หัวข้อ: ตะลอนเที่ยววัดเชียงใหม่ "วัดหนองหอย" แม่ออน เริ่มหัวข้อโดย: konhuleg ที่ สิงหาคม 15, 2015, 09:13:42 AM นอกกจากความอยากมาเที่ยววัด และกล้องถ่ายภาพแล้ว ก็เห็นจะมีอาหารหมานี่แหละ ที่ควรจะต้องพกมาด้วย
สาเหตุที่ตั้งพกอาหารหมามาด้วยนั้น เพราะหมาที่วัดส่วนใหญ่มักจะเห่าทักทายเรา ตามจริงถ้าจะเห่าซัก 1 2 นาที ก็ไม่เป็นไร เพราะเราเข้าใจธรรมชาติของหมา แต่ถ้าเยอะกว่านั้น ก็เริ่มที่จะรำคาญกันแล้ว วิธีที่ดีที่สุดให้มันหุบปากก็คือพยายามเป็นมิตรกับมัน หรือไม่ก็หาอะไรให้มันกินซะ และเมื่อปากเคี้ยวอาหารการส่งเสียงก็จะยุติ จะว่าไปแล้ววิธีหยุดให้หมาเห่า กับวิธีหยุดให้เด็กร้องไห้ น่าจะใช้ได้เหมือนกัน ผมพาตัวเองมายัง วัดหนองหอย ที่ตั้งอยู่ เลขที่ 82 หมู่ 2 บ้านหนองหอย ตำบลออนเหนือ อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยหารที่ไม่ได้พกอาหารหมามาด้วย ซึ่งก็แน่นอน มันเห่าต้อนรับผมอยู่หลายนาที วัดหนองหอย ก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. 2464 มีเนื้อที่ 11 ไร่ 4 งาน 62 ตารางวา มีพระครูประทีปวรธรรม เป็นเจ้าอาวาส มีเสนาสนะประกอบด้วย ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ วิหาร เป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชนและเป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางด้านศาสนา ประเพณี และวัฒนธรรมของคนในชุมชนและชุมชนใกล้เคียง เป็นสถานที่ตั้งของศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ได้รับคัดเลือกจากคณะสงฆ์อำเภอแม่ออน ให้เป็นวัดพัฒนาเฉลิมพระเกียรติประจำปี 2554 วัดแห่งนี้มีเรื่องที่น่าสนใจ คือมีรูปปั้นของฤาษีตาไฟรอบองค์เจดีย์กันครับ ซึ่งนานๆ ผมจะพบเจอซักครั้ง โดยเรื่องราวของพระฤาษีตาไฟนั้นความจริงแล้วเป็นเรื่องลี้ลับ เพราะนามพระฤาษีตาไฟนั้นปรากฏมาเป็นเวลานานนับพันปี ความลี้ลับของพระฤาษีตาไฟนั้นพอเทียบได้กับเรื่องราวของหลวงปู่เทพโลกอุดรที่ยากจะสืบค้นความจริงได้ ในปัจจุบันจะเห็นว่าการสร้างรูปเคารพของพระฤาษีตาไฟนั้นมักปรากฏเป็นพระฤาษีที่มีสามตา โดยมีตาที่สามกลางหน้าผาก ตามตำนานกล่าวไว้ว่า ตาที่สามของพระฤาษีตาไฟนี้ลืมขึ้นมาเมื่อใดจะบังเกิดเป็นไฟประลัยกัลป์ขึ้นเมื่อนั้น ลักษณะของตาที่สามของพระฤาษีตาไฟนี้ ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่มีบุญและมีตบะฌานที่แก่กล้า ตามคติทางพราหณ์และพุทธนั้นกล่าวว่าบุคคลที่ได้บำเพ็ญเพียรทางจิตมาหลายร้อยหลายพันชาติ เป็นอนันตชาตินั้น เมื่อบังเกิดขึ้นมาในภพชาติปัจจุบันจะมีสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเป็นผู้ที่มีบุญเกิดขึ้นกับร่างกายหลายอย่าง และอย่างหนึ่งก็คือการมีอุณาโลมที่กลางหน้าผาก อุณาโลมกลางหน้าผากนี้กับภาวะตาที่สามเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน เพราะถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งตาที่สามหรือดวงตาแห่งเทพเจ้า พระอิศวรหรือพระศิวะถือว่าเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดท่านหนึ่ง ตามตำนานกล่าวว่าพระองค์ทรงมีสามตา โดยตาที่สามพระองค์นั้นอยู่กลางหน้าผากดุจเดียวกับพระฤาษีตาไฟ และเหมือนกันอีกประการ หนึ่งก็คือ เมื่อใดก็ตามที่พระอิศวรทรงลืมพระเนตรขึ้น เมื่อนั้นย่อมบังเกิดไฟประลัยกัลป์ขึ้นมา ความเหมือนกันโดยบังเอิญของตำนานพระอิศวรและพระฤษีตาไฟที่พ้องกันเช่นี้ทำให้เชื่อว่าท่านทั้งสองคือพระฤษีตาไฟและพระอิศวรย่อมมีความเกี่ยวพันไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งและพอเชื่อได้ว่าพระฤาษีตาไฟแท้จริงแล้วก็คือภาคหนึ่งของพรศิวะหรือพระอิศวรเจ้านั้นเอง |