จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2

"ปาย"อำเภอเล็กๆที่ซ่อนตัวอยู่กลางไอหมอกและหุบเขาของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เมืองปายโด่งดังไปทั่วสารทิศในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่งดงามกรุ่นกลิ่นไอความสงบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวไทยและต่างชาติที่ต้องการแสวงหาการพักผ่อน
       
       เคยได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมานักต่อนักว่า ใครก็ตามที่ได้มาสัมผัสเมืองปายเป็นต้องตกหลุมรักเกือบทุกรายไป มาแล้วก็ต้องกลับมาอีกมิรู้เบื่อ ดูเหมือนคำกล่าวนี้จะไม่เกินจริงไปสักเท่าไหร่นัก เพราะส่วนตัวของ  ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต้องหวนกลับมาอีกครั้งแล้วครั้งเล่า
       
       ครั้งนี้ก็เช่นกันเมื่อได้รับคำเชิญชวนจากสมัครพรรคพวกก็ไม่รีรอที่จะตอบตกลง การเดินทางไปเมืองปายครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนๆ เพราะส่วนใหญ่เราจะนิยมไปเที่ยวปายกันในช่วงหน้าหนาว แต่ครั้งนี้เราเลือกจะไปเที่ยวกันในช่วงกลางฤดูฝน ซึ่งนอกเหนือจากการไปดื่มด่ำธรรมชาติอันงดงามของเมืองปายแล้ว จุดประสงค์การเดินทางหลักของเราคือ "ล่องแก่งแม่น้ำปาย" นั่นเอง

สำหรับแม่น้ำปาย มีต้นกำเนิดมาจากทิวเขาถนนธงชัยและเทือกเขาแดนลาว ไหลพาดผ่านอำเภอปาย กิ่งอำเภอปางมะผ้า และอำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน แล้วไหลไปออกที่แม่น้ำสาละวินที่พม่า ตลอดสายยาวราว 180 กิโลเมตร โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการล่องแก่งในแม่น้ำปาย คือ ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคมของทุกปี ซึ่งก็เป็นฤดูฝนช่วงน้ำหลากนั้นเอง
       
       แต่ปีนี้ดูเหมือนว่าภาวะโลกร้อนจะทำให้สายฝนโปรยปรายลงมาเร็วกว่าที่คิด ไม่ต้องรอถึงเดือนสิงหาคมเราก็สามารถมาสนุกสนานกับการล่องแก่งด้วยเรือยางฝ่ากระแสน้ำอันเชี่ยวกราดของลำน้ำปายได้แล้ว แม้ก่อนมาจะมีเพื่อนพ้องเป็นห่วงเป็นใยว่าสายน้ำปายบางคราดูน่ากลัวพร้อมที่จะกลืนกินชีวิตได้ทุกเมื่อ แต่สงสัยเป็นพวกลางเนื้อชอบลางยา มาปายบ่อยครั้งแต่ยังไม่เคยชุ่มฉ่ำใจกับน้ำปายสักครั้งเดียว คราวนี้จึงหมายมั่นปั้นมือแน่วแน่เอาอะไรมาฉุดก็ไม่ยอม
       
       บริษัทจัดล่องแก่งในปายมีหลากหลายรายแล้วแต่ความพอใจของลูกค้าที่จะเลือก ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนมากมักจะเลือกโดยพิจารณาจากราคาและความเชี่ยวชาญเจ้าของพื้นที่เป็นหลัก สำหรับเราเลือกใช้บริการการล่องแก่งจาก บริษัท ปายแอดเวนเจอร์ ด้วยเหตุผลที่ว่าผู้ดำเนินกิจการเป็นคนไทยน่าจะง่ายต่อการสื่อสารมากกว่า

แม่น้ำปายหน้าหนาวบางช่วงลดระดับจนสามารถเดินข้ามได้  

จุดเริ่มต้นการล่องแก่งครั้งนี้ อยู่ที่แม่น้ำของบริเวณบ้านห้วยส้านนอก ในเขตอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ต้องนั่งรถจากเมืองปายมานานนับชั่วโมงทีเดียวจึงจะถึงจุดล่องแก่ง เรื่องจุดเริ่มต้นการล่องแก่งนี้ควรสอบถามจากบริษัทที่คุณคิดจะเลือกเสียก่อน เพราะแต่ละที่จะมีจุดเริ่มต้นแตกต่างกัน
       
       ทริปนี้เราจะใช้เวลาล่องแก่งกันสองวันกับอีกหนึ่งคืน จุดสิ้นสุดของเราอยู่ที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์
       
       ก่อนที่จะออกเดินทางนายท้ายของเราจะต้องสอนการใช้ฝีพายที่ถูกต้องเสียก่อน จากนั้นก็จะอบรมด้านความปลอดภัย เช่นว่าหากจมน้ำควรทำอย่างไรบ้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันช่วยสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวได้มากทีเดียว

หลังจากอบรมระยะสั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ทำการแบ่งกลุ่มกันราว6-8 คนและใส่เสื้อชูชีพให้พร้อมก่อนเริ่มแยกย้ายกันประจำตำแหน่งบนเรือ อ้อ...บนเรือของเรามีสัมภาระมาด้วย ข้าวของทั้งหมดถูกจัดเก็บไว้ในถังสีน้ำเงินขนาดเล็กพอประมาณมีฝาปิดมิดชิดเพื่อกันน้ำเข้า แน่นอนในนั้นมีเสบียงของเราติดอยู่ด้วย จึงต้องรักษาให้ดีพอๆกับชีวิต
       
       เมื่อทุกคนพร้อมที่จะผจญภัยฝ่าสายน้ำกันแล้ว นายท้ายของเราก็เริ่มพาเราออกห่างจากฝั่งเรื่อยๆช่วงวันแรกนี้เราล่องแม่น้ำของชมทัศนียภาพไปเรื่อยๆท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาบ้างเป็นระยะๆเส้นทางตลอดสองฝั่งเป็นป่าที่เขียวครึ้มไปด้วยต้นไม้ร่มเย็น เรือยางพาเราล่องไปท่ามกลางเสียงจังหวะการจ้ำไม้พาย หนึ่ง สอง สามซ้ายทวน ขวาทวน อยู่นานในที่สุดก็แวะเวียนผ่านน้ำตกซู่ซ่าซึ่งเป็นน้ำตกหินปูนขนาดเล็ก ที่สายน้ำไหลตกจากผาสูง 4 เมตร มีนักท่องเที่ยวหลายคนใช้จุดนี้เป็นจุดแวะพักลงเล่นน้ำตก ส่วนเรือลำของเรานั้นก็ถือเอาโอกาสนี้แวะพักกินข้าวเที่ยงเสียเลย
       
       พอออกจากน้ำตกซู่ซ่ามาได้สักพัก เราก็เริ่มเจอแก่งที่สร้างความสนุกและท้าทายมากยิ่งขึ้น เมื่อเจอแก่งใหญ่ๆที่มีกระแสน้ำแรงในบางช่วงยิ่งเสียวไส้เพราะความกลัวจะตกน้ำตกท่าไป เนื่องจากมีตัวอย่างให้เห็นจากเรือลำข้างหน้า ที่พากันเร่งจ้วงไม้พายแข่งกับกระแสน้ำแต่ก็ไปไม่รอดพากันพลิกคว่ำทั้งลำเรือ กว่าจะช่วยเหลือกันขึ้นมาได้ก็ดูทุลักทุเลพอสมควร

ในภาพเบื่อพายเรือก็แวะเล่นน้ำตกกันก่อน(ภาพ:ททท.)

ดูเหมือนในวันแรกนี้โชคจะเข้าข้างอยู่ไม่น้อยเพราะเรือลำที่ นั่งมาสามารถช่วยกันประคองตัวรอดมาได้ทุกแก่ง ราวห้าโมงเย็นพวกเราก็พายเรือมาถึงยังจุดตั้งแคมป์ที่ตั้งอยู่กลางป่ากันแล้ว ที่พักสำหรับนักล่องแก่ง ในที่นี้ขอเรียกว่าเป็นเพิงไม้ไผ่ก็แล้วกัน เนื่องจากสภาพที่พักมีลักษณะเป็นแคร่ไม้ไผ่จัดสร้างเป็นที่พักค้างคืนอย่างง่ายๆสะอาดสะอ้าน มีห้องน้ำหนึ่งห้องสำหรับคนปวดปวดหนัก ปวดเบา ห่างออกไปไม่ไกลนักมีน้ำตกให้เล่นและสามารถอาบน้ำได้
       
       อาหารการกินก็เป็นอย่างง่ายๆมีพ่อครัวซึ่งก็คือบรรดานายท้ายจากเรือลำต่างๆมาช่วยกันทำให้กินไม่รู้ว่าเพราะความหิวหรือฝีมือการทำอาหารของเหล่าพ่อครัวหัวป่า ทำให้กินอะไรก็อร่อยแถมยังกินมากกว่าปกติเสียด้วย กินเสร็จก็นอนหลับแต่หัวค่ำ ท่ามกลายสายฝนพรำที่ตกลงมาเป็นเพื่อนในคืนนี้
       
       การตื่นเช้ากลางป่าใหญ่ให้ความรู้สึกที่ดีทีเดียว แม้จะเป็นการตื่นนอนกลางเสียงฝนเปาะแปะก็ตามที หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จพวกเราก็เริ่มต้นลงเรือพร้อมที่จะเดินทางกันต่อ โดยเมื่อล่องผ่านแก่งขนาดเล็กในลำน้ำของประมาณ 2 ชม.
       เราก็มาถึงสามแยกที่บรรจบระหว่างลำน้ำของกับแม่น้ำปาย และเริ่มเข้าสู่การล่องแก่งในเขตลำน้ำปายอย่างเต็มตัว วินาทีนี้กระแสน้ำเริ่มแรงขึ้น และเมื่อเจอแก่งใหญ่ๆ "ผู้จัดการท่องเที่ยว"ก็ไม่รอดพ้นต้องหล่น ตู้ม! ตกน้ำไปตามระเบียบ ด้วยกระแสน้ำที่เริ่มเชี่ยวกราก ทำให้จมดิ่งและถูกกระแสน้ำพัดพาไปแม้จะไม่นาน แต่สำหรับคนตกน้ำ กว่าที่นายท้ายจะคว้าตัวไว้ได้ก็กินน้ำปายเข้าไปหลายอึกใหญ่

จากนั้นเรือยางก็ล่องพาเราไหลไปตามกระแสน้ำ ผ่านแก่งต่างๆอย่างตื่นเต้น จนบางคนผลัดกันส่งเสียงตะเบ่งพร้อมกับจังหวะการจ้วงพาย บางก็บ่นเมื่อไหร่จะถึงอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์อันเป็นจุดหมายปลายทางเสียที เพราะดีกรีการล่องแก่งดูเหมือนว่าจะเพิ่มระดับความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
       
       จนท้ายที่สุดเราก็สามารถพากันผ่านพ้นช่วงเวลานั้นมาได้ เมื่อมองเห็นอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์อยู่เบื้องหน้าพลพรรคในเรือเร่งจ้วงพายกันยกใหญ่เพื่อจะได้ขึ้นฝั่งโดยไว มีบ่อยครั้งที่เหลียวหลังมองไปตามลำน้ำที่เราผ่านมาก็เห็นทิวทัศน์สวยจับใจ และเรือลำหลังที่เร่งพายกันตามอีก 2-3 ลำ ต่างส่งเสียงโห่ร้องเมื่อเห็นจุดหมาย
        หลายคนบอกว่าเมื่อขึ้นฝั่งแล้วก็เห็นคุณค่าของชีวิตมากขึ้น ส่วน "ผู้จัดการท่องเที่ยว"ขึ้นฝั่งพร้อมกับความโล่งอกและความสนุกที่สายน้ำปายได้มอบให้ ครั้งหนึ่งในชีวิตได้พิชิตน้ำปายก็เป็นอีกหนึ่งคุณค่าความทรงจำที่มิรู้ลืม

ในภาพยามน้ำนิ่งก็ชมวิวริมฝั่งน้ำอย่างเพลิดเพลิน(ภาพ:ททท.)

ข้อมูลและภาพ จาก ผู้จัดการออนไลน์