จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2

ข้อมูล เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก => เที่ยวทั่วไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: Bronze Car ที่ มิถุนายน 16, 2010, 11:17:44 AM



หัวข้อ: ปราสาทภูมิโปน ปราสาทหินที่เก่าแก่ที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: Bronze Car ที่ มิถุนายน 16, 2010, 11:17:44 AM
ปราสาทภูมิโปน ปราสาทหินที่เก่าแก่ที่สุด

ปราสาทภูมิโปนตั้งอยู่ที่บ้านภูมิโปน ตำบลดม อำเภอสังขะ การเดินทางจากจังหวัดสุรินทร์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 2077 (สายสุรินทร์-สังขะ) ระยะทาง 49 กิโลเมตร จากแยกอำเภอสังขะเข้าทางหลวงหมายเลข 2124 (สังขะ-บัวเชด) ตรงต่อไปจนถึงบ้านภูมิโปนอีก 10 กิโลเมตร จะเห็นปราสาทอยู่ริมถนนด้านซ้ายมือ

            ปราสาทภูมิโปนประกอบด้วยโบราณสถาน 4 หลัง คือ

             ปราสาทอิฐหลังที่ 1  อยู่ทางด้านเหนือสุด มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมไม่ย่อมุม เหลือเพียงฐาน กรอบประตูทางเข้า และผนังบางส่วน  ทับหลังและเสาประดับกรอบประตูทำด้วยหินทรายสลักลวดลาย ลักษณะเทียบได้กับศิลปะขอมสมัยก่อนเมืองพระนคร แบบไพรเกมร มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่12-13

             ปราสาทหินหลังที่ 2  อยู่ต่อจากปราสาทหินหลังแรกมาทางใต้ ปัจจุบันเหลือเพียงฐานและกรอบประตูหินทราย

             ปราสาทหินหลังที่ 3 หรือปรางค์ประธาน เป็นปราสาทหลังใหญ่ ก่อด้วยอิฐไม่สอปูน แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสไม่ย่อมุม มีบันได และประตูทางเข้าด้านทิศตะวันออก อีกสามด้านเป็นประตูหลอก  เสาประดับ กรอบประตู และทับหลังทำด้วยหินทราย ใต้หน้าบันเหนือทับหลังขึ้นไปเป็นลายรูปใบไม้ม้วน รูปแบบและเทคนิคการก่อสร้าง เทียบได้กับปราสาทขอมสมัยก่อนพระนคร ร่วมสมัยกับปราสาทหลังที่ 1 ได้พบจารึกเป็นภาษาสันสกฤตด้วยอักษรปัลลวะ ซึ่งเคยใช้เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่12-13 ซึ่งสอดคล้องกับอายุของรูปแบบศิลปะของปราสาท นับเป็นปราสาทแบบศิลปะเขมรที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย

             ปราสาทหินหลังที่ 4  อยู่ต่อจากปราสาทประธานมาทางใต้ ปัจจุบันเหลือเพียงฐานศิลาแลงเท่านั้น ปราสาทหลังนี้และปราสาทหลังที่สองคงสร้างในสมัยต่อมาซึ่งไม่อาจกำหนดอายุได้ ชัดเจน จากส่วนประกอบทางสถาปัตยกรรม เช่น เสาประดับ กรอบประตูที่เหลืออยู่เป็นเสาแปดเหลี่ยมอันวิวัฒนาการมาจากเสากลมในสมัยก่อน เมืองนคร ตลอดจนการก่อฐานปราสาทด้วยศิลาแลง ทำให้สามารถกำหนดได้ว่า ปราสาททั้งสองหลังนี้คงจะสร้างขึ้นหลังจากปราสาทประธาน และปราสาทหลังที่หนึ่ง

            ปราสาทภูมิโปนเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณ หรือชุมชนโบราณที่มีระบบการปกครองแบบเมือง  สังเกตได้จากบริบทปราสาทมีคูกำแพงเมือง เขื่อนดินโบราณ และสระน้ำ โดยเฉพาะน้ำเป็นระบบชลประทานถูกออกแบบอย่างสวยงามไล่จากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ มีจำนวน 5 แห่ง ได้แก่ สระลำเจียก สระตา สระกนาล สระตราว และสระปรือ เรียงลำดับจากสระน้ำขนาดเล็กอยู่สูงสุด และขนาดใหญ่หรือกว้างอยู่ต่ำสุดและเชื่อมต่อกัน นับว่าเป็นระบบการจัดการน้ำที่ดีมาก  ปัจจุบันยังไม่มีใครบุกรุก หรือครอบครอง ควรแก่การพัฒนา

            ตำนานปราสาทภูมิโปน และ เนียง ด็อฮ ทม

            ตำนาน เนียง ด็อฮ ทม ราชธิดาขอมผู้ปกครองเมืองภูมิโปนองค์สุดท้าย เป็นตำนานของปราสาทภูมิโปน อ.สังขะ จ.สุรินทร์ มีเรื่องเล่าว่า ที่สระลำเจียก ห่างจากตัวปราสาทไปทางทิศตะวันออกประมาณ 200 เมตร มีกลุ่มต้นลำเจียกขึ้นเป็นพุ่มๆ ต้นลำเจียกที่สระน้ำแห่งนี้ไม่เคยมีดอกเลย ในขณะที่ต้นอื่นๆนอกสระต่างก็มีดอกปกติ ความผิดปกติของต้นลำเจียกที่สระลำเจียกหน้าปราสาทจึงเป็นที่มาของตำนาน ปราสาทภูมิโปน การสร้างเมืองและการลี้ภัยของราชธิดาขอม

            กษัตริย์ขอมองค์หนึ่งได้สร้างเมืองลับไว้กลางป่าใหญ่ชื่อว่าปราสาทภูมิโปน ต่อมาเมื่อเมืองหลวงเกิดความไม่สงบ มีข้าศึกมาประชิดเมือง กษัตริย์ขอมจึงส่งพระราชธิดาพร้อมไพร่พลจำนวนหนึ่งมาหลบซ่อนลี้ภัยที่ภูมิ โปน พระราชธิดานั้นมีพระนามว่า พระนางศรีจันทร์ หรือ เนียง ด็อฮ ทม แต่คนทั่วไปมักเรียกนางว่า พระนางนมใหญ่

            กล่าวถึงเจ้าเมืองอีกเมืองหนึ่งได้ส่งพรานป่าเจ็ดคน พร้อมเสบียงกรังและช้าง 1 เชือก ออกล่าจับสัตว์ป่าเพื่อจะนำมาเลี้ยงในอุทยานของพระองค์ พรานป่ารอนแรมจนมาหยุดพักตั้งห้างล่าสัตว์อยู่ที่ ตระเบีย็ง เปรียน แปลว่าหนองน้ำของนายพราน ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของบ้านตาพรามในปัจจุบั ในที่สุดกลุ่มพรานสามในเจ็ดคน ก็ดั้นด้นจนไปพบปราสาทภูมิโปน และไปได้ยินกิตติศัพท์ความงามของพระนางศรีจันทร์เข้า พรานทั้งเจ็ดจึงได้ปลักลอบแอบดูพระนางศรีจันทร์สรงน้ำ และเห็นว่านางมีความงามสมคำร่ำลือจริง จึงรีบเดินทางกลับเพื่อไปรายงานพระราชา พระราชายินดีปรีดามากรีบจัดเตรียมกองทัพเพื่อไปรับนางมาเป็นพระชายาคู่บารมี

            ฝ่ายพระนางศรีจันทร์หลังจากวันที่ไปสรงน้ำก็เกิดลางสังหรณ์ กระสับกระส่ายว่ามีคนมาพบที่ซ่อนของนางแล้ว เมื่อบรรทมก็ฝันว่าได้ทำกระทงเสี่ยงทาย ใส่เส้นผมเจ็ดเส้น อันมีกลิ่นหอมเเละเขียนสาส์นใจความว่าใครเก็บกระทงของนางได้นางจะยอมเป็นคู่ ครอง ในกระทงยังให้ช่างเขียนรูปของนางใส่ลงไปด้วย เมื่อตื่นขึ้นมานางจึงได้จัดการทำตามความฝัน(ด้วยการที่นางเอาผมใส่ในผอบ เครื่องหอม ผมนางจึงหอม นางจึงได้ชื่อว่า เนียง ช็อก กระโอบ หรือนางผมหอมอีกชื่อหนึ่ง) และนำกระทงไปลอย ณ สระลำเจียกหน้าปราสาท กระทงของนางได้ลอยไปยังอีกเมืองหนึ่งชื่อว่าเมืองโฮลมาน และราชโอรสของเมืองนี้ได้เก็บกระทงของนางได้

            ทันทีที่เจ้าชายเปิดผอบก็หลงรักนางทันที เจ้าชายโอลมานนั้นมีรูปร่างไม่หล่อเหลา แต่มีฤทธานุภาพมากในเรื่องเวทย์มนต์คาถาและได้ชื่อว่ารักษาคำสัตย์เป็นที่ ตั้ง พระองค์จึงไปสู่ขอนางตามประเพณีเพราะเป็นผู้เก็บผอบได้ แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร เมื่อพระนางศรีจันทร์ได้เห็นรูปร่างของเจ้าชายโฮลมานนางจึงได้แต่นิ่งอึ้ง และร้องไห้ เจ้าชายโฮลมานทรงเข้าพระทัยดีเพราะรู้ตัวว่าตัวเองมีรูปร่างอัปลักษณ์ แต่ด้วยความรักที่พระองค์มีต่อพระนางศรีจันทร์ พระองค์จึงไม่บังคับที่จะเอาตัวนางมาเป็นชายา กลับช่วยพระนางขุดสระสร้างกำแพงเมือง และสร้างกลองชัยเอาไว้ เพื่อให้พระนางตียามมีเหตุเดือดร้อนต้องการให้พระองค์ช่วยเหลือ พระองค์จะมาช่วยเหลือนางโดยทันที โดยห้ามตีด้วยเหตุไม่จำเป็นเป็นอันขาด

            กล่าวถึงชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่มาหลงรักพระนางศรีจันทร์ นั่นคือ บุญจันทร์ นายทหารคนสนิทที่พระราชบิดาของพระนางศรีจันทร์ไว้วางพระราชหฤทัยให้รับใช้ ใกล้ชิดพระนางศรีจันทร์ ด้วยความใกล้ชิดทำให้บุญจันทร์หลงรักพระนางศรีจันทร์ แต่พระนางศรีจันทร์ก็ไม่ได้มีใจตอบกับบุญจันทร์ ยังคงคิดกับบุญจันทร์แค่เพื่อนสนิทเท่านั้น วันหนึ่งบุญจันทร์ได้เห็นกลองชัยที่เจ้าชายโฮลมานให้พระนางไว้ ก็นึกอยากตี จึงไปร่ำร้องกับพระนางทุกเช้าเย็น อยากจะขอลองตีกลอง พระนางทนไม่ไหวพูดประชดทำนองว่า ถ้าอยากตีก็ตีไป เพราะคงจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว บุญจันทร์หน้ามืดตามัวด้วยคิดว่านางมีใจให้เจ้าชายโฮลมาน ก็ไปตีกลอง เจ้าชายโฮลมานและไพร่พลก็ปรากฏตัวขึ้นทันทีเพราะนึกว่าพระนางศรีจันทร์มี เหตุร้าย พระนางศรีจันทร์เสียใจมากเมื่อต้องบอกถึงเหตุผลที่ตีกลองให้เจ้าชายทราบ เจ้าชายโฮลมานตำหนิพระนางและเป็นอันสิ้นสุดสัญญาที่ให้ไว้กับพระนางทันที พระองค์จะไม่มาช่วยเหลือพระนางอีกแล้วแม้จะตีกลองเท่าไหร่ก็ตาม

            กล่าวฝ่ายพระราชาที่ส่งพรานป่าเจ็ดคน มาล่าสัตว์แล้วมาพบพระนางในตอนแรกนั้นก็ส่งทัพมาล้อมเมืองภูมิโปนไว้ พระนางจึงหนีเข้าไปหลบภัยในปราสาทเเละคิดที่จะยอมตายเสียดีกว่า เพราะคนที่มาหลงรักพระนางแต่ละคนนั้น คนหนึ่งแม้จะเพียบพร้อมก็มีความอัปลักษณ์ คนหนึ่งก็มีความต่างศักดิ์ ด้านชนชั้นจนไม่อาจจะรักกันได้ และยังมีข้าศึกมาประชิดเมืองหมายจะเอาพระนางไปเป็นชายาอีก พระนางจึงพยายามหลบไปด้านที่มีการยิงปืนใหญ่ตั้งใจจะโดนกระสุนให้ตาย แต่พระนางก็กลับไม่ตายแต่ได้รับบาดเจ็บ แขนซ้ายหักและมีแผลเหนือราวนมด้านซ้ายเล็กน้อย(ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านดม-ภูมิ โปนจะสังเกตเด็กผู้หญิงคนใดมีลักษณะแขนด้านซ้ายเหมือนเคยหัก และมีแผลเป็นเหนือราวนมด้านซ้าย จะสันนิษฐานว่าพระนางด็อฮ ทม กลับชาติมาเกิด)

            เมื่อพระราชาตีเข้าเมืองได้จึงรีบรักษานาง ไม่ช้าพระนางก็หาย พระราชาจึงเตรียมยกทัพกลับและจะนำพระนางกลับเมืองด้วย พระนางจึงขออนุญาตพระราชาเป็นครั้งสุดท้ายขอไปอาบน้ำที่สระลำเจียก และปลูกต้นลำเจียกไว้กอหนึ่งพร้อมกับอธิษฐานว่าถ้าพระนางยังไม่กลับมาที่นี่ ขอให้ต้นลำเจียกอย่าได้ออกดอกอีกเลย หลังจากนั้นพระนางก็ถูกนำสู่นครทางทิศตะวันตก ไปทางบ้านศรีจรูก พักทัพและฆ่าหมูกินที่นั่น (ซี จรูกแปลว่ากินหมู) ทัพหลังตามไปทันที่บ้านทัพทัน (ซึ่งกลายเป็นชื่อบ้านในปัจจุบัน) และเดินทางต่อมายังบ้านลำดวน พักนอนที่นั่น มีการเลี้ยงฉลองรำไปล้มไป รำล้มในภาษาเขมรคือ เรือ็ม ดูล ซึ่งเป็นชื่อของ อ.ลำดวนในปัจจุบัน
ขอบคุณ ททท


หัวข้อ: Re: ปราสาทภูมิโปน ปราสาทหินที่เก่าแก่ที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: mindchan ที่ มิถุนายน 16, 2010, 11:58:38 AM
สวยจัง น่าชื่นชมคนสมัยก่อนว่าสร้างกันได้ไง
ทั้งๆที่เทคโนโลยีอะไรก็ไม่มีเหมือนสมัยนี้


หัวข้อ: Re: ปราสาทภูมิโปน ปราสาทหินที่เก่าแก่ที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: สาวเจียงใหม่ ที่ มิถุนายน 16, 2010, 12:48:34 PM
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยค่ะ


หัวข้อ: Re: ปราสาทภูมิโปน ปราสาทหินที่เก่าแก่ที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: kurova ที่ มิถุนายน 16, 2010, 12:55:39 PM
สวยจังเลยคะ  ขอบคุณที่นำข้อมูลสถานที่ดีๆ มาฝาก


หัวข้อ: Re: ปราสาทภูมิโปน ปราสาทหินที่เก่าแก่ที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: natchumon ที่ มิถุนายน 16, 2010, 01:13:30 PM
สวยค่ะ ต้องหาเวลาไปเที่ยวซะแล้วสิเรา 912 912


หัวข้อ: Re: ปราสาทภูมิโปน ปราสาทหินที่เก่าแก่ที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: renu ที่ มิถุนายน 16, 2010, 01:27:58 PM
งามแต้ๆเจ้า


หัวข้อ: Re: ปราสาทภูมิโปน ปราสาทหินที่เก่าแก่ที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: Smart_Addiction ที่ มิถุนายน 16, 2010, 01:33:09 PM
อยากไปๆๆๆ


หัวข้อ: Re: ปราสาทภูมิโปน ปราสาทหินที่เก่าแก่ที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: Nunui ที่ มิถุนายน 16, 2010, 02:17:46 PM
 :20:  อยากไปอีกแล้ว
คนสมับก่อนเค้าเก่งจริง ๆ สร้างด้วยมือล้วน ๆ เก่งที่สุด


หัวข้อ: Re: ปราสาทภูมิโปน ปราสาทหินที่เก่าแก่ที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: love_travel ที่ มิถุนายน 16, 2010, 02:30:00 PM
โบราณสถานที่ควรอนุรักษ์ไว้ 913


หัวข้อ: Re: ปราสาทภูมิโปน ปราสาทหินที่เก่าแก่ที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: You and Me ที่ มิถุนายน 16, 2010, 02:51:10 PM
ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ 903


หัวข้อ: Re: ปราสาทภูมิโปน ปราสาทหินที่เก่าแก่ที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: Mai-amM ที่ มิถุนายน 16, 2010, 03:31:21 PM
คนสมัยก่อนน่าเลื่อมใสจริงๆเนาะ ทั้งเก่ง ทั้งฉลาด และยังมีความพยายามอีกด้วย

ที่สามารถสร้างได้อย่างนี้เนาะ  น่าชื่นชม 913 913


หัวข้อ: Re: ปราสาทภูมิโปน ปราสาทหินที่เก่าแก่ที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: konchobteaw ที่ มิถุนายน 16, 2010, 04:12:17 PM
เป็นปราสาทที่ดูแปลกดีค่ะ ยังไงทุกคนต้องช่วยกันอนุรักษ์ไว้นะค่ะ  :16:


หัวข้อ: Re: ปราสาทภูมิโปน ปราสาทหินที่เก่าแก่ที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: pajingo ที่ มิถุนายน 16, 2010, 04:14:13 PM
มีสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกแล้ว  เมืองไทยน่าเที่ยวจริง ๆ  :01: :01: :01:


หัวข้อ: Re: ปราสาทภูมิโปน ปราสาทหินที่เก่าแก่ที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: auto ที่ มิถุนายน 17, 2010, 09:15:49 AM
ขอบคุณ ที่ มาแนะนำ แหล่งท่องเที่ยว อีก แห่ง ของเมืองไทย ครับ  909


หัวข้อ: Re: ปราสาทภูมิโปน ปราสาทหินที่เก่าแก่ที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: Hang_Over ที่ มิถุนายน 17, 2010, 09:17:41 AM
ไทยเที่ยวไทยกันเยอะนะค่ะ  :5569fb93:

ขอบคุณข้อมูลดีๆ ที่มาแนะนำค่ะ