หัวข้อ: พาไปกราบสรีระ ครูบาเจ้าดวงดี ที่วัดจำปี สันป่าตอง เริ่มหัวข้อโดย: konhuleg ที่ มิถุนายน 27, 2015, 06:36:37 AM ถือว่ามาไม่เสียเที่ยวครับ กับการแวะมาจากถนนสายหลักเชียงใหม่ ฮอด แล้วเลี้ยวเข้ามายังวัดท่าจำปี แถวทุ่งเสี้ยว (ทางเดียวกันที่มาวัดศรีนวรัฐ) เพื่อมานมัสการหลวงปู่ครูบาดวงดี สุภทโท ตามป้ายนำทางที่แปะไว้
ตามเส้นทางที่ผมขับรถมานั้น ถนนที่ว่าดีใช้ได้ เป็นราดยางตลอดทาง จากนั้นก่อนจะเข้าไปยังตัวหมู่บ้านและวัด จะเจอทางลอดอุโมงค์ใต้ถนนใหญ่ให้ขับลอดไปอีกซัก 2 กิโลเมตร เป็นอันว่าถึง วัดท่าจำปี ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 24 บ้านท่าจำปี(ต้นหัด) หมู่ที่ 8 ตำบลทุ่งสะโตก อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งในล้านนา สร้างเมื่อใด โดยผู้ใดไม่มีหลักฐานปรากฏชัดเจน แต่เป็นวัดที่ตั้งอยู่ที่บ้านท่าจำปีมาเป็นเวลานานมาก ก่อนที่หลวงปู่ครูบาเจ้าดวงดี จะถือกำเนิดเป็นเด็กชายในหมู่บ้านแห่งเดียวกันนี้ วัดท่าจำปี นับเป็นวัดใหญ่เป็นที่พึ่งของชาวบ้านท่าจำปีมาโดยตลอด แม้ในบางห้วงเวลาวัดท่าจำปีจะร้างพระสงฆ์อยู่เป็นประจำ แต่ก็มีพระเถระผู้ใหญ่ผลัดเปลี่ยนมาจำพรรษา ปฏิบัติธรรม และช่วยทำนุบำรุงดูแลปฏิสังขรณ์สิ่งก่อสร้างในวัดเสมอมา วัดได้รับการประกาศตั้งเป็นวัดจากทางราชการ เมื่อปีพ.ศ.2419 หรือเมื่อ 130 ปีมาแล้ว สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา(ขึ้นทะเบียนเป็นวัด) เมื่อหลวงปู่ครูบาเจ้าดวงดี ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น ร่วมกับผู้มีจิตศรัทธา สร้างพระอุโบสถของวัดเสร็จในวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ.2526 ตลอดเวลาที่ผ่านมา วัดท่าจำปีมีพระภิกษุอยู่ประจำ และเว้นว่างไม่มีผู้ดูแลอยู่เป็นครั้งเป็นคราว แม้วัดจะมีอายุเก่าแก่ยาวนานแต่เท่าที่สืบย้อนไปได้ มีพระเถระผู้ใหญ่ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส 5 รูปดังนี้ ครูบาโปธิมา ครูบาพรหมมา ครูบาสิงหะ ครูบาโสภา และพระสุภัทรศีลคุณ(หลวงปู่ครูบาเจ้าดวงดี สุภัทโท) สำหรับอาคารเสนาสนะ มีหลายอย่างให้ได้ดูได้ชมกันจนเพลินตาครับ กับสถาปัตยกรรมที่ถูกก่อสร้างขึ้นในแบบล้านนาซึ่งประกอบไปด้วยอุโบสถ วิหาร พระเจดีย์เก้ายอด วิหารพุทธไสยาสน์ วิหารพระพุทธรูปหยกขาว วิหารพระสังกัจจายน์ วิหารไม้สักทอง ศาลาบำเพ็ญบุญ ศาลาการเปรียญ หอพระไตรปิฏก มณฑป กุฏิสงฆ์ ศาลานอนจำศีล นอกจากวัดท่าจำปี จะเป็นวัดประจำหมู่บ้านท่าจำปี เป็นศูนย์รวมจิตใจ เป็นที่พึ่งในการศึกษาปฏิบัติธรรมของชาวพุทธที่ศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ยังเป็นศูนย์กลางการชุมนุมสืบสานประเพณีอันดีงามของชาวบ้านในท้องถิ่น ตลอดจนพุทธศาสนิกชนชาวไทยโดยทั่วไป สำหรับตอนหน้าจะพาไปนมัสการสรีระ หลวงปู่ครูบาเจ้าดวงดี สุภัทโท พร้อมกับเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับท่านที่น่าสนใจอีกหลากหลายกันครับ หัวข้อ: Re: พาไปกราบสรีระ ครูบาเจ้าดวงดี ที่วัดจำปี สันป่าตอง #1 เริ่มหัวข้อโดย: konhuleg ที่ กันยายน 12, 2016, 02:50:33 PM หลังจากเดินชมสถาปัตยกรรมต่างๆ ภายในวัดจนเป็นที่พอใจแล้ว กระผมจะพาไปนมันสการสรีระ หลวงปู่ครูบาดวงดี สุภัทโท พร้อมกับ ทำความรู้จักเรื่องราวเกี่ยวกับท่านกันครับ
หลวงปู่ครูบาดวงดี สุภัทโท ถือกำเนิดที่บ้านท่าจำปี ตำบลทุ่งสะโตก อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นคนพื้นเพบ้านท่าจำปีมาแต่กำเนิด บิดามารดา เป็นชาวไร่ชาวนา โยมบิดาชื่อ พ่ออูบ โยมมารดาชื่อ แม่จั๋นติ๊บ ถือกำเนิดในแผ่นดินรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อวันที่ 26 เดือนเมษายน พ.ศ. 2449 หลวงปู่มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 8 คน หลวงปู่เป็นลำดับที่ 7 เมื่อหลวงปู่อายุได้ 11 ปี ได้ติดตามพ่อแม่ไปทำบุญตักบาตรถวายภัตตาหารแด่ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย ซึ่งขณะนั้นท่านครูบาถูกทางการจังหวัดลำพูน นำตัวมากักขังบริเวณที่วัดพระธาตุเจ้าหริภุญชัย (วัดหลวงลำพูน) ในข้อหาเป็นพระอุปัชฌาย์เถื่อนไม่มีหนังสืออนุญาตบวชพระ เมื่อท่านครูบาเจ้าฯได้เห็นเด็กชายดวงดี ท่านก็มีเมตตาอย่างสูงเรียกเข้าไปหาพร้อมกับบอกพ่อแม่ว่า "กลับไปให้เอาไปเข้าวัดเข้าวา ต่อไปภายหน้าจะได้พึ่งพาไหว้สามัน" นับเป็นพรอันประเสริฐ ยิ่งในการที่ท่านครูบาเจ้าฯได้พยากรณ์พร้อมกับประสาทพรให้หลวงปู่ตั้งแต่ยังเด็ก หลังจากที่เดินทางกลับถึงบ้าน ไม่กี่วันต่อมา บิดาก็นำขันข้าวตอกดอกไม้ พร้อมกับนำตัวเด็กชายดวงดีไปถวายฝากตัวเป็นศิษย์(ขะโยม)ในท่านครูบาโปธิมา ซึ่งเป็นอธิการวัดท่าจำปี ใกล้ๆบ้านนั่นเอง ครูบาโปธิมาก็ได้พร่ำสอนหนังสือของทางการบ้านเมืองสมัยนั้น หลังจากสั่งสอนเด็กชายดวงดีจนพออ่านออกเขียนได้ ท่านครูบาโปธิมาก็ย้ายจากวัดท่าจำปีไปเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง ห่างจากวัดท่าจำปีไปเล็กน้อย ท่านครูบาสิงหะ เจ้าอาวาสท่านต่อมาได้ให้เด็กชายดวงดีศึกษาเป็นขะโยม(เด็กในวัด) อยู่กับครูบาสิงหะได้ไม่นาน ครูบาสิงหะก็มรณภาพ คงเหลือสามเณรสิงห์แก้วดูวัดท่าจำปีแทนและทำหน้าที่สั่งสอนลูกศิษย์ไปด้วย หลังจากทำบุญประชุมเพลิงครูบาสิงหะแล้วสามเณรสิงห์แก้วก็ลาสิกขาจึงทำให้วัดท่าจำปีร้างรกไม่มีเจ้าอาวาสติดต่อกันถึง ๓ ปี ในขณะที่วัดร้างรานั้น หลวงปู่หรือเด็กชายดวงดีขณะนั้นก็ทำหน้าที่ดูแลวัดอย่างที่เคยปฏิบัติมา เช่น ปัดกวาดกุฏิวิหาร จัดขันดอกไม้บูชาพระ ตักน้ำคนโท(น้ำต้น) ถวายพระพุทธรูปตลอดเวลา ต่อมาคณะศรัทธาวัดท่าจำปี ได้อาราธนานิมนต์ท่านครูบาโสภามาเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าจำปี เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่จึงได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลทุ่งสะโตกอีกตำแหน่งด้วย ทำให้วัดท่าจำปีเกิดความสำคัญขึ้นมาอย่างยิ่ง เพราะนอกจากท่านครูบาโสภณจะเป็นเจ้าคณะตำบลแล้ว ท่านยังเป็นพระสหธรรมมิกที่มีอายุพรรษารุ่นราวคราวเดียวกันกับม่านครูบาศีลธรรมศรีวิชัย มีผู้คนเคารพนับถือมากมายถึงกับขนานนามท่านว่า "ตุ๊เจ้าตนบุญตนวิเศษแห่งล้านนา" จริงๆ เพราะท่านมีบุญญาอภินิหารปรากฏแก่สายตาคนทั้งหลาย ซึ่งเป็นที่ร่ำลือถึงเหตุการณ์ต่างๆอย่างไม่ลดละตราบจนทุกวันนี้ หลังจากเด็กชายดวงดีศึกษาภาษาพื้นเมืองได้คล่องแคล่ว อายุได้ 13 ปีพอดี ท่านครูบาโสภาจึงนำเด็กชายดวงดีไปปรึกษากับท่านครูบาศรีวิชัย ซึ่งขณะนั้นท่านได้ขึ้นมาบูรณะปฏิสังขรณ์ทางเมืองเชียงใหม่ พ.ศ.2462 ท่านครูบาศรีวิชัยมีความพอใจเด็กชายดวงดีมาก ท่านครูบาโสภาก็เล่าเรื่องการบวชเณรให้ท่านครูบาศรีวิชัยฟัง ท่านก็บอกกับครูบาโสภณว่า "ถ้าบวชพระแล้วก็หื้อขึ้นมาจำพรรษาอยู่วัดพระสิงห์นี่แหละ จะได้เป็นเพื่อนกับนายสิงห์ดำ" (ซึ่งเป็นหลานแท้ๆของท่านครูบาศรีวิชัย) ซึ่งมีหน้าที่ปลงเกศาให้กับท่านครูบาศรีวิชัย ครั้นหลวงปู่ดวงดีบรรพชาเป็นสามเณรแล้วโดยมีท่านครูบาโสภาเป็นพระอุปัชฌายะบรรพชา ได้ไม่กี่วันก็ส่งตัวเข้ามาในเมืองเชียงใหม่ อยู่จำพรรษาและช่วยเหลือท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย คอยปฏิบัติพัดวีตามอาจาริยวัตรที่ครูบาอาจารย์ในยุคสมัยนั้นสั่งสอน ไหว้พระสวดมนต์ นั่งกรรมฐาน บูชาขันดอกไม้ และช่วยเหลืองานก่อสร้างต่างๆ ซึ่งในขณะนั้นท่านครูบาเจ้าศริวิชัยต้องเดินทางไปทุกหนทุกแห่ง เพื่อสร้างสรรค์บูรณะปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุ วัดวาอารามต่างๆ ทุกจังหวัดในภาคเหนือ เมื่อหลวงปู่ดวงดีอายุครบ 21 ปี จึงได้กลับไปนมัสการพระอาจารย์ท่านครูบาโสภาที่วัดท่าจำปีเพื่อปรึกษาเรื่องอุปสมบทเป็นพระภิกษุ จากนั้นท่านครูบาโสภาจึงได้เดินทางไปขออนุญาตกับครูบาเจ้าศรีวิชัย เรื่องส่งมาจำพรรษาอยู่กับท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยเหมือนเดิม ลุ วันอาทิตย์ เดือน 6 เหนือ ขึ้น 9 ค่ำ ปีเมืองเหม้า(ปีเถาะ) ตรงกับวันที่ 12 เดือนมีนาคม พ.ศ.2470 สามเณรดวงดีจึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาอย่างสมบูรณ์ โดยมีท่านครูบาโสภาเป็นพระอุปัชฌายะ ท่านครูบาธัมมะเสน วัดดอนบินเป็นพระกรรมวาจาจารย์ และท่านพระครูปัญญา วัดมะกับตองหลวง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ณ พระอุโบสถวัดสารภี ตำบลทุ่งรวงทอง กิ่งอำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ได้นามฉายาว่า "สุภทโท" หลังจากอุปสมบทแล้ว หลวงปู่ดวงดีก็เดินทางไปอยู่จำพรรษากับท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยเช่นเดิม โดยเป็นกำลังสำคัญในการปฏิบัติอุปฐากบำรุง ในช่วงที่หลวงปู่อยู่จำพรรษากับท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยนับตั้งแต่เป็นสามเณรใหม่ๆ นั้น และเดินทางปฏิบัติเล่าเรียนอยู่กับท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยนั้น ท่านอายุได 28 ปี เป็นช่วงที่ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยต้องอธิกรณ์ข้องกล่าวหาต่างๆนาๆ เช่นการบุกรุกป่าสงวน ซ่องสุมผู้คน ตั้งตนเป็นผีบุญ จนถึงกับถูกจับส่งตัวไปตัดสินความที่กรุงเทพฯ เนื่องจากถูกกลั่นแกล้ง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เกิดเหตุการณ์ใหญ่โต เมื่อคณะสงฆ์ในเขตปกครองแขวงบ้านแมง (อ.สันป่าตอง) ขอลาออกจากการปกครองเมืองเชียงใหม่ถึง 60 วัด ท่านครูบาโสภาวัดท่าจำปี ท่านครูบาปัญญา วัดท่ากิ่งแลหลวง ก็ถูกไต่สวนจนต้องนำคณะศิษย์หนีไปแสวงบุญก่อสร้างวิหารพระพุทธบาทฮังฮุ้ง ในเขตประเทศพม่าจนไม่ยอมกลับมาอีกเลย บรรดาลูกศิษย์ลูกหาของท่านครูบาศรีวิชัยต้องแยกย้ายกันไปแสวงบุญคนละทิศละทาง คงค้างแต่ท่านครูบาขาวปีทำหน้าที่ดูแลวัดสิงห์ และเป็นหัวแรงในการก่อสร้างวัดวาอารามที่ค้างไว้ ลุ พ.ศ. 2480-2481 ท่านครูบาศรีวิชัยถูกชำระความพ้นผิดเดินทางกลับเมืองลำพูนอยู่ได้ไม่นาน ก็ถึงแก่มรณภาพที่วัดจามเทวี เมื่ออายุได้ 61 ปี 5 เดือน กับ 21 วัน ซึ่งขณะนั้นหลวงปู่ดวงดีอายุได้ 32 ปี หลวงปู่ได้เดินทางไปก่อสร้างวัดวาอารามเจริญรอยตามท่านครูบาศรีวิชัยผู้เป็นพระอาจารย์ หลังจากนั้นก็ติดตามครูบาเจ้าอภิชัยผ้าขาวปีมาสร้างวิหารวัดท่าจำปี ลุ พ.ศ.2484 ขณะพลวงปู่อายุได้ 35ปี หลังจากถวายพระเพลิงปลงศพท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยเสร็จแล้วนั้น ท่านครูบาเจ้าอภิชัยผ้าขาวได้เชิญอัฐิธาตุของท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยส่วนที่เป็นกระโหลกเท่าหัวแม่มือส่วนหนึ่งหลวงปู่นำมาเก็บรักษาสักการะบูชาจนถึงทุกวันนี้ หลวงปู่ได้อยู่ช่วยครูบาอภิชัยผ้าขาว สร้างอนุสาวรีย์บรรจุอัฐิธาติของท่าครูบาเจ้าศรีวิชัยทั้งที่วัดสวนดอกและวัดหมื่นสารแล้ว ก็รับขันดอกนิมนต์จากคณะศรัทธาป่าเมี้ยงป๋างมะกล้วย อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ไปสร้างวัดป่าเมี้ยงป๋างมะกล้วย เนื่องจากอารามอยู่ในป่าดง เหมาะที่จะปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานซึ่งถูกกับจริตวิสัยของหลวงปู่เป็นอย่างยิ่ง หลวงปู่อยู่ปฏิบัติกรรมฐานที่วัดนี้นานถึง 7 ปี ท่านครูบาโสภาก็ขอให้หลวงปู่ลงมาก่อสร้างวัดท่าจำปีต่อจากท่าน เนื่องจากวัดท่าจำปีมีศรัทธาญาติโยมน้อยเพียง ๒๐ หลังคาเรือนเท่านั้น หลวงปู่เดินทางกลับมาก่อสร้างวัดท่าจำปี ขณะนั้นอายุได้ 42 ปี ได้รับตำแหน่งเจ้าคณะตำบลทุ่งสะโตกจากท่านครูบาโสภาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าหลวงปู่จะมีตำแหน่งหน้าที่ทางการคณะสงฆ์ก็ตาม ท่านก็มิได้ละเลยข้อวัตรปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งท่านมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว ในระหว่างที่มาดำรงค์ตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อจากท่านครูบาโสภา หลวงปู่ก็มิได้สร้างแต่เฉพาะวัดท่าจำปีเท่านั้น ทุกวัดในละแวกเดียวกันหลวงปู่ก็ช่วยเหลือเป็นแรงสำคัญไม่ว่าถนนหนทาง อุโบสถ วิหาร เจดีย์ สะพาน หรือแม้แต่โรงเรียน โรงพยาบาล หลวงปู่ก็ให้ความอุปถัมภ์บำรุง แม้กระทั่งวัดในเขตอำเภอสันป่าตอง หรือต่างอำเภอ หรือต่างจังหวัด หลวงปู่ครูบาดวงดี สุภัทโท มรณภาพเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 สิริรวมอายุ 104 ปี พรรษา 83 หัวข้อ: Re: พาไปกราบสรีระ ครูบาเจ้าดวงดี ที่วัดจำปี สันป่าตอง เริ่มหัวข้อโดย: auto ที่ กันยายน 13, 2016, 10:13:57 AM ขอบคุณ ข้อมูล ครับ
|