หัวข้อ: ตำนานความรักของกษัตริย์ระมิงค์นคร ..ขุนหลวงวิรังคะ เริ่มหัวข้อโดย: Traveller Freedom ที่ สิงหาคม 21, 2015, 02:42:51 PM ตำนานความรักของกษัตริย์ระมิงค์นคร ..ขุนหลวงวิรังคะ
ต้นกำเนิดของขุนหลวงวิรังคะเป็นชนชาวลัวะ หรือ ละว้า ซึ่งในอดีตชนกลุ่มนี้ปกครองอาณาจักรล้านนา หรือบริเวณพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนของประเทศไทยในปัจจุบัน โดยในสมัยขุนหลวงวิรังคะ ดินแดนแถบนี้มีนามนครว่า ระมิงค์นคร อันหมายถึงนครแห่งลุ่มน้ำปิง จากตำนานที่จะนำมาเล่ากล่าวถึงในเนื้อหาที่อยู่ด้านล่างต่อไปนี้ เกี่ยวข้องกับ 2 สถานที่สำคัญในจังหวัดเชียงใหม่ คือ ม่อนล่อง (http://www.tripchiangmai.com/chiangmaiboard/index.php/topic,8757.0.html#.VdbZc_mqqkoม่อนล่อง) กับ วัดพระธาตุดอยคำ (http://www.tripchiangmai.com/chiangmaiboard/index.php/topic,8450.0.html#.VdbZovmqqkoวัดพระธาตุดอยคำ) อันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน อนึ่ง นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวชมสถานที่ดังกล่าว หาได้ทราบประวัติที่เกี่ยวข้องกับตำนานความรักของกษัตริย์ชาวลัวะองค์นี้ไม่.. ขุนหลวงวิรังคะ เป็นกษัตริย์ในราชวงศ์กุนาระ องค์ที่ 13 ของระมิงค์นคร เมื่อราวต้นพุทธศักราช 1200 ทรงมีอิทธิฤทธิ์และฝีมือในการพุ่งเสน้า หรือ หอก จนเป็นที่เลื่องลือระบือไกล ท่านทรงปกครองอาณาจักรระมิงค์นคร ทับซ้อนในสมัยเดียวกันกับพระนางจามเทวี กษัตริย์แห่งอาณาจักรหริภุญชัย ตำนานในอดีตเกี่ยวกับขุนหลวงวิรังคะซึ่งเล่าขานสืบต่อกันมาจากชาวบ้าน กล่าวว่า ในอดีตมีกษัตริย์ของชาวลัวะนามว่า ขุนหลวงวิรังคะ เป็นเจ้าเมืองระมิงค์นคร ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีพละกำลังแข็งแกร่งและมีคาถาอาคมแก่กล้า เมื่อทรงสูญเสียมเหสีอันเป็นที่รักไปก็ทำให้พระองค์โศกเศร้าเป็นอย่างมาก ข้าราชบริพารทั้งหลายเห็นดังนั้นจึงกราบทูลนำเสนอพระนางจามเทวี ซึ่งเป็นกษัตริย์ปกครองนครหริภุญชัย (เมืองลำพูนในปัจจุบัน) ซึ่งมีความสามารถและมีรูปโฉมที่งดงามเหมาะสมที่จะเป็นมเหสีองค์ใหม่ของพระองค์ ขุนหลวงวิรังคะเกิดความสนใจ จึงได้ประสงค์ให้จัดขบวนอัญเชิญพระนางจามเทวีมาเป็นมเหสี ทางพระนางจามเทวีเมื่อทราบข่าวก็ไม่ปรารถนาที่จะมาเป็นชายาเนื่องจากกลัวจะเป็นที่ครหาแก่ชาวเมือง จึงได้ออกอุบายให้ขุนหลวงวิรังคะสำแดงอานุภาพโดยการพุ่งเสน้า (หอก) บนดอยคำมาปักลงใจกลางนครหริภุญชัย ถ้าสามารถพุ่งมาได้ถึง 3 ครั้ง จะยอมเป็นมเหสีของพระองค์ ขุนหลวงวิรังคะจึงตกลงยอมรับคำท้า พระองค์ทรงพุ่งหอกลงมาปักใจกลางนครหริภุญชัยได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง เมื่อพระนางจามเทวีเห็นดังนั้น ก็คิดว่าคงไม่ได้การ จึงออกอุบายถวายผ้าคาดศีรษะหลากสีงดงามถวายแด่ขุนหลวงวิรังคะเสมือนเป็นกำลังใจให้คุณ เมื่อถึงเวลาพุ่งหอกครั้งที่ 3 ขุนหลวงวิรังคะก็ทรงโพกผ้าคาดศีรษะที่พระนางจามเทวีให้มาก่อนจะพุ่งหอกออกไป ปรากฏว่าหอกที่พุ่งลงไปตกอยู่เชิงดอยคำไปไม่ถึงไหนห่างไกลความเป็นจริง ขุนหลวงวิรังคะเกิดความโมโหที่หลงในกลอุบาย เนื่องจากผ้านั้นทำให้มนต์เสื่อมคลาย จึงได้ยกทัพไปตีเมืองหริภุญชัย แต่หารู้ไม่ว่าสู้ไม่ได้ เพราะนอกจากจะได้รับความพ่ายแพ้กลับมาแล้ว พระองค์ยังทรงได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกหอกของลูกชายแฝดของพระนางจามเทวีทิ่มแทง ก่อนพระองค์จะสิ้นใจได้มีพระประสงค์ให้นำร่างไปฝังไว้ ณ จุดที่สามารถมองเห็นเมืองหริภุญชัยได้ชัดเจน ณ ยอดดอยสูงสุดของอำเภอแม่ริม ดังนั้นชาวเมืองจึงนำโลงศพ ที่ภาษาล้านนาเรียกว่า ล่อง บรรจุศพเดินไปตามสันเขาและฝังลง ณ จุดบริเวณที่เรียกว่า ม่อน จึงเป็นที่มาของชื่อ ม่อนล่อง หรือ สันเขาที่ฝังโลงศพ นั้นเอง ซึ่งบริเวณนี้สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองหริภุญชัย หรือเมืองลำพูนได้ชัดเจน ตามประสงค์ของขุนหลวงวิรังคะ บทความท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์นี้ ขออุทิศแด่ดวงพระวิญญาณของกษัตริย์ผู้ล่วงลับ ขุนหลวงวิรังคะ เพื่อให้ประชาชนคนรุ่นหลังได้รู้ซึ้งถึงส่วนหนึ่งของชีวประวัติของพระองค์ ..ด้วยจิตคารวะ by Traveller Freedom หัวข้อ: Re: ตำนานความรักของกษัตริย์ระมิงค์นคร ..ขุนหลวงวิรังคะ เริ่มหัวข้อโดย: Penelope ที่ มกราคม 18, 2017, 09:54:31 AM น่าเศร้าจัง :22:
|