จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2

The Biggest Chedi of Lanna Kingdom @ วัดเจดีย์หลวง (1)

สถานที่ตั้ง : เลขที่ 103 ถนนพระปกเกล้า ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 18.786983, 98.986575

    วัดเจดีย์หลวง มีชื่อเต็มว่า วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงโบราณ ในอดีตเคยมีชื่อว่า “วัดโชติการาม” แปลว่า พระอารามที่มีแต่ความรุ่งเรืองสว่างไสว โดยวัดเจดีย์หลวงสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าแสนเมืองมา กษัตริย์องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย ไม่ปรากฏปีที่สร้างแน่ชัด สันนิษฐานได้เพียงว่าน่าจะสร้างประมาณปี พ.ศ. 1928 - 1945 มีการบูรณะมาหลายครั้งหลายสมัย โดยเฉพาะพระเจดีย์ที่ปัจจุบันมีขนาดความกว้างด้านละ 60 เมตร เป็นองค์พระเจดีย์ที่มีความสำคัญที่สุดองค์หนึ่งในเมืองเชียงใหม่ และมีขนาดใหญ่ที่สุดของอาณาจักรล้านนา

    วัดเจดีย์หลวง ตั้งอยู่กลางใจเมืองเชียงใหม่ ซึ่งแต่เดิมถือว่าเป็นศูนย์กลางทางการปกครองของอาณาจักรล้านนา สมัยพระเจ้าแสนเมืองมา ขณะมีพระชนมมายุ 39 พรรษา พระองค์โปรดให้สร้างพระเจดีย์หลวงกลางเมืองเชียงใหม่ แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จก็สวรรคต พระราชินีผู้เป็นอัครมเหสีของพระองค์ ได้โปรดให้ดำเนินการต่อจนแล้วเสร็จ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2055 พระเมืองแก้ว พร้อมด้วยชาวเมืองเชียงใหม่นำปัจจัยมาสมทบร่วมสร้างกำแพงล้อมพระธาตุเจดีย์หลวง จากนั้นจึงได้นำปัจจัยที่เหลือมาแลกเป็นทองคำจำนวน 30 กิโลกรัม แล้วแผ่เป็นแผ่นทึบหุ้มองค์พระธาตุเจดีย์หลวง เมื่อรวมกับทองคำที่หุ้มองค์พระเจดีย์หลวงอยู่เดิม ทำให้มีน้ำหนักทองคำมากถึง 2.3 ตัน

    ในปี พ.ศ. 2088 รัชสมัยพระนางจิระประภามหาเทวี ได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่ จึงทำให้ยอดพระเจดีย์หลวงหักพังทลายลงมา หลังจากนั้นพระเจดีย์หลวงจึงถูกทิ้งให้ร้างมานานกว่า 400 ปี กระทั่งปี พ.ศ. 2423 พระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 7 ได้รื้อพระวิหารหลังเก่าและสร้างวิหารหลวงขึ้นใหม่ด้วยไม้ทั้งหลัง ช่วงปี พ.ศ. 2471-2481 สมัยพลตรีเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย ช่วงนี้ถือเป็นทศวรรษแห่งการบูรณะครั้งสำคัญของวัดเจดีย์หลวง โดยได้มีการรื้อถอนสิ่งปรักหักพัง แผ้วถางป่าที่ขึ้นปกคุลมโบราณสถาน แล้วทำการบูรณะขึ้นใหม่ให้เป็นวัดสมบูรณ์แบบ จนกระทั้งวัดเจดีย์หลวง ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่โดยกรมศิลปากร เมื่อปี พ.ศ. 2533 โดยใช้งบประมาณในการบูรณะ 35 ล้านบาท ใช้เวลาในการบูรณะ 2 ปี

    ภายในองค์พระธาตุเจดีย์หลวง เป็นสถานที่บรรจุพระเกศาธาตุ และพระธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า ในกาลครั้งหนึ่ง เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราช ส่งสมณะทูต 8 รูป ภายใต้การนำพระโสณะ และพระอุตตะระ เข้ามาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในเขตสุวรรณภูมิ รวมทั้งภูมิภาคนี้ด้วย ได้นำเอาพระบรมธาตุมาบรรจุไว้ในองค์เจดีย์ที่สร้างขึ้น ณ บริเวณอันเป็นที่ตั้งของพระธาตุเจดีย์หลวงในปัจจุบัน ในเวลานั้นมีชายผู้หนึ่งมีใจเลื่อมใสได้แก้เอาผ้าห่มชุบน้ำมันจุดบูชาและได้ทำนายว่า ต่อไปในภายภาคหน้า ตรงนี้จะเป็นอารามใหญ่ชื่อ “วัดโชติการาม” หรือวัดเจดีย์หลวง ในปัจจุบันตามคำทำนาย

by Traveller Freedom

The Biggest Chedi of Lanna Kingdom @ วัดเจดีย์หลวง (1) (http://www.tripchiangmai.com/chiangmaiboard/index.php/topic,8630.msg39855.html#msg39855 The Biggest Chedi of Lanna Kingdom @ วัดเจดีย์หลวง (1))
The Biggest Chedi of Lanna Kingdom @ วัดเจดีย์หลวง (2) (http://www.tripchiangmai.com/chiangmaiboard/index.php/topic,8631.msg39856.html#msg39856 The Biggest Chedi of Lanna Kingdom @ วัดเจดีย์หลวง (2))

เป็น สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ ที่ไปเชียงใหม่ ไม่พลาดไปทุกครั้ง

เป็นวัดที่ สวยงาม อีกแห่งของเมืองเชียงใหม่  :onio:

The Biggest Chedi of Lanna Kingdom @ วัดเจดีย์หลวง (2)

สถานที่ตั้ง : เลขที่ 103 ถนนพระปกเกล้า ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : 18.786983, 98.986575

    วัดเจดีย์หลวง ในภาษาเหนือหรือคำเมือง หลวง แปลว่า “ใหญ่” แปลความหมายได้ตรงตัวว่า “พระธาตุเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่” ซึ่งพระธาตุเจดีย์หลวงนั้นถือว่าเป็นพระธาตุที่มีความสูงและมีขนาดใหญ่ที่สุดของล้านนา คือมีความสูงประมาณ 80 เมตร ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีความกว้างด้านละ 60 เมตร ถูกสร้างขึ้นในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 20 ถือว่าเป็นเจดีย์ที่มีความสำคัญที่สุดของเมืองเชียงใหม่

    องค์พระธาตุเจดีย์หลวง ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยพญาแสนเมืองมา โดยสร้างขึ้นเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้พญากือนา พระราชบิดา ซึ่งมีตำนานเล่ามาว่า พญากือนาซึ่งได้สวรรคตไปแล้ว ได้ปรากฏตัวแก่พ่อค้าชาวเชียงใหม่ที่เดินทางไปค้าขายที่ประเทศพม่า ให้มาบอกแก่พญาแสนเมืองมาผู้เป็นพระราชโอรสว่า ให้สร้างเจดีย์ไว้ท่ามกลางเวียง ให้มีขนาดสูงใหญ่พอให้คนที่อยู่ไกลสามารถมองเห็นได้ แล้วอุทิศบุญกุศลเหล่านี้ให้แก่พญากือนา เพื่อให้พระองค์สามารถไปเกิดในเทวโลกได้ แต่พญาแสนเมืองมาเสด็จสวรรคตเสียก่อน พระนางเจ้าติโลกจุฑาราชเทวี ผู้เป็นพระมเหสี ได้สืบทอดเจตนารมณ์สร้างต่อจนแล้วเสร็จ

    ต่อมาได้มีการปฏิสังขรณ์ในสมัยพระเจ้าติโลกราช พระองค์โปรดให้หมื่นด้ามพร้าคต นายช่างใหญ่ทำการปฏิสังขรณ์ โดยมีพระมหาสวามีสัทธัมกิติ เจ้าอาวาสองค์ที่ 7 ของวัดโชติการาม (ซึ่งเป็นชื่อของวัดเจดีย์หลวงในอดีต) เป็นกำลังสำคัญในการควบคุมดูแล และประสานงาน การปฏิรูปและก่อสร้างครั้งนี้ได้สร้างขยายเจดีย์ให้ใหญ่กว่าเดิม ใช้เวลาในการก่อสร้าง 3 ปี จึงแล้วเสร็จ ในสมัยมหาเทวีจิรประภา กษัตริย์องค์ที่ 15 แห่งราชวงศ์มังราย เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ส่งผลทำให้พระมหาเจดีย์หลวงได้พังทลายลงมาเหลือเพียงครึ่งองค์ จากนั้นไม่มีการบูรณะซ่อมแซมเจดีย์ให้กลับสู่สภาพเดิมอีกเลย จึงทำให้นักท่องเที่ยวที่มาชมจะพบเห็นเจดีย์ที่พังทลายลงหลงเหลือความสูงเพียงครึ่งเดียวไว้เป็นอนุสรณ์เตือนใจภัยพิบัติทางธรรมชาติมาจวบจนปัจจุบัน

    คติความเชื่อเรื่องจักรวาลวิทยา ในยุคแรกใช้ “อินทขีล” เป็นสัญลักษณ์สะท้อนความเชื่อดั้งเดิมของชาวลัวะ ซึ่งได้ผสมผสานกับความเชื่อของพราหมณ์ ในระยะต่อมาเมื่อพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก ได้ใช้ “พระธาตุเจดีย์หลวง” เป็นสัญลักษณ์ของศูนย์กลางจักรวาล คตินี้เห็นได้ชัดจากการสร้างเจดีย์หลวงให้สูงใหญ่ ตั้งอยู่กลางใจกลางเมืองเช่นเดียวกับเขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของจักรวาล

    วัดเจดีย์หลวง มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายให้สักการะ เช่น พระธาตุเจดีย์หลวง พระวิหารหลวง หออินทขีล ต้นยางนา กุมภัณฑ์ พระฤๅษี พระวิหารจัตุรมุขบูรพาจารย์ หอธรรมและพิพิธภัณฑ์วัดเจดีย์หลวง และพระพุทธไสยาสน์ เป็นต้น

by Traveller Freedom