หัวข้อ: บันทึกการเดินทาง พิชิต ยอดดอยม่อนจอง เริ่มหัวข้อโดย: Traveller Freedom ที่ พฤศจิกายน 24, 2014, 07:19:04 PM บันทึกการเดินทาง พิชิต ยอดดอยม่อนจอง
สถานที่ตั้ง : เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย ตำบลม่อนจอง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ โทรศัพท์ : 081 035 9468 (ศูนย์บริการการท่องเที่ยวดอยม่อนจอง) พิกัด : 17.454449,98.528357 ดอยม่อนจอง ตั้งอยู่บนทิวเขาถนนธงชัยตอนกลาง ครอบคลุมพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอสามเงา จังหวัดตาก อยู่ภายใต้การดูแลของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย คำว่า ม่อน เป็นภาษาคำเมืองที่หมายถึง สันเขา ส่วนคำว่า จอง นั้นเป็นภาษาคำเมืองเช่นกัน แต่จะออกเสียงว่า จ๋อง หมายถึง ลักษณะจั่วสามเหลี่ยมที่อยู่สูงที่สุด ซึ่งเรียกตามลักษณะภูมิประเทศที่เป็นยอดเขาและมีหน้าผาสูงชันเป็นเนินสามเหลี่ยม ดอยม่อนจอง มีสภาพทางธรณีวิทยาเป็นภูเขาหินปูนผสมหินทราย หินเชลล์ และหินแกรนิตปะปนกัน ทำให้ดอยแห่งนี้มีลักษณะตื่นตาตื่นใจ คือ ไหล่เขาด้านตะวันออกจะค่อยๆ ลาดลง ถูกปกคลุมด้วยป่าดิบเขาหนาแน่น ส่วนด้านตะวันตกเป็นหน้าผาหินตัดสูงชันดำทะมึน มองไกลออกไปตามสันเขาแคบๆ ที่เลียบเลาะไปตามหน้าผาอย่างน่าหวาดเสียว ส่วนทิศใต้ก็จะเห็นยอดดอยม่อนจอง ที่มีลักษณะคล้ายหัวสิงโต บริเวณจุดสูงสุดของดอยม่อนจองนี้จึงถูกเรียกว่า ดอยหัวสิงห์ ก้อนหินขนาดยักษ์ตั้งตระหง่านโดดเด่นและน่าเกรงขาม โดยดอยหัวสิงห์มีความสูง 1,929 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ดอยม่อนจอง นับเป็นดินแดนแห่งสัตว์ป่าสงวน เนื่องจากมีสัตว์ป่าสงวน 2 ใน 15 ชนิดของเมืองไทยอาศัยอยู่บนดอยแห่งนี้ นั้นก็คือ กวางผา ที่มีฉายาว่า ม้าเทวดา และ เลียงผา รวมทั้งฝูงช้างป่าจำนวนมาก นอกจากสัตว์ป่าแล้วที่นี่ยังมี ต้นกุหลาบพันปี ที่ถือว่าเป็นต้นกุหลาบพันปีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย ดอยม่อนจอง มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี เกิดเป็นปรากฏการณ์แม่คะนิ้ง หรือ น้ำค้างแข็ง ไม่ต่างจากดอยอินทนนท์ เป็นดอยสวยงามอีกดอยหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ เริ่มแรกมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักว่าเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของเลียงผาและกวางผา ผืนป่าบนดอยแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด อีกทั้งยังเป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำปิงที่ไหลลงสู่เขื่อนภูมิพล เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม โดยเฉพาะช่วงเดือนธันวาคม - มกราคม จะได้ชมดอกกุหลาบพันปีที่กำลังบานเป็นสีแดงสด นกหายากที่พบที่นี่ ได้แก่ เหยี่ยวนกเขาท้องขาว นกอินทรีแถบปีกดำ นกอินทรีเล็ก นกเปล้าท้องขาว นกมุ่นรกคอแดง นกเดินดงคอดำ เป็นต้น การเดินขึ้นดอยม่อนจองสามารถไปเช้าเย็นกลับได้ แต่จะเหนื่อยมาก เหนื่อยสุดๆ เลยล่ะ และต้องเริ่มออกเดินตั้งแต่เช้าตรู่ แต่นั้นสำหรับคนที่มีเวลาน้อยเท่านั้น เหมาะสมที่สุดและเป็นธรรมเนียมที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ปฏิบัติโดยทั่วกันควรใช้เวลา 2 วัน 1 คืน ก่อนเดินขึ้นพิชิตดอยม่อนจองมีขั้นตอนอย่างไร ติดตามได้ในบทต่อไป by Traveller Freedom หัวข้อ: Re: ปฐมบทของการเดินทางสู่ดอยม่อนจอง (บทที่1) เริ่มหัวข้อโดย: auto ที่ พฤศจิกายน 25, 2014, 11:08:10 AM อยากไปมาก ครับ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทของการเดินทางสู่ดอยม่อนจอง (บทที่1) เริ่มหัวข้อโดย: pa-wa ที่ พฤศจิกายน 25, 2014, 12:04:41 PM ป่าสวย ฟ้าใส น่าไปสุดๆ :16:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทของการเดินทางสู่ดอยม่อนจอง (บทที่1) เริ่มหัวข้อโดย: parsuk ที่ พฤศจิกายน 27, 2014, 10:01:43 AM สวยเกินคำบรรยาย
หัวข้อ: Re: ปฐมบทของการเดินทางสู่ดอยม่อนจอง (บทที่1) เริ่มหัวข้อโดย: Eden Rose ที่ พฤศจิกายน 27, 2014, 01:55:37 PM อยากไปพิชิตดอยหัวสิงห์บ้างจัง 916
หัวข้อ: Re: ปฐมบทของการเดินทางสู่ดอยม่อนจอง (บทที่1) เริ่มหัวข้อโดย: Traveller Freedom ที่ กรกฎาคม 13, 2015, 04:29:45 PM ป่าสวย ฟ้าใส น่าไปสุดๆ :16: ไว้ไปกันครับ ว่าจะไปอีกครั้ง สวยดีหัวข้อ: Re: ปฐมบทของการเดินทางสู่ดอยม่อนจอง (บทที่1) เริ่มหัวข้อโดย: Traveller Freedom ที่ พฤศจิกายน 10, 2016, 04:47:16 PM ดอยม่อนจอง อีกหนึ่งดอยสูงแห่งจังหวัดเชียงใหม่ ที่ตั้งอยู่ในอำเภอสุดไกล ไกลสุดอย่างอำเภออมก๋อย อำเภอที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้และสัตว์ป่า รวมถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุดแสนจะเรียบง่ายของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ สันเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยต้นหญ้าและดอกไม้ป่านานาพรรณ บวกกับยอดดอยที่มีลักษณะเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ ที่ถูกตั้งชื่อว่า หัวสิงห์ คือเสน่ห์ที่นักท่องเที่ยวที่ได้เห็นจากภาพถ่ายของ ดอยม่อนจอง ตามเว็บไซต์ท่องเที่ยวต่างๆ มากระตุ้นต่อมขาลุยของนักเดินป่าเรียกร้องให้อยากมาสัมผัสด้วยตาของตัวเอง ซึ่งสำหรับดอยม่อนจอง อันเป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่าสงวน กวางผาและเลียงผา แห่งนี้ ไม่ถึงกับเป็นเส้นทางเดินป่าหฤโหดที่หนักหนาสาหัสจนเกินไป แต่ก็ไม่ง่ายขนาดว่านึกอยากจะมาก็มาได้ หากปราศจากการเตรียมตัวที่ดี ฉะนั้นการเตรียมความพร้อมรับรู้รายละเอียดมาพอสมควร ไม่ถึงกับครบถ้วนแต่ก็ต้องไม่ขาดจนทำให้การเดินทางมานั้นเสียเปล่าและต้องผิดหวังกลับไป สำหรับการเดินทางนั้น นักท่องเที่ยวจะต้องเดินทางมาให้ถึงอำเภออมก๋อยเสียก่อน เพราะบริเวณตัวอำเภอนี้จะเป็นขุมทรัพย์สุดท้าย สำหรับการรวบรวมเสบียงและสิ่งของจำเป็น ก่อนอื่นต้องทราบว่าบนดอยม่อนจองนั้น ไม่มีที่พัก ร้านอาหาร และห้องน้ำนะครับ ไฟฟ้า ประปา ก็ไม่มีแน่นอนครับ โดนส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะเที่ยวดอยม่อนจอง 2 วัน 1 คืน (ใครติดใจจะอยู่นานกว่านั้นก็ไม่ว่ากัน) เพราะฉะนั้นสิ่งของจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในช่วงเวลาดังกล่าวมีอะไรบ้าง ขาดเหลือมาซื้อเอาที่ตัวอำเภออมก๋อย ที่นี่มีร้านสะดวกซื้อยอดนิยม Seven Eleven เปิดรับนักท่องเที่ยวด้วยความคุ้นชิน หากนักท่องเที่ยวเดินทางมาด้วยรถยนต์ส่วนตัว ให้ใช้เส้นทางผ่านอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อตัดเข้าไปอำเภออมก๋อย ตามทางหลวงสาย ฮอด-แม่สะเรียง หากเดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร จะไม่ต้องผ่านเข้าไปถึงตัวเมืองเชียงใหม่ ไม่อย่างนั้นจะเสียเวลาเสียระยะทางไปฟรีๆ ไป-กลับ 180 กิโลเมตร ยกเว้นแต่อยากไปเที่ยวในตัวเมืองก่อนก็ย่อมได้ หากมาด้วยรถโดยสาร จากตัวเมืองเชียงใหม่ ให้ขึ้นรถประจำทางสาย เชียงใหม่-อมก๋อย ที่สถานีขนส่งช้างเผือก หรือสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1 ซึ่งเป็นคนละสถานที่กับสถานีขนส่งอาเขต จากตัวเมืองเชียงใหม่มาถึงอำเภออมก๋อย เป็นระยะทาง 190 กิโลเมตร เมื่อมาถึงตัวอำเภออมก๋อย ต้องเดินทางไป ณ ศูนย์บริการการท่องเที่ยวดอยม่อนจอง สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาด้วยรถโดยสาร จะต้องติดต่อนัดให้รถที่ศูนย์บริการฯ มารับในตัวอำเภออมก๋อย ตอนนี้ศูนย์การท่องเที่ยวดอยม่อนจอง จะรวมกันอยู่ที่นี่ที่เดียว แม้ว่าก่อนหน้านี้จะอยู่ในการดูแลของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย ผู้เป็นเจ้าของพื้นที่ก็ตาม แต่ ณ ปัจจุบัน (พ.ศ.2557) ศูนย์บริการการท่องเที่ยวดอยม่อนจอง ที่ตั้งอยู่ใน หมู่บ้านมูเซอปากทาง เป็น one stop service ในการติดต่อรถขึ้นดอย ลูกหาบ เจ้าหน้าที่นำทาง ข้อมูลการท่องเที่ยว เช่าเต็นท์ และอื่นๆ มีครบจบที่นี่ที่เดียว หัวข้อ: Re: ปฐมบทของการเดินทางสู่ดอยม่อนจอง (บทที่1) เริ่มหัวข้อโดย: Traveller Freedom ที่ พฤศจิกายน 10, 2016, 04:51:08 PM นักเดินป่ามือใหม่ อาจยังไม่คุ้นชินกับการเดินป่าและค้างแรมกลางป่าที่ปราศจากสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ นอกจากจะลงทุนแบกไปเอง สำหรับมือโปรหรือพอมีประสบการณ์กับเส้นทางเดินป่าแห่งอื่นมาบ้าง ดอยม่อนจองแห่งนี้จะเป็นอีกประสบการณ์ใหม่ที่จะทำให้นักเดินไพรประทับใจไปอีกนาน
จากศูนย์บริการการท่องเที่ยวดอยม่อนจอง นักท่องเที่ยวควรจะเดินทางมาถึงที่นี่ก่อนเวลา 12.00 น. เพื่อจะไม่ประสบปัญหาติดค้างกลางป่าระหว่างเดินเท้า จากนั้นนักท่องเที่ยวเตรียมสัมภาระเพื่อมอบภาระอันหนักหน่วงนี้ให้กับลูกหาบต่อไป แล้วนำท่านขึ้นสู่รถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อลุยแหลกฝ่าเส้นทางลูกรังทั้งลาดและชันเพื่อมุ่งสู่จุดเริ่มต้นของการเดินเท้า ซึ่งเส้นทางรถกระบะนี้มีระยะทาง 18 กิโลเมตร แต่กินเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง เมื่อถึงจุดจอดรถก็เป็นเวลาที่นักเดินไพรต่างรอคอย หลังจากถูกเขย่าบนกระบะมาตลอดทางจนเครื่องในตับไตมากองรวมกัน จากนี้จะเริ่มเดินด้วยลำแข้งของตัวเองไปตามเส้นทางเดินป่าที่ชัดเจนบ้างไม่ชัดเจนบ้าง หากไม่อยากหลงจนตกเป็นข่าวก็ต้องเดินตามให้ทันลูกหาบ หรือติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางมาโดยตรง เพราะเขาจะอยู่กับเราตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะพักบ่อยหรือหยุดเก็บภาพนานแค่ไหนก็ตาม ถือว่าปลอดภัยดี เพราะลูกหาบเขาจะไม่รอเรา เขาหนัก เขารีบ เริ่มก้าวเท้าแรกๆ จะรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะรอคอยมานานเดินทางมาไกลจนเมื่อยก้น ไฟยังแรงโชติช่วงอยู่ ในช่วง 2 กิโลเมตรแรกจะผ่านป่าสนอันอุดมสมบูรณ์ จากนั้นจะผ่านป่าดิบเขาเป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร เดินไปเรื่อยจะเป็นทุ่งหญ้าพอให้เห็นแสงแดด ก่อนจะกลับเข้าป่าใหญ่อีกครั้ง ระหว่างทางช่วงนี้จะมีไฮไลต์เป็น ภูหินช่อ ที่มีลักษณะเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งซ้อนๆ กัน พักเหนื่อยและลั้นลากับการเก็บภาพบริเวณนี้ได้เลย หากไม่กลัวความสูงให้ปีนขึ้นไปบนก้อนหินแล้วจะได้ภาพผืนป่าอมก๋อย 360 องศา งดงามสวยสุดยอด จากภูหินช่อ เดินหน้าต่อไปเพื่อเดินฝ่าความชันระดับ 60 องศา บริเวณเนินนี้มีชื่อน่ารักๆ ว่า ดอยหมาหอบ หากผ่านจุดนี้ไปแล้ว ขอแสดงว่ายินดีด้วย นั้นหมายถึงว่าเดินมาได้ครึ่งทางแล้ว น้ำดื่มที่เตรียมมาให้ดื่มอย่างประหยัด เพราะนอกจากจะหมดก่อนถึงแล้ว ยังอาจทำให้ปวดปัสสาวะขึ้นมาได้ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ หามุมกันให้ดีๆ ให้เพื่อนรู้ใจดูต้นทางไว้จะดีมาก กลางวันแสกๆ มีคนเดินตามหลังมาอีกเยอะ เมื่อผ่านดอยหมาหอบมาแล้ว ต่อไปจะเดินไปตามแนวสันเขาที่เป็นพื้นที่โล่งเลียบหน้าผาสลับกับผืนป่าที่ให้ร่มเงา เมื่อพ้นเขตป่าออกมาแล้ว จะพบกับเส้นทางสุดชัน ทดสอบจิตใจและแรงเข่า บริเวณนี้ชื่อ เนินสไลเดอร์ ตอนขึ้นไม่มีอะไรนอกจากความเหนื่อยล้า แต่ขากลับต้องลงผ่านทางนี้ ลื่นล้มกันระนาว สไลเดอร์ก้นเลอะเปรอะดินกันเป็นแถวฮากันไป เมื่อขึ้นผ่านพ้นเนินความชัน 60 องศานี้มาได้ จะเป็นเส้นทางบนสันเขาล้วนๆ ลักษณะเป็นพื้นที่โล่งมีต้นหญ้าขึ้นปกคลุม ด้วยลมที่พัดแรงบนสันเขานี้จึงไม่มีต้นไม้ใหญ่สามารถเจริญเติบโตได้ ลานโล่งกว้างแห่งนี้มีชื่อว่า สนามกอล์ฟช้าง ไม่ใช่แค่ความกว้างใหญ่ของพื้นที่แห่งนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นเส้นทางผ่านของโขลงช้างป่าอีกด้วย หัวข้อ: Re: ปฐมบทของการเดินทางสู่ดอยม่อนจอง (บทที่1) เริ่มหัวข้อโดย: Traveller Freedom ที่ พฤศจิกายน 10, 2016, 04:55:51 PM เมื่อมาถึง สนามกอล์ฟช้าง นักเดินป่าทั้งหลายถือว่าประสบความสำเร็จเกือบๆ สุดแล้ว เพราะยอดดอยม่อนจองอยู่ห่างจากบริเวณเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น บนเส้นทางที่ไต่ไปตามสันเขา ไม่มีความลาดชันเหมือนเส้นทางที่ผ่านมา แต่ต้องอดใจรอสักเล็กน้อย ด้วยช่วงเวลาที่เหมาะสมหากไม่ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ก็ต้องไปชมพระอาทิตย์ตก และถ้าต้องกลับจากยอดดอยหลังพระอาทิตย์ตกดิน บนดอยแห่งนี้จึงมืดมิดสนิททันที ฉะนั้นต้องไปกางเต็นท์พักแรม ทำกับข้าวกับปลาให้เรียบร้อยเสียก่อน
บริเวณจุดกางเต็นท์จะอยู่ใกล้แหล่งน้ำ เพื่อสะดวกต่อการอุปโภคบริโภค น้ำกินน้ำใช้มีตรงนี้ที่เดียวเลย ใครน้ำดื่มในขวดหมด นำขวดมากรอกน้ำได้บริเวณนี้ รับรองว่ามีความสะอาดปลอดภัย เพราะไปกินและกลับมากันหลายรุ่นแล้ว ทุกคนกลับมามีชีวิตที่ดีถ่ายทอดเรื่องราวและเก็บภาพมาแบ่งปันต่อกันได้ แต่ก็อย่าดื่มเยอะ เพราะอย่าลืมว่าที่นี่ไม่มีห้องน้ำ จะพาลปวดปัสสาวะกันบ่อยๆ เมื่อกางเต็นท์เตรียมอาหารสำหรับมื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว ก็ออกไปหาทำเลเก็บภาพแสงสุดท้ายแห่งวันบนดอยม่อนจองกันตามอัธยาศัย จะเดินไปพิชิตยอดดอยม่อนจองที่ดอยสิงเลยก็ได้ หรือจะเดินไปตอนเช้าเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นก็ได้ หรือนักเดินไพรคนไหนฟิตจัด จะเดินไปทั้ง 2 รอบเลยก็ได้ ได้ภาพสวยงามต่างช่วงเวลากันไป และสำหรับใครที่เหนื่อยล้าไม่ไหวจะเดิน ไม่ต้องห่วง บนลานโล่งสนามกอล์ฟช้าง เห็นภาพวิวทิวทัศน์มากมายเช่นกัน ตอนเช้าเห็นทะเลหมอกที่มีขนาดกว้างระหว่างหุบเขายาวไกลสุดตา ตอนกลางคืนกลับมานอนหนาวในเต็นท์ พูดคุยเฮฮากันไป มีหลายกรุ๊ปแน่นอนช่วงฤดูท่องเที่ยว วันรุ่งขึ้นหลังชมพระอาทิตย์ขึ้น รับประทานมื้อเช้าเรียบร้อย เก็บข้าวเก็บของยื่นให้ลูกหาบ ขยะทั้งหมดที่มีรวมใส่ถุง ถ้าไม่ลงไปทิ้งเองก็ยื่นให้ลูกหาบก็ได้ แต่ขออย่าทิ้งขว้างไว้บนนั้นเด็ดขาด รักษาผืนป่าห่วงแหนธรรมชาติร่วมกัน เที่ยวอย่างมีจิตสำนึกที่ดี ขาลงกลับเส้นทางเดิม จำทางไม่ได้ก็ตามๆ กันไป ตามลูกหาบ ตามคนนำทาง เดินลงจะค่อนข้างลื่น ระวังสไลด์ไถลลงมา ถึงจะเร็วกว่าเพื่อนแต่เปื้อนและเจ็บตัวได้ เมื่อมาจนถึงลานจอดรถกระบะเป็นอันผ่าน จากนี้รถจะนำร่างอันอ่อนล้าของเรากลับไปส่ง ณ จุดที่เราติดต่อขึ้นมา นั้นก็คือ ศูนย์บริการการท่องเที่ยวดอยม่อนจอง จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด ต่างก็ประทับใจไปตามๆ กัน ตอนเดินก็บ่นเหนื่อยๆ กัน แต่ผมรู้จักนักเดินไพรที่วัยไม่ใช่น้อยที่ขึ้นมาดอยม่อนจองนี้ 3 รอบอยู่หลายคน ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงกลับมาเที่ยวซ้ำ ตอนนี้ ..เข้าใจแล้ว *** หมายเหตุ - ดอยม่อนจองเปิดให้นักท่องเที่ยวในช่วงเดือนพฤศจิกายน กุมภาพันธ์ เท่านั้น - ก่อนการเที่ยวดอยม่อนจองต้องติดต่อเจ้าที่ล่วงหน้า เพื่อจองรถและลูกหาบ - ห้ามนักท่องเที่ยวทิ้งขยะ ไว้บนพื้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของป่า ควรใส่ถุงและนำลงกลับมาทิ้งข้างล่าง - ควรติดต่อขึ้นดอย ก่อนเวลา 12.00 น. - ห้ามรบกวน ล่าหรือทำร้ายสัตว์ และห้ามเก็บพืชพันธุ์ของป่าใดออกไปเด็ดขาด อัตราค่าบริการ ค่าบริการรถรับ-ส่ง จากศูนย์บริการ - จุดเดินเท้า ระยะทาง 16 กิโลเมตร นักท่องเที่ยว 1-5 คน ราคา 2,500 บาท นักท่องเที่ยว 6-9 คน ราคา 3,000 บาท ค่าบริการรถรับ-ส่ง ตัวอำเภออมก๋อย จากศูนย์บริการ - จุดเดินเท้า ระยะทาง 56 กิโลเมตร ราคาเหมา 4,000 บาท ค่าบริการลูกหาบ จำกัดไม่เกิน 30 กิโลกรัมต่อลูกหาบ 1 คน ราคา 300 บาทต่อวัน ค่าบริการคนนำทาง ราคา 500 บาทต่อเที่ยว หัวข้อ: Re: บันทึกการเดินทาง พิชิต ยอดดอยม่อนจอง เริ่มหัวข้อโดย: auto ที่ พฤศจิกายน 11, 2016, 10:13:28 AM เข้ามาติดตามชม การเดินทาง ไป ดอยม่อนจอง
หัวข้อ: Re: บันทึกการเดินทาง พิชิต ยอดดอยม่อนจอง เริ่มหัวข้อโดย: parsuk ที่ ธันวาคม 22, 2016, 10:15:26 AM อยากไป ครับ
หัวข้อ: Re: บันทึกการเดินทาง พิชิต ยอดดอยม่อนจอง เริ่มหัวข้อโดย: auto ที่ กุมภาพันธ์ 16, 2019, 10:07:00 AM :onio:
|