จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2

เดี๋ยวนี้การเดินทางไปเที่ยวเกาหลีใต้ของคนเชียงใหม่สบายมากครับ เพราะมีว่ามี ไฟลท์บินตรงจากเชียงใหม่ สู่ ท่าอากาศยานอินชอน เกาหลีใต้เลย ไม่ต้องไปต่อเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิให้เสียเวลา แถมเวลาเดินทางจากเชียงใหม่ไปยังเกาหลีใต้ ยังใช้เวลาเดินทางน้อยกว่า จาก กรุงเทพ ไป เกาหลีใต้เสียอีก

นอกจากจะมีไฟล์ทบินตรงแล้ว ที่เชียงใหม่ โดยสายการบิน Korean Air  ยังมีบริษัททัวร์ที่ให้บริการพาเที่ยวอยู่หลายเจ้าเลยที่เดียว เท่าที่สำรวจดู โปรแกรมท่องเที่ยวจะคล้ายๆกันหมดครับ เอาเป็นว่าไปติดต่อแล้ว เจอเจ้าไหนบริการดี พูดจารู้เรื่องก็เลือกเจ้านั้นหละกันครับ

รีวิวการเดินทางไปท่องเที่ยวเกาหลีใต้ของผมคราวนี้ ไปตอนสงกรานต์ปี 2556 เป็นช่วงที่ มีสถานการณ์ North Korea crisis หรือ ปัญหาที่คาบสมุทรเกาหลี ก็คือ เป็นช่วงที่ เกาหลีเหนือจะยิงขีปนาวุธ สู่เกาหลีใต้และสั่งให้ชาวต่างชาติอพยพออกจากประเทศเกาหลีใต้ ข่าวที่นำเสนอโดยเฉพาะทาง ทีวี บ้านเรา ดูเราน่ากลัวมาก
จริงๆ ก็อยากจะยกเลิกโปรแกรมทัวร์ แต่ ทาง บริษัทที่พาเที่ยวรับประกันว่าปลอดภัย(ถ้ามีเรื่องกันจริงๆ ผมว่าก็ตัวใครตัวมันหละครับ) แต่ที่ยังไปเพราะว่าเค้าไม่คืนเงินค่าทัวร์ให้นั่นเองครับ 555  :111:

สรุปโปรแกรม ทัวร์ที่ผมไป มีชื่อว่า

Spring in Korea 5 days 3 nights.

เกาะนามิ - โรงเรียนกิมจิ & ถ่ายรูปชุดฮันบก – La Provence Village – อินซาดง
ป้อมฮวาซอง – โซลทาวเวอร์ – สวนสนุก Everland – ทงแทมุน - เมียงดง
- พระราชวังเคียงบก – Blue House – พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติเกาหลี-
ดอกซากุระบานที่เกาะยออิโด - ช้อปปิ้ง Duty Free ...

วันแรก ของการเดินทาง (จริงๆวันนี้ ไม่นับก็ได้นะเนี่ย เพราะว่า ขึ้นเครื่องก็หลับเลย)

ทางบริษัททัวร์ แจ้งมาว่าให้มา พร้อมกัน ณ สนามบินเชียงใหม่ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ เคาน์เตอร์สายการบิน  Korean Air (KE)  เจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก เจ้าหน้าที่จะบริการ CHECK – IN และผูกป้ายกระเป๋าให้ท่าน
กระเป๋าที่ส่งขึ้นเครื่องควรมีกุญแจล็อคทุกใบ
“การท่าอากาศยานเชียงใหม่ กำหนดให้ผู้โดยสารที่จะเดินทางออกนอกประเทศต้องทำการ IDENTIFY   กระเป๋าของตัวเองก่อนการ X-Ray และผ่านการเช็คอินขึ้นเครื่องบิน”

ตารางเส้นทางบิน ไป เกาหลี จะเห็นว่าขาไปใช้เวลาเดินทาง แค่ 4.45 ชั่วโมง เท่านั้นเอง สะดวกสบายมาก
(ขึ้นเครื่องที่สนามบินเชียงใหม่ เกือบเที่ยงคืน ไป  ถึงที่ สนามบินอินชอน เกาหลีใต้ เช้าพอดี)

บรรยากาศที่ เคาน์เตอร์สายการบิน  Korean Air (KE)
ไม่คนเลย (ไม่รู้ว่ามา เช็คอินเร็ว หรือ ว่า นักท่องเที่ยวกลัวกับข่าวที่เกิดขึ้น)
แต่ก็ทำให้ สะดวกสบายดีไม่ต้องไปเข้าคิวให้เมื่อย

ได้ boarding pass พร้อม Arrival card เข้าประเทศเกาหลีใต้
ซึ่งทางบริษัท จัดการกรอกข้อมูลให้เสร็จ เรามีหน้าที่เซ็นอย่างเดียว  :111:

และ อีกอย่าง คือ การเข้าประเทศเกาหลีใต้ไม่ต้องดำเนินการขอวีซ่า ผมว่าเลยทำให้คนไทยไปเที่ยวเกาหลีกันมาก

มาถึง ตอนขึ้นเครื่องเลยนะครับ
ปกติได้ข่าวว่า ทาง Korean Air ใช้เครื่องแบบ Boeing 777 ในการบินเส้นทางนี้
แต่ช่วงนี้ เป็นช่วงหน้า Low Season เค้าเลยเปลี่ยนมาใช้แบบ Boeing 737-800 แทน
ซึ่ง ลักษณะของที่นั่งจะเป็น 3-3

แต่ถึงแม้เครื่องจะลำเล็ก แต่ ความทันสมัย และ ความสะอาด ผมว่า ใช้ได้เลยทีเดียว
ในรูป ด้านล่างจะเป็นบรรยากาศภายในเครื่องครับ

เส้นทางบิน ไฟลท์ KE-668 เชียงใหม่-โซล(สนามบินอินชอน)

เครื่องบินไปได้สักพัก เจ้าหน้าที่จะแจก ถั่ว ยี่ห้อนี้ ขอบอกว่า อร่อยมาก  :onio:
ซึ่ง ถ้าไม่พอ ขออีก เค้าจะเอามาให้อีก
ไม่เหมือนบางสายการบิน แถวๆนี้ อย่างขี้เหนียวเลย

ไฟลท์ขาไปจากเชียงใหม่ เนื่องจากบินตอนดึกมากแล้ว จึงไม่มีการเสริฟอาหาร บินไปได้สักพัก เครื่องบินจะปิดไฟ เพื่อให้ผู้โดยสารได้นอน
ตื่นมาอีกที ก่อนถึงสนามบินอินชอน ก่อนประมาณ 1 ชั่วโมง
เจ้าหน้าที่จะเดินแจกอาหารเช้าเลย มีให้เลือกทั้ง ออมเลท (Omlette natural with cheese)

หรือ เป็น โจ๊ก ที่ชื่อ Cj rice Porridge

ซึ่งทั้ง2 อย่าง ผมชิมแล้ว อาจะเป็นเพราะ เพิ่งตื่นนอน รสชาติเลยไม่ค่อยเท่าไหร่

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มาถึง สนามบินอินชอน ประเทศเกาหลีใต้แล้ว

ตอนอยู่ก่อนถึง ตรงที่ตรวจคนเข้าเมือง ผมได้ได้ถ่ายรูปอะไรไว้เลย
คนเข้าคิว เยอะมาก
หลังจาก ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว
เลยขอตัดกลับมาที่ บรรยากาศภายในอาคารผู้โดยสารขาเข้าของสนามบินอินชอน เลยหละกัน

โปรแกรมเที่ยววันที่สอง :   อินชอน – La Provence Village  - เกาะนามิ- ป้อมฮวาซอง – ซูวอน

หลังจากนั้น ทางทัวร์ ก็พาไปทานอาหารเช้ามื้อแรก ในเกาหลีใต้
เป็นอุด้ง สไตล์เกาหลี น้ำซุปหอมอร่อย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ La Provence  Village  พาท่านชมบรรยากาศหมู่บ้านสไตล์ฝรั่งเศส ชมสีสันบ้านเรือนที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองโพรวองซ์ในฝรั่งเศส หมู่บ้านที่เต็มสีสัน ระบายด้วยสีลูกกวาดหวานๆ สีสันสดใส ทำให้ท่านรู้สึกเหมือนได้สัมผัสประเทศฝรั่งเศสจริงๆ

สำหรับตัวผม ผมว่าลักษณะแบบนี้ตอนนี้ที่เมืองไทย มีอยู่หลายที่มาก
แต่สิ่งหนึ่ง ที่เกาหลีจะแตกต่างคือ ความหนาวเย็นของอากาศครับ
เพราะที่เมืองไทย ผมว่าทำได้สวยกว่านี้แต่เพราะอากาศร้อนทำให้เดินช้อปปิ้งหรือถ่ายรูปตามมุมต่างไม่ค่อยสนุกเพราะร้อนมากๆ  :20:

ที่นี่จะมีร้านขาย ขนมปังฝรั่งเศสอยู่ร้านหนึ่ง อร่อยมาก ลองไปชิมดู

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บริการ ทัคคาลบี หรือไก่บาร์บีคิวผัดซอสเกาหลีอาหารเลื่องชื่อ ของเมืองชุนชอน

โดยนำไก่บาร์บีคิว มันหวาน ผัดกระหล่ำ ต้นกระเทียม ตกหรือข้าวปั้น และซอสมาผัดรวมกันบนกระทะแบนดำ คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้าที่
 

เมื่อทานใกล้หมด จะนำข้าวสวยและสาหร่าย แห้งมาผัดรวมกันเป็นทัคคาลบีโพกึมที่แสนอร่อย และน้ำซุป

รับประทานกับผักกาดเกาหลีและเครื่องเคียง

เสร็จจากรับประทานอาหารกลางวันแล้ว ออกเดินทาง สู่ เกาะนามิ

ระหว่างทาง จะเห็น เกาหลีเหนือ อยู่ไกลๆ ในใจยังนึกหวั่น เฮียคิมอย่าเพิ่งสั่งยิงอะไรมาตอนนี้นะเว้ย  914 915

นั่งรถได้สักครู่ ก็มาถึง ท่าเรือที่จะข้ามไปยังเกาะนามิ
เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย แทบจะเหยียบกัน

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ชาติไหนมาเที่ยว เกาะนามิ เยอะที่สุด
บางทียังนึกว่าอยู่เมืองไทย อยู่เลยนะเนี่ย
เพราะรอบๆตัว ได้ยินแต่ ภาษาไทยทั้งน้านนน  :26:

บรรยากาศตอน ยัดเยียด กันลงเรือเพื่อข้ามไปยังเกาะนามิ

ลองสังเกตุ ธงชาติที่ปักคุ่กับธงเกาหลีใต้ บนดาดฟ้าของเรือ ดูนะครับ ว่าเค้าให้ความสำคัญกับประเทศไหน  903

อีกวิธีหนึ่งในการข้ามไปยังเกาะนามิ ถ้าใครไม่อยากนั่งเรือ จะใช้บริการจากยอดหอคอยที่เห็นดู แล้ว ข้ามไปก็ได้นะครับ

มาถึงแล้ว เกาะนามิ

แล้วก็ยัดกันลงจากเรือ(เช่นเคย)

เค้าบอกว่ามาเที่ยวเกาะนามิ เพื่อชมวิวทิวทัศน์ของสถานที่เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครทีวี Winter Love Song อันโด่งดังไปทั่วเอเชีย พร้อมมีเวลาให้ท่านได้เก็บภาพอันสวยงามน่าประทับใจ สุดแสนโรแมนติค เปรียบประหนี่งดุจท่านเป็นพระ-นาง ในละครเลยทีเดียว หรือจะเลือกขี่จักรยานเที่ยวชมบรรยากาศบนเกาะ

สังเกตุป้ายต้อนรับ
บางทียังนึกว่า เกาะนามิ นี่เป็นจังหวัดหนึ่งของเมืองไทยนะเนี่ย 555  :111: 912

ลองทายดู สิครับ ว่าเค้าขายอะไร
ตอบถูก มีของรางวัลให้ครับ

บนเกาะนามิ มี ร้านขนมอยู่ร้านหนึ่ง อร่อยมาก (แนะนำถ้าใครไปเที่ยวเกาะนามิ ต้องซื้อมาชิมให้ได้ครับ)

ชื่อ ร้าน Snowman pancake

เป็นแป้งทอดกลมๆ ไส้ถั่ว
ทอดร้อนๆ ทานตอนอากาศที่หนาวเย็นบนเกาะ อร่อยอย่างเข้ากันได้แบบลงตัว

ทอดเสร็จป้าคนขายจะใส่ในแก้วกระดาษ
อร่อยมาก จนทานชิ้นเดียวไม่พอ  :onio:

พลาดไม่ได้ กับ รูปปั้น มุมมหาชน
ที่หลายๆคนแซวกันว่า เป็น รูปปั้นเจ้าของเกาะนามิ  :onion2012:

หลังจากนั้น ก็ออกเดินทางไปเที่ยวต่อยัง เมืองซูวอน ป้อมฮวาซอง

 

ป้อมฮวาซองสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองซูวอนได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 1997 ด้วยที่ว่ามีอายุมากกว่า 200 ปี บวกกับความยิ่งใหญ่และสวยงามของป้อมปราการนี้ ความยาวของกำแพงโดยรอบยาวถึง 5.5 กิโลเมตร ครั้งแรกป้อมนี้ถูกสร้างล้อมรอบเมืองซูวอน โดยจะมีประตูประจำอยู่ทั้ง 4 ทิศ ทิศเหนือมีชื่อว่า จังอันมุน ( Janganmun ) ทิศใต้เรียกว่า พัลทัลมุน ( Pandalmun ) ทิศตะวันออกคือ ชางนยูงมูน ( Changryongmun) และทิศใต้คือ ฮวาซอมุน ( Hwaseomun ) ภายในป้อมปราการนี้มี พระราชวัง Hwaseong Haenggung Palace

บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร บริการ Shabu Shabu สุกี้สไตล์เกาหลี ให้ท่านได้ลิ้มลองผักสด น้ำซุปหอมหวาน รับประทานกับเครื่องเคียงมากมายอาทิ กิมจิ

หลังจากเสร้จจากทานอาหารค่ำแล้ว
ก็นำท่านเข้าพัก M Hotel
Address: 14-23 Youido-Dong,Yeongdeungpo-Gu,Seoul 150-870 Korea

โรงแรมนี้เป็นโรงแรมไม่ใหญ่มาก
เก็บเอาบรรยากาศภายในห้องพักเล็กๆน้อยๆมาฝาก
เพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับท่านกำลังมองหา ที่พักในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้

บรรยากาศภายในห้องน้ำของโรงแรม M Hotel
ความทันสมัยจะสู้ที่ ประเทศญี่ปุ่นไม่ได้ แต่ ความกว้างของห้องน้ำจะใหญ่กว่า

อุปกรณ์ ก็มีมาให้เพียบพร้อม
จะสังเกตุว่า ที่เกาหลี มักจะวาง ยากันยุงไว้ข้างกับ สเปร์ยฉีดผมเสมอ
อย่าเผลอหยิบมาใช้ผิดหละครับ

หากใครนอนไม่หลับ รอบๆโรงแรมก็มีร้านน่านั่งอยู่หลายร้านเลยครับ
สำหรับตัวผม ขอแวะ สำรวจร้านสะดวกซื้อ อย่าง 7-11 ที่อยู่ ติดกับโรงแรมเลย

เจอ เครื่องดื่มยอดฮืตของเกาหลีอยู่ 2 ชนิด คือ

นมกล้วยเกาหลี กับ Soju (โซจู) เหล้าเกาหลี

คืนนี้จะเลือกอย่าไหนดื่มก่อนนอนดี  :111:

มาต่อ ด้วยโปรแกรมเที่ยวเกาหลีใต้ วันที่สาม กันครับ

วันที่สาม   กิมจิ + ฮันบก – Everland เต็มวัน - ทงแดมุน          

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านสู่ Kimji School หรือ สถาบันสอนทำกิมจิ ชมวิธีการทำกิมจิ ผักดองที่สามารถเก็บไว้ได้นาน และเป็นอาหารที่ขึ้นโต๊ะชาวเกาหลีทุกมื้อ ปัจจุบันกิมจิเป็นที่นิยมแพร่หลาย เพราะประกอบด้วยแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ในการย่อยอาหารและ  ป้องกันโรค ให้ท่านได้ทดลองทำกิมจิด้วยตัวท่านเอง และสามารถนำกลับมาเป็นของฝาก พิเศษ เก็บภาพความประทับใจด้วยการใส่ชุดประจำชาติของเกาหลีใต้ (ฮันบก) พร้อมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก 

                                       

วัตถุดิบในการทำกิมจิ

จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง เอเวอร์แลนด์ สวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเกาหลีใต้ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาขอเชิญท่านท่องไปกับโลกของสัตว์ป่าซาฟารี ท่านจะได้พบกับ ไลเกอร์ ซึ่งเป็นลูกแฝดผสมที่เกิดขึ้นจากความรักระหว่างสิงโตผู้เป็นพ่อและเสือผู้เป็นแม่นับเป็นแฝดผสมเสือ-สิงโตคู่แรกในโลก ชมความน่ารักของหมีต่างๆซึ่งพนักงานขับรถซาฟารีจะเป็นผู้ทักทายและเล่นกับพวกเขา เติมเต็มความสุขของท่านสนุกสนานกับเครื่องเล่นต่างๆ ไม่จำกัดชนิด พร้อมทั้งบรรยากาศสบายๆ

บรรยากาศและ เครื่องเล่น ภายใน สวนสนุก เอเวอร์แลนด์

นั่งกระเช้าลงไป โซนด้านล่าง

เป็นช่วงเวลาที่ผู้คนรอชม ขบวนแห่ พาเรด พอดี

ต้องยอมรับว่า แม้จะไม่ใช่ แบรนด์ดังอย่าง disneyland หรือ Universal studio

แต่คนของเค้า ก็เที่ยว สวนสนุก แบบ ไม่สนใจแบรนด์ดังๆ เลย

แม้แต่ตัวการ์ตูน ที่เกาหลีใต้ ก็พยายาม สร้าง ขึ้นมาเอง

เจอ ขนมน่าทาน

เครื่องเล่นแนวAdventure ชื่อ Amazon Express

จุดสังเกตุ อีกอย่างคือ ที่นี่ จะไม่มี fast track แบบที่ disneyland หรือ Universal studio

ดังนั้น การต่อคิวยาวๆ จึงเป็นเรื่องที่หลีกไม่ได้

เป็นเครื่องเล่น แบบ ล่องแก่งไปตามสายน้ำ

ขอบอกเลยว่า เปียกแน่นอน และ ยิ่งในช่วงหน้าหนาว น้ำที่กระเด็นใส่เราอย่างหนาวเย็นเลยทีเดียว

น่าจะเป็นเครื่องเล่นที่น่าเล่น ที่ไม่น่าพลาดเวลาไป Everland

เครื่องเล่น ชื่อ Rolling X train

สำหรับผู้ที่ชอบความเสียว

ช่วงเดือนเมษา เป็นช่วงที่ ดอกไม้สวยๆ อย่าง ดอกซากุระ หรือ ดอกทิวลิป บานพอดี

แน่นอนครับ สวนสนุกทุกที่ ก่อนออก จะถูกดักไว้ด้วย ร้านขายของที่ระลึก
ที่ เอเวอร์แลนด์ ก็เช่นกัน มีสินค้า ให้เลือก ซื้อมากมาย ตามสไตล์ของเกาหลี

บรรยากาศด้านนอกของร้านขายของที่ระลึก ที่ เอเวอร์แลนด์
ตกแต่งได้น่ารักทีเดียว

อีกเช่นเคย ส่วนใหญ่ผมจะเก็บของที่ระลึก ตามสวนสนุกต่างๆ มาเป็นภาพถ่าย แทน  :111:

 901

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร บริการภัตตาคารบุฟเฟ่ต์ พร้อมขาปูยักษ์ และอาหารสดๆ จากทะเลหลากหลายชนิด ให้ท่านได้ เลือกรับประทานมากมาย พร้อมเครื่องดื่มและของหวานที่หลากหลาย

หลังจากอาหารค่ำนำท่านช้อปปิ้ง ณ ทงเดมุน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณประตูเมืองโบราณทางทิศตะวันออกท่ านสามารถซื้อสินค้าหลากหลายประเภทได้ที่นี้อาทิ เสื้อผ้าบุรุษ-สตรี รองเท้าบุรุษ-สตรี รองเท้าผ้าใบ เข็มขัด ของที่ระลึก ชุดเครื่องครัวถุงน่องถุงเท้าผ้าพันคอโดยท่านจะได้ สัมผัส กับ บรรยากาศการช้อปปิ้งสินค้าในราคาเกาหลีอย่างแท้จริง จากนั้นนำท่านเข้าที่พัก

ต่อไปเป็นโปรแกรม

วันที่สี่    ชมซากุระบานที่เกาะยออิโด - โสม - บลูเฮ้าส์ – พระราชวังเคียงบก – พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน                   
             แห่งชาติ- Seoul Tower – Duty Free - เมียงดง 


เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม 
   นำชมสวนยออิโด บริเวณ ยออิโดพลาซ่า ซึ่งมีแต่บริเวณที่โล่งเตียนตลอด    27 ปี ได้กลายเป็นสวนขึ้นมาในปี ค.ศ.1999    แทนที่จะเป็นสถานที่   เรียบ ๆ    สวนนี้จะมีต้นไม้ สนามหญ้า สระน้ำ และศาลารอบ ๆ สวนมีทางจักรยานและ   ทางเดินเท้า ซึ่งเชื่อมกันด้วยทางเท้าใต้ดินไปจนถึงปากน้ำฮันกัง เทศกาล   ดอกซากุระบาน เกาะยออิโด ถนนทุกเส้นจะมีดอกเชอรี่ บลอสซั่ม ซึ่ง   ออกดอกสะพรั่งเต็มต้นทุกปีในช่วงต้น   เดือนเมษายนชาวเมืองจะจัดงานรื่น   เริงใกล้ๆกับท่าเรือ ผู้คนจะมารวมตัวกันในย่านที่ดอกไม้บานสะพรั่งเพื่อต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ หนึ่งปีมี   เพียง   ครั้งเดียวเท่านั้น

จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง   จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง ศูนย์โสมเกาหลี ซึ่งรัฐบาล   รับรองคุณภาพว่าผลิต   จากโสมที่มีอายุ 6 ปี ซึ่งถือว่า เป็นโสมที่มีคุณภาพดี   ที่สุด ชมวงจรชีวิตของโสม    พร้อมให้ท่านได้เลือก   ซื้อโสมที่มีคุณภาพดีที่สุดและราคาถูกกว่าไทยถึง 2 เท่า กลับไปบำรุงร่างกาย   หรือฝากญาติผู้ใหญ่ที่   ท่านรักและนับถือ

จากนั้นนำท่านชม บลูเฮ้าส์ หรือ หรือทำเนียบประธานาธิบดีของเกาหลีใต้นั้น ได้ชื่อบลูเฮ้าส์ เพราะว่าเมื่อมองจากด้านนอกเข้าไป ที่อาคารดังกล่าวจะเห็นว่าเป็นสีฟ้า   อ่อนทั้งหลังคนก็เลยเรียกตามสีของอาคารหลังนี้ ซึ่งก็จะไปคล้องจองกับทำเนียบของสหรัฐที่เป็นไวท์   เฮ้าส์ เนื่องจากเป็นที่ทำงานของผู้นำเกาหลี จึงไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปหรือ   นักท่องเที่ยวเข้าชมภายใน แต่สามารถชมจากด้านนอกและถ่ายภาพไกล ๆ ได้ อาคารบลูเฮ้าส์เป็นสถาปัตย์กรรมเกาหลีผสมกับสถาปัตย์กรรมร่วมสมัยที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว ด้านหลังของ บลูเฮ้าส์เป็นภูเขาที่ช่วยเสริม ฮวงจุ้ย ที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว ด้านหลังของ บลูเฮ้าส์เป็นภูเขาที่ช่วยเสริม ฮวงจุ้ย ด้านหน้าของบลูเฮ้าส์มีลานกว้างและมี
อนุสาวรีย์ รูปนกหงส์ ( Phoenix ) อันหมายถึงความเป็นอมตะ จุดนี้จะเป็นที่ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพ(สามารถมองเห็นบลูเฮ้าส์ที่อยู่ด้านหลังได้ )ไว้เป็นที่ระลึก บริเวณบลูเฮ้าส์มีการรักษาความปลอดภัยค่อนข้างเข้มงวด เพราะนอกจากเป็นทำเนียบประธานาธิบดีแล้วบริเวณใกล้เคียงยังเป็นสถานที่รับรองแขกบ้านแขกเมืองคนสำคัญด้วย จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบยืนรักษาการณ์อยู่เป็นจุด ๆ

จากนั้นนำท่านสู่ พระราชวังเคียงบก  ตั้งอยู่ปลายบนสุดของถนนเชจองโน  ถนนสายหลักและกว้างใหญ่ที่สุดในกรุงโซล  มีประตูกวงฮวามุน  ประตูเมืองด้านทิศเหนือ  ตั้งเด่นเป็นสง่าเป็นประตูหลักที่จะเข้าไปสู่พระราชวังเคียงบก  ที่ใหญ่โตและมีบริเวณที่กว้างขวางที่สุดในบรรดาพระราชวังทั้งหมดพระราชวังเคียงบก  เป็นพระราชวังที่เก่าแก่ที่สุดของราชวงศ์โชชอน  (ค.ศ.1392 – 1910) สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1394  ต้นพระราชวงศ์ที่สถาปนาขึ้นโดยกษัตริย์แทโจ

จากนั้นเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติเกาหลี ( NATIONAL FOLK MUSEUM OF KOREA ) หรือ พิพิธภัณฑ์คติชนพื้นเมือง เป็นที่แสดงความเป็นมาของวัฒนธรรมเกาหลีตั้งแต่สมัยยุคโบราณ พิพิธภัณฑ์แห่งตั้งอยู่ภายในพระราชวังเคียงบกกุง ก่อนจะเข้าชมพิพิ  ธภัณฑ์ บริเวณทางเข้า จะเห็นรูปปั้นหินตั้งอยู่ 12 ตัว ตั้งรวมกันเป็นวงกลมเป็นรูปปันนักษัตร 12 ราศี ที่นี่เป็นที่ยอดนิยมสำหรับนักถ่ายรูป ภายในพิพิธภัณฑ์จะแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ เกี่ยวกับวัฒนธรรมการดำรงชีวิตของชาวเกาหลีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่อยู่อาศัย อาหารการกิน การรักษาโรค การละเล่น ดนตรี รวมถึงประเพณีต่าง ๆ

จากนั้นนำท่านตามรอยหนังไทย สไตล์เกาหลี เขานัมซัน เป็นที่ตั้ง  Seoul Tower ซี่งเชื่อกันว่าถ้าใครขึ้นมาคล้องกุญแจที่ หอคอยนัมซาน และโยนลูกกุญแจทิ้งไป คู่รักคู่ นั้นจะไม่มีใครมาพรากจากกันได้ชั่วนิรันดร์”
มีเวลาอิสระให้ท่านเดินเล่นหรือช้อปปิ้งตุ๊กตา Teddy Bear ที่น่ารัก (ไม่รวมค่าลิฟต์และค่าเข้าTeddy Bear)

ที่ seoul tower รถจะขึ้นไปไม่ได้ รถบัสจะจอดที่สถานีด้านล่าง และ ต้องเดินขึ้นไป

ระหว่างทางเดินขึ้น ต้องฟิตร่างกายพอสมควรเลยทีเดียว

และแล้วก็เดินมาถึง ด้านบน Seoul Tower

ร้านไอศกรีมชื่อดัง Cold Stone (อากาศหนาวๆ ก็ยังเห็น คนเข้าคิวซื้อเยอะมาก) กับ ร้าน Teddy bear ที่อยู่ติดกัน

จากจุดนี้ต้องเดินขึ้นไป ยังจุดชมวิว อีกนิด ก็จะเจอ สถานที่คุ้นตา นั่นคือ พวงกุญแจนับพัน

มุมมหาชน ที่ใครๆมาเที่ยวที่นี่ ต้องถ่ายรูป
สังเกตุ เก้าอี้ ที่หักเข้าหากัน (ซึ่งปัจจุบัน มี หลายๆที่ในบ้านเรา ลอกเลียนแบบไปใช้กันเยอะ)

หลังจากนั้น ได้เวลา อาหารเที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร บริการ เมนูไก่ตุ๋นโสม เป็นอาหารบำรุงสุขภาพต้นตำรีบชาววัง เสิร์ฟในหม้อดิน ท่ามกลางน้ำซุปที่กำลังเดือดพล่าน คัดเลือกไก่ขนาดกำลังเหมาะ ผ่านการเลี้ยงจนอายุได้ 45 วัน นำมาทำความสะอาด ควักเครื่องในออกจนหมด แล้วนำเครื่องยาจีน อาทิ เกาลัด, เก๋ากี้, พุทราจีน และรากโสม พร้อมด้วยข้าวเหนียว ใส่ลงไปใน ตัวไก่ แล้วผ่านการตุ๋นจนได้ที่ เนื้อไก่ล่อนจนสามารถป่น   

ข้างๆร้าน เห็น มีร้านขายเบเกอรี่ชื่อดัง ของเกาหลี ชื่อ Paris Bagutte แวะไปชิม ดูได้อร่อยทีเดียว

แต่ที่เห็นคน นิยมซื้อทาน นั่นคือ ไอศกรีมรสเมลอน
มีโอกาสไปเที่ยวลองแวะซื้อชิม ดูได้ครับ

จากนั้นนำท่านช้อปปิ้งย่าน เมียงดง หรือสยามสแควร์เกาหลี หากท่านต้องการทราบว่าแฟชั่นของเกาหลีเป็นอย่างไร ก้าวล้ำนำสมัยเพียงใดท่านจะต้องมาที่เมียงดงแห่งนี้ พบกับสินค้าวัยรุ่น อาทิ เสื้อผ้าแฟชั่นแบบอินเทร์น เครื่องสำอางดังๆ ของเกาหลี พบกับความแปลกใหม่ในการช้อปปิ้งอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเมียงดงแห่งนี้จะมีวัยรุ่นหนุ่มสาวชาวโสมไปรวมตัวกันที่นี่กว่าล้านคนในแต่ละวัน เชิญท่านเลือกซื้อหาสินค้าได้ตามอัธยาศัย หรือจะลองนั่งดื่มกาแฟในคอฟฟี่ช้อปสไตล์เกาหลีที่นี่ได้เช่นกัน