จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2

เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ => แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว ในตัวเมืองเชียงใหม่ => ข้อความที่เริ่มโดย: konhuleg ที่ เมษายน 08, 2015, 08:15:06 AM



หัวข้อ: เดินชมภูมิทัศน์ถนนท่าแพในวันที่ไร้สายไฟ
เริ่มหัวข้อโดย: konhuleg ที่ เมษายน 08, 2015, 08:15:06 AM
เพิ่งรู้มาไม่นานนะครับว่าเชียงใหม่ตรงถนนท่าแพ และถนนช้างคลาน เป็นถนนไร้สายไฟมาได้ซักพักใหญ่ๆ แล้ว

จำไม่ได้ว่าตัวเองเคยไปเปิดเจอที่ไหนยังไง แต่ที่จำได้คือภาพของถนนท่าแพในวันที่สายไฟทั้งหมดถูกติดตั้งยัดลงดิน มันทำให้บ้านเมืองแถวนั้นดูสวยขึ้นเยอะ จากแต่เดิมที่เรามักจะคุ้นตากันกับเมืองต่างๆ ในประเทศไทย ที่มีแต่สายไฟระโยงระยางเต็มไปหมด

ว่ากันว่า กว่าจะมาเป็นแบบที่เห็นกันทุกวันนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เวลาในการดำเนินงานถึง 7 ปีด้วยกัน กับงบประมาณกว่า 200 ล้านบาท ในการทำให้เมืองเชียงใหม่มีภูมิทัศน์ที่สวยงามขึ้นเยอะ แถมยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและลดอุบัติภัยต่างๆ ไปอีกในตัว และในอนาคตจะมีการพิจารณาดำเนินการในถนนห้วยแก้วและคูเมืองรอบนอก เพื่อให้เมืองเชียงใหม่สวยทั้งเมือง

หลังจากสืบทราบข้อมูลกันมาพอคร่าวๆ ว่าเป็นมากันยังไง คราวนี้ผมจะพาไปตระเวนดูถนนท่าแพในวันที่ไม่มีสายไฟ ว่าภูมิทัศน์ของถนนเส้นนี้จะมีความสวยงามกันขนาดนั้น

ถนนท่าแพ เป็นถนนสายสำคัญสายหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของตัวเมืองเชียงใหม่ หากมองย้อนไปในอดีต จะเห็นได้ว่าในกำแพงเมืองเชียงใหม่เป็นย่านที่พักอาศัยของเจ้าหลวงเชียงใหม่และเจ้านายฝ่ายเหนือที่เป็นญาติพี่น้อง ถัดไปนอกกำแพงเมืองด้านทิศตะวันออกจะเป็นย่านค้าขายของชาวพม่าและชาวไทยใหญ่ที่มาตั้งรกรากอยู่เนิ่นนานมาแล้วและในยุคเดียวกันนี้หากข้ามแม่น้ำปิงไปทางฝั่งตะวันออกบริเวณย่านวัดเกตการามก็เป็นที่อยู่อาศัยของชาวจีนที่อพยพมาตั้งรกรากประกอบอาชีพค้าขายทางเรือกันอย่างหนาแน่น

ทั้งนี้ ข้อแตกต่างของแหล่งที่มาของสินค้า ชาวจีนย่านวัดเกตการามยึดอาชีพค้าขายทางเรือ จะนำสินค้าจากกรุงเทพฯมาจำหน่ายในเมืองเชียงใหม่ แต่พ่อค้าชาวพม่าและไทยใหญ่ย่านถนนท่าแพขายสินค้าที่มาจากทางเหนือของไทยเลยไปทางแถบมณฑลยูนนานของจีน และหากเปรียบเทียบระยะเวลาในการเริ่มต้นตั้งถิ่นฐาน เชื่อได้ว่าชาวพม่าและไทยใหญ่ย่านถนนท่าแพน่าจะมาตั้งรกรากก่อนชาวจีนที่ย่านวัดเกตการาม เนื่องจากย่านถนนท่าแพน่าเชื่อว่าเป็นกลุ่มชนที่ถูกเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่และบุตรหลานกวาดต้อนมาจากทางเหนือของเมืองเชียงใหม่ในยุคหลังฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่ อีกทั้งในอดีตมีระบุว่าเกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งใหญ่ที่ย่านถนนท่าแพในปี พ.ศ.2074

แล้วเรามาต่อกันยาวๆ อีกหลายตอน กับเรื่องของถนนท่าแพ และบรรยากาศของถนนในวันที่ไร้สายไฟกันครับ



หัวข้อ: Re: เดินชมภูมิทัศน์ถนนท่าแพในวันที่ไร้สายไฟ
เริ่มหัวข้อโดย: konhuleg ที่ กันยายน 12, 2016, 10:15:57 AM
ต่อจากนี้ไปจะเล่ากันแบบสลับทั้งบรรยากาศ และประวัติศาสตร์เรื่องราวสองข้างถนนท่าแพกันครับ หวังว่าคงไม่น่าจะงงกัน

จะขอเริ่มจากตรงเชิงสะพานนวรัฐ สี่แยกพุทธสถาน ตรงนี้ปัจจุบันมีการติดตั้งจอทีวีของกล้องวงจรปิดขนาดใหญ่ครับ และฝั่งทางด้านซ้ายมือ เป็นพุทธสถาน ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของวัดอุปคุต (พม่า) ต่อมาได้จัดตั้งเป็นมูลนิธิพุทธสถาน เชียงใหม่ในวันที่ 15 มกราคม พ.ศ.2501 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่หลักธรรมแห่งพระพุทธศาสนาโดยวิธีปาฐกถา ธรรมเทศนา ธรรมสากัจฉา ปุจฉาวิสัชนาและอื่น ๆ ที่เหมาะสม เผยแพร่วิทยาการอื่น ๆ เป็นสถานที่ในการทำกิจกรรมทางพุทธศาสนาและกิจกรรมอื่น ๆ ของเมือง

จากนั้นเขยิบกันมาหน่อย เป็นวัดอุปคุต ที่มีหลวงอนุสารสุนทร (ซุ่นฮี้) และแม่นายคำเที่ยง ชุติมา  เป็นผู้สร้าง สถาปัตยกรรมประกอบด้วย วิหารแบบล้านนา ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ กุฏิสงฆ์ ศาลาเอนกประสงค์ หอไตรแบบยกพื้นขนาดย่อม มีการตกแต่งลวดลายประดับประดาอย่างสวยงาม ซุ้มประตูโขงขนาดใหญ่ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ วัดนี้มีประเพณีการใส่บาตรพระอุปคุตทุกวันขึ้นสิบห้าค่ำที่ตรงกับวันพุธเรียกว่า “เป็งพุธ” เชื่อว่าหากได้ใส่บาตรกับพระอุปคุตจะได้บุญมาก

จากนั้นเดินกันมาเรื่อยๆ บริเวณสองฟากของถนนท่าแพ ที่ปัจจุบันเป็นถนนสายสำคัญในด้านการท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ เราจะพบเห็นสถาปัตยกรรมเพื่อการพาณิชยกรรมที่สวยงามหลายหลัง เช่น ร้านทิพเสถียรพาณิชย์ ห้างกิติพันธ์พาณิชย์ (เดิม) บ้านท่าแพและร้านชาระมิงค์ ข้างคลองแม่ข่า เป็นกลุ่มอาคารเก่าแก่ประมาณ 60- 80 ปี เป็นอาคารไม้ฉลุลวดลายขนมปังขิง ร้านรัตนผล อาคารสถาปัตยกรรมแบบยุโรป มีลวดลายปูนปั้น รวมทั้งร้านค้าแบบไม้สองชั้นเก่าแก่สองข้างถนนท่าแพที่ยังเปิดทำการแก่นักท่องเที่ยว

ช่วงกึ่งกลางระหว่างทางมีอีกวัดสำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวกันบ่อย คือ  วัดมหาวัน เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งในเชียงใหม่ที่สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของคนเชียงใหม่ในสมัยก่อน ตำนานเกี่ยวกับการสร้างวัดมหาวันว่า เป็นวัดที่สร้างในสมัยของพระเจ้ากาวิละเมื่อครั้งที่พระองค์ได้ทรงกอบกู้เอกราชคืน หลังจากที่เชียงใหม่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่ามายาวนานถึง 200 ปี สิ่งที่น่าสนใจ พระเจ้าโต หรือ วิหารหลวง ที่ภายในประดิษฐานพระพุทธปฏิมากร เป็นพระพุทธรูปที่สร้างด้วยศิลปกรรมแบบพม่า

นอกจากนี้บริเวณหน้าวัด ตอนเย็นๆ จะมีร้านโรตีป้าเด เป็นร้านโรตีรสอร่อย ที่จะมีทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติมายืนรอซื้อโรตีกับแกแน่นอยู่ตลอด ใครเป็นคอโรตีมาเดินเที่ยวเล่นแถวนี้ชิลๆ ลองชิมกันดูเอา

แล้วมาต่ออีกตอนให้จบ กับเรื่องราวของถนนท่าแพกันครับ


หัวข้อ: Re: เดินชมภูมิทัศน์ถนนท่าแพในวันที่ไร้สายไฟ
เริ่มหัวข้อโดย: konhuleg ที่ กันยายน 12, 2016, 10:18:21 AM
หลังจากสัมผัสกับบรรยากาศ และสถาปัตยกรรมที่สวยงามของกลุ่มอาคารเก่าแก่หลายหลัง มาครึ่งค่อนทางบนถนนท่าแพแล้ว เรามาเดินชิลกันต่อบนถนนท่าแพกันครับ

จากวัดมหาวันมา ตัวกลุ่มอาคารยังเป็นสถาปัตยกรรมแบบเดิมเหมือนช่วงแรก คือ ทั้งสถาปัตยกรรมแบบยุโรป และแบบไทยๆ สลับกัน ก่อนจะค่อยๆ คลืบคลานเป็นอาคารสมัยใหม่ตรงใกล้ๆ กับประตูท่าแพ ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร และร้านค้าเอาไว้บริการนักท่องเที่ยว

ในส่วนของประตูท่าแพนั้น เป็นประตูเวียงทางทิศตะวันออกของเมือง เดิมมี 2 ชั้น ชั้นนอกตั้งอยู่ในแนวเดียวกันกับกำแพงดินบริเวณหน้าวัดแสนฝาง ใช้เป็นทางออกสู่ท่าแม่น้ำปิง ส่วนประตูท่าแพชั้นในเดิมเรียกว่าประตูเชียงเรือก เนื่องจากอยู่ใกล้หมู่บ้านเชียงเรือก สมัยต่อมาเหลือเฉพาะประตูเชียงเรือก แต่ก็ถูกเรียกว่าประตูท่าแพเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ประตูท่าแพที่เหลือนี้ได้รับการบูรณะใหม่ครั้งล่าสุดระหว่างปี พ.ศ.2528-2529 พร้อมกับการสร้างข่วงประตูท่าแพเพื่อใช้เป็นลานกิจกรรมของเมือง อย่างเวลามีงานเทศกาลสำคัญอะไรๆ ของเมืองเชียงใหม่ ตรงลานของข่วงประตูท่าแพก็มักจะกิจกรรมกันตรงนี้ ส่วนในวันอาทิตย์ก็จะเป็นที่วางแผงขายสินค้าของถนนคนเดิน และในวันปกติ ก็จะมีนักท่องเที่ยวชอบมาเดินเล่นและถ่ายรูปกัน

ขากลับหลังจากเดินยาวจากพุทธสถาน ก็จะเดินวกกลับไปทางเดิมยังสะพานนวรัฐนะครับ เพื่อเก็บภาพช่วงหัวค่ำของตัวสะพาน โดยสะพานนวรัฐนั้น เป็นสะพานหลักอันสำคัญที่เชื่อมโยงสองฝั่งแม่น้ำปิง ระหว่างตะวันออกกับตะวันตกของเมืองเชียงใหม่ มาตั้งแต่ในอดีต โดยเป็นสะพานข้ามแม่น้ำปิงแห่งแรกที่ทำด้วยไม้สัก ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2433 ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับโรงเรียนเชียงใหม่คริสเตียน และจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สร้างโดยนายชี้กหรือหมอชี้ก โดยชื่อ “นวรัฐ” ตั้งเพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์สุดท้าย ก่อนต่อมาในปี พ.ศ. 2510 ได้ทำการรื้อสะพานเหล็กแล้วก่อสร้างเป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กขึ้นแทนจวบมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2510 พร้อมกันกับสะพานเม็งรายอนุสรณ์

สรุปผลจากการเดินตะลอนเที่ยวชมถนนท่าแพในวันที่ไร้สายไฟ เป็นอะไรที่สนุกดี ได้เห็นสภาพของบ้านเมืองที่แปลกหูแปลกตากันออกไป ภูมิทัศน์สวยงามขึ้น หวังว่าในอนาคตในเมืองเชียงใหม่ หลายๆ ที่ (โดยเฉพาะในคูเมือง) จะมีแบบนี้กันให้เห็น

ปล. ลืมนึกไปเลยว่าตรงถนนท่าแพ ช่วงกลางวันถ้าใครไปเดินเล่น จะมีร้านสล่าหม่องโอสถครับ ร้านนี้จะขายยาแผนโบราณ มีน้ำยาธาตุขายเอาให้ดื่มแบบกระชุ่มกระชวยในราคาแก้วละ 5 บาท ใครไม่เคยลองขอแนะนำเลยครับ ว่าดีจริงๆ