิบเอาไปทำกับข้าวเองที่บ้านก็มีให้เลือก (จนแทบทะเลาะกับคนที่มาด้วยว่าเย็นนี้เราจะกินอะไรดี 55) ร้านกับข้าวมีอยู่หลายร้าน แต่ละร้านมีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลย เช่น ผัดกระเพรา ยำรวมมิตร ไก่อบราดซอส แกงเขียวหวาน พะแนงหมู ห่อหมก น้ำพริกปลาทู ฯลฯ ราคาประมาณ 20-40 บาท



พวกของทอดก็มีหลากหลาย เช่น ปลานิลทอด ไก่ทอด หมูทอด เนื้อทอด ไส้อั่ว ฯลฯ อาหารทะเลก็มีด้วย ทั้งหอยแมลงภู่ หอยแครง ปลาหมึก หรือถ้าใครชอบอาหารเมืองก็มีด้วยนะคะ ทานของคาวแล้วก็ต้องตามด้วยของหวาน ทั้งขนมไทยนานาชนิด ขนมปังนุ่มๆ น้ำปั่น และผลไม้ตามฤดูกาล



นอกจากกับข้าวแบบต่างๆ แล้ว ยังมีผักสดๆ ด้วยค่ะ ส่วนใหญ่เป็นชาวเขาที่เอามาขาย ผักแปลกๆ ที่คนพื้นราบไม่ค่อยรู้จักก็มี ส่วนพวกร้านค้าขายของใช้จิปาถะ 20 บาททุกอย่างก็มีอยู่หลายร้าน เรียกได้ว่ามาที่กาดหลวงยามเย็นที่เดียวมีครบทุกอย่างเลยค่ะ 

เรื่องและภาพโดยเลดี้ดาริกา  916
93  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ ตลาดเชียงใหม่ กาดเจียงใหม่ กาดหมั้ว / "ตรอกเหล่าโจ๊ว" ตรอกแห่งสีสัน เมื่อ: เมษายน 10, 2014, 12:59:49 AM
"ตรอกเหล่าโจ๊ว" ตรอกแห่งสีสัน

ตรอกซอกซอยในเมืองเชียงใหม่มีอยู่เยอะแยะมากมาย ใครที่พึ่งมาอยู่ใหม่ๆ คงต้องหลงเป็นแน่แท้ บางคนมาเที่ยวครั้งแรกวนคูเมืองตั้งหลายรอบกว่าจะออกมาได้ แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของเมืองที่ทำให้ใครหลายๆ คนต้องงงงวยมาหลายรอบ แต่ความซับซ้อนตรงนี้ก็มีสิ่งต่างๆ ที่น่าสนใจ ครั้งนี้ขออาสาพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับตรอกซอกซอยแห่งหนึ่ง ซึ่งใครมาเที่ยวเชียงใหม่ต้องหาโอกาสไปเยือนตรอกแห่งนี้


“ตรอกเหล่าโจ๊ว” หรือซอยถนนข่วงเมรุ ตั้งอยู่บริเวณกาดหลวง ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเชียงใหม่ เป็นตรอกที่เชื่อมถนนช้างม่อยและถนนท่าแพ มีความยาวประมาณ 300 เมตร ที่มาของชื่อตรอกเหล่าโจ๊วนั้น คำว่า “เหล่า” หมายถึงผู้อาวุโส ส่วน “โจ๊ว” คือบรรพบุรุษ ในสมัยก่อนบริเวณนี้เคยเป็นลานกว้างเรียกว่าข่วงเมรุ เป็นที่ปลงพระศพและเป็นที่เก็บพระอัฐิของเจ้าเชียงใหม่ ตรอกนี้มีหลายชื่อ เช่น กองหล่อ กองเหล่าโจ๊ว ถนนข่วงเมรุ แต่คนส่วนใหญ่ก็จะเรียกว่า “ตรอกเหล่าโจ๊ว”

colorful จริงๆ เลยค่ะ


เสน่ห์ของตรอกนี้คือมีคนหลายเชื้อชาติ หลากศาสนา อาศัยอยู่ร่วมกันมาหลายร้อยปี ทั้งชาวไทย ชาวจีน แขก ชาวเขา จึงทำให้เราเห็นวัฒนธรรมที่หลากหลาย โดยเฉพาะชาวจีนเป็นชาวต่างชาติที่อพยพตั้งถิ่นฐานบริเวณนี้มากที่สุด จนทำให้ในละแวกนี้กลายเป็นไชน่าทาวน์ของเชียงใหม่ สินค้าที่ปรากฏส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่ออกแนวเอาใจสาวๆ เป็นเสื้อผ้าแบบต่างๆ เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าทอ ผ้าซิ่น ผ้าใยกัญชา เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์จากผ้าฝีมือชาวเขา รวมไปถึงเครื่องประดับต่างๆ ใครที่ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการตัดเย็บเสื้อผ้าก็จะมาซื้อของที่ตรอกนี้ นอกจากนั้นก็จะเป็นร้านทอง ข้าวของเครื่องใช้จิปาถะ




หลังจากเดินช็อปกันจนสะใจแล้ว ท้องคงเริ่มหิว ในตรอกนี้ก็มีของกินอยู่เหมือนกัน แต่จะเป็นพวกของทานเล่นเสียเป็นส่วนใหญ่ เช่น ผลไม้ น้ำปั่น จะมีร้านฝากท้องจริงจังได้ก็คือร้าน Thamel อยู่ตรงข้ามร้านขายพลาสติก ซึ่งเคยรีวิวเอาไว้ในบอร์ดแนะนำร้านชากาแฟ ลองตามไปอ่านดูนะคะ หรือถ้าใครอยากกินง่ายๆ อิ่มท้องก็เดินไปกาดหลวงค่ะ

ศาลเทพเจ้ากวนอู



ตรอกเหล่าโจ๊วจึงเป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ที่เต็มไปด้วยสีสัน มีชีวิตชีวา นอกจากสินค้าต่างๆ ที่วางขายตลอดสองข้างทางแล้ว ยังมีศาลเทพเจ้ากวนอู เทพเจ้าแห่งความยุติธรรม หรือศาลเจ้าบู้เบี้ย อายุประมาณร้อยกว่าปี เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจีนที่อพยพมาตั้งแต่อดีต และวัดนามธารี เป็นวัดซิกข์ของชาวแขก ใครที่เอารถยนต์ให้เอาไปจอดที่ที่จอดรถของตลาดวโรรส ส่วนคนที่เอารถมอเตอร์ไซด์มาให้เอาไปจอดบริเวณเกือบๆ ถึงถนนช้างม่อย จะมีที่จอดรถอยู่

เรื่องและภาพโดยเลดี้ดาริกา  912
94  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านอาหารเช้า โจ๊ก กาแฟ เกาเหลาเลือดหมู เชียงใหม่ / "โจ๊กสมเพชร" ความอร่อยตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อ: เมษายน 10, 2014, 12:41:28 AM
"โจ๊กสมเพชร" ความอร่อยตลอด 24 ชั่วโมง

ตอนเช้าเพื่อนๆ ทานอะไรกันคะ? ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว ข้าวเหนียวหมูปิ้ง? หรือว่าไม่ได้ทาน แบบนี้ไม่ดีต่อสุขภาพนะคะ เพราะอาหารเช้าเป็นอาหารมื้อที่สำคัญที่สุด ร่างกายของคนเราจะใช้พลังงานจากอาหารเช้าเยอะมาก ดังนั้นเพื่อนๆ ต้องทานอาหารเช้าด้วยนะคะ สำหรับเลดี้ดาริกาอาหารเช้าที่ท่านบ่อยๆ ก็คือ “โจ๊ก” หนึ่งในอาหารเช้าที่คนไทยนิยมกันเป็นอย่างมาก สำหรับเมืองเชียงใหม่ก็มีร้านโจ๊กอยู่หลายร้าน ครั้งนี้ขอแนะนำร้านโจ๊กแห่งหนึ่งที่อยู่คู่เมืองเชียงใหม่มากว่า 30 ปี



“โจ๊กสมเพชร” ตั้งอยู่บนถนนศรีภูมิ ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ฝั่งคูเมืองด้านใน ห่างจากประตูช้างเผือกเพียง 350 เมตร  ตั้งอยู่ปากถนนราชภาคินัย ร้านมีชื่อเสียงมาก เป็นหนึ่งในร้านโจ๊กลำดับต้นๆ ของเชียงใหม่ที่เป็นที่นิยมทั้งประชาชนทั่วไป นักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติ ตอนที่เราไปทานทีไรก็มักจะเห็นฝรั่ง หรือไม่ก็เป็นชาวจีน นั่งอยู่เต็มร้าน เยอะกว่าคนไทยอีกค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่าสีของร้านที่ฉูดฉาดสะดุดตาเห็นมาแต่ไกล ตัวอาคารเป็นตึกสีส้มสามชั้น ชั้นล่างสุดที่เป็นร้านอาหารทาด้วยสีเหลืองทั้งหมด ใครผ่านไปมาก็จะต้องเหลียวมองว่าร้านอะไรหว่า ชวนให้แวะลงมาพิสูจน์ความอร่อย



บรรยากาศภายในร้านเน้นการตกแต่งด้วยสีสันที่ฉูดฉาด พนังและเพดานทาด้วยสีเหลือง ประดับด้วยกระเบื้องหลากสี บนผนังแขวนรูปเสด็จพ่อรัชกาลที่ 5 และพระเกจิอาจารย์ โต๊ะเก้าอี้เป็นสีเหลืองตัดเขียวทั้งหมด มีประมาณ 20 โต๊ะ มีหลายมุมให้นั่ง มุมธรรมดาๆ ในร้านก็มี หรือจะเป็นมุมธรรมชาติ มีต้นไม้ น้ำตกไหล่เอื่อยๆ ก็มี เราชอบมานั่งตรงมุมธรรมชาตินี้มากค่ะ



รายการอาหารหลักๆ ก็จะเป็นโจ๊กกับข้าวต้ม มีให้เลือกหลายแบบทั้งไก่ หมู กระเพาะ ตับ เซ่งจี้ ปลากะพง กุ้ง ปลาหมึก รวมเครื่องใน รวมทะเล ใส่ไข่ นอกจากนั้นก็ยังมีติ่มซำกว่ายี่สิบไส้ ข้าวราดแกง ข้าวหมูอบ ไก่อบ ปลาอบ สลัดก็มี ราดหน้าแบบต่างๆ ผัดซีอิ้ว ราคาอยู่ที่ประมาณ 40-70 บาท แล้วแต่เราว่าจะสั่งอะไร จะใส่อะไรบ้าง

โจ๊กรวมทะเลใส่ไข่



เราสั่งโจ๊กรวมทะเลใส่ไข่ ราคา 70 บาท จัดเต็มเลยค่ะ ทางร้านจะมีป้ายบอกว่า "อาหารและการบริการ ช้า ขออภัยด้วย เด็กเสิร์ฟน้อย ลูกค้าเยอะ" ลูกค้ามีหลายโต๊ะ แต่เราก็รอไม่นานนะประมาณห้านาทีก็ได้แล้ว โจ๊กชามใหญ่พอสมควร โรยด้วยหมี่กรอบ ทะเลชามนี้มีทั้งปลากะพง กุ้ง และปลาหมึก ได้เยอะด้วยค่ะ โรยพริกไทย ใส่ซีอิ้วขาวสักหน่อย ตีไข่ให้แตกคลุกเคล้ากับโจ๊กอร่อยเหาะ เนื้อโจ๊กละเอียดมากแต่ไม่เละ โดยรวมอร่อยมากค่ะ


ร้านนี้เปิดบริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง! พูดง่ายๆ ก็คือไม่มีวันหยุดเลยค่ะ ไม่จำเป็นว่าโจ๊กเหมาะสำหรับอาหารเช้าเท่านั้น ทานเมื่อไรก็ได้ ใครหิวไม่รู้จะทานอะไรก็ไปฝากท้องที่นี่ได้ตลอดเวลา หรือนักท่องราตรีท่านใดที่แฮงค์จากผับบาร์ต่างๆ ก็มาที่ร้านนี้เจอโจ๊กร้อนๆ อร่อยๆรับรองหายแฮงค์แน่นอน เบอร์โทรศัพท์ 053 210 649 เผื่อใครหลงก็โทรไปถามได้ค่ะ

เรื่องและภาพโดยเลดี้ดาริกา 913
95  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / แนะนำ ร้านกาแฟ ชา เบเกอรี่ เค้ก ขนม ไอศกรีม อาหารว่าง ของทานเล่น ในเชียงใหม่ / "กาแฟรสนิยม" กาแฟของคนมีสไตล์ เมื่อ: เมษายน 09, 2014, 11:52:28 PM
"กาแฟรสนิยม" กาแฟของคนมีสไตล์

เห็นช่วงนี้เลดี้ดาริกาเอ่ยถึงเรื่องร้านกาแฟบ่อยๆ อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ เพราะเชียงใหม่มีร้านกาแฟเยอะจริงๆ แต่ละร้านก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชวนให้ผู้หลงใหลในกาแฟอย่างเราก้าวเท้าเข้าไปลิ้มลองยิ่งนัก กาแฟรสนิยมเป็นอีกหนึ่งร้านกาแฟที่มีสาขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในเมืองเชียงใหม่ วันนี้ขอแนะนำอีกสาขาหนึ่งที่ตั้งอยู่ “เจเจมาร์เก็ต” เพิ่งเปิดได้ไม่นานมานี้ค่ะ อยู่บนถนนอัษฏาธร ตำบลป่าตัน อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ใกล้กับสามแยกไฟแดงโลตัสคำเที่ยง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งย่านสถานบันเทิงที่นักท่องกลางคืนรู้จักกันเป็นอย่างดี


ร้านกาแฟรสนิยมสาขานี้มีสไตล์การตกแต่งที่เหมือนกันสาขาอื่นๆ คือเน้นความทันสมัยผสานกับความคลาสสิค ตัวร้านเป็นอาคารก่อด้วยอิฐไม่ฉาบปูน ใช้การทาสีไปบนก้อนอิฐเลยค่ะ ดูเก๋ดี ป้ายร้านเป็นตัวอักษรรสนิยมกับหัวใจสีขาวดูคลาสสิค การตกแต่งภายในร้านใช้โทนเข้มตัดกับโทนสว่าง เป็นสีออกโทนน้ำตาลตัดกับสีดำ ผนังเป็นอิฐเปลือยกับก้อนอิฐเรียงต่อๆ กัน มีโต๊ะให้นั่งประมาณ 12 โต๊ะ มีทั้งเก้าอี้ไม้และเก้าอี้นวมนุ่มๆ แบบวินเทจนั่งสบายมาก แต่ก็มีอยู่ไม่กี่ตัว ถ้าเพื่อนๆ มาเห็นเก้าอี้วินเทจว่างอยู่รีบเข้าไปจับจองเลยนะคะ เพราะมีแต่คนจ้องจะนั่ง ส่วนใครที่ไม่ชอบแอร์เย็นๆ อยากจะสูดอากาศด้านนอกก็มีโต๊ะให้นั่งค่ะ



เมนูมีให้เลือกเยอะมาก มีทั้งกาแฟหลากหลายแบบ โกโก้ ช็อกโกแลต ชา นม แบบร้อน เย็น หรือปั่นมีหมด ราคาอยู่ที่ประมาณ 45-85 บาท หรือถ้าจะเพิ่มพวกวิปครีมก็เพิ่มอีก 15 บาท หรือถ้าใครที่ชอบทานเค้กทางร้านก็มีให้เลือกถึง 10 อย่าง ราคาประมาณ 60-80 บาท



เราสั่งของโปรดค่ะลาเต้เย็น ราคา 55 บาท เรียกได้ว่าเป็นเมนูมาตรฐานประจำตัวเลย พอได้มาแล้วก็ลองชิม ผลคือมีกลิ่นกาแฟหอมเบาๆ รสชาติหวานมัน ไม่เข้มมาก กำลังดี นมอยู่ด้านล่าง กาแฟอยู่ด้านบน จะทานแบบคนให้มันเข้ากันก็ดี หรือจะปล่อยให้มันเป็นชั้นๆ แบบนี้ก็ได้ โดยส่วนตัวชอบให้มันเป็นชั้นๆ แบบนี้ค่ะ ให้มันค่อยๆ ผสมกันเอง


ลาเต้ หอม หวานมัน

กาแฟรสนิยมจึงเป็นร้านกาแฟที่น่านั่งอีกแห่งหนึ่ง ชอบตรงการตกแต่งที่มีทั้งความเก่าและความใหม่ ผนวกกับรสชาติของกาแฟที่เข้มข้นพอเหมาะ และมีให้เลือกหลากหลาย จึงเป็นตัวเลือกอีกร้านหนึ่งที่เหมาะสำหรับอากาศร้อนๆ แบบนี้ยิ่งนัก


ร้านนี้เปิดบริการตั้งแต่เวลา 8.00 น. – 23.30 น. ถือว่าเปิดดึกมาก น่าจะถูกใจคอกาแฟยามดึก ส่วนที่จอดรถสามารถจอดได้บริเวณที่จอดรถของเจเจมาร์เก็ต นอกจากนั้นทางร้านยังมีบริการจัดส่งฟรีถึงที่ด้วยนะคะ ลองติดต่อสอบถามรายละเอียดไปที่เบอร์ 0823881881 หรือ 053231910

เรื่องและภาพโดยเลดี้ดาริกา  909
96  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / แนะนำ ร้านกาแฟ ชา เบเกอรี่ เค้ก ขนม ไอศกรีม อาหารว่าง ของทานเล่น ในเชียงใหม่ / "กาแฟเฮือนโบราณ" บรรยากาศริมน้ำปิง เมื่อ: เมษายน 09, 2014, 11:26:26 PM
"กาแฟเฮือนโบราณ" บรรยากาศริมน้ำปิง

“ร้านกาแฟในเมืองเชียงใหม่มีเยอะกว่า 7-11” คำกล่าวนี้ไม่ได้เว่อเกินความเป็นจริง ไม่ว่าเราจะไปย่านไหนในตัวเมือง เรามักจะพบร้านกาแฟตั้งอยู่เต็มไปหมด แต่จะมีสักกี่ร้านที่อยู่ริมแม่น้ำปิง ทำเลใฝ่ฝันของบรรดาขากาแฟทั้งหลายที่อยากดื่มด่ำกาแฟรสเลิศไปพร้อมๆ กับการชมวิวแม่น้ำปิง ครั้งนี้เลดี้ดาริกาขอแนะนำร้านกาแฟร้านหนึ่ง เพื่อนๆ ต้องชอบแน่เลยค่ะ



“กาแฟเฮือนโบราณ” ตั้งอยู่บนถนนเชียงใหม่ลำพูน ตำบลวัดเกตุ อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากสะพานนวรัฐเพียง 1.3 กิโลเมตร เลยค่ายกาวิละมานิดเดียว ร้านนี้เป็นอาคารไม้ริมแม่น้ำปิง คนส่วนใหญ่ที่มาร้านนี้ก็มักจะมาทานอาหารเย็น ซึ่งที่นี่ก็ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติและบรรยากาศที่แสนโรแมนติก ส่วนที่เป็นร้านกาแฟคงไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก จึงอยากแนะนำให้เพื่อนๆ มาลองชิมกันค่ะ

บรรยากาศริมแม่น้ำปิงที่ยังคงเป็นความธรรมชาติ


บรรยากาศภายในร้านอาจจะอึมครึมไปสักนิด แต่ก็ไม่ได้มืดจนเกินไป การตกแต่งภายในเป็นแบบโบราณ ประดับประดาด้วยของเก่าที่หาดูได้ยาก เช่น ตะเกียงโบราณ สวิทซ์ไฟ กริ่ง ตุ๊กตาสังกะสี หุ่นไม้ ทีนี้เรามาดูกันที่เมนูดีกว่าค่ะ มีเครื่องดื่มให้เลือกสามแบบด้วยกัน กาแฟมีซิกเนเจอร์ของร้านด้วย เป็นกาแฟเฮือนโบราณ นอกนั้นก็เป็นกาแฟตามร้านทั่วไป ชาเน้นการผสมผสานกันระหว่างชาและกลิ่นต่างๆ เช่น ชามะลิ ชากลิ่นส้ม ฯลฯ ส่วนสมูทตี้ เครื่องดื่มผลไม้สดตามฤดูกาลมีหลายรสให้ลิ้มลอง เป็นสูตรเฉพาะของที่นี่เลย  ราคาแต่ละอย่างอยู่ที่ประมาณ 40-60 บาท ตามมาตรฐานราคากาแฟของเชียงใหม่ค่ะ


การตกแต่งภายในร้าน เน้นความเป็นโบราณ


เครื่องดื่มที่ดาริกาสั่งมาลองชิมมีสองอย่าง คือ ชาเขียวกลิ่นมะลิ ชารสชาติกลมกล่อมมีกลิ่นหอมของมะลิ ดื่มแล้วชวนให้รำลึกถึงน้ำลอยดอกมะลิแบบไทยๆ เลยค่ะ ส่วนอีกแก้วเป็นลาเต้เย็น ของร้านนี้จะแปลกกว่าที่อื่นคือส่วนที่เป็นกาแฟกับนมจะผสมเข้าด้วยกัน ไม่ได้แยกออกเป็นสองชั้นตามสูตรลาเต้ รสชาติของกาแฟแก้วนี้เด่นตรงที่มีกลิ่นอายแบบกาแฟไทยโบราณ น่าจะเป็นทีเด็ดของร้านนี้ค่ะ เน้นการผสมผสานกันระหว่างกาแฟสมัยใหม่กับรสชาติแบบไทยๆ ส่วนเค้กก็มีให้ทานนะค่ะ เราลองสั่งเค้กกาแฟ ราคา 69 บาท อร่อยมากขอบอก

ชาเขียวกลิ่นมะลิ




ที่นั่งมีให้เลือกเยอะมากค่ะ ด้วยอานิสงส์ที่เป็นร้านอาหารเลยโต๊ะหลายแบบให้เลือก จะนั่งใกล้ๆ กับร้านกาแฟก็ได้ หรือจะไปนั่งโต๊ะริมน้ำก็ดี จิบกาแฟยามบ่ายไปพร้อมกับนั่งชมสายน้ำเอื่อยๆ ของแม่น้ำปิง บรรยากาศธรรมชาติมากๆ ฟินอย่างบอกไม่ถูก



ร้านนี้เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00 น. – 23.00 น. เพื่อนๆ ที่แวะมาทานอาหารที่ร้านนี้ก่อนกลับอย่าลืมลองชิมกาแฟด้วยนะ รับรองติดใจแน่นอน

เรื่องละภาพโดยเลดี้ดาริกา  917
97  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านก๋วยเตี๋ยวเชียงใหม่ / “ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกรุงสุโขทัย” ลิ้มรสความอร่อยย่านวัดเกตการาม เมื่อ: เมษายน 08, 2014, 12:05:07 AM
“ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกรุงสุโขทัย” ลิ้มรสความอร่อยย่านวัดเกตการาม

พาไปเดินเล่นย่านวัดเกตการามมาก็หลายครั้ง แต่ไม่ค่อยได้แนะนำร้านอาหารอร่อยๆ ในย่านนั้นสักเท่าไร ทั้งๆ ที่ย่านวัดเกตการามนี้ นอกจากจะเป็นถนนสายวัฒนธรรมคู่เมืองเชียงใหม่แล้ว ยังมีของอร่อยๆ อีกหลายร้านที่ควรจะไปลิ้มลองรสชาติกันดูสักครั้ง “ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกรุงสุโขทัย” ในเมืองเชียงใหม่ เป็นเมนูที่น่าสนใจ และอยากนำเสนอเพื่อนๆ นักชิม ฉันไปมาก็หลายครั้ง เพราะติดใจในรสชาติ จนกลายเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวแรกๆ ที่นึกถึง เมื่ออยากกินเส้น


ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกรุงสุโขทัยรสเด็ดเจ้านี้ อยู่บนถนนเจริญราษฎร์ เลียบแม่น้ำปิงฝั่งตะวันออก เป็นร้านคูหาเล็กๆ เยื้องๆ กับวัดซิกข์ เพื่อนๆ อาจต้องสังเกตกันหน่อยนะคะ มีโต๊ะไว้บริการไม่มากนัก ประมาณ ๖ โต๊ะ เนื่องจากข้อจำกัดของพื้นที่ร้าน ช่วงกลางวันจะมีลูกค้ามาอุดหนุนมาก



จุดเด่นของก๋วยเตี๋ยวร้านนี้คือสูตรสุโขทัยแบบดั้งเดิม ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัยต่างจากก๋วยเตี๋ยวต้มยำทั่วไปตรงส่วนประกอบ ที่มีถั่วฝั่งยาวหั่นแฉลบ และหัวไชเท้าดองหวานสับเป็นชิ้นเล็กๆ เจ้าของร้านใจดีเรียกเราไปถ่ายรูปกากหมูทอดน้ำมัน และกระซิบเราว่านี่แหละสูตรเด็ดของทางร้าน



เมนูที่น่าสนใจของร้านนี้ อาทิ ต้มยำซี่โครงกระดูกอ่อน ต้มยำน้ำพริกเผา มีให้เลือกทั้งแบบสูตรธรรมดา และสูตรสมุนไพร ซุปกระดูกหมูอ่อน และก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา เลือกเส้นได้ตามชอบ เล็ก ใหญ่ หมี่ขาว หรือบะหมี่ สนนราคาแบบธรรมดา 40 บาท และพิเศษ 45 บาท ไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับรสชาติความอร่อย และความพิถีพิถันในการปรุง ครั้งนี้เราเลือกมายั่วน้ำลายเพื่อนๆ 2 เมนูค่ะ

บะหมี่ต้มยำกระดูกหมูอ่อน


เมนูแรกคือ “เส้นบะหมี่ต้มยำกระดูกหมูอ่อน” อร่อยเด็ดมากๆ โดยเฉพาะกระดูกหมูอ่อนที่จัดมาให้แบบไม่กั๊ก กระดูกอ่อนกัดกรุบๆ รสสัมผัสดีมาก หากเป็นกระดูกที่แข็งหน่อย เนื้อหมูก็เปื่อยยุ่ย เคี้ยวง่าย ล่อนออกจากกระดูก ละมุนลิ้นมากๆ ค่ะ รสชาติของต้มยำไม่ต้องพูดถึง ไม่ปรุงก็อร่อยค่ะ

เส้นเล็กต้มยำน้ำพริกเผารวม


อีกเมนูหนึ่งที่ลองกินครั้งแรก (ปกติกินต้มยำกระดูกหมูตลอด) แล้วก็ไม่ผิดหวังอีกตามเคยกับ “เส้นเล็กต้มยำน้ำพริกเผารวม” (เสียดายที่ยังไม่ได้ลองสูตรสมุนไพร) มีน้ำพริกเผารสชาติกลมกล่อม เผ็ดๆ หวานๆ ราดมาในชามด้วย เข้ากันดี อร่อยอย่างบอกไม่ถูกค่ะ ชามนี้มีเนื้อหมูฝานเป็นชิ้นพอดีๆ ทำให้เนื้อหมูผสานกับน้ำซุปได้ดีกว่า และต้องยกความสุดยอดให้ตับสุกฝานเป็นชิ้นบางกำลังดี อร่อยมากๆ ค่ะ

กากหมู เคล็ดลับความอร่อย

สำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังมองหาร้านอาหารกลางวันง่ายๆ ที่รสชาติอร่อยเลิศ เลดี้ ดาริกาขอแนะนำก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยร้านนี้เลยค่ะ ไม่อร่อยจริงไม่บอกต่อ ร้านเปิดตั้งแต่ 9:00 – 16:00 น หยุดเฉพาะวันอาทิตย์ค่ะ ออ...ที่สำคัญ ร้านนี้สะอาดมากค่ะ ดูได้จากพวงเครื่องปรุงที่สะอาดมาก ประทับใจจริงๆ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :onio:
98  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านอาหารญี่ปุ่นเชียงใหม่ / อิ่มอร่อย 100 บาทที่ “ร้านอาหารญี่ปุ่นแจ่งศรีภูมิ” เมื่อ: เมษายน 06, 2014, 10:45:52 PM
อิ่มอร่อย 100 บาทที่ “ร้านอาหารญี่ปุ่นแจ่งศรีภูมิ”

เพื่อนๆ เป็นเหมือนกันไหม? เวลาหิวมากๆ บางทีก็คิดไม่ออกว่าจะกินอะไรดี อาการแบบนี้ทำให้ฉันต้องยอมเปลืองน้ำมันนิดหน่อย เพื่อตระเวนหาร้านอาหารในเมืองเชียงใหม่ไปเรื่อยๆ และสำหรับดินเนอร์มื้อนี้ สายตาไปสะดุดกับร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆ ริมทาง ที่ติดป้ายเสนอราคาได้อย่างน่าสนใจ 3 อย่าง 100 บาท ว้าว...อะไรมันจะถูกปานนั้น


ร้านอาหารญี่ปุ่นแจ่งศรีภูมิ แม้จะขึ้นชื่อว่าร้านอาหาร แต่ที่นี่ไม่ได้มีหน้าร้านประจำหรอกนะคะ ลักษณะเป็นร้านรถเข็นชั่วคราวที่อาศัยริมฟุตบาทเปิดเป็นร้านในตอนเย็น แบบที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “ยะไต” (ร้านอาหารริมทาง) นั่นแหละคะ ขับรถเวียนไปตามถนนรอบคูเมืองด้านใน ร้านตั้งอยู่เลยแจ่งศรีภูมิมานิดเดียวเองคะ สังเกตป้าย และโคมไฟสีแดงๆ ไว้ให้ดี แล้วก็ไปอิ่มท้องกันโล้ด



เมนูอาหารของที่นี่อาจมีไม่มากมายนัก เน้นเป็นอาหารทานง่าย สนนราคาจานละ 35 บาทเท่านั้นเอง หากสั่งอาหาร 3 จาน ราคา 105 บาท แต่จ่ายแค่ 100 บาทค่ะ ราคาถูกอย่างนี้ยั่วยวนฉันมากๆ ค่ะ ไม่ลองไม่ได้แล้ว เลดี้ ดาริกาเลือกสั่ง เบคอนพันเห็ดเข็มทอง แฮมบัง โอะโคะโนะมิยะกิ หรือที่เราเรียกกันว่า “พิซซ่าญี่ปุ่น” และข้าวเปล่าสองถ้วย  รวมมื้อนี้จ่ายไปแค่ 120 บาท  ราคาสบายกระเป๋า กินอิ่มได้สองคนทีเดียว



อย่างที่บอกไปตอนแรก เมนูอาหารของร้านนี้เป็นเมนูง่ายๆ ทำง่าย ทานง่าย เน้นเป็นอาหารทอด อาทิ แฮมบัง เบคอนพันเห็ดเข็มทองหรือหน่อไม้ฝรั่ง พิซซ่าญี่ปุ่น ไก่เทอริยากิ เกี๊ยวซ่า ทาโกะยากิ ปลาไข่ทอด นอกจากนี้ยังมีข้าวหน้าแกงกะหรี่ญี่ปุ่น และชุดซาชิมิไว้บริการลูกค้าที่สนใจอีกด้วย

แฮมบังสุดอร่อย! :)

เมนูแรกที่สั่งไป และถูกใจเลดี้ ดาริกามากๆ คือ “แฮมบัง” ทำจากหมูบดละเอียดทอดเป็นแผ่นกลมๆ โป๊ะหน้าด้วยเบคอนที่ทอดจนกรอบนิดๆ ราดด้วยซอสรสชาติหวานนำ เสิร์ฟพร้อมกะหล่ำปลีหั่นฝอย และน้ำสลัดหวาน อร่อยถูกใจมาก กินกี่ชิ้นก็ไม่เบื่อค่ะ

โอะโคะโนะมิยากิ หรือพิซซ่าญี่ปุ่น

เมนูต่อมาคือโอะโคะโนะมิยากิ หรือพิซซาญี่ปุ่น เป็นไก่ชิ้นเล็กๆ ทอดแป้ง กรอบนอกนุ่มใน ตอนเสิร์ฟมาชิ้นดูไม่ใหญ่สักเท่าไร แต่เล่นเอาอิ่มทีเดียว รสชาติใช้ได้ค่ะ ยังไม่ถูกใจเท่าแฮมบัง

เบคอนพันเห็ดเข็มทอง

เมนูสุดท้ายที่สั่งมารับประทานคือเบคอนพันเห็ดเข็มทอง ทอดจนเบคอนกรอบพอดี เห็ดเข็มทองสุกนุ่มลิ้น ราดด้วยซอสแบบญี่ปุ่น รสชาติหวานเค็ม กินกับข้าวร้อนๆ อร่อยดีเหมือนกันค่ะ

อิ่มนี้ 120 บาทเท่านั้น!!

ข้อดีของร้านนี้คือราคาสุดแสนประหยัด และอร่อยใช้ได้ เหมาะสำหรับทานเป็นอาหารเย็น เพราะอิ่มท้องนาน (ไม่ตื่นมาหิวตอนดึก) รับประทานง่ายไม่เรื่องมากค่ะ แต่อาจมีข้อเสียเล็กน้อยตรงที่ข้าวเปลาที่เสิร์ฟเป็นข้าวไทยค่ะ ไม่ใช่ข้าวญี่ปุ่นเมล็ดป้อมสั้น และรสชาติอาหารส่วนใหญ่ออกจะคล้ายๆ กัน (ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว) วัตถุดิบต่าง รสสัมผัสต่าง แต่รสชาติไปในแนวเดียวกัน ไม่เหมาะสำหรับคนที่เลี่ยนง่าย หรือหากกลัวเลี่ยนก็ควรสั่งอาหารที่ต่างกันไปเลยค่ะ

ร้านอาหารญี่ปุ่นแจ่งศรีภูมิเปิดบริการทุกวัน 18:00 – 24:00 น เพื่อนๆ ลองหาโอกาสไปรับประทานดูนะคะ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :16:
99  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง ร้านข้าวต้ม เชียงใหม่ / อิ่มท้องใต้ร่มไม้ใหญ่ปลายถนนสุเทพที่ สุภัทราคอทเทจ “Supattra’s Cottage” เมื่อ: เมษายน 06, 2014, 10:34:30 PM
อิ่มท้องใต้ร่มไม้ใหญ่ปลายถนนสุเทพที่ สุภัทราคอทเทจ “Supattra’s Cottage”

ที่สุดปลายถนนสุเทพ สำหรับฉันเหมือนอยู่คนละโลก ในเมืองแสนจะวุ่นหวาย แต่ถนนสุเทพด้านหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทางไปสู่ “อ่างเกษตร” กลับสงบเงียบ มีหอพักนักศึกษา ร้านรวงต่างๆ เล็กน้อย ท่ามกลางร่มเงาของต้นไม้ใหญ่หลายต้น ร่มครึ้ม “สุภัทราคอทเทจ” ร้านอาหารเล็กๆ น่ารักที่เราจะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกันวันนี้ก็ตั้งอยู่ย่านนี้เช่นกัน กระท่อมแห่งนี้เป็นร้านอาหารที่บริการมากกว่าแค่อาหาร แต่เป็นจุดนัดพบของนักเรียนนักศึกษาในยามว่างด้วย


เรามาถึง “สุภัทราคอทเทจ” ในตอนเย็นย่ำ เพื่อฝากท้องมื้อเย็นไว้กับที่นี่ บริเวณร้านร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ทำให้บรรยากาศภายในร้านเย็นสบาย แต่อาจจะต้องระวังยุงกันหน่อยนะคะ เพราะความร่มครึ้ม และชื้นนี่เอง ทำให้บางที่ก็มียุงบินมากวนใจ เสียบรรยากาศรับประทานอาหาร โดยเฉพาะตอนเย็นๆ ทายากันยุงไว้ก็ดีนะคะ


ในร้านมีโต๊ะไว้บริการลูกค้ามากพอสมควร จัดไว้สำหรับลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ มาเดี่ยว หรือเป็นคู่ เลือกนั่งในร้าน หรือนอกร้านก็ได้ แต่อาจจะแน่นไปสักนิด เพราะมีลูกค้ามามาก และมากันเรื่อยๆ ค่ะ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักศึกษา และนักเรียนมัธยมที่มักจะมากันเป็นกลุ่มๆ บางคนอาจจะใช้ที่นี่พบปะเพื่อนฝูง อ่านหนังสือ หรือทำการบ้านด้วย จัดเต็มกันเลยทีเดียว


“สุภัทราคอทเทจ” เป็นร้านอาหารหลากหลายสไตล์ มีทั้งอาหารไทย ประเภทข้าวหน้าต่างๆ มีทั้งสูตรดั้งเดิม และทางร้านคิดค้นขึ้น “Fusion Food” สำหรับผู้ที่เบื่ออาหารจานเดียวแบบเดิมๆ ที่แสนจะจำเจ ยำต่างๆ สำหรับคนรักการกินผัก และกลัวอ้วน และอาหารไทยอีกหลายชนิด สั่งเป็นกับข้าวกินกับคนรู้ใจ หรือเพื่อนๆ ก็ได้




นอกจากอาหารไทยที่นี่ยังบริการอาหารสากลอื่นๆ (ขอเรียกว่าอาหารสากลนะคะ ไม่เรียกว่าอาหารอิตาเลียน เพราะเดี๋ยวนี้เขาก็กินกันทั่วโลก อิอิ) มีทั้งสเต็ก เลือกได้ตามความชอบหมู ไก่ ปลา หรือเนื้อ สปาเกตตีเลือกซอสได้ตามชอบ วันนี้เลยขอเลือกสปาเกตตีพริกไทยดำ ตอนพนักงานมาเสิร์ฟเห็นสีแล้วรู้สึกผิดหวัง เพราะสีดูจืดชืดมาก แต่พอรับประทานแล้ว ต้องยกนิ้วให้ เพราะรสชาติอร่อยทีเดียว เส้นสปาเกตตีสุกความนิ่มกำลังดี ผักกับพริกไทยและหมูสับ มีเห็ดชิ้นๆ อยู่ด้วย อร่อยค่ะอร่อย ออ...ที่นี่เขามีพิซซ่าด้วยนะคะ



นอกจากอาหารจานหลักต่างๆ แล้ว สุภัทราคอทเทจยังมีบริการเครื่องดื่มซอร์ฟดริงค์หลายแบบ ขนมเค้ก และขนมหวานชนิดต่างๆ มีวางให้คุณเลือกได้ตามความชอบ กินข้าวหนักท้องเสร็จแล้ว ตบท้ายด้วยขนมสักหน่อยก็ดีเหมือนกันนะคะ อาจจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้สุภัทราคอทเทจมีลูกค้ากลุ่มนักเรียนนักศึกษาแวะเวียนมากิน เพราะไม่ใช่แค่ร้านอาหาร แต่ยังนั่งชิวยามว่างได้ด้วย


ร้านสุภัทราคอทเทจ “Supattra’s Cottage” เปิดบริการทุกวัน 09:00 – 21:00 ราคาอาหารอาจจะสูงกว่าร้านทั่วไปเล็กน้อย แต่ไม่แพงจนเกินไปค่ะ ตำกว่า 100 บาท ราคากลางๆ อยู่ที่ 50 – 60 บาทขึ้นอยู่กับเมนูที่เราเลือกรับประทาน

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :111:
100  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านอาหารญี่ปุ่นเชียงใหม่ / “โอะคะเนะ ซูชิ – ราเมน” อาหารญี่ปุ่นราคาประหยัด แต่รสชาติอร่อยเหลือเฟือ เมื่อ: เมษายน 04, 2014, 11:16:01 AM
“โอะคะเนะ ซูชิ – ราเมน” อาหารญี่ปุ่นราคาประหยัด แต่รสชาติอร่อยเหลือเฟือ

“อาหารญี่ปุ่น” แม้จะได้รับความนิยมมาก  แต่จัดว่าเป็นอาหารราคาแพงที่ไม่ได้กินกันได้บ่อยๆ เพราะราคามหาโหดนี้เอง ทำให้เราพบร้านอาหารญี่ปุ่นราคาประหยัดอยู่ทั่วไป แต่รสชาติก็ไม่ได้ดีเลิศอะไรเมื่อเทียบกับภัตตาคารขึ้นชื่อ แต่ก็ใช่ว่าจะหาไม่ได้เอาเสียเลย เลดี้ ดาริกาจึงอยากแนะนำร้านอาหารญี่ปุ่นแบบยะไตเล็กๆ (เล็กมาก) ราคาประหยัด แต่รสชาติอร่อยมากให้เพื่อนๆ รู้จักค่ะ



“โอะคะเนะ” ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบยะไตเล็กๆ เปิดบริการอยู่ในเจ็ดยอดพลาซ่า ซอยวัดเจ็ดยอด ห่างจากถนนเลียบคลองชลประทาน เข้าไปในซอยเจ็ดยอดเพียง 200 เมตร ติดกับทรัมส์ คอนโดมิเนียม รูปแบบร้านเรียบง่าย มีโซนที่กั้นไว้สำหรับประกอบอาหาร และโต๊ะนั่งสำหรับลูกค้าประมาณ 10 โต๊ะ




เมนูอาหารของที่นี่ถือว่าหลากหลายเมื่อเทียบกับร้านอาหารญี่ปุ่นลักษณะเดียวกัน ส่วนใหญ่เป็นอาหารชุด และข้าวหน้าต่างๆ แบบที่เรียกว่า “ดมบุริ” รับประทานง่าย  ตัวอย่างเช่น ชุดเทริยากิ (หมู ไก่) ชุดทงคัตซึ (หมู ไก่) ชุดย่างซีอิ้ว (ปลาซาบะ ปลาแซลมอล และปลาหมึก) ชุดคารูบิ (หมู ไก่) ชุดกุ้งเท็มปุระ เป็นต้น อาหารชุดจะเสิร์ฟพร้อมข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ ซุปเต้าเจี้ยว “มิโสะชิรุ” และกิมจิค่ะ


ใครอยากรับประทานหลายๆ อย่างก็เลือกเบนโตะเซ็ต เลือกได้ตามความชอบ อาหารเส้นก็มีนะคะ ทั้งอุด้งและราเม็ง มีให้เลือกกว่า ๒๐ รายการ สำหรับผู้ชื่นชอบซูชิและซาชิมิ (ปลาดิบ) ที่นี่ก็มีนะคะ สนนราคาถูกกว่าห้างหรูๆ เรียกได้ว่าโอะคะเนะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแบบยะไตที่มีอาหารญี่ปุ่นครบถ้วน ราคาอาหารถูกมาก ในปริมาณที่กินอิ่มพอดี เริ่มตั้งแต่ถูกสุด 39 บาท ไปจนถึงชุดปลาดิบรวม แพงสุด 239 บาท ส่วนใหญ่ราคาอยู่ระหว่าง 39 - 79 บาท ถูกและอร่อยมากค่ะ 


เมนูแรกที่อยากแนะนำคือข้าวชุดหมูทอด ราดซอสแบบญี่ปุ่น เนื้อหมูกรอบนอกนุ่มใน ข้าวหน้าหมูอบไข่ เป็นอาหารจานเดียว “ดมบุริ” สุดโปรดของฉัน รสชาติกลมกล่อม ข้าวร้อน อร่อยมาก เห็นถ้วยเล็กๆ แบบนี้แต่อิ่มพอดี ข้าวหมูย่างเทอริยากิ ย่างหอมๆ ราดซอสเทอริยากิ เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยญี่ปุ่นร้อนๆ กิมจิ และซุปมิโสะ ทานกันจนอิ่มแล้วก็ปิดท้ายด้วยแตงโมหวานๆ ที่ทางร้านบริการฟรีไม่เสียเงินเพิ่ม


ร้านโอะคะเนะ ถือเป็นร้านประจำ ไปบ่อยมากๆ ค่ะ ประทับใจรสชาติตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ลองรับประทาน แต่ละครั้งที่ไปจะเลือกสั่งเมนูที่แตกต่างไปจากเดิม เพราะอยากทดสอบอร่อยทุกอย่างจริงไหม ผลคือประทับใจเกือบทุกเมนูจริงๆ ค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าร้านธรรมดาๆ รสชาติจะอร่อยถูกใจได้ขนาดนี้


ร้านโอะคะเนะ ซูชิ – ราเมน เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 17:00 น. – 23:00 น. เพื่อนๆ นักชิมที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นไม่ควรพลาด

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :11:
101  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้าน สเต๊ก เชียงใหม่ / “สเต็กมีโชค” สเต็กบ้านๆ ฝีมีเชฟระดับภัตตาคาร เมื่อ: เมษายน 04, 2014, 10:08:01 AM
“สเต็กมีโชค” สเต็กบ้านๆ ฝีมีเชฟระดับภัตตาคาร

“มีโชคพลาซ่า” หรือที่คนเชียงใหม่เรียกกันติดปากว่า “กาดมีโชค” คือศูนย์รวมร้านค้า และร้านอาหารอีกแห่งหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ออกไปเล็กน้อย


จากสามแยกแม่โจ้ หรือสามแยกโรงพยาบาลเทพปัญญา มุ่งไปทางทิศเหนือ ตามถนนหมายเลข 1001 สายเชียงใหม่-พร้าว ประมาณ 1.6 กิโลเมตร ขับตรงไปเรื่อยๆ จนถึงสี่แยกรวมโชคมีชัย มีโชคพลาซ่า หรือกาดมีโชคตั้งอยู่ตรงสี่แยกพอดีค่ะ มองเห็นเด่นมาแต่ไกล ที่นี่มีของกินมากมายให้เพื่อนๆ นักชิมได้ลิ้มรส โดยเฉพาะในช่วงเย็น จะมีพ่อค้าแม่ขายมาตั้งร้านยั่วน้ำลายเราหลายเจ้า เรามากาดมีโชคครั้งนี้เพื่อมารับประทานสเต็กขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งในเมืองเชียงใหม่ ที่ร่ำลือกันว่าอร่อยและราคาย่อมเยา เพื่อนๆ นักชิมทั้งหลายมาลองชิม “สเต็กมีโชค” ด้วยกันนะคะ


ร้านสเต็กมีโชค อยู่ติดกับธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อนๆ หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้อาจจินตนาการว่าเป็นร้านสเต็กใหญ่โตหรูหรา เปล่าเลยค่ะ...สเต็กมีโชคเป็นเพียงร้านสเต็กเล็กๆ ริมทางเท้า ที่นี่มีโต๊ะไว้บริการลูกค้าประมาณ 10 โต๊ะ ทั้งโต๊ะใต้ชายคาธนาคารและโต๊ะภายในร้าน สเต็กที่นี่มีสูตรเฉพาะเป็นน้ำซอสเกรวี่ เจ้าของร้านผู้สร้างสรรค์ความอร่อยมีดีกรีเป็นถึงเชฟระดับภัตตาคาร ที่ปลดเกษียรตัวเองของมาทำงานอิสระที่รัก


เมนูมีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สเต็กหมู ไก่ เนื้อ ไส้กรอก ปลาแซลมอน แฮม เบคอน  พ็อคชอพ เฟรนช์ฟราย มันบด สามารถเลือกมิกซ์แต่ละอย่างได้ตามความชอบ จะรับประทานเป็นคู่ก็ได้ หรือจะเลือกเป็นเซ็ตสามอย่าง เช่น สเต็กหมู+เนื้อ สเต็กหมู+ไก่+มันบด ส่วนราคาเริ่มตั้งแต่ 45 - 130 บาท ขึ้นอยู่กับเราว่าจะเลือกจับคู่แบบไหน ทานมากราคาก็แพงขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่รับได้ค่ะ


ครั้งนี้เราเลือกทานสเต็กหมู+ไส้กรอก+มันบด และสเต็กไก่+ไส้กรอก+มันบด ราคาจานละ 80 บาท รอไม่นานสเต็กพร้อมไส้กรอกร้อนๆ ก็มาเสิร์ฟตรงหน้า น่าทานมาก สูตรน้ำซอสเกรวี่ของที่นี่อร่อย รสชาติเข้ากับเนื้อหมู ไก่ และไส้กรอกสูตรพริกไทยดำ มาพร้อมกับมันบดนุ่มลิ้น และผักลวกพอสุก แต่สำหรับคนชอบกินผักสดอย่างฉัน แอบเสียดายนิดหน่อย เพราะถ้าเป็นสลัดน้อยๆ ล่ะก็คงจะเริ่ดมากทีเดียว โดยรวมแล้วถือว่าอร่อยสมคำร่ำลือ



นอกจากสเต็กแสนอร่อยแล้ว ที่นี่ยังมีบริการอาหารอย่างอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็น แซนวิชแฮมชีส ทูน่าสลัดผัก ทูน่า เบคอน ราคา 40 – 60 บาท ส่วน และสปาเกตตีหมู ไก่ เนื้อ ไส้กรอก ปลา ราคา 55 – 80 บาท

ร้านเปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 16:00 น. – 22:00 น. หยุดทุกวันอาทิตย์ หากเพื่อนๆ มีโอกาสแวะมากาดมีโชค หรือเดินทางไปมหาวิทยาลัยแม่โจ้ อย่าลืมแวะมาชิมกันด้วยนะคะ รับรองไม่ผิดหวัง

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :111:
102  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้าน สเต๊ก เชียงใหม่ / อร่อยกับสเต็กไม่อั้น 120฿ ที่ “สเต็กการ์เด้น บุฟเฟต์” ซอยวัดเจ็ดยอด เมื่อ: เมษายน 04, 2014, 08:17:45 AM
อร่อยกับสเต็กไม่อั้น 120฿ ที่ “สเต็กการ์เด้น บุฟเฟต์” ซอยวัดเจ็ดยอด

ในเมืองเชียงใหม่มีบุฟเฟต์ให้เลือกตามรสนิยมของนักกินหลายสิบร้าน สเต็กเป็นอาหารอีกอย่างหนึ่งที่คนทั่วไปนิยมรับประทาน  แต่มีเพียงไม่กี่ร้านที่บริการแบบสเต็กแบบบุฟเฟต์ เลดี้ดาริกามีโอกาสไปลองลิ้มชิมรสสเต็กบุฟเฟต์ร้านหนึ่ง อยากมานำเสนอเพื่อนๆ เผื่อใครสนใจหรือชื่นชอบสเต็กอยู่แล้วจะตามไปรับประทานกัน


ร้านสเต็กการ์เด้นท์ บุฟเฟต์ ตั้งอยู่ในซอยวัดเจ็ดยอด ตรงข้ามกับเจ็ดยอดพลาซ่า ใครเอารถยนต์มาสามารถนำไปรอดได้ที่ลานจอดรถของเจ็ดยอดพลาซ่า ถ้าเอารถมอเตอร์ไซด์มาก็จอดหน้าร้านได้เลย ร้านเป็นบ้านไม้สองชั้น บริเวณชั้นล่าง และพื้นที่รอบๆ บ้านใช้เป็นร้านอาหาร จะมาเป็นคู่ หรือมาเป็นกลุ่มยกก๊วนก็ได้ มีโต๊ะให้บริการประมาณ 20 โต๊ะ รองรับลูกค้าได้ประมาณ 100 คน ภายในร้านดูเรียบง่าย สไตล์บ้านๆ อารมณ์ประมาณว่าเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ของคนในครอบครัว


มาถึงร้านสิ่งแรกที่ต้องทำคือจ่ายเงินที่แคชเชียร์ก่อนนะคะ คิดราคาคนละ 120 บาท น้ำเปล่าขวดใหญ่ 20 บาท ขวดเล็ก 10 บาท น้ำอัดลมขวดใหญ่ 30 บาท ขวดเล็ก 12 - 15 บาท อาหารก็มีให้เลือกหลากหลาย สเต็กหมู ไก่ ปลา ไส้กรอก เฟรนช์ฟราย ผักชุบแป้งทอด เนื้อไก่อร่อยดีคะ ส่วนเนื้อหมูเกือบสุก คนที่ชอบทานสุกๆ ก็อย่าลืมย้ำให้แม่ครัวทำสุกๆ ให้หน่อย น้ำราดสเต็กก็มีหลายสูตร ทั้งพริกไทยดำ เห็ดหอม เกรวี่ ตรงน้ำราดนี่แหล่ะที่เด็ดสุด ทำให้สเต็กอร่อยมากขึ้น เราได้ลองสูตรพริกไทยดำกับเห็ดหอมก็โอเคนะคะ



นอกจากสเต็กแล้วที่นี่ยังมีอาหารแบบอื่นด้วย ทั้งสลัดที่มีผักให้เลือกหลากหลาย ข้าวผัด มักกะโรนี สปาเกตตีและอาหารท่านเล่น ส้มตำ ยำหมู ขนมปังปิ้ง รสชาติถือว่าผ่านค่ะ หลังจากท่านกันจนอิ่มแล้ว ปิดท้ายด้วยของหวาน มีน้ำแข็งใสกับผลไม้ เรียกได้ว่ามาร้านนี้ที่เดียวมีให้ครบไม่ต้องไปต่อที่ไหนแล้ว กลับที่พักได้เลย


โดยรวมร้านนี้ถือว่าเป็นร้านสเต็กบุฟเฟต์ที่ใช้ได้เลยทีเดียว รสชาติดี มีอาหารอื่นๆ ให้เลือกหลากหลาย มีอาหารเติมอยู่ตลอด และสะอาดค่ะ แต่ขอเตือนก่อนนะคะว่าเวลาตักอาหารให้ตักแต่พอทาน อย่าตักเยอะจนเกินไป อาจจะท่านไม่หมด ทางร้านมีป้ายเตือนว่า “ท่านไม่หมดปรับ 100 บาท”



ร้านนี้เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 14.00 น. – 22.00 น. สำหรับใครที่จะมากันหลายคนแนะนำให้โทรไปจองโต๊ะก่อนนะคะ เพราะมีลูกค้ามาเรื่อยๆ อาจไม่มีที่นั่ง ติดต่อ 084-169-9099

เย็นนี้จะกินอะไรดีคะ...ลองให้สเต็กการ์เด้นท์ บุฟเฟต์ เป็นทางเลือกดีๆ สำหรับมือเย็นนี้ของคุณสิคะ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :20:
103  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / วัดท่าสะต๋อย ความผูกพันระหว่างวัดกับโรงเรียน เมื่อ: เมษายน 03, 2014, 10:34:47 AM
วัดท่าสะต๋อย ความผูกพันระหว่างวัดกับโรงเรียน

วัดกับโรงเรียนเป็นสถานที่ที่อยู่คู่กันมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล หลายๆ วัดจะมีโรงเรียนอยู่คู่กัน เนื่องจากในสมัยก่อนวัดคือแหล่งศึกษาหาความรู้ของชาวบ้าน จึงมีการสร้างโรงเรียนประจำวัดขึ้นมาเพื่อให้ลูกหลานของชาวบ้านได้มีที่เรียนหนังสือ


วัดท่าสะต๋อย ตั้งอยู่ที่ตำบลวัดเกต อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ใกล้กับถนนเชียงใหม่ - ลำพูน ห่างจากสะพานนวรัฐเพียง ๗๐๐ เมตร วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อประมาณช่วงต้นราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ ในยุคเก็บผักใส่ซ้าเก็บข้าใส่เมือง ซึ่งพระเจ้ากาวิละพยายามฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่ให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง หลังตกเป็นเมืองขึ้นของพม่ากว่า ๒๐๐ ปี พระองค์มีนโยบายการกวาดต้อนผู้คนจากหัวเมืองต่างๆ ในแว่นแคว้นล้านนา มาเป็นพลเมืองของเชียงใหม่ และหนึ่งในนั้นคือชาว “สะต๋อย” ชาวบ้านกลุ่มนี้อพยพมาตั้งถิ่นฐานบริเวณชุมชนท่าสะต๋อยในปัจจุบัน



ภายในวัดท่าสะต๋อย แบ่งออกเป็นสองส่วน คือเขตสังฆวาส และเขตโรงเรียนเทศบาลวัดท่าสะต๋อย แต่ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน ไม่มีรั้วกั้น  ประหนึ่งความผูกพันระหว่างวัดกับโรงเรียนที่ไม่มีอะไรมาขวางกัน เราจะเห็นเด็กๆ วิ่งเล่นไปมาระหว่างสองพื้นที่ได้อย่างเสรี ในวันสำคัญทางศาสนา เราอาจเห็นนักเรียนเข้าไปฟังเทศน์ในวิหาร   

วิหารวัดท่าสะต๋อย

สิ่งที่สะดุดตามเราตั้งแต่ก่อนเข้าวัดคือด้านหลังของพระวิหาร โดดเด่นด้วยลายปูนปั้นประดับด้วยกระจกหลากสีบนซุ้มโขงที่ละเอียดประณีต ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดเล็ก เบื้องหน้าเป็นรูปปั้นพระแม่ธรณีบีบมวยผม บริเวณนี้แวดล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่แลดูสบายตา

ด้านหลังพระวิหาร


ด้านหน้าพระวิหาร หน้าบันเป็นงานแกะสลักไม้รูปเทพพนม และลายพรรณพฤกษา ใต้โก่งคิ้วทั้งด้านซ้ายและขวาเป็นรูปปั้นนูนต่ำของพระอาจารย์สองท่าน ซุ้มโขงทางเข้ามีรูปปั้นนกยูงสัญลักษณ์ของล้านนา ภายในประดิษฐานหมู่พระพุทธรูปปางมารวิชัย  ส่วนที่ผนังเป็นงานจิตรกรรมเล่าเรื่องพุทธประวัติ

พระเจดีย์ของวัด

พระเจดีย์อยู่ในเขตโรงเรียน ตั้งอยู่บนอาคารแห่งหนึ่ง เจดีย์เป็นศิลปะล้านนาอิทธิพลสุโขทัย แต่ละมุมมีเจดีย์บริวารองค์เล็กประจำอยู่ ฐานเป็นสี่เหลี่ยมย่อเก็จยกสูง แต่ละด้านมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่ในซุ้มจระนำ ถัดขึ้นไปเป็นมาลัยเถาสิบหกเหลี่ยมรับกับองค์ระฆังคว่ำ ส่วนยอดเป็นฉัตรสีทองเจ็ดชั้น

พระเจ้าทัใจองค์ใหญ่

พระเจ้าทันใจ อยู่ติดกับพระเจดีย์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสีขาวองค์ใหญ่ประทับอยู่บนฐานบัว

นอกจากนั้นภายในวัดยังมีศาลาบูรพาจารย์ เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นของครูบาบุญมี ครูบาสิทธิ และสมเด็จพระพุฒาจารย์ ข้างๆ เป็นศาลพระพิฆเณศ ให้ผู้มาเยือนได้สักการะอีกด้วย


เมื่อระบบการศึกษาสมัยใหม่เกิดขึ้น วัดกับโรงเรียนถูกแยกบทบาทออกจากกันชัดเจน ความสำคัญของวัดต่อชุมชน และเยาวชนลดลง เหลือโรงเรียนเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ยังมีสายใยเชื่อมโยงเข้าไว้ด้วยกัน อย่างที่เราเรียกว่าโรงเรียนวัด และโรงเรียนวัดนี่เอง ที่อาจเป็นตัวแปลสำคัญที่ทำให้เยาวชนคนรุ่นใหม่เข้าใกล้พระศาสนามากขึ้น

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :111:
104  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / วัดฝายหิน ศูนย์รวมใจของชาวมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อ: เมษายน 03, 2014, 10:07:15 AM
วัดฝายหิน ศูนย์รวมใจของชาวมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

วัดฝายหิน ตั้งอยู่ที่ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ อยู่บริเวณเนินเขาเตี้ยๆ หลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วัดนี้ไปได้สองทางคือจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และจากประตูวิศวะไปทางดอยสุเทพ ไปจนสุดเขตมหาวิทยาลัย จะพบทางแยกทางขวามือ ไปตามนั้นประมาณ ๕๐๐ เมตรก็จะถึงวัด



วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยใดนั้นไม่ปรากฏแน่ชัด ทราบเพียงแต่ว่าเป็นพระอารามสาขาของวัดป่าแดงมหาวิหาร ตั้งแต่สมัยพระเจ้าติโลกราช เคยเป็นวัดที่พำนักของพระอภัยสาระทะ สังฆปาโมกข์ อดีตปฐมสังฆราชแห่งล้านนาไทย หรือที่รู้จักกันดีว่า “ครูบาวัดฝายหิน” และเป็นเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่รูปแรกอีกด้วย ต่อมาในปี ๒๕๑๒ ได้มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ขึ้นมา วัดฝายหินจึงได้อยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของมหาวิทยาลัย

วิหารของวัดฝายหิน เป็นสถาปัตยกรรมล้านนาเรียบง่าย

วัดฝายหินเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของคณาจารย์ นักศึกษา และเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัย ในวันสำคัญต่างๆ อาทิ วันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา ทางวัดจะจัดกิจกรรมให้ชาวมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมทำบุญ ทั้งกิจกรรมเวียนเทียน ตักบาตรเทโว ฯลฯ วัดนี้จึงเปรียบเสมือนศูนย์รวมจิตใจของชาวมอชอ ที่อยู่คู่กันมาตั้งแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ทางวัดได้เปิดโรงเรียนบาลีสาธิตศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ วัดสวนดอก เพื่อบริการการศึกษาพระธรรม

พระประธานภายในพระวิหาร

บรรยากาศภายในวัดร่มรื่นมาก เพราะอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ทำให้มีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นอยู่ทั่วไปภายในวัด พระวิหารสถาปัตยกรรมล้านนา ดูเรียบง่าย หน้าบันเป็นลวดลายพฤกษา เทคนิคพ่นสีบนพื้นไม้ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิ และมีรูปครูบาวัดฝายหินขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้าพระประธาน

พระเจดีย์ศิลปะล้านนาขนาดไม่ใหญ่นัก เป็นเจดีย์ประธานของวัด

พระเจดีย์ ศิลปะล้านา อยู่ด้านหลังพระวิหาร  บรรจุอัฐิธาตุของครูบาวัดฝายหิน องค์เจดีย์ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม ถัดขึ้นไปเป็นฐานย่อเก็จยกสูงรับกับมาลัยเถาสิบสองเหลี่ยมซ้อนกันห้าชั้น รับกับองค์ระฆังคว่ำสิบสองเหลี่ยม ส่วนยอดเป็นฉัตรสีทองเก้าชั้น ทั้งองค์เจดีย์หุ้มด้วยทองจังโก

พระอุโบสถของวัด

พระอุโบสถ สถาปัตยกรรมล้านนา หลังคาซ้อนกันสามชั้น หน้าบันประดับด้วยลายปูนปั้นพรรณพฤกษาบนพื้นกระจกสีเขียว ราวบันไดด้านหน้าเป็นมกรคายนาคสีทอง

ทางขึ้นเดินสู่วิหารจัตุรมุข/color]

ภายในวิหารจัตุรมุข

พระวิหารจัตุรมุขตั้งอยู่บริเวณหลังวัด โดดเด่นด้วยราวบันไดพญานาคสีเทาตาสีแดงกล่ำ ดูแล้วล้ำยุคมากๆ อธิบายไม่ถูกเพื่อนๆ ต้องไปพิสูจน์ด้วยตาตนเอง หน้าบันพระวิหารเป็นลายปูนปั้นรูปช้างเอราวัณ และลายพรรณพฤกษา ภายในประดิษฐานพระปางมารวิชัยสีขาวเป็นพระประธานอยู่ในซุ้มโขงที่เป็นรูปหัวมังกร เบื้องหน้ามีรูปเหมือนครูบาวัดฝายหินประดิษฐานอยู่ด้วย

ศาลาแปดเหลี่ยมประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง



ศาลาแปดเหลี่ยม เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนเปิดโล่ง ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย และรอยพระพุทธบาท


นอกจากปูชนียสถานดังที่กล่าวแล้ว วัดฝายหินยังมีสถานีวิทยุกระจายเสียงในความถี่ ๑๐๔.๕๐ เมกเฮิรตซ์ กำลังส่ง ๓๐ วัตต์ อีกด้วย ไม่ธรรมดาเลยใช่ไหมคะเพื่อนๆ ใครว่างๆ ก็ลองเปิดฟังดูนะคะ เผื่อจะช่วยให้จิตใจสงบขึ้น นอกจากเป็นศาสนสถานแล้ว ยังเผยแผ่ความรู้ทางธรรมให้ผู้สนใจอย่างนี้ สมกับเป็นวัดของสถาบันการศึกษาจริงๆ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :11:
105  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านหมูกะทะ ปิ้งย่าง จิ้มจุ่ม ชาบู สุกี้ เชียงใหม่ / ไฮโซหมูกระทะ อีกหนึ่งหมูกระทะคุณภาพในเมืองเชียงใหม่ เมื่อ: เมษายน 03, 2014, 01:47:43 AM
ไฮโซหมูกระทะ อีกหนึ่งหมูกระทะคุณภาพในเมืองเชียงใหม่

หมูกระทะ หรือปิ้งย่างสไตล์เกาหลีเป็นอาหารที่เข้ามามีอิทธิพลในเมืองไทยตั้งแต่สมัยฉันเรียนมัธยมปลาย นั่นก็เมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว เพื่อนๆ นักเรียนชอบกินกันมาก มันเหมือนการสังสรรค์รูปแบบหนึ่ง ได้พบปะพูดคุยกันในเรื่องไร้สาระต่างๆ นาๆ ไม่น่าแปลกใจที่ร้านหมูกระทะจะผุดขึ้นรวดเร็วไม่ต่างกับ 7-11 แค่ในตัวเมืองเชียงใหม่ก็มีไม่รู้กี่สิบร้านแล้ว คู่แข่งมีเยอะขนาดนี้ แต่ละร้านจึงต้องพยายามหาวิธีดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาอุดหนุนเยอะๆ ส่วนตัวก็ไปทานมาหลายร้าน จนกระทั่งมาเจอร้านนี้ เรียกว่าถูกใจ จึงบอกต่อ อยู่ไม่ไกลจากย่านนิมมานฯ ค่ะ เดินทางสะดวกมาก



ไฮโซหมูกระทะ สาขา ๗ นิมมานเหมินท์ เอาชื่อหรูๆ มาล่อเสียหน่อย ตอนแรกที่เห็นชื่อร้านก็แอบคิดว่าเว่อร์ไป เลยตัดสินใจว่าต้องลอง ร้านนี้เข้าได้สองทางค่ะ ถ้ามาจากม.เชียงใหม่ จากประตู ปตท. มาถนนนิมมานฯ แค่ข้ามสะพานตรงแยกนั้นแล้วชินซ้ายก็จะเห็นป้ายร้านแล้วค่ะ หรือถ้ามาจากถนนนิมมาน ให้เข้าซอย ๑๒ ทางเข้าร้านอยู่สุดซอยเยื้องๆ กับโรงแรมคันธารี

ที่จอดรถกว้างขวาง

บริเวณร้านมีที่จอดรถกว้างขวาง ใครเอารถยนต์มาหายห่วง บรรยากาศภายในร้านต้องขอชมเชยว่าสะอาดใช้ได้เลยค่ะ ไม่เคยเจอร้านไหนสะอาดเท่านี้มาก่อน อาคารโปร่งโล่งสบาย หลังคาสูงระบายอากาศได้ดี ควันไม่คลุ้งเกินไปจนหัวเหม็นระดับ 10 (หมูกระทะกับหัวเหม็นเป็นของคู่กัน)




เลือกโต๊ะเสร็จสรรพแล้ว ก็ไปเลือกอาหารสดที่จะมาปิ้งกัน มีให้เลือกมากมายทั้งหมู เนื้อ แฮม เบคอน เครื่องใน ไก่ ปลา ทะเล หลายๆ อย่าง ไม่ใช่มีแค่แบบเดียวนะคะ มีทั้งสูตรนุ่ม ธรรมดา พริกไทยดำ นอกจากนั้นยังมีไข่ไก่ หมี่หยก สาหร่าย วุ้นเส้น ผักต่างๆ ก็มาครบ ผักชี ผักกาด กวางตุ้ง ผักบุ้ง ดอกกะหล่ำ   ที่สำคัญแต่ละอย่างสดใหม่ และมีป้ายบอกด้วยว่ามันคืออะไร เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนคงเคยพบกับความงงงวยว่าไอ้นี่เนื้ออะไรหว่า? นอกจากอาหารสดแล้วยังมีของท่านเล่นต่างๆ หลายรายการ เฟรนซ์ฟรายทอด ทอดมัน ไก่กุ้งชุบแป้งทอด 



ร้านหมูกระทะส่วนใหญ่ก็จะมีอาหารคล้ายๆ กันแต่จะไปวัดกันตรงที่สูตรหมักเนื้อต่างๆ และที่สำคัญคือสูตรน้ำจิ้มที่จะเป็นทีเด็ดมัดใจลูกค้า สำหรับร้านนี้สอบผ่านค่ะ เนื้อสูตรต่างๆ พอเอาไปปิ้งแล้วยังคงรสชาติของสูตรนั้นๆ และยิ่งเอาไปจิ้มกับน้ำจิ้มสุกี้หรือทะเลด้วยแล้ว เข้ากันดีค่ะ


หลังจากทานกันจนอิ่มหนำสำราญแล้ว ทางร้านก็มีของหวานเอาไว้บริการด้วย มีทั้งน้ำแข็งใส ข้าวโพดอบเนย ไอศกรีม เรียกได้ว่าครบสูตรคาวหวาน จากนั้นก็จ่ายค่าอาหารเบ็ดเสร็จทานกันสองคน น้ำเปล่าหนึ่งขวด น้ำแข็งหนึ่งถัง เสียไปประมาณ ๓๕๐ บาท ร้านนี้ถ้าจะมีข้อเสนอแนะก็มีอยู่สองเรื่องคือกระทะที่มันชันไปหน่อย เวลาปิ้งชอบหล่น และน้ำเปล่าขวดใหญ่แพงไปนิดหนึ่ง

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  916
106  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / วัดป่าแดง ความเงียบสงบท่ามกลางความวุ่นวายหลังมอชอ เมื่อ: เมษายน 02, 2014, 11:14:18 PM
วัดป่าแดง ความเงียบสงบท่ามกลางความวุ่นวายหลังมอชอ

หลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นอีกย่านหนึ่งที่ครึกครื้นอยู่ตลอดเวลา เพราะเต็มไปด้วยหอพัก ร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ มากมาย  แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าแถวนี้ก็มีวัดด้วย ไม่ได้หมายถึงวัดอุโมงค์นะคะ แต่เป็นวัดเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนเนินเขา อยู่ไม่ไกลจากย่านหลังมอ ครั้งนี้อยากจะพาเพื่อนๆ ไปหาความสงบที่วัดนี้กันค่ะ

บันไดนาคทางขึ้นวัดป่าแดง


วัดป่าแดงมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จากปากทางเข้าซอยวัดอุโมงค์ตรงถนนสุเทพ ประมาณ ๒๐๐ เมตร จะพบกับทางแยกทางขวามือตรงข้ามกับ 7-11 เลี้ยวเข้าไปประมาณ ๖๕๐ เมตร ก็จะถึงวัด

บรรยากาศในวัดร่มรื่นและเงียบสงบ


ทางเข้าวัดเป็นบันไดนาคทอดยาวขึ้นสู่เนินเขา คล้ายๆ กับพระธาตุดอยสุเทพ เมื่อขึ้นไปถึงด้านบน จะพบกับความสงบร่มรื่นของดงไม้แดง อันเป็นที่มาของชื่อวัด วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๑๙๗๔ โดยพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์พระองค์ที่ ๙ แหงราชวงศ์มังราย เพื่อเป็นสถานที่พำนักของพระมหาญาณคัมภีร์และคณะที่เดินทางกลับมาจากการศึกษาพุทธศาสนาจากศรีลังกา ซึ่งพระมหาญาณคัมภีร์ได้อัญเชิญพระไตรปิฎก พระพุทธรูป และต้นโพธิ์จากศรีลังกามาปลูกที่วัดแห่งนี้อีกด้วย


วัดป่าแดงจึงกลายเป็นศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนาฝ่ายสิงหลในดินแดนล้านนา พระเจ้าติโลกราชทรงผนวชที่วัดนี้เมื่อปี ๑๙๙๐ อีกด้วย ต่อมาเมื่อพม่าเข้ามายึดครองดินแดนล้านนา ทำให้วัดป่าแดงและวัดอื่นๆ ถูกปล่อยให้รกร้าง จนกระทั่งในสมัยรัตนโกสินทร์ได้มีการบูรณะให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมจนถึงในปัจจุบัน

พระวิหารวัดป่าแดง สถาปัตยกรรมเก่าแก่ เรียบง่าย



พระวิหารโบราณสถาปัตยกรรมล้านนา คือปูชนียสถานแห่งแรกที่เราพบหลังจากเดินขึ้นบันไดมากว่า ๑๒๐ ขั้น หลังคาซ้อนกัน ๓ ชั้น ช่อฟ้าและนาคสะดุ้งพึ่งได้รับการบูรณะเมื่อไม่นานมานี้ หน้าบันอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ เป็นลายปูนปั้นพรรณพฤกษาและรูปสัตว์ต่างๆ มีแก้วลูกใหญ่สีเขียวประดับอยู่ด้านบนสุด ประตูทางเข้าแปลกไม่เหมือนใคร เป็นไม้แกะสลักเป็น ๘ เหลี่ยมประดับด้วยกระจกหลายสี ด้านหลังมีกู่ที่ติดกับพระวิหารอีกด้วย ภายในประดิษฐาน”พระพุทธรูปปางมารวิชัย” มีขนาดหน้าตักกว้าง ๕๕ นิ้ว สูง ๗๒ นิ้ว จำลองมาจากพระเจ้าเก้าตื้อในพระอุโบสถวัดสวนดอก


พระเจดีย์อยู่ด้านหลังพระวิหาร มีอยู่ ๒ องค์ องค์ที่อยู่ตรงกลางเป็นเจดีย์ศิลปะล้านนาผสมกับพม่า สร้างขึ้นในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๑ เพื่อเป็นสถานที่บรรจุพระอัฐิของพระเจ้าสามฝั่งแกน กษัตริย์พระองค์ที่ ๘ แห่งราชวงศ์มังราย ฐานเป็นสี่เหลี่ยมย่อเก็จยกสูงเหนือขึ้นไปเป็นฐานอีกชั้นหนึ่ง แต่ละด้านมีซุ้มโขง ถัดขึ้นไปเป็นองค์เจดีย์ทรงระฆังคว่ำประดับด้วยกระจกสีตามแบบฉบับพม่า ส่วนยอดเป็นฉัตรสีทอง ๕ ชั้น ส่วนเจดีย์อีกองค์หนึ่งเป็นศิลปะล้านนาตั้งอยู่บนฐานย่อเก็จรับกับมาลัยเถา ๕ ชั้น ถัดขึ้นไปเป็นองค์ระฆังคว่ำ  ส่วนยอดเป็นฉัตร ๕ ชั้น องค์นี้สันนิษฐานว่าภายในบรรจุอัฐิของเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งก็เป็นได้

พระอุโบสถโบราณ

ด้านหลังพระอุโบสถ

หลังจากชมศาสนสถานบนเนินเขาแล้ว ขากลับอย่าลืมแวะชมพระอุโบสถที่อยู่ด้านล่างด้วยนะคะ พระอุโบสถหลังนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ๑๙๙๕ โดยพระเจ้าติโลกราช โดยสร้างบนสถานที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระบิดาและพระราชมารดา

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :111:
107  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / เยือนวัดเกาะกลาง ชมพระวิหารลายปูนปั้นสมัยใหม่ลวดลายวิจิตร เมื่อ: เมษายน 02, 2014, 10:18:58 PM
เยือนวัดเกาะกลาง ชมพระวิหารลายปูนปั้นสมัยใหม่ลวดลายวิจิตร

หลังจากตระเวนไปเที่ยววัดต่างๆ ทั้งในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ และรอบนอก ทำให้รู้สึกว่าเมืองนี้มีวัดสวยๆ แปลกๆ มากมาย ครั้งนี้ขอนำเสนอวัดสวยอีกแห่งหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ใช่วัดเก่าแก่อะไร แต่ก็มีความสวยโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครค่ะ


วัดเกาะกลาง ตั้งอยู่ที่ตำบลป่าแดด อำเภอเมืองเชียงใหม่ จากสะพานสมโภชเชียงใหม่ ๗๐๐ ปีมุ่งหน้าลงใต้มาตามถนนเลียบแม่น้ำปิงประมาณ ๔๕๐ เมตร จะพบกับสะพานป่าแดด แค่ข้ามสะพานมาอีกฝั่ง ก็จะพบวัดเกาะกลาง ตั้งอยู่ทางขวามือ วัดนี้เดิมชื่อว่า “วัดปางสนุกนางเหลียว” สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๑๐ ไม่ทราบนามผู้สร้าง

บรรยากาศภายในวัด

พระวิหารของวัด ประดับลายปูนปั้นสวยงาม


บรรยากาศภายในวัดค่อนข้างร่มรื่น มีไม้น้อยใหญ่ให้ร่มเงา เหมาะสำหรับการหลบพักอากาศร้อนๆ ในตอนนี้ยิ่งนัก จุดเด่นของวัดนี้คงหนีไม่พ้นพระวิหารสีฟ้าขาว สถาปัตยกรรมล้านนาที่สะดุดตามาแต่ไกล สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๙ หลังคาซ้อนกัน ๓ ชั้น บริเวณด้านหน้ามีลายปูนปั้นประดับอยู่แทบทุกตารางนิ้ว ซึ่งในตอนสร้างใช้สล่า (ช่าง) ฝีมือเยี่ยม และมีสูตรปูนปั้นที่ทำให้ลวดลายที่บรรจงปั้นบนผนังติดทนนาน แต่ละลายใช้ตัวอย่างจากโบราณสถานที่สำคัญๆ ในเชียงใหม่และลำปาง ลายบนหน้าบันเป็นลายพรรณพฤกษา ธรรมจักร และสัตว์ต่างๆ ราวบันไดรูปมกรคายนาคด้านหน้าสวยงามประณีตมากๆ ซุ้มประตูโขงก็เป็นงานฝีมือที่ละเอียดไม่แพ้กัน ภายในประดิษฐานพระปางมารวิชัยเป็นพระประธาน เสาแต่ละต้นประดับด้วยมุก ส่วนที่ผนังเป็นจิตรกรรมเล่าเรื่องวิถีชีวิตของชุมชุนบ้านเกาะกลาง และประวัติความเป็นมาของวัด

พระเจดีย์ตั้งอยู่หลังพระวิหาร


พระเจดีย์ศิลปะพม่า อยู่ด้านหลังพระวิหาร ตั้งอยู่บนฐานบัว ๓ ชั้น องค์เจดีย์มีลายปูนปั้นประดับด้วยแก้วหลากสี ส่วนยอดเป็นฉัตรสีทอง ๗ ชั้น

พระอุโบสถ

พระอุโบสถ ตั้งอยู่ด้านข้างพระวิหาร เป็นสถาปัตยกรรมล้านนา หน้าบันเป็นปูนปั้นรูปนกยูง สัญลักษณ์ของล้านนา ประตูทางเข้าเป็นลายรดน้ำรูปชายหญิง

หอไตร

หอไตร สถาปัตยกรรมล้านนา เป็นอาคาร ๒ ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ หน้าบันเป็นงานแกะสลักไม้รูปพรรณพฤกษา


พระบรมราชานุเสาวรีย์รัชกาลที่ ๕

นอกจากนั้นภายในวัดยังมีจุดอื่นๆ ที่น่าสนใจคือ โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม เปิดสอนเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๗ ศาลาพระอยู่ข้างหลังหอไตร หอเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา หอกลอง และอนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิง

วิวแม่น้ำหลังวัด

ศาลพระพรหม

วัดเกาะกลาง แม้ว่าจะเป็นวัดใหม่ที่ไม่ได้มีประวัติศาสตร์อันยืนยาว แต่ก็เป็นวัดที่มีความโดดเด่นทางด้านศิลปกรรมเป็นอย่างมาก อีกทั้งวัดนี้ยังเปรียบเสมือนวัดครูของช่างปูนปั้นสมัยใหม่ ช่างคนไหนที่รับงานสร้างวัดที่อื่น ก็ต้องมาดูงานปูนปั้นที่วัดนี้ เพื่อนๆ ที่หลงรักในงานพุทธศิลป์อย่าลืมแวะชมความสวยงามอัน      วิจิตรกระการตาที่วัดเกาะกลางกันด้วยนะคะ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  912
108  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / วัดกู่เสือ พระอารามสงบงามบนถนนต้นยางเก่าแก่ เมื่อ: เมษายน 02, 2014, 04:00:36 PM
วัดกู่เสือ พระอารามสงบงามบนถนนต้นยางเก่าแก่

ถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน เป็นถนนที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร เพราะมีต้นยางขนาดใหญ่เรียงรายอยู่ตลอดสองข้างทาง ยามใดที่มีโอกาสได้สัญจรบนถนนสายนี้ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดินทางอยู่ระหว่างโลกที่ผสานอดีตกับปัจจุบันไว้ด้วยกัน นอกจากความยิ่งใหญ่ของต้นยางแล้ว ยังมีวัดที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชุมชนตั้งอยู่หลายวัด แต่ก็ไปสะดุดตากับทางเข้าวัดแห่งหนึ่งที่เป็นพญานาคสีขาวสองตนทอดตัวยาวนำไปสู่เขตพัทธสีมาของวัดแห่งนี้

ทางเข้าวัดกู่เสือ ต้นไม้ร่มรื่นมาก

วัดกู่เสือตั้งอยู่บนถนนเชียงใหม่-ลำพูน ตำบลยางเนิ้ง อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๐๔ เดิมชื่อว่า “วัดปูเสื้อ” ตำนานเล่าว่าก่อนที่จะตั้งวัด ณ บริเวณปัจจุบัน วัดแห่งนี้เคยตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง มีพระธุดงค์รูปหนึ่งเดินทางมาพักที่นี่ ชาวบ้านในละแวกนี้ต่างพากันมากราบไหว้ นำภัตตาหารมาถวาย เมื่อเห็นว่าท่านไม่มีอะไรรองนั่ง จึงถอดเสื้อให้ปูนั่ง เมื่อท่านสร้างวัดขึ้นในบริเวณดังกล่าว จึงตั้งชื่อพระอารามว่า “วัดปูเสื้อ” เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น

บรรยากาศภายในวัด


ต่อมาวันนี้ถูกน้ำท่วม ประกอบกับเมืองเชียงใหม่ทำศึกสงครามกับพม่า วัดจึงร้างในที่สุด เมื่อมีคนอพยพมาตั้งถิ่นฐานใหม่ เห็นว่าวัดปูเสื้อเหลือแต่ซาก ปฏิสังขรณ์ให้ดีดังเดิมได้ยาก จึงย้ายมาสร้างวัดบริเวณฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิง ซึ่งมีกู่ร้าง (เจดีย์ร้าง) ตั้งอยู่ก่อนแล้ว จึงสร้างเจดีย์ครอบกู่องค์เดิมไว้ และตั้งชื่อใหม่ว่า “วัดกู่เสือ” เนื่องจากมีเสือท้องแก่ตัวหนึ่งมาคลอดลูกใกล้ๆ

ศาลาครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา


บรรยากาศภายในวัดเป็นระเบียบเรียบร้อย แลดูสะอาด ต้นไม้พอมีให้ความร่มรื่นกับผู้มาเยือน จุดแรกที่จะพาไปชมคือ ศาลาครูบาศรีวิชัย อยู่บริเวณทางเข้าวัดเลยค่ะ เป็นอาคารสถาปัตยกรรมไทใหญ่ หลังคาซ้อนกัน ๕ ชั้น ภายในเป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนครูบาศรีวิชัย และพระสีวลี ฝั่งตรงข้ามเป็นวิหารจตุรมุขขนาดเล็กส่วนยอดเป็นองค์ระฆังคว่ำสีขาวภายในเป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนของพระครูท่านหนึ่ง คาดว่าเป็นผู้สร้างวัดนี้

พระวิหารของวัด


หมู่พระประธานภายในวิหาร

พระวิหาร เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนสถาปัตยกรรมล้านนา หลังคาซ้อนกัน ๒ ชั้น หน้าบันเป็นงานแกะสลักไม้ลวดลายพรรณพฤกษา ผนังด้านหน้ามีงานจิตรกรรมรูปรามสูรขว้างขวาน ซุ้มประตูทางเข้าเป็นปูนปั้นรูปเทพพนมล้อมรอบด้วยลายพรรณพฤกษา ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยเป็นพระประธาน ส่วนที่ฝาผนังมีจิตรกรรมเล่าเรื่องพุทธประวัติ และทศชาติชาดก

พระเจดีย์ประธานของวัดกู่เสือ "พระเจดีย์สะหลีพยัคฆาวนาราม"

พระเจดีย์สะหลีพยัคฆาวนาราม ศิลปะล้านนา อยู่ด้านหลังพระวิหาร ฐานล่างสุดเป็นฐานสี่เหลี่ยมรับกับฐานย่อเก็จ ๔ ชั้น มีปูนปั้นรูปเสือหลายตัววางเรียงรายอยู่ เหนือขึ้นไปเป็นฐานย่อเก็จยกสูงรับกับมาลัยเถา ๗ ชั้น ถัดขึ้นไปเป็นองค์ระฆังคว่ำ ส่วนยอดเป็นฉัตรสีทอง ๗ ชั้น

พระอุโบสถ

ศาลาจตุรมุข

พระอุโบสถ อยู่ด้านข้างพระเจดีย์ สถาปัตยกรรมล้านนา บริเวณหน้าบันตลอดจนเสาและประตูทางเข้าโดดเด่นด้วยลายปูนปั้นสีทองตัดกับพื้นสีแดง พื้นที่ส่วนนี้เป็นเขตสังฆกรรมนะคะ ฆราวาสอย่างเราไม่ควรเข้าไปในนั้นค่ะ เพียงแค่ชมความงามภายนอกก็พอแล้ว


นอกจากนั้นภายในวัดยังมีจุดอื่นๆ ที่น่าสนใจ คือ หอไตร ศาลามาต๋ามหน้าบุญ ศาลเจ้าพ่อไวยทัต และพระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่องอยู่ใต้ต้นโพธิ์ ส่วนการเดินทางมาสู่วัดนี้จากสี่แยกหนองหอยมาตามถนนเชียงใหม่-ลำพูนประมาณ ๔.๖ กิโลเมตร พอเห็นพญานาคสีขาวก็เลี้ยวเข้าไปในวัดได้เลยค่ะ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  904
109  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / วัดฟ้าฮ่าม พระอารามเก่าแก่ริมแม่น้ำปิง เมื่อ: เมษายน 02, 2014, 02:44:50 PM
วัดฟ้าฮ่าม พระอารามเก่าแก่ริมแม่น้ำปิง

ข้าวซอยเสมอใจฟ้าฮ่ามเป็นร้านอาหารขึ้นชื่ออีกร้านหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ ที่เกริ่นแบบนี้ไม่ได้จะพาไปชิมข้าวซอยนะคะ แต่กำลังจะพาไปวัดฟ้าฮ่าม วัดที่อยู่ติดกับร้านนี้ หลายๆ คนที่มาทานข้าวซอยก็จะเอารถมาจอดที่วัด เสร็จแล้วก็ขับกลับออกไป ก็เลยอยากจะแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกับวัดนี้ให้มากกว่าเป็นสถานที่จอดรถค่ะ



วัดฟ้าฮ่าม ตั้งอยู่บนถนนเจริญราษฎร์ ตำบลฟ้าฮ่าม อำเภอเมืองเชียงใหม่ อยู่ห่างจากถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เพียง ๖๐๐ เมตร วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๑๙๓๔ โดยพระเจ้าแสนเมืองมา กษัตริย์พระองค์ที่ ๗ แห่งราชวงศ์มังราย มีตำนานเล่าว่า พระเจ้าพรหม เจ้าเมืองเชียงราย ได้นำพระพุทธสิหิงค์มาถวายให้กับพระเจ้าแสนเมืองมา โดยล่องมาตามแม่น้ำปิง และอัญเชิญขึ้นที่ท่าวังสิงห์คำ ทันใดนั้นเองได้เกิดปาฏิหาริย์ ฟ้าที่สว่างกลับมืดมิด และมีรัศมีจากพระพุทธสิหิงค์พุ่งเป็นลำแสงสีทองไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และสิ้นสุด ณ ที่แห่งหนึ่ง พระเจ้าแสนเมืองมาจึงโปรดเกล้าให้สร้างพระอารามบริเวณที่ลำแสงนั้นสิ้นสุด พระราชทานนามว่า “อารามฟ้าฮ่าม” หมายถึง ฟ้าสว่าง อารามเรืองเรือง ส่วนพระพุทธสิหิงค์นำไปประดิษฐานที่วัดพระสิงห์จนถึงปัจจุบัน

บรรยากาศภายในวัด

ภายในวัดด้านหน้าเป็นลานกว้างสำหรับเป็นที่จอดรถ ซึ่งตอนที่เราเข้าไปก็มีรถจอดเต็มไปหมด คงเป็นลูกค้าของร้านข้าวซอย บรรยากาศร่มรื่นดีค่ะ มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาเป็นร่มเงาให้ผู้หลบร้อนได้พักอาศัย ใต้ต้นโพธิ์เป็นวิหารพระเจ้าแสนเมืองมา ผู้สร้างวัดนี้

พระวิหารของวัดฟ้าฮ่าม


พระวิหาร สถาปัตยกรรมล้านนา ตั้งโดดเด่นอยู่กลางวัด หลังคาซ้อนกัน ๒ ชั้น หน้าบันเป็นงานแกะสลักไม้รูปเทพพนมและลายพรรณพฤกษา ส่วนหน้าบันด้านหลังเป็นลายเหมือนกันแต่ทำจากกระจกหลากสี ประมาณสักบ่ายสามโมงแดดจะสาดแสงมากระทบกับกระจกสีสะท้อนแวววับงดงามยิ่งนัก ด้านหน้าพระวิหารมีไม้กลายเป็นหินขุดขึ้นมาจากก้นแม่น้ำปิง อายุมากกว่าพันปี ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยเป็นพระประธาน ฝาผนังมีงานจิตกรรมเล่าเรื่องพุทธประวัติและทศชาติชาดก

พระประธานในพระวิหาร


พระเจดีย์ประธาน

พระเจดีย์ ศิลปะล้านนา อยู่ด้านหลังพระวิหาร ฐานด้านล่างสุดเป็นสี่เหลี่ยม เหนือขึ้นไปเป็นฐานย่อเก็จ แต่ละด้านมีซุ้มพระพุทธรูปปางมารวิชัย จากนั้นเป็นฐานย่อเก็จยกสูงอีกชั้นหนึ่ง ถัดขึ้นไปเป็นองค์เจดีย์ทรงระฆังคว่ำประดับด้วยกระจกสี ส่วนยอดเป็นฉัตรสีทอง ๗ ชั้น

พระอุโบสถ

พระอุโบสถ สถาปัตยกรรมล้านา อยู่ด้านข้างพระเจดีย์ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนทั้งหลัง หน้าบันเป็นลายปูนปั้นพรรณพฤกษาสีทองบนพื้นกระจกสีเขียว เหนือซุ้มประตูทางเข้าเป็นปูนปั้นรูปนกยูงสัญลักษณ์ของล้านนา



หลังจากเดินชมปูชนียสถานต่างๆ ภายในวัดแล้ว ลองเดินไปชมวิวแม่น้ำปิงด้านหลังวัดด้วยนะคะ เรียกได้ว่าอิ่มท้องกับข้าวซอยเสมอใจแล้ว ก็ยังอิ่มบุญกับวัดฟ้าฮ่ามด้วย

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  906
110  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / ลอดต้นศรีมหาโพธิ์แฝดอันศักดิ์สิทธิ์ ที่วัดบ้านมอญ เมื่อ: มีนาคม 29, 2014, 01:56:17 PM
ลอดต้นศรีมหาโพธิ์แฝดอันศักดิ์สิทธิ์ ที่วัดบ้านมอญ


“การลอด” นับเป็นอีกความเชื่อหนึ่งของคนไทยที่มีมานาน มีทั้งการลอดที่เป็นมงคลและอัปมงคล แน่นอนว่าตอนนี้เรากำลังพูดถึงการลอดเพื่อความเป็นสิริมงคลค่ะ ลอดแบบไหน ลอดอะไรบ้างที่คนไทยเชื่อว่าเป็นมงคลแก่ชีวิต ที่เราเห็นกันบ่อยๆ คงไม่พ้นการลอดท้องช้าง  แต่ครั้งนี้เลดี้ ดาริกาขอพาเพื่อนๆ ไปลอดต้นโพธิ์แฝด ศักดิ์สิทธิ์ เรียกว่า “Unseen in Chiang Mai” ก็คงไม่ผิดนัก ณ “วัดบ้านมอญ”


“วัดบ้านมอญ” ตั้งอยู่ที่ตำบลสันกลาง อำเภอเมืองเชียงใหม่ จากสี่แยกหนองประทีป มุ่งหน้าไปทางตะวันออกตามถนนเชียงใหม่-สันกำแพง ประมาณ ๒.๖ กิโลเมตร สังเกตทางขวามือจะมีทางแยกก่อนถึงสยามศิลาดล ให้เลี้ยวเข้าไปในซอยนั้นประมาณ ๒.๓ กิโลเมตร


มาลอดใต้ต้นโพธิ์แฝดเสริมสิริมงคลกัน


ความเป็นมาของวัดนี้ทราบแต่เพียงว่ามีอายุประมาณ ๒๐๐ ปี ไม่มีประวัติว่าใครเป็นผู้สร้าง เราไปทำความรู้จักแรงจูงใจที่ทำให้ดั้นด้นมาจนถึงวัดนี้ “ต้นศรีมหาโพธิ์แฝด” ว่ากันว่าเป็นต้นศรีมหาโพธิ์แฝดต้นเดียวในโลก อายุประมาณ ๔๐๐-๕๐๐ ปี รอบๆ มีพระพุทธรูปประจำวันเกิดปางต่างๆ ๑๔ องค์ ๙ ปาง เป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนทั่วไป ทั้งชาวเชียงใหม่และผู้คนจากจังหวัดใกล้เคียง หลายคนเดินทางมาที่วัดบ้านมอญเพื่อลอดต้นโพธิ์นี้โดยเฉพาะ เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่ความสุข ความเจริญ หมดเคราะห์ภัย โดยเฉพาะในวันก่อนหวยออกจะมีผู้คนจากทั่วสารทิศแห่แหนกันมาจนแน่นวัด โอ้ว!!!! มีคนศรัทธามากน้อยขนาดไหน ให้ดูจากผ้าสามสีมากมายที่ผูกต้นโพธิ์ไว้


พระวิหารของวัดบ้านมอญ

บรรยากาศภายในพระวิหาร

พระประธานในพระวิหาร

พระวิหารของวัด สถาปัตยกรรมล้านนา หลังคาซ้อนกันสี่ชั้น ช่อฟ้าดูโดดเด่นมีเอกลักษณ์ เป็นพญานาคอ้าปาก หน้าบันประดับด้วยลายปูนปั้นธรรมจักร และลายพรรณพฤกษาบนพื้นกระจกสีน้ำเงิน ราวบันไดด้านหน้าเป็นมกรคายนาคที่ดูทันสมัย ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยเป็นพระประธาน ฝาผนังมีจิตรกรรมเล่าเรื่องทศชาติชาดก

เจดีย์วัดบ้านมอญ

พระเจดีย์ อยู่ด้านหลังพระวิหาร ศิลปะล้านนา มีกำแพงแก้วอยู่โดยรอบ แต่ละมุมมีฉัตร ฐานด้านล่างสุดเป็นสี่เหลี่ยมรับกับฐานย่อเก็จยกสูงพอสมควร แต่ละด้านมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในซุ้มจระนำ เหนือขึ้นไปเป็นมาลัยเถาห้าชั้น รับกับองค์ระฆังคว่ำอิทธิพลสุโขทัย ส่วนยอดเป็นฉัตรสีทอง ๙ ชั้น

หอไตร

หอไตร สถาปัตยกรรมล้านนา เป็นอาคารสองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ ในส่วนของหลังคาสะดุดตาด้วยนาคสะดุ้งที่ประดับด้วยกระจกสีเขียว หน้าบันเป็นงานแกะสลักไม้ลายพรรณพฤกษา


ก่อนกลับสายตาสอดรู้สอดเห็นของเราก็ไปจะดุดตากับป้ายไวนิลที่อยู่ข้างกุฏิ เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็อดยิ้มไม่ได้ เพราะเป็นป้ายทำเนียบสุนัขวัดบ้านมอญ! มีรูปผู้ดูแลหนึ่งคน และสุนัขสี่ตัว มีชื่อ อายุ ประวัติการทำหมันและการฉีดวัคซีน แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ของเจ้าอาวาสที่ต้องการจัดระเบียบให้กับน้องหมาที่มาถึงใบบุญวัดบ้านมอญ นับว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :onion2012:
111  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / สัมผัสบรรยากาศพม่าแท้ๆ กลางเมืองเชียงใหม่ที่ วัดทรายมูล (พม่า) เมื่อ: มีนาคม 28, 2014, 11:02:11 PM
สัมผัสบรรยากาศพม่าแท้ๆ กลางเมืองเชียงใหม่ที่ วัดทรายมูล (พม่า)

ในเขตคูเมืองเชียงใหม่มีวัดตั้งอยู่เกือบ ๔๐ แห่ง ในหลายๆ วัดได้รับอิทธิพลจากศิลปะพม่ามาตั้งแต่สมัยที่พม่าปกครองดินแดนล้านนากว่า ๒๐๐ ปี แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น มีอยู่เพียงไม่กี่วัดที่ได้รับอิทธิพลจากพม่าแบบเต็มๆ ชนิดที่เรียกได้ว่าไม่มีความเป็นล้านนาอยู่เลย ครั้งนี้อาสาพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับวัดพม่าแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางเมืองเชียงใหม่ “วัดทรายมูล (พม่า)”


วัดทรายมูล (พม่า) ตั้งอยู่บนถนนบำรุงบุรี ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนถึงแจ่งกะต๊ำ เดิมมีชื่อว่า “วัดมูลม่าน” หรือ “วัดทรายมูลม่าน” สร้างโดยแม่ทัพชาวพม่า นามว่า “จ่ำสัง” ไม่ปรากฏปีที่สร้าง แต่คาดว่าราวๆ สมัยกลางของราชวงศ์ทิพย์จักร (เจ้าเจ็ดตน)  ตรงกับสมัยรัตนโกสินทร์

เด็กๆ ชาวพม่ารับแจกขนมจากพระสงฆ์

ความรู้สึกหลังจากที่ลอดผ่านประตูวัด สิ่งแรกที่คิดอยู่ในใจลึกๆ คือ “นี่เราอยู่ประเทศพม่าหรือ?” ในบริเวณวัดมีแต่คนนุ่งโสร่ง ตัวอักษรไทยแทบไม่เห็น มีแต่ภาษาพม่า อาคารต่างๆ ก็เป็นศิลปะแบบพม่า ที่นี่ไม่ได้มีเพียง ศาสนาสถานเท่านั้น แต่ยังเป็นชุมชนที่พักอาศัยของชาวพม่าอีกด้วย

เรียภาษาพม่ากันเถอะค่ะ

บริเวณลานวัด มีพื้นที่บางส่วนเป็นอาคารชั่วคราวเพื่อใช้เป็นที่เรียนหนังสือของเด็กพม่า โดยมีพระเป็นผู้สอน วิชาที่เล่าเรียนกันก็เป็นภาษาพม่า เพราะเด็กพวกนี้เติบโตในเมืองไทย พูดภาษาไทยเสียเป็นส่วนใหญ่ จึงต้องสอนภาษาพม่าในช่วงปิดเทอม เพื่อให้เด็กเหล่านี้ไม่ลืมภาษาเชื้อชาติของตนเอง


ภายในพระวิหาร

ภาพจิตรกรรมพุทธประวัติ

ตอนที่กำลังจะเดินเข้าไปที่พระวิหาร มีเด็กพม่าอยู่กลุ่มหนึ่งกำลังต่อแถวรับขนมจากพระสงฆ์ ดูแล้วเป็นกันเองมากๆ ทำให้เราสัมผัสได้ว่าชุมชนแห่งนี้มีความผูกพันกับวัดมากมายเพียงไร พระวิหารหลังนี้เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนอย่างง่าย หลังคาซ้อนกัน ๒ ชั้น ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะพม่าเป็นพระประธาน ฝาผนังมีจิตกรรมเล่าเรื่องพุทธประวัติ ดูแล้วเป็นงานฝีมือที่แตกต่างจากวัดอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด นอกจากนั้นยังมีรูปแกะสลักด้วยไม้ และธรรมาสน์ที่ดูเก่าแก่มากอีกด้วย




พระเจดีย์ตั้งอยู่ด้านหลังพระวิหาร บูรณะเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๒ มีอยู่สององค์ตั้งอยู่คู่กัน องค์ใหญ่เลียนแบบเจดีย์ชเวดากอง โดยมีฐานซ้อนกัน ๓ ชั้น องค์เจดีย์เป็นทรงระฆังคว่ำมีลวดลายประดับ ส่วนยอดเป็นฉัตรสีทอง ๕ ชั้น องค์เล็กมีศิลปะที่แตกต่างออกไป ฐานล่างสุดเป็นฐานย่อเก็จรับกับฐานแปดเหลี่ยมสามชั้น องค์เจดีย์ทรงระฆังคว่ำ ส่วนยอดเป็นฉัตร ๗ ชั้น ทั้งสององค์ทาด้วยสีทอง

พระเจดีย์ของวัด

กุฏิสงฆ์สีแดงแปลกตา

กุฏิ อยู่ทางทิศเหนือของวัด เป็นอาคารเรียบง่ายดูคล้ายกลับอาคารเรียนของไทย ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะพม่าเป็นพระประธาน ผนังด้านหลังประดับด้วยกระจกหลากสีแวววับสวยงาม



ใครที่ตั้งใจจะมาเที่ยววัดนี้อย่าสับสนนะคะ เพราะว่าวัดทรายมูลมีอยู่สองวัดอยู่ติดๆ กันเลย ซึ่งวัดนี้จะมีวงเล็บต่อท้ายอยู่ว่า วัดทรายมูล “(พม่า)” ส่วนอีกวัดหนึ่งเป็นวัดไทยค่ะชื่อว่าวัดทรายมูลเมือง

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  901
112  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / นมัสการพระเจ้าแสนแส้ ณ “วัดยางกวง” เมื่อ: มีนาคม 28, 2014, 02:47:31 PM
นมัสการพระเจ้าแสนแส้ ณ “วัดยางกวง”

หากใครมีโอกาสไปเยือนพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเชียงใหม่ คงจะเคยเห็นเศียรพระพุทธรูปหล่อสำริดขนาดใหญ่ ตั้งเด่นเป็นสง่า จัดแสดงอยู่ภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ เคยทราบเรื่องราวของพระพุทธรูปงามงดองค์นี้ ซึ่งถือเป็นงานศิลปวัตถุชิ้นเอกของเมืองเชียงใหม่อีกชิ้นกันไหมคะ... เศียรพระพุทธรูปนี้มาจากที่ไหน วันนี้จะพาเพื่อนๆ ไปทำรู้จักวัดที่เป็นจุดกำเนิดของงานศิลปวัตถุชิ้นนี้กันค่ะ ที่วัดยางกวง เมืองเชียงใหม่


วัดยางกวง ตั้งอยู่ที่ซอยสุริยวงศ์ ตำบลหายยา อำเภอเมืองเชียงใหม่ วัดนี้หาไม่ยาก ใครคิดไม่ออกให้นึกถึงถนนคนเดินวัวลายวันเสาร์ จะมีถนนเส้นหนึ่งอยู่ติดกับถนนวัวลาย ให้ไปตามทางนั้นประมาณ ๕๕๐ เมตร ก็จะถึงวัด

พระเจ้าแสนแส้ หล่อใหม่ตามแบบเศียรพระเจ้าแสนแส้องค์เดิมในพิพิธภัณฑ์

วัดนี้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในยุคต้นของราชวงศ์มังราย ไม่พบว่าสร้างขึ้นโดยผู้ใด เดิมมีชื่อว่า “วัดน่างรั้ว” หรือ “วัดหน่างรั้ว” คำว่า “หน่าง” ในภาษาถิ่นล้านนา หมายถึง “รั้ว” หรือ “แนวกั้น”  ตามตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่กล่าวไว้ว่า หลังจากพญามังรายเสด็จออกจากเวียงกุมกาม เพื่อหาชัยภูมิในการสร้างเมืองใหม่ พระองค์เคยเสด็จมาตั้งค่ายบริเวณนี้ และให้เหล่าทหารสร้างหน่างรั้วรอบที่พักเอาไว้ จึงเป็นชื่อมาของชื่อวัด

รูปเศียรพระเจ้าแสนแส้องค์เดิม ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ

ในนิราศหริภุญชัย (พ.ศ.๒๐๖๐) ได้กล่าวถึงวัดยางกวงไว้ว่า นับตั้งแต่พม่ายึดครองล้านนา ทำให้วัดต่างๆ กลายเป็นวัดร้าง วัดยางกวงก็เป็นหนึ่งในจำนวนวัดเหล่านั้น ต่อมาปี พ.ศ. ๒๓๓๙ พระเจ้ากาวิละได้ขับไล่พม่าออกไป และไปกวาดต้อนเอาชนเผ่าไทยจากเชียงรุ้งสิบสองปันนา และเชียงตุงมาอยู่ในเมืองเชียงใหม่ คนกลุ่มหนึ่งเป็นชาวไทยเขินมาตั้งถิ่นฐานรอบๆ วัดหน่างรั้งแห่งนี้ และได้ช่วยกันบูรณะวัดที่ทรุดโทรมเสียหายให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง



ต่อมาพระอารามนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดยางกวง” เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ชาวไทยเขินกลุ่มนี้ว่าย้ายมาจากบ้านนายางกวง จากนั้นวัดนี้ก็กลายเป็นวัดร้างอีกครั้ง จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ วัดนี้จึงได้รับการบูรณะขึ้นมาอีกครั้งเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ ๖๐ ปี

บรรยากาศภายในวัดค่อนข้างเปิดโล่ง ไม่ค่อยมีต้นไม้ ก้าวแรกเมื่อเราย่างกรายเข้าสู่เขตวัด สายตาสะดุดกับพระพุทธรูปทองเหลืององค์ใหญ่มีนามว่า “พระเจ้าแสนแส้” หล่อขึ้นเมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ขนาดหน้าตัก ๕ เมตร สูง ๙ เมตร หนัก ๑๒ ตัน เป็นพระพุทธรูปทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ โดยใช้พระเจ้าแสนแส้องค์เดิมเป็นต้นแบบ ซึ่งปัจจุบันพระเศียรของพระพุทธรูปองค์นี้รักษาอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงใหม่ และถอเป็นไฮไลท์สำคัญของพิพิธภัณฑ์ ทั้งนี้ก็เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุครบ ๘๐ พรรษา

พระวิหารของวัด

พระประธานในพระวิหาร

พระวิหาร สถาปัตยกรรมล้านนา ตัวอาคารก่อด้วยอิฐ หลังคาซ้อนกันสามชั้น หน้าบันประดับด้วยลายปูนปั้นพรรษพฤกษา ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะเชียงแสน “พระพุทธศักดิ์สิทธิ์” เป็นพระประธาน ด้านหลังมีรูปพระพุทธเจ้าปิดทองสวยงามมาก


พระมหาเจดีย์จ๋อมสะหลีปุรีนางรั้ว ศิลปะล้านนา สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าติโลกราช เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม ตั้งแต่ฐานจรดยอดล้วนเป็นแปดเหลี่ยมทั้งสิ้น ที่ส่วนปลียอดนี้เองเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุ ใต้องค์ระฆังมีซุ้มจระนำแปดด้าน แต่มีเพียงไม่กี่ด้านที่มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ นอกจากนั้นยังมีระเบียงคตรอบพระเจดีย์อีกด้วย

ระเบียงคดประดิษฐานพระพุทธรูป

วัดยางกวงแม้เป็นวัดเล็ก แต่ก็เป็นแหล่งกำเนิดของพระพุทธรูปสวยงามขนาดนี้ หากจินตนาการภาพเมืองเชียงใหม่ในอดีตที่เคยรุ่งเรือง และเต็มไปด้วยวัดวาอารามมากมาย ก็นึกเสียดายอยากจะให้สภาพเชียงใหม่ในวันเก่าๆ กลับมาให้เราได้เห็นอีกครั้ง เพราะคงจะงามหยดย้อยสมกับเป็นเมืองเอกของล้านนา

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :22:
113  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / ชมวัดเล็กๆ ในเขตเมืองเก่าเชียงใหม่ “วัดสำเภา” แต่ความเก่าไม่เป็นรองใคร เมื่อ: มีนาคม 28, 2014, 01:30:33 PM
ชมวัดเล็กๆ ในเขตเมืองเก่าเชียงใหม่ “วัดสำเภา” แต่ความเก่าไม่เป็นรองใคร

ถนนราชดำเนินชื่อนี้อาจไม่คุ้นหูนัก แต่ถ้าพูดถึงถนนคนเดินประตูท่าแพ ทุกคนต้องถึงบางอ้อแน่นอน ถนนเส้นนี้มีวัดเรียงรายอยู่ตลอดสองข้างทาง เรียกได้ว่าออกจากวัดหนึ่งเดินไปสิบเก้าก็เจออีกวัดแล้ว “วัดสำเภา” เป็นหนึ่งในวัดเล็กๆ บนถนนสายนี้ ที่ถึงแม้จะเล็กแต่ความเก่าแก่นั้นเรียกได้ว่าไม่แพ้วัดใด เราไปทำความรู้จักวันนี้ด้วยกันนะคะ


วัดสำเภา ตั้งอยู่บนถนนราชดำเนิน ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ตรงข้ามกับวัดพันอ้น ในเขตคูเมืองชียงใหม่ ห่างจากประตูท่าแพเพียง ๒๕๐ เมตร

พระวิหารล้านนาเก่าแก่ที่อนุรักษณ์รูปแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างดี

จากคำบอกเล่าของเจ้าบัวนวล สิโรรส บุตรตรีของเจ้าสุริยวงศ์ ขุนนางปลายสมัยราชวงศ์ทิพจักราธิวงศ์ ได้กล่าวไว้ว่า วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์มังราย ไม่ปรากฏนามผู้สร้าง ในตอนนั้นมีพ่อค้าชาวเมืองระแหง (ชาวจังหวัดตากในปัจจุบัน) เดินทางมาค้าขายในเมืองเชียงใหม่ เกิดศรัทธาต่อพุทธศาสนาจึงสร้างสำเภาทองบรรจุในเจดีย์ของวัดแห่งนี้ และตั้งชื่อว่าวัดสำเภา (คาดว่าในสมัยก่อนไม่ได้ชื่อวัดสำเภา) จากนั้นวัดนี้ก็ได้รับการดูแลทำนุบำรุงเรื่อยมาไม่ขาดจนถึงปัจจุบัน



พระวิหาร สถาปัตยกรรมล้านนา แม้จะเพิ่งได้รับการบูรณะ แต่ก็ยังคงรูปแบบดั้งเดิมเอาไว้ ตัวอาคารตั้งอยู่บนฐานยกสูงประมาณเมตรกว่าๆ หลังคาซ้อนกันสามชั้นตามแบบสถาปัตยกรรมล้านนา หน้าบันตลอดจนตัวเสาประดับด้วยลายปูนปั้นที่ยังสมบูรณ์มากๆ มีทั้งรูปเทวดา ลายพรรณพฤกษา และสัตว์ต่างๆ บันไดทางขึ้นเป็นมกรคายนาคสีออกส้มๆ  ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยเป็นพระประธาน


พระเจดีย์ ตั้งอยู่ด้านหลังพระวิหาร ศิลปะล้านนา ฐานด้านล่างสุดเป็นสี่เหลี่ยม รับฐานบัวย่อเก็จยกสูง ถัดขึ้นไปเป็นชั้นมาลัยเถาซ้อนกันห้าชั้น รับกับองค์ระฆังทรงกลมสีทอง หุ้มด้วยทองจังโก ส่วนยอดประดับฉัตรสีทองห้าชั้น

พระอุโบสถลายปูนปั้นสวยงามอ่อนช้อยมาก


พระอุโบสถ ตั้งอยู่ด้านข้างพระวิหาร มีความเก่าแก่ไม่แพ้พระวิหาร หลังคาซ้อนกันสองชั้น  ช่อฟ้ายังคงเป็นของเดิม ส่วนนาคสะดุ้งทำขึ้นใหม่ ด้านหน้าประดับด้วยลายปูนปั้นรูปพรรณพฤกษาและกระจกหลากสี ประตูทางเข้าแกะไม้เป็นรูปเทวดาสององค์เฝ้าประตูอยู่

เสียดายที่มีสิ่งก่อสร้างบังความสวยงามของพระอุโบสถ

น่าเสียดายที่บริเวณด้านหน้าพระอุโบสถ ทางวัดได้สร้างอาคารขึ้นมาหลังหนึ่ง เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสามองค์ ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปได้สักการะ อาคารนี้บังด้านหน้าโบสถ์พอสมควร ทำให้ความสวยงามของศิลปะที่ปรากฏอยู่บนตัวโบสถ์ไม่ประจักษ์ต่อสายตาผู้มาเยือนเท่าใดนัก

นวดผ่อนคลาย :)

ถนนคนเดินวันอาทิตย์ ภายในวัดสำเภาจะมีร้านขายอาหารนานาชนิด จะกินเล่นกินจริงมีหมด นอกจากนั้นอาคารด้านหน้าวัดยังใช้เป็นสถานที่ให้บริการนวดแผนโบราณโดยกลุ่มแม่บ้านอีกด้วย เปิดให้บริการทุกวัน แต่ถ้ามาวันอาทิตย์จะคึกคักเป็นพิเศษ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  916
114  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / ชมพระอุโบสถล้านนาเก่าแก่ ณ วัดอุโบสถ เมื่อ: มีนาคม 28, 2014, 01:02:35 AM
ชมพระอุโบสถล้านนาเก่าแก่ ณ วัดอุโบสถ

เรามักจะเห็นความเก่าแก่ของพระวิหารที่ประดับด้วยลวดลายการแกะสลักไม้ที่สวยงามอยู่ทั่วไปในหลายๆ วัดของเมืองเชียงใหม่ แต่วัดหนึ่งที่มีจุดเด่นไม่เหมือนใคร เพราะอาคารโบราณที่เก่าแก่สวยงามไม่ใช่พระวิหาร แต่เป็นพระอุโบสถล้านนา อายุกว่า ๑๐๐ ปี พระอารามนี้อยู่ไม่ไกลนักจากตัวเมืองนัก เราจะไปเยือนวันนอกเมืองกันอีกครั้ง “วัดอุโบสถ”


วัดอุโบสถ ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ การเดินทางสู่วัดนี้ เริ่มต้นจากตลาดต้นพะยอม มุ่งหน้าลงใต้ไปตามถนนคันคลองชลประทาน ประมาณ ๕.๖ กิโลเมตร จะถึงสามแยกอุโบสถวารีประทาน เลยแยกไปอีก ๒๐๐ เมตร ชิดขวาข้ามสะพาน และเข้าไปในซอยที่อยู่ตรงกับสะพานอีก ๔๐๐ เมตร

พระอุโบสถเก่าแก่รูปทรงคลาสสิค


ใบเสมาเรียบง่ายแบบโบราณบอกเขตการทำสังฆกรรม


ทราบเพียงว่าวัดนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๑๓๕ ไม่ปรากฏหลักฐานและตำนานการสร้างแน่ชัด ภายในวัดเงียบสงบ และร่มรื่น ต้นมะม่วงใหญ่ให้ความร่มเย็นกับผู้มาเยือน ไฮท์ไลท์ของวัดนี้คือ พระอุโบสถสถาปัตยกรรมล้านนาโบราณอายุมากกว่า ๑๕๐ ปี อาคารครึ่งปูนครึ่งไม้ หลังคาซ้อนกัน ๒ ชั้น หน้าบันประดับด้วยลายปูนปั้นพรรณพฤกษา และแก้วอังวะรูปร่างคล้ายอัญมณี ราวบันไดมีรูปปั้นเทวดา ๒ องค์ แต่น่าเสียดายที่พระอุโบสถหลังนี้อยู่ในสภาพที่ค่อนข้างทรุดโทรม

พระวิหารแบบล้านนาสร้างใหม่

พระประธานในวิหาร


พระวิหาร อยู่ข้างๆ กับพระอุโบสถโบราณ สถาปัตยกรรมล้านนา หลังคาซ้อนกัน ๒ ชั้น หน้าบันเป็นงานแกะสลักไม้รูปพรรณพฤกษา และลิง ราวบันไดเป็นรูปมกรคายนาค ผนังด้านนอกบริเวณประตูทางเข้าเป็นจิตรกรรมเรื่องราวเกี่ยวกับการแสดงโอวาทปาติโมกข์ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยเป็นพระประธาน ส่วนที่ฝาผนังเขียนภาพจิตรกรรมเล่าเรื่องพุทธประวัติ และทศชาติชาดก

พระเจดีย์ประธานของวัด

พระเจดีย์ อยู่ด้านหลังพระวิหาร ศิลปะล้านนาอิทธิพลสุโขทัย องค์เจดีย์มีกำแพงแก้วล้อมรอบอยู่ แต่ละมุมมีฉัตรประดับไว้ ฐานด้านล่างสุดเป็นสี่เหลี่ยม มีลายปูนปั้น ๑๒ นักษัตรอยู่โดยรอบ เหนือขึ้นไปเป็นฐานบัวย่อเก็จ รองรับกับฐานอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งในแต่ละด้านมีซุ้มจระนำประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ถัดขึ้นไปเป็นชั้นมาลัยเถาแปดเหลี่ยมซ้อนกัน ๒ ชั้นรับกับองค์ระฆังคว่ำ ส่วนยอดเป็นฉัตรสีทอง ๙ ชั้น


ศาลาพระเจ้าทันใจ เป็นอาคารไม้สถาปัตยกรรมล้านนาประยุกต์ ภายในประดิษฐานพระเจ้าทันใจ เชื่อว่าหลายคนต้องเคยสงสัยว่าทำไมต้องชื่อพระเจ้าทันใจ ก็เพราะว่าพระเจ้าทันใจเป็นพระพุทธรูปที่ต้องสร้างให้เสร็จภายใน ๑ วัน ถ้าสร้างไม่เสร็จถือว่าเป็นพระพุทธรูปธรรมดาทั่วไป พระเจ้าทันใจจะบันดาลความสำเร็จให้กับผู้อธิษฐานได้อย่างทันใจสมดั่งนามของพระองค์


แม้ว่าวัดอุโบสถจะไม่ใช่วัดที่โด่งดังเหมือนวัดในเมือง แต่ก็มีพระอุโบสถโบราณที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนกับวัดอื่น จึงอยากเชิญชวนให้เพื่อนๆ ที่ชอบทัวร์วัดเป็นชีวิตจิตใจลองแวะมาเยือนวัดแห่งนี้กันนะคะ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  902
115  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / แนะนำ ร้านกาแฟ ชา เบเกอรี่ เค้ก ขนม ไอศกรีม อาหารว่าง ของทานเล่น ในเชียงใหม่ / “Thamel Coffee & Restaurant” หลบร้อนในตรอกเล้าโจ๊ว จิบกาแฟในบรรยากาศหิมาลัย เมื่อ: มีนาคม 26, 2014, 07:09:15 PM
“Thamel Coffee & Restaurant” หลบร้อนในตรอกเล้าโจ๊ว จิบกาแฟในบรรยากาศหิมาลัย

ย่านตลาดวโรรส หรือที่คนท้องถิ่นเรียกกันเป็นคำเมืองจนติดปากว่ากาดหลวง จัดได้ว่าเป็นย่านที่ชุลมุนวุ่นวายที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ เพราะมีพ่อค้าแม่ขาย คนจับจ่ายซื้อหาสินค้า และนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศเดินกันให้ขวักไขว่ ยิ่งในหน้าร้อนที่อากาศอบอ้าวจนหัวแทบระเบิดตัวแทบไหม้อย่างนี้ด้วยแล้ว จ้างให้เลดี้ ดาริกาก็ไม่มีวันย่างกรายไปใกล้ๆ ในยามกลางวันเด็ดขาด แต่ยกเว้นคราวนี้...

Thamel Coffee & Restaurant ตั้งอยู่ชั้นสองของ Thamel Souvenir


ฉันยอมฝ่าไอระอุของแดดยามบ่ายไปยังตรอกเล้าโจ๊ว ตรอกหนึ่งในย่านตลาดวโรรสที่มีชื่อในฐานะแหล่งขายสินค้าหัตถกรรมทำมือ และของที่ระลึกของเมืองเชียงใหม่ ที่นี่เป็นที่ตั้งของร้านกาแฟที่เราตั้งใจจะมาหลบร้อนเป็นกรณีพิเศษในวันนี้ Thamel Coffee & Restaurant ร้านกาแฟที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมแถบเทือกเขาหิมาลัย

บรรยากาศเก๋ไก๋สไตล์เนปาล-ทิเบต

ผนังสีเหลืองขมิ้นเขียนภาพน่ารักๆ



หากไม่บอก น้อยคนนักที่จะสังเกตเห็น แม้แต่เลดี้ ดาริกาเองก็เคยได้ยินแต่ชื่อเสียงเรียงนาม และติดตามรีวิวของร้านจากเว็บไซต์ต่างๆ มาบ้าง และผ่านไปมาย่านนั้นก็บ่อยครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยสังเกตเห็นร้านกาแฟติสต์ๆ แห่งนี้จริงๆ เลยสักครั้ง Thamel Coffee & Restaurant ไม่มีหน้าร้านหรูหราไว้ดึงดูดใจลูกค้า แต่เป็นที่รู้จักกันในหมู่นักดื่มกาแฟ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ร้านตั้งอยู่บนชั้นสองของอาคารพาณิชย์ครึ่งปูนครึ่งไม้ ที่ดูภาพนอกแล้วก็น่าจะมีอายุอานามสมตัว ชั้นหนึ่งเปิดเป็นร้านสินค้าหัตถกรรมและของที่ระลึกดีไซด์เก๋ไก๋นานาชนิดชื่อว่า Thamel Souvenir สังเกตว่าตั้งอยู่ตรงข้ามกับร้านเชียงใหม่พลาสติก



นั่งพักกันสักหน่อย

เราเดินฝ่าสินค้าหัตถกรรมหลากหลายชนิดและสีสัน ก้าวขึ้นบันไดไม้ที่ส่งเสียงดังเอียดอาดน้อยๆ พอให้รู้ว่าฉันเก่าและเก๋าไปยังชั้นสองของร้าน กลิ่นไอของวัฒนธรรมแถบหิมาลัยก็ลอยมาทักทายพวกเราแล้ว เพราะจากบันไดขึ้นไปนั้น ฝาผนังสีเหลืองขมิ้นวาดลวดลายเถาวัลย์ ต้นไม้ และนกยูงไว้ชวนแปลกตา ภายในร้านตกแต่งอย่างง่ายๆ แต่เก๋แบบคนมีงานศิลป์ในหัวใจ เราเลือกที่นั่งบนกองเบาะนุ่มๆ กับโต๊ะไม้เตี้ยๆ ที่ตั้งอยู่บนตั่งอีกทีหนึ่ง และเริ่มเลือกรายการเครื่องดืม และอาหาร

อยากกินหลายๆ ชิ้น ><




ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ร้านกาแฟ แต่เป็นร้านอาหารที่มีเมนูให้เลือกพอสมควร ใครอยากรับประทานอะไรหนักๆ ท้องสักหน่อยที่นี่ก็มีไว้คอยรับรอง แต่วันนี้เลดี้ ดาริกาขอเลือกเป็นของเบาๆ เหมาะกับเวลานั่งชิว น้ำแตงโมปั่นผสมโซดาซาบซ่าดับร้อน ชานมแบบเนปาลเรียกบรรยากาศ และแพนเค้กท๊อปปิ้งด้วยมะม่วงตามฤดูกาล ราดด้วยช็อกโกแล็ตและน้ำผึ้งหวานอร่อย จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับเราที่สุด ที่ Thamel Coffee นอกจากจะขายกาแฟต่างๆ ให้สมกับชื่อร้านแล้ว ที่นี่ยังมีเครื่องดื่มหลากหลายชนิดไว้บริการลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นชานานาชนิด น้ำผลไม้ปั่น ไปจนถึงเครื่องดื่มฟิวชั่นใส่โซดาให้พอกระชุ่มกระชวย นอกจากในเมนูก็ยังมีขนมเค้กหลากหลายรสชาติวางรอให้เพื่อนๆ ไปลิ้มลองอยู่ในตู้ เรียกได้ว่ามาที่เดียวก็จัดเต็มให้อิ่มแปลด้วยอาหารหลากหลาย




ราคาเครื่องดื่มและอาหารของที่นี่ก็เป็นมิตร ไม่แพงจนเกินงามหรือรับไม้ไหวราคาประมาณ 50 – 100 บาท ร้านเปิดทุกวันค่ะ 8:00 – 17:00 น หากใช้เส้นทางถนนท่าแพ ตรงมาจากสะพานนวรัฐ มุ่งหน้าไปทางประตูท่าแพ ให้พยายามชิดซ้าย และสังเกตซอยเล็กๆ ที่มีป้ายเขียนไว้ว่า “ถนนข่วงเมรุ” (ตรอกเล้าโจ๊ว) เห็นแล้วก็ตรงดิ่งเข้าไปดื่มด่ำกันเลยค่ะ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :26:
116  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / เยี่ยม “วัดต้นปิน” ชมพระอารามนอกเมือง ศูนย์รวมใจชาวดอนปิน เมื่อ: มีนาคม 26, 2014, 06:40:44 PM
เยี่ยม “วัดต้นปิน” ชมพระอารามนอกเมือง ศูนย์รวมใจชาวดอนปิน

วัดเล็กๆ ในหมู่บ้านนอกเมืองเชียงใหม่ แม้จะไม่ได้ผูกพันแนบแน่นกับประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมืองเชียงใหม่เฉกเช่นพระอารามในเมืองหลายแห่ง แต่หากกล่าวถึงคุณค่าทางด้านจิตใจ ศูนย์กลางของชุมชน เป็นทั้งแหล่งศึกษาเล่าเรียน ที่รวมจิตใจ และพื้นที่ทำกิจกรรมของคนหลากหลายรุ่นในชุมชน วันนี้เราจะออกไปนอกเมืองเชียงใหม่กันเล็กน้อย เพื่อทำความรู้จักกับพระอารามเล็กๆ “วัดต้นปิน”


พระอารามแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เดินทางไปได้โดยใช้เส้นทางเชียงใหม่-หางดง จากสี่แยกสนามบิน (เซ็นทรัลแอร์พอร์ต) มุ่งหน้าลงใต้ประมาณ ๓.๔ กิโลเมตร เลยสี่แยกแม่เหียะสมานสามัคคีไปประมาณ ๑ กิโลเมตร สังเกตทางซ้ายมือจะมีป้ายวัดต้นปิน เลี้ยวเข้าไปในซอยนั้นอีกประมาณ ๓๐๐ เมตร ก็จะถึงวัด


ความเป็นมาของวัดนี้ ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าให้ฟังว่าแต่เดิมพระอารามแห่งนี้มีชื่อว่า “วัดพระจันทร์” ตั้งอยู่บริเวณที่ปัจจุบันเป็นโรงเรียนวัดบ้านดอนปินวิทยา ต่อมาประมาณปี พ.ศ. ๒๓๖๖ ย้ายมาตั้งวัดใหม่ที่ดอนมะตูม คำว่าม “มะตูม” ในภาษาถิ่นเหนือคือ “มะปิน” อยู่ห่างจากที่ตั้งเดิมประมาณ ๕๐๐ เมตร และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “วัดต้นปิน” ตามภูมิลักษณะของที่ตั้งวัด

พระวิหารของวัด

บานประตูแกะสลักไม้

ภายในวัดค่อนข้างร่มรื่น และเป็นระเบียบ มีต้นไม้ขนาดใหญ่ให้ร่มเงาแก่ผู้มาเยือน บริเวณหน้ากุฏิพระสงฆ์มีสวนหย่อมเล็กๆ มีน้ำตกจำลองขนาดเล็ก น้ำไหลเอื่อยๆ ให้ความรู้สึกสบายๆ

หมู่่พระประธานและภาพจิตรกรรมฝาผนัง


พระวิหารของวัด สถาปัตยกรรมล้านนา ด้านหน้าโดดเด่นด้วยการประดับกระจกสี สะท้อนแสงอาทิตย์แวววับ สวยงามแปลกตา หน้าบันเป็นรูปพระอินทร์เคียงข้างด้วยเหล่าเทวดา และลวดลายพรรณพฤกษา ซุ้มประตูทางเข้าเป็นรูปธรรมจักรและกวางหมอบ แสดงถึงการเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์เป็นครั้งแรก ภายในพระวิหารประดิษฐานพระประธาน พระพุทธรูปปางมารวิชัย ตั้งอยู่บนฐานชุกชียกสูงพอสมควร ขนาบข้างด้วยพระพุทธรูปในอิริยาบถยืน ซึ่งเป็นพระคู่วัดมาตั้งแต่สมัยยังเป็นวัดพระจันทร์ ฝาผนังเขียนภาพจิตรกรรมเล่าเรื่องทศชาติชาดก และพุทธประวัติ

พระอุโบสถคล้ายพระวิหารแต่เล็กกว่า

พระอุโบสถ สถาปัตยกรรมล้านนา อยู่ด้านหน้าพระวิหาร หน้าบันประดับลายปูนปั้นพรรณพฤกษา ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยกระจกสีสันต่างๆ ประตูทางเข้าเป็นไม้แกะสลักเกี่ยวกับพุทธประวัติ ด้านหน้ามีสิงห์เฝ้าอยู่สองตัว

เจดีย์ประธานของวัด

พระเจดีย์ อยู่ด้านหลังพระวิหาร ศิลปะล้านนา ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม เหนือขึ้นไปเป็นฐานบัวลูกแก้วสี่เหลี่ยมย่อเก็จยกสูง แต่ละด้านมีพระพุทธรูปปางห้ามญาติประดิษฐานอยู่ในซุ้มจระนำที่ตกแต่งด้วยกระจกสี ถัดขึ้นไปเป็นชั้นมาลัยเถาแปดเหลี่ยมซ้อนกันเจ็ดชั้นรับกับองค์ระฆังทรงกลมสีทอง ส่วนยอดเป็นฉัตรสีทอง ๙ ชั้น

ศาลาสองครูบา

ศาลาสองครูบา เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นพระอริยสงฆ์ที่มีคุณูปการต่อวัดต้นปิน นั่นคือครูบาเจ้าอุปนันเถระ เจ้าอาวาสรูปแรกของวัดต้นปิน และครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา 

หอไตรของวัด

หอไตร ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับทางเข้าวัด เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนสองชั้น หน้าบันเป็นงานแกะสลักไม้รูปพรรณพฤกษาบนพื้นกระจกสีฟ้า

วัดต้นปิน แม้เป็นเพียงวัดเล็กๆ นอกเมือง แต่ในฐานะศูนย์รวมจิตใจของผู้คน และการธำรงพระพุทธศาสนาแล้ว ความสำคัญของวัดเล็กๆ นี้ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าวัดไหน ความร่มรื่นภายในบริเวณวัดช่วยให้เราคลายร้อนทางกายจากอากาศที่อบอ้าว และความเย็นฉ่ำของพระธรรมในพระพุทธศาสนา ก็ช่วยดับร้อนในใจเราได้

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :16:
117  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / “วัดเจ็ดลิน” หนึ่งในวัดสำคัญของกษัตริย์ล้านนา เมื่อ: มีนาคม 26, 2014, 06:26:58 PM
“วัดเจ็ดลิน” หนึ่งในวัดสำคัญของกษัตริย์ล้านนา

วัดเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน มีความสำคัญตั้งแต่ในระดับชาวบ้านธรรมดาๆ ไปจนถึงสถาบันกษัตริย์ วันนี้ขอพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักพระอารามแห่งหนึ่ง เชื่อว่าเพื่อนๆ ชาวเชียงใหม่คงเคยผ่านไปผ่านมากันบ้างแล้ว  “วัดเจ็ดลิน” วัดเล็กๆ ในเมืองเชียงใหม่ แต่ความเป็นมาน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

เศียรเก่าของพระประธานในพระวิหาร จุดเด่นของวัดนี้

วัดเจ็ดลิน ในเขตเมืองเก่าเชียงใหม่ ตั้งอยู่บนถนนพระปกเกล้า ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ใกล้ๆ กับวัดเจดีย์หลวง จากหลักฐานโคลงนิราศหริภุญชัย สันนิษฐานว่า วัดนี้แต่เดิมมีชื่อว่า “วัดหนองจลิน”  หรือ “วัดเจ็ดลินคำ” สร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ. ๒๐๖๐ ในสมัยพญาเมืองแก้ว กษัตริย์ลำดับที่ ๑๑ แห่งราชวงศ์มังราย มีอายุอานามกว่า ๔๙๐ ปีแล้ว เก่าแก่มากพอสมควรทีเดียว

พระวิหารของวัดเจ้ดลิน

วัดนี้เป็นหนึ่งในวัดที่มีความสำคัญในพิธีบรมราชาภิเษกของกษัตริย์ล้านนา ก่อนที่กษัตริย์ในราชวงศ์มังรายทุกพระองค์จะขึ้นครองราชย์ จะทรงผ้าข้าวที่วัดผ้าข้าว จากนั้นเสด็จไปสะเดาะเคราะห์ที่วัดหมื่นตูม และเสด็จมาประกอบพิธีสรงน้ำพุทธาภิเษก ณ หนองน้ำวัดเจ็ดลิน  เชื่อว่าวัดทั้ง ๓ แห่งสร้างขึ้นโดยกษัตริย์ เพื่อใช้ในพิธีบรมราชาภิเษกโดยเฉพาะ ต่อมาวัดนี้กลายเป็นวัดร้างชั่วระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งได้รับการบูรณะใหม่ในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ และยกขึ้นเป็นวัดที่มีพระสงฆ์อยู่จำพรรษาในปี พ.ศ. ๒๕๔๖

ที่มาของชื่อวัดนั้น คำว่า “ลิน” เป็นภาษาล้านนา หมายถึง “รางน้ำ” ดังนั้น “เจ็ดลิน” จึงหมายถึงรางน้ำเจ็ดรางทำด้วยทองคำ ให้ขุนนางและประชาชนสรงน้ำกษัตริย์

วันฟ้าใสที่วัดเจ็ดลิน

บรรยากาศภายในวัดค่อนข้างร่มรื่น มีต้นไม้น้อยใหญ่อยู่พอสมควร สิ่งแรกที่จะสะดุดตาผู้มาเยือนคือ เศียรพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ซึ่งเคยตกอยู่ด้านหลังพระประธาน สันนิษฐานเมื่อวัดนี้กลายเป็นวัดร้าง พระประธานค่อยๆ ทรุดโทรมลงตามกาลเวลาจนกระทั่งเศียรนี้ตกลงจากพระประธานเพราะรับน้ำหลักไม่ไหว ต่อมาชาวบ้านร่วมมือกันบูรณะวัด หล่อเศียรพระประธานขึ้นมาใหม่ และนำเศียรที่หักมาประดิษฐานไว้ที่ลานวัดในปัจจุบัน

พระประธานในพระวิหาร

พระวิหารสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนทั้งหลัง สถาปัตยกรรมล้านนาร่วมสมัย บริเวณทางเข้าเป็นซุ้มโขงสีดำประดับด้วยลายปูนปั้นพรรณพฤกษา และดอกบัวตัดกับตัวอาคารสีขาว ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยสีทององค์ใหญ่ เมื่อสังเกตดีๆ จะเห็นว่าพระพักตร์จะเหมือนกับเศียรพระพุทธรูปเดิมที่ตั้งอยู่ในลานวัด

เจดีย์ประจำวัด

พระเจดีย์ตั้งอยู่ด้านหลังพระวิหาร ศิลปะล้านนา เป็นเจดีย์สี่เหลี่ยมผสมทรงกลม ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม ๓ ชั้น เหนือขึ้นไปเป็นฐานบัวย่อเก็จ รับกับฐานย่อเก็จอีกชั้นหนึ่งที่ประดับด้วยลวดลายปูนปั้นที่สันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลจากวัดเจ็ดยอด และวัดโลกโมฬี แต่ละด้านประดิษฐานพระพุทธรูปปางมาวิชัยภายในซุ้มจระนำ รับกับองค์ระฆังขนาดเล็ก ส่วนยอดเป็นฉัตรสีทอง ๗ ชั้น

หนองน้ำสำหรับประกอบพิธีขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์ล้านนาโบราณ

ด้านหลังวัดมีหนองน้ำขนาดใหญ่ มีบัวกระด้งปลูกอยู่ ในอดีตเคยเป็นสถานที่สรงน้ำของกษัตริย์ก่อนที่จะเข้าพระราชพิธีบรมราชาภิเษก มีความสำคัญมากในเชิงประวัติศาสตร์


วัดนี้นับได้ว่าเป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองเชียงใหม่อีกแห่งหนึ่งที่มีความสำคัญในฐานะวัดที่เกี่ยวพันกับพระราชพิธี โดยเฉพาะพระราชพิธีสำคัญอย่างการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์ล้านนา ใครที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ และเรื่องราวของกษัตริย์ล้านนา ลองแวะมาที่วัดนี้ สัมผัสบรรยากาศในวันวานในสถานที่จริง อาจช่วยให้การเรียนประวัติศาสตร์ของเพื่อนๆ สนุกขึ้นก็ได้นะคะ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  903
118  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / วัดพันตอง วัดเล็กในเมืองใหญ่ ความสงบใจกลางบันเทิงสถาน เมื่อ: มีนาคม 25, 2014, 10:46:33 PM
วัดพันตอง วัดเล็กในเมืองใหญ่ ความสงบใจกลางบันเทิงสถาน

ย่านที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่พักโฮมสเตย์ ร้านแผนโบราณ ผับบาร์ต่างๆ มากมายอย่างถนนลอยเคราะห์ คงจะมีไม่กี่คนนักที่จะสนใจวัดเล็กๆ แห่งหนึ่งที่เงียบสงบ และร่มรื่น แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับชุมชนที่โอบล้อมวัดแห่งนี้เอาไว้


วัดพันตอง ตั้งอยู่บนถนนลอยเคราะห์ ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ การเดินทางไปสู่วัดนี้ไม่ยากเลยค่ะ จากถนนคชสาร บริเวณคูเมืองด้านนอก เลยประตูท่าแพมาประมาณ ๒๐๐ เมตร สังเกตทางซ้ายมือจะป้ายถนนลอยเคราะห์ให้เลี้ยวเข้าไปประมาณ ๒๐๐ เมตร ก็จะถึงวัด

ช่อฟ้าใบระกาสวยสดงดงาม

พระวิหารหลวงวัดพันตอง

บรรยากาศภายในวัดร่มรื่นมาก มีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด เรียกได้ว่าวันไหนที่แดดจัดๆ เข้ามาหลบร้อนในวัดนี้สบายแน่นอน ความเป็นมาของวัดนี้เดิมชื่อว่า “วัดพระงาม” สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๐๐๐ ในสมัยราชวงศ์มังราย ไม่ปรากฏนามผู้สร้าง และกลายเป็นวัดร้างอยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งในสมัยของพระเจ้ากาวิละ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่พระองค์แรกแห่งราชวงศ์ทิพย์จักราธิราช หรือราชวงศ์เจ้าเจ็ดตน ในช่วงที่พระองค์พยายามฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่ ได้เกณฑ์คนมาจากบ้านฮ่อม เมืองเชียงแสน มาตั้งรกรากบริเวณวัดร้างแห่งนี้ ชาวบ้านฮ่อมจึงช่วยกันบูรณะและตั้งชื่อว่า “วัดพันทอง” ตามน้ำหนักของทองพันชั่ง ซึ่งเป็นน้ำหนักของพระพุทธรูปองค์หนึ่งที่นำมาจากเชียงแสนด้วย ต่อมาชื่อเพี้ยนมาเป็น “วัดพันตอง” จนกระทั่งปัจจุบัน

หน้าบันลายพรรณพฤกษางดงามวิจิตร

พระวิหาร สถาปัตยกรรมล้านนา หลังคาซ้อนกัน ๒ ชั้น ช่อฟ้าสีเงินเงาวับ นาคสะดุ้งทำจากไม้ทาด้วยสีทอง หน้าบันยังคงความเก่าแก่และสมบูรณ์มากๆ เป็นงานแกะสลักไม้รู้ครุฑยุดนาคที่หาชมยาก และมีลายพรรณพฤกษาอยู่โดยรอบ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยเป็นพระประธาน แปลกตรงที่มีเหนือพระเกตุมาลามีฉัตร ๕ ชั้นด้วย ด้านหลังพระประธานเป็นงานจิตรกรรมฝาผนังสีทองบนพื้นสีแดงเกี่ยวกับเทวดาบนสรวงสวรรค์ นอกจากนั้นยังมีธรรมาสน์โบราณทำจากไม้ ซึ่งยังคงความสมบูรณ์และงดงามมาก

พระประธานภายในวิหาร


ธรรมาสน์ไม้แบบล้านนาสวยงามอ่อนช้อย

พระเจดีย์ อยู่ด้านหลังพระวิหาร เป็นศิลปะล้านนาผสมกับพม่า ตั้งอยู่บนฐานเป็นสี่เหลี่ยมรับกับฐานย่อเก็จยกสูง มีซุ้มจระนำประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิหันหน้าไปทางทิศเหนือ ถัดขึ้นไปเป็นมาลัยเถา ๘ เหลี่ยมซ้อนกัน ๕ ชั้น รับกับองค์เจดีย์ทรงระฆังคว่ำประดับด้วยกระจกหลากสี ส่วนยอดเป็นฉัตรสีทอง ๕ ชั้น

พระเจดีย์วัดพันตอง

พระอุโบสถวัดพันตอง

พระอุโบสถ ตั้งอยู่ข้างๆ กับพระเจดีย์ สถาปัตยกรรมล้านนา จุดเด่นคือนาคสะดุ้ง ๗ เศียร พระวิหารหรือพระอุโบสถ์อื่นๆ ที่จะเป็นนาคสะดุ้ง ๒ เศียร หน้าบันเป็นลายปูนปั้นรูปพญาครุฑและนามผู้บูรณะ เสาด้านหน้าประดับด้วยลายปูนปั้นรูปสัตว์ต่างๆ หน้าบันด้านหลังเป็นลายปูนปั้นรูปช้างและดอกบัว



หลายคนที่มาเยือนแถวๆ นี้ก็มักจะไปวัดลอยเคราะห์เพื่อต้องการขจัดความทุกข์และเคราะห์ภัยต่างๆ ให้หมดไปจากตัว ตามความเชื่อเรื่องวัดมงคลนาม บางทีอาจไม่รู้เลยว่ามีวัดพันตอง ซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ เพียงเท่านั้นเอง เลยอยากจะเชิญชวนเพื่อนๆ ให้ลองแวะเข้ามาเยี่ยมชมที่พระอารามแห่งนี้ด้วยนะคะ ได้ทั้งความร่มรื่นและความสบายใจแน่นอนค่ะ

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  917
119  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / เยี่ยมชมวัดเล็กๆ ย่านประตูท่าแพที่ “วัดดอกคำ” เมื่อ: มีนาคม 13, 2014, 11:42:28 PM
เยี่ยมชมวัดเล็กๆ ย่านประตูท่าแพที่ “วัดดอกคำ”

ย่านประตูท่าแพ คือจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวหลายต่อหลายคนที่มาเยือนเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือต่างชาติ เนื่องจากเป็นประตูเมืองสำคัญและอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดเมื่อเทียบกับประตูอื่นๆ แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักวัดเล็กๆ แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ไม่ไกลจากประตูท่าแพนัก มีเพียงนักท่องเที่ยวต่างชาติบางกลุ่มเท่านั้นที่แวะเวียนไปเยี่ยมชมในเวลาสั้นๆ ทั้งๆ ที่อยู่ห่างจากประตูท่าแพเพียงแค่ไม่กี่สิบก้าว โอกาสนี้จึงอาสาพาเพื่อนๆ ไปเยี่ยมชม และทำความรู้จักวัดแห่งนี้ให้มากขึ้น “วัดดอกคำ” ค่ะ


วัดดอกคำ ตั้งอยู่บนถนนมูลเมือง ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตามจารึกบนฐานพระประธานในพระวิหาร กล่าวว่าพระอารามแห่งนี้ถูกสร้างประมาณปี พ.ศ. ๒๓๒๖ คาดว่าสร้างโดยชาวพม่า ก่อนที่จะพากันอพยพออกไปจากเมืองเชียงใหม่ ต่อมาชาวเมืองปันและตองกาย กลุ่มคนที่ถูกพระเจ้ากาวิละ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ (เจ้าเจ็ดตน) กวาดต้อนมาเพื่อฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่ในยุคที่เรียกว่า “เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง” เป็นผู้ฟื้นฟูวัดดอกคำขึ้นใหม่ ต่อมาพญาธรรมลังกาได้ทำพิธียกเสาวิหารวัดดอกคำ จนกระทั่งปี  พ.ศ.๒๔๔๐ วัดนี้ได้รับการบูรณะอีกครั้งโดยพระยาตำ มีการสร้างถาวรวัตถุต่างๆ มากมายในสมัยนั้น

การตกแต่งลวดลายพระวิหารสวยงามมาก

หากเห็นภาพด้านหน้าวัด หลายคนอาจจะถึงบางอ้อ เพราะความโดดเด่นของพระพุทธรูปปางห้ามญาติสีทองด้านหน้าพระวิหาร เชื่อว่าคงเคยหยุดถ่ายรูปแล้วก็เดินต่อไปยังประตูท่าแพ ขอบอกเลยค่ะว่าเพื่อนๆ ได้พลาดอะไรบางอย่างไปแล้วล่ะค่ะ

บรรยากาศภายในวัดค่อนข้างเงียบ อาจเป็นเพราะไม่ใช่วัดที่ถูกส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเหมือนวัดดังๆ มีปูชนียสถานสำคัญเพียงแค่ ๒ แห่ง คือพระวิหาร และพระเจดีย์ ไปทำความรู้จักกันเลยนะคะ

บานหน้าต่างพระวิหาร

บานประตูพระวิหาร

พระวิหาร สถาปัตยกรรมล้านนา ไฮไลท์ของวัดนี้ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนทั้งหลัง หน้าบันโดดเด่นมาก เป็นลายปูนปั้นที่ประณีต สวยงาม มีอยู่หลายลายด้วยกัน ทั้งลวดลายพรรณพฤกษา กวางกับธรรมจักร พญานาค นกการเวก และสัตว์ทั้ง ๑๒ นักษัตร ด้านล่างเป็นซุ้มจระนำประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามญาติ

หมู่พระประธานในวิหารวัดดอกคำ


ที่พลาดไม่ได้เลยก็คือภายในพระวิหาร หมู่พระประธานเป็นกลุ่มพระพุทธรูปคล้ายๆ กับในพระวิหารวัดดวงดี ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยสีทองอร่ามจำนวน ๕ องค์ ผนังด้านหลังเขียนภาพจิตรกรรมสีทองบนพื้นสีแดง เล่าเรื่องเมื่อครั้งพุทธกาล เบื้องหน้าพระประธานเป็นสัตตภัณฑ์ (เชิงเทียน) แกะสลักเป็นรูปเทวดา ราหูอมจันทร์ และพญานาค ข้างๆ เป็นหีบธรรมโบราณกับธรรมมาสแกะสลักเป็นลายเครือเถาสวยงามมากๆ ส่วนที่ฝาผนังด้านข้างเป็นจิตรกรรมเล่าเรื่องทศชาติชาดก



พระเจดีย์ อยู่ด้านหลังพระวิหาร สภาพในปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างการบูรณะ เสียดายที่ไม่ได้ภาพสวยๆ มาให้เพื่อนๆ ชมกันนะคะ เป็นพระเจดีย์ศิลปะล้านนา ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม เหนือขึ้นไปเป็นฐานย่อเก็จยกสูงรองรับมาลัยเถา ๘ เหลี่ยม ซ้อนกัน ๓ ชั้น ถัดขึ้นไปเป็นองค์ระฆัง

พระเจดีย์ของวัด เสียดายที่กำลังบูรณะอยู่

วัดเล็กๆ ที่หลายคนเดินผ่าน เพราะไม่รู้จักและไม่คุ้นเคย หารู้ไม่ว่ายังมีความงดงามของพระพุทธรูปอยู่ภายในพระวิหาร หากมีโอกาสเดินผ่านไปผ่านมาวัดเล็กๆ ที่ดูเหมือนว่าไม่มีอะไร ลองเข้าไปชมสักหน่อย คุณอาจจะได้พบเจอความงดงามและน่าทึ่งอย่างไม่คาดคิด  “มีแบบนี้ด้วยเหรอ”

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  909
120  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / เที่ยววัดช่างแต้ม กราบพระเจ้าฝนแสนห่า พระพุทธรูปคู่เมืองเชียงใหม่ เมื่อ: มีนาคม 13, 2014, 11:17:30 PM
เที่ยววัดช่างแต้ม กราบพระเจ้าฝนแสนห่า พระพุทธรูปคู่เมืองเชียงใหม่

เชียงใหม่เป็นเมืองที่สามารถพบเห็นวัดวาอารามอยู่ทั่วไปทุกซอกทุกมุมของเมือง วัดใหญ่ๆ อาจได้รับความสนใจมากกว่าในเชิงของการท่องเที่ยว แต่ก็ไม่ใช่ว่าวัดวาอารามเล็กๆ ที่มีอยู่มากมายนั้นจะไม่สำคัญเสียเลย เพราะอย่างที่เคยนำเสนอไปแล้ว วัดเล็กหลายแห่งก็จิ๋วแต่แจ๋ว มีเรื่องราวมากมายรอคอยให้เราไปค้นพบ โดยเฉพาะความงดงามทางด้านศิลปะ และสถาปัตยกรรม


วัดช่างแต้ม ตั้งอยู่บนถนนพระปกเกล้า ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เดิมมีชื่อว่า “วัดต้อมแต้มแก้วกว้างท่าช้างพิชัย” (ยาวมากใช่ไหมคะ) สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในช่วงปี พ.ศ. ๒๐๓๘-๒๐๖๓ โดยกลุ่มจิตรกร (ภาษาเหนือเรียกว่า “ช่างแต้ม”) ในสมัยพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์พระองค์ที่ ๙ แห่งราชวงศ์มังราย

หน้าบันพระวิหารวัดช่างแต้ม วิจิตรอ่อนช้อยมาก

พระอารามแห่งนี้เป็นวัดขนาดเล็ก มีพื้นที่ใช้สอยแค่ ๒ ไร่ จุดเด่นของวัด ที่เห็นตั้งแต่ยังไม่เข้ามาในบริเวณวัดก็คือพระวิหารที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ สถาปัตยกรรมล้านนาประยุกต์ หลังคาซ้อนกัน ๓ ชั้น ช่อฟ้าตกแต่งทันสมัย นาคสะดุ้งมองดูผิวเผินก็เหมือนกับวัดทั่วไป แต่ถ้าลองสังเกตดีๆ จะเห็นว่าพญานาคมีปีกด้วย! หน้าบันถูกแบ่งเป็นช่องตามโครงสร้างของอาคาร แบบที่เรียกว่าม้าต่างไหม ในแต่ละช่องมีลวดลายพรรณพฤกษาและดอกไม้ประดับไว้ ประตูทางเข้าเป็นซุ้มโขงที่งดงามตามสไตล์ล้านนา มีลายปูนปั้นรูปหงส์ และพญานาคสองตนเกี่ยวพันกันเป็นซุ้ม

พระประธานในวิหาร

ภายในประดิษฐานหมู่พระพุทธรูปปางมารวิชัย แต่ละองค์มีพระพักตร์ที่ไม่เหมือนกัน ด้านหลังพระประธานมีลายปูนปั้นซุ้มโขง และธรรมจักรสีทองที่สวยงาม ตัดกับพื้นหลังสีแดง เบื้องหน้ามีสัตภัณฑ์ (เชิงเทียน) ที่แกะสลักจากไม้เป็นรูปพญาครุฑ และพญานาคประดับด้วยกระจกหลากสี

ด้านหลังพระวิหารเป็นพระเจดีย์ศิลปะล้านนา แต่เดิมส่วนบนเป็นศิลปะพม่าขนานแท้ เนื่องจากเชียงใหม่เคยตกอยู่ใต้อำนาจของพม่าถึง ๒๔๑ ปี แต่หลังจากที่อำนาจของพม่าหมดไป เจดีย์ในวัดต่างๆ จึงพยายามเปลี่ยนให้กลับมาเป็นแบบล้านนา ฐานด้านล่างเป็นสี่เหลี่ยม แต่ละมุมมีฉัตร ถัดขึ้นไปเป็นฐานย่อเก็จยกสูงรับกับชั้นมาลัยเถาแปดเหลี่ยมซ้อนกัน ๖ ชั้นรับกับองค์ระฆังทรงกลมหุ้มด้วยแผ่นทองจังโก ส่วนยอดเป็นฉัตรสีทอง 7 ชั้น

ซุ้มโขงประตูทางเข้าพระวิหาร

นอกจากนั้นวัดนี้ยังมีพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญอีกองค์หนึ่งของเชียงใหม่ นั่นคือ “พระเจ้าฝนแสนห่า” เชื่อกันว่าพระองค์นี้มีพุทธานุภาพ สามารถดลบัลดาลให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล ซึ่งทุกๆ ในวันแรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๘ เทศบาลนครเชียงใหม่จะอาราธนาพระเจ้าฝนแสนผ่าแห่ไปรอบเมืองให้ประชาชนสรงน้ำ

พระเจดีย์ของวัด

แม้ว่าวัดช่างแต้มจะไม่ใช่วัดใหญ่โต แต่ก็เป็นวัดที่มีความสำคัญอีกแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ มีทั้งความสวยงามของสถาปัตยกรรมและมีพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอันเป็นที่เคารพยิ่งของชาวล้านนา

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  902
หน้า: « 1 2 3 4 »




Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.5 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.197 วินาที กับ 15 คำสั่ง