หัวข้อ: ตักบาตรเที่ยงคืน ในวันเป็งปุ๊ด กิจกรรมเด่นเมืองเชียงใหม่ เริ่มหัวข้อโดย: giftzaa ที่ มกราคม 20, 2011, 12:02:46 AM ตักบาตรเที่ยงคืน ในวันเป็งปุ๊ด กิจกรรมเด่นเมืองเชียงใหม่
"เป็งปุ๊ด" หรือเพ็ญพุธ เป็นวันสำคัญวันหนึ่งในคติล้านนา ในรอบหนึ่งปีมีวันเพ็ญสิบสองครั้ง วันเพ็ญที่ตรงกับวันพุธมีเกือบสองครั้งในหนึ่งปี ทำไมไม่เป็นเพ็ญจันทร์หรือเพ็ญศุกร์เพ็ญเสาร์ก็ไม่รู้เหมือนกัน เดาเอาว่าน่าจะเป็นวันสำคัญอะไรสักอย่างของพระมหาอุปคุตเถระ ทั้งนี้ก็เพราะประเพณีเพ็ญพุธเกี่ยวข้องกับพระอรหันต์หลังพุทธกาลรูปนี้ ตาม ตำนานเล่าว่าท่านเป็นอรหันต์ปราบมารสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เป็นผู้มากมีฤทธิ์เดชทางเซอร์ๆ ประดุจพระมหาโมคคัลลานะอัตรสาวกเบื้องซ้ายแห่งพระโคตมพุทธเจ้าที่เราชาวพุทธ นับถือกันอยู่ในปัจจุบัน พระอุปคุตยังมีชีวิตอยู่ ชาวไทล้านนา ไทใหญ่ ไทเขิน ไทลื้อซึ่งเป็นไทยที่ได้รับอิทธิพลบางอย่างมาจากพม่าเชื่อกันว่าท่านบำเพ็ญ ฌานอยู่ใต้ท้องสมุทร เวลาชาวล้านนาจะจัดงานเฉลิมฉลองอะไรใหญ่โตที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนา เช่นงานปอยหลวงต่างๆ ก็จะมีพิธีอัญเชิญพระอรหันต์ปราบมารองค์นี้มาสถิตคุ้มครองในงาน พิธีกรรมก็น่ารักมาก เขาจะแห่เสลี่ยงเปล่าไปยังแหล่งน้ำที่ใกล้ๆ พอไปถึงก็ให้ผู้ชายลงไปในน้ำแล้วงมเอาหินก้อนหนึ่งขึ้นมา สมมุติเอาว่านี่แหละพระอุปคุต ฉันงมได้ท่านขึ้นมาแล้ว ขอนิมนต์ไปปราบปรามห้ามมารที่จะมารบกวนงาน แล้วจะเอาหินก้อนนั้นขึ้นเสลี่ยง แล้วจะแห่แหนกันกลับมาที่งาน พอเสร็จงานก็นิมนต์ท่านกลับยังแหล่งน้ำที่เดิม ตำนานพระอุปคุตสยบมารมี ดังนี้ ครั้งเมื่อพระเจ้าอโศกเปลี่ยนใจมาเชิดชูอุดมการณ์พุทธศาสนาที่เน้นอหิงสาและ สันติวิธีนั้น พระองค์ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาเป็นการใหญ่โต ครั้งหนึ่งทรงจดงานเฉลิมฉลองพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า แต่พระยามารอิจฉาจึงรังควาน ดูเหมือนจะส่งพวงมาลัยอะไรสักอย่างมาให้ ไม่มีใครแก้กฤตยามนต์บางอย่างได้ งานเกือบล่ม พระมหาอุปคุตแก้ได้ ท่านยังได้แทรกกระดูกงู กระดูกสุนัขและกระดูกคนเข้าไปในมาลัยมาร แล้วส่งกลับคืนไปให้มาร พอมารเอามาลัยคล้องคอก็แก้ออกไม่ได้ คัมภีร์ อโศกาวทานซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระเจ้าอโศกมหาราชกล่าวว่าพระอุปคุต เป็นบุตรพ่อค้าชาวเมืองมถุรา แต่ตำนานพระอุปคุตฉบับชาวบ้านที่ผู้เขียนเคยได้ยินคนแก่คนเฒ่าเล่าให้ฟัง สมัยเป็นเด็กกล่าวว่าพระอุปคุตเป็นลูกของพระพุทธเจ้าเอง เขาเล่าว่ามีอยู่วันหนึ่ง นางนักบวชนอกศาสนามากล่าวหาว่าพระพุทธเจ้าเป็นโรคกามตายด้านจึงออกบวช แล้วก็เที่ยวชักชวนชายหนุ่มวัยสืบพันธุ์ทั้งหลายให้บวชตาม แล้วก็ตั้งศีลหรือวินัยห้ามการสืบพันธุ์ พระพุทธเจ้าจึงมาสเตอร์เบท ได้น้ำเชื้อเต็มบาตรให้พระอานนท์เอาไปเทลงแม่น้ำคงคา นางเงือกตัวหนึ่งมากินแล้วตั้งท้อง แล้วคลอดเป็นพระอุปคุต ในวันเพ็ญ พุธ ชาวล้านนาจะไปตักบาตรเพ็ญพุธหรือตักบาตรอุปคุตก็เรียก ตักกันแต่ดึกดื่นค่อนคืนโน่นเลยจ้ะ เพราะเชื่อกันว่าในวันนี้พระอุปคุตจะจำแลงตนเป็นเณรน้อยมาบิณฑบาตในค่ำคืน นี้ ใครได้ใส่บาตรพระอุปคุตจะมีโชคลาภ จะได้บุญสุดสุดเลย แต่บุญอะไรก็สู้ทานแบบไม่หวังผลไม่ได้ ซึ่งเป็งปุ๊ดที่เพิ่งผ่านมาก็คือเมื่อคืนนี้ (คืนวันอังคารที่ 11 ม.ค.ต่อเนีองวันพุธที่ 12 ม.ค.) ประวัติวัดอุปคุต มีตำนานเล่าสืบกันมาว่า ครั้งหนึ่งมีสามีภรรยาฐานะยากจนคู่หนึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่นอกเมืองเชียงใหม่ ประกอบอาชีพทำนาและค้าขายพอเลี้ยงชีพไปได้ เมื่อว่างจากทำนาทั้งสองก็นำเอาผลผลิตจากไร่สวนเข้ามาขายในตัวเมือง เชียงใหม่ วันหนึ่งในฤดูหนาวอากาศหนาวเหน็บ สองสามีภรรยาตื่นแต่เช้าเดินทางเข้าตัวเมืองพร้อมกับสัมภาระสำหรับค้าขาย ระหว่างเดินฝ่าอากาศที่หนาวเย็นก็ได้พรรณนาปรับทุกข์ต่อกันถึงความทุกข์ยาก ของครอบครัวตนเองที่ต้องตื่นแต่เช้าทำงานหนัก ซึ่งต่างจากครอบครัวของคนอื่นที่ยังนอนหลับสบาย หากไม่ทำเช่นนี้ก็ต้องอดอยากไม่มีจะกิน ทั้งสองต่างปลอบใจและให้กำลังใจซึ่งกันและกันและว่า "เราสองคนทำบุญมาน้อย ทำให้ด้อยวาสนา แม้จะทุกข์สาหัสอย่างไรก็จำเป็นต้องทน ต้องดิ้นรนต่อสู้ต่อไป" สองสามีภรรยาปรับทุกข์กันเรื่อยมาจนข้ามแม่ น้ำปิงมาฝั่งตะวันตกเข้าถนนท่าแพ ขณะนั้นยังเป็นเวลาเช้ามืดและเป็นวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ พระจันทร์เต็มดวงสาดแสงสว่างไสวดูรื่นรมย์ทำให้ความเหนื่อยล้าของสามีภรรยา หายไปสิ้น ขณะเพลิดเพลินกับบรรยากาศอยู่นั้น สายตาของทั้งคู่ก็เหลือบไปเห็นสามเณรน้อยรูปหนึ่งอุ้มบาตร ครองผ้าเป็นปริมณฑลตัดกับแสงจันทร์นวลส่อง เป็นภาพที่น่าทัศนาเป็นอย่างยิ่ง ยังความปิติซาบซ่านเข้าสู่หัวใจของทั้งสอง อีกทั้งบังเกิดศรัทธาในตัวสามเณรจึงได้แบ่งสิ่งของที่ตั้งใจนำไปขายยกขึ้น อธิษฐานแล้วใส่ในบาตรของสามเณร หลังจากรับพรจากสามเณรแล้วชายผู้เป็นสามีนึกแปลกใจว่าสามเณรจากวัดใดกันอีก ทั้งออกบิณฑบาตแต่เช้าตรู่เพียงลำพังเช่นนี้ ฝ่ายสามีจึงเดินตามสามเณรไป แต่เมื่อสามเณรเดินไปถึงชายป่าก็หายวับไปที่ต้นไทรต้นหนึ่ง สามีเห็นเช่นนั้นก็วิ่งกลับมาบอกกับภรรยาและต่างเก็บความสงสัยไว้ในใจ นับ จากที่ได้นำสิ่งของใส่บาตรเป็นกุศลศรัทธากับเณรน้อยรูปนั้น นับแต่วันนั้นสองสามีภรรยาก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับไม่ว่าจะประกอบอาชีพ อะไรก็ได้ผลกำไรงามฐานะร่ำรวยขึ้น ต่อมาจึงทราบจากพระผู้เฒ่ารูปหนึ่งผู้ทรงอภิญญาญาณเคร่งครัดในศีลว่า การที่เจริญก้าวหน้าค้าขายร่ำรวยนั้นเนื่องจากอานิสงส์ที่ได้ตักบาตรกับ สามเณร ผู้ซึ่ง คือ พระปคุตมหาเถระที่เข้านิโรธสมาบัติอยู่ใต้สะดือทะเล ครั้นถึงวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ ท่านจะแปลงเป็นสามเณรน้อย ออกบิณฑบาตแต่เช้าตรู่เพื่อโปรดสัตว์ บุคคลใดได้ตักบาตรท่านพระมหาอุปคุต ถือว่าเป็นบุคคลที่โชคดีทำให้เจริญรุ่งเรือง สองสามีภรรยาได้ฟังก็ เกิดปิติศรัทธา จึงได้สร้างวัดขึ้นที่บริเวณที่พบสามเณรน้อย ชาวบ้านเมื่อทราบข่าวต่างมาร่วมอนุโมทนาและช่วยเหลือร่วมทำบุญ โดยตั้งชื่อวัดนี้ว่า "วัดพระอุปคุต" ต่อมาเปลี่ยนเป็นเรียกสั้นๆ ว่า "วัดอุปคุต" สืบมาจนถึงทุกวันนี้ ขอบคุณไทยซ่าดอทคอม หัวข้อ: Re: ตักบาตรเที่ยงคืน ในวันเป็งปุ๊ด กิจกรรมเด่นเมืองเชียงใหม่ เริ่มหัวข้อโดย: You and Me ที่ มกราคม 20, 2011, 10:12:30 AM อ๋ออออ เรื่องราวเป็นอย่างนี้นี่เอง ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ :16:
หัวข้อ: Re: ตักบาตรเที่ยงคืน ในวันเป็งปุ๊ด กิจกรรมเด่นเมืองเชียงใหม่ เริ่มหัวข้อโดย: auto ที่ มกราคม 20, 2011, 10:19:07 AM ขอบคุณข้อมูลดีๆ ครับ 903
หัวข้อ: Re: ตักบาตรเที่ยงคืน ในวันเป็งปุ๊ด กิจกรรมเด่นเมืองเชียงใหม่ เริ่มหัวข้อโดย: dark_sky ที่ มกราคม 26, 2011, 03:35:57 PM จำได้ว่าเคยโพสกระทู้ของตักบาตรเที่ยงคืนไว้เหมือนกันพออ่านโพสนี้ถึงนึกได้ว่าเป็งปุ๊ดที่ผ่านมาล่าสุดของ คืนวันอังคารที่ 11 ม.ค. ไม่ได้ไป 906 :12: :22:เสียดายจัง เป็งปุ๊ดหน้าต้องไม่พลาด 904
|