จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2

เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ => วัดในจังหวัดเชียงใหม่ => ข้อความที่เริ่มโดย: konhuleg ที่ พฤษภาคม 07, 2015, 05:55:47 AM



หัวข้อ: ตะลอนเที่ยววัดเชียงใหม่ "วัดบุปผาราม"
เริ่มหัวข้อโดย: konhuleg ที่ พฤษภาคม 07, 2015, 05:55:47 AM
จากถนนเส้นเชียงใหม่ – หางดง ผมลัดเลาะเข้ามาตรอกซอกซอยเล็กๆ เพื่อมายังวัดบุปผาราม ที่ตั้งอยู่เลขที่  16  บ้านแม่กุ้งบก  หมู่ที่  2  ตำบลสันกลาง  อำเภอสันป่าตอง  จังหวัดเชียงใหม่  ซึ่งเป็นวัดขนาดเล็กวางตัวอยู่ในกลางหมู่บ้าน ระหว่างทางมาบรรยากาศถือว่าดีไม่น้อย เพราะสองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งนา แม้ว่าในช่วงที่ผมมานั้นจะเป็นช่วงของฤดูร้อนกันก็ตามที่

วัดบุปผาราม สร้างเมื่อ พ.ศ. 2350 เดิมชื่อ วัดหนองสร้าง ตั้งอยู่กลางทุ่งนาหนอง ต่อมาถูกน้ำท่วมจึงได้ย้ายมาตั้งที่บ้านแม่กุ้งบก หมู่ที่ 2 ตำบลสันกลาง  อำเภอหางดง  จังหวัดเชียงใหม่  เรียกชื่อวัดว่า วัดแม่กุ้งบก ภายหลังได้โอนหมู่บ้านตำบล มาขึ้นอยู่กับเขตการปกครองของอำเภอสันป่าตอง  จึงเปลี่ยนชื่อวัดใหม่ว่าวัดบุปผาราม มาจนถึงปัจจุบัน ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา  เมื่อวันที่  15  พฤศจิกายน  2518  เขตวิสุงคามสีมากว้าง  12 เมตร ยาว  30  เมตร

อาคารเสนาสนะ  ประกอบด้วย อุโบสถเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กทรงไทยล้านนา บานประตูและหน้าต่างทำด้วยไม้สักแกะสลักเป็นภาพเทพวรรณคดี พระวิหารเป็นแบบทรงไทยล้านนา ตัวอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า บริเวณผนังภายในเขียนด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนัง มีการยกเก็จของผัง ลักษณะโครงสร้างของอาคาร เป็นการผสมผสานระหว่าง โครงสร้างก่ออิฐฉาบปูน กับ โครงสร้างไม้ ส่วนเครื่องบนหรือหลังคา สร้างด้วยโครงสร้างไม้ในระบบเสาและคาน หลังคาเป็นทรงจั่วมีการซ้อนชั้นของหลังคาด้านหน้าสองชั้น หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผาหรือแป้นเกล็ด (หลังคาแผ่นไม้) มีพระเจดีย์  1  องค์  มีฐานเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมแบบพม่า พระพุทธรูปก่ออิฐถือปูนพร้อมด้วยสาวก 2 องค์และพระพุทธรูปทองเหลือง แบบพระสิงห์หนึ่งศิลปะเชียงแสนปางสมาธิ หรือที่เรียกกันเป็นสามัญว่า พระเชียงแสน ที่สร้างขึ้นในสมัยพุทะศตวรรษที่ 16 - 17โดยฝีมือสกุลช่างทางเชียงใหม่ พุทธลักษณะ คือมีพระเกศเป็นลักษณะบัวตูม พระศกขมวดเป็นก้นหอยชัดเจน สังฆาฎิอยู่เหนือราวนมปลายเป็นแฉกคล้ายเขี้ยวตะขาบ ลักษณะปางมารวิชัย หรือปางสะดุ้งมาร ประทับนั่งอยู่บนฐานบัวคว่ำบัวหงาย เกสรเป็นเส้นริ้วยาวสูง ทั้งนี้ ข้อแตกต่างระหว่างสิงห์หนึ่ง สิงห์สอง ก็คือ สิงห์สองพระเนตรเบิกกว้าง และฐานบัวคว่ำบัวหงายไม่ประณีตเท่ากับสิงห์หนึ่งส่วนสิงห์สามนั้น พุทธลักษณะเหมือนกับสิงห์หนึ่ง สิงห์สองแทบทุกประการ ยกเว้นพระเกศส่วนบนมีลักษณะเป็นเปลวเพลิงสังฆาฎิยาวจรดนาภี และประทับนั่งขัดสมาธิราบ

นอกจากนี้ ทางวัดยังมีศูนย์อบรมก่อนเกณฑ์ในวัดเปิดสอนเมื่อ พ.ศ. 2522  จนถึงปัจจุบัน และยังมีศาลาพักร้อน  โรงทอผ้ากี่กระตุก  หอไตร ศาลาการเปรียญ  กุฏิสงฆ์  โรงครัว  โรงเก็บของ  ศาลาการเปรียญ และศาลาชราผู้สูงอายุบ้านแม่กุ้งบก กันอีกด้วยครับ